การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 252 เพียงเสี้ยวสัมผัส

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 252 เพียงเสี้ยวสัมผัส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 252 เพียงเสี้ยวสัมผัส

 

 

ร่างของเขาสั่นไปจนถึงกระดูกสันหลัง

 

แม้จะไม่มีใครมาบอกเขาก็รู้ดีว่านี่คือความหวาดกลัว ใช่แล้วมันคือสิ่งที่มิตสึรุกิ รากุนะจะไม่มีวันยอมรับเป็นอันขาด ว่าตนเองหวาดกลัว

 

 

แต่การโจมตีของเขาถูกอีกฝ่ายป้องกันเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย แถมอีกฝ่ายยังไม่ได้ชักอาวุธออกมาเลยด้วยซ้ำ แล้วจะไม่ให้รู้สึกหวาดกลัวได้อย่างไรกัน

 

 

มือเปล่าของอีกฝ่ายทำการจับฮาร์ปเอาไว้ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนบนผิวหนัง และหากมองดูใกล้ๆก็จะเห็นว่าฝ่ามือของอีกฝ่ายนั้นถูกปกคลุมไว้ด้วยบาเรียคิอันแข็งแกร่งที่แม้แต่ตาเปล่าก็มองเห็นได้ ซึ่งมันถูกถักทอมาเป็นอย่างดีราวกับเนื้อผ้าระดับสูงที่สวมร่าง

 

เป็นเทคนิคการควบคุมพลังคิที่แสนละเอียดอ่อนและแม่นยำจนน่าทึ่ง

 

 

 

ก่อนหน้านี้เขาก็เคยเห็นโซระสู้กับโดกะจากจุดสังเกตการณ์ที่ปราการนันเท็น เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นโซระยังไม่สามารถควบคุมพลังของตนได้ดีนัก แม้มันจะมีมากมายขนาดไหนก็ตาม

 

 

อันที่จริงตอนนั้นจากที่เห็น โซระเป็นฝ่ายเสียเปรียบคิจินตั้งแต่ตนยันจบ หรืออย่างน้อยก็คือสิ่งที่รากุนะคิด มันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาคิดว่าตนมีโอกาสชนะอีกฝ่าย

 

เขาได้พยายามทุ่มเททั้งจิตใจและวิญญาณของเขาเพื่อฝึกฝนเทคนิคการใช้พลังคิ ก็จริงว่าความแข็งแกร่งนั้นอาจจะไม่สามารถเทียบอีกฝ่ายได้ แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคือเทคนิคและความแข็งแกร่งเฉพาะตัว การโจมตีที่รุนแรงพอจะปิดฉากอีกฝ่ายได้ในทีเดียว

 

 

การฝึกเทคนิคลับจึงให้สมบูรณ์เพื่อตอบสนองความมุ่งมั่นนั้นจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

 

 

 

ทว่าโซระกลับรับการโจมตีนั้นเข้าไปด้วยมือเปล่าอย่างสบายๆ พอพิจารณาถึงเรื่องที่บนร่างของเขาไม่ได้มีบาดแผลใดๆเลยก็หมายความว่าการโจมตีแรกของรากุนะก็ไม่เป็นผลเช่นเดียวกัน

 

เทคนิคลับที่รากุนะร้องขอให้เซน่อนและลูเซียสช่วยสั่งสอนจนเลือดตาแทบกระเด็นมันไร้ประโยชน์เสียแล้ว

 

ทันทีที่ว่าที่ผู้สืบทอดหนุ่มตระหนักถึงความจริงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดผ่านเข้ามาในดวงตา

 

 

 

 

「อย่ามาล้อเล่น….อย่ามาล้อกันเล่นนะเว้ยยยยยยย!!」

 

 

ความโกรธของรากุนะเพิ่มขึ้นพร้อมกับพลังของเขาที่สูงขึ้นตาม อากาศโดยรอบไม่สามารถทนแรงกดดันดังกล่าวได้จนส่งเสียงออกมาราวกับกรีดร้อง

 

ด้วยพลังดังกล่าวรากุนะได้เพิ่มแรงที่จับฮาร์ปเอาไว้ยิ่งกว่าเก่า

 

 

 

ฮาร์ปได้ปะทะเข้ากับบาเรียที่โซระสร้างขึ้นจนเกิดเป็นประกายไฟและส่งเสียงเหมือนโลหะกำลังเสียดสีกันจนแสบแก้วหู

 

เขาพยายามกดแรงลงไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน บาเรียของโซระก็ไม่มีทีท่าจะเกิดรอยร้าวเลย ยิ่งเขาเพิ่มแรงกับอารมณ์มากเท่าใด โซระก็ยิ่งดูสงบนิ่งมากขึ้นเท่านั้น

 

การป้องกันที่มิอาจทำลายลงได้ ชวนให้นึกถึงสภาพของโซระที่กำลังเผชิญหน้ากับโดกะก่อนหน้านี้

 

 

 

「เวร……เอ้ย!」

 

 

เมื่อตระหนักได้แล้วว่าตนไม่สามารถทะลวงบาเรียคิของโซระได้ รากุนะก็กัดฟันเอาไว้แน่น ทั้งที่ตนคิดว่าเป็นโอกาสดีในการใช้ความประมาทของอีกฝ่ายเพื่อปิดเกมแล้วแท้ๆ 

 

 

 

ข้อพิสูจน์ว่าการต่อสู้ระยะประชิดไม่สามารถเทียบเท่าอีกฝ่ายได้มันชัดเจนแล้ว แต่หากจะเลือกสร้างระยะห่างออกไปสักหน่อย โซระก็จะมีเวลาให้พักหายใจเหมือนกัน เมื่อถึงตอนนั้นรากุนะอาจจะไม่มีโอกาสเอาชนะอีกฝ่ายเลยก็ได้

 

 

 

ระหว่างที่รากุนะกำลังคิดแบบนั้น ร่างของเซน่อนและลูเซียสก็โผล่เข้ามาในหัวของเขา

 

 

หากต้องการชัยชนะจริงๆ การจะให้ทั้งสองคนเข้ามาช่วยรุมโซระจากทางด้านหลังก็นับว่าเหมาะสม ยิ่งอีกฝ่ายเป็นสุนัขรับใช้ของคิจินแล้วด้วย คงไม่มีใครบ่นว่าขลาดเขลาได้หรอก

 

แต่มันขัดกับความต้องการของเขา

 

 

หากเขายอมรับมัน แน่นอนว่าเขาจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ด้วยการรุม ทว่ามันก็ไม่ใช่ชัยชนะที่ได้มาด้วยตัวเองตามลำพัง สำหรับชายที่ต้องพึ่งพอเซน่อนและพวกพ้องคนอื่นๆแล้ว คงไม่มีคุณสมบัติจะไปเป็นผู้นำตระกูลคนถัดไปแน่

 

พอคิดได้แบบนั้นรากุนะก็เดาะลิ้นออกมาด้วยความหัวเสีย ยังไงเขาก็จำเป็นต้องถอยไปตั้งหลักอยู่ดี

 

แล้วก็เป็นทางโซระที่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวนั้นอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

「――ฮึบ!」

 

 

 

สิ้นเสียงนั้นโซระก็พุ่งเข้ามาหารากุนะที่กำลังกระโดดถอยจากจุดที่อยู่

 

 

การควบคุมพลังของแม่นยำของโซระช่างดูไร้ที่ติ ย่างก้าวที่โซระใช้นั้นก็มีความเร็วสูงเฉกเช่นเดียวกับพลังที่เขาควรมีและใช้ได้

 

 

「บ้าไปแล้ว?!」

 

 

พอเห็นโซระพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วสูง รากุนะก็ส่งเสียงประหลาดใจออกมา รากุนะจึงรีบใช้ฮาร์ปเข้าสกัดโซระที่พุ่งมา แต่โซระกลับพุ่งผ่านร่างของเขาไปอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาดจนไปอยู่ด้านหลังของรากุนะแทน

 

 

 

พอรู้ว่าศัตรูไปอยู่ด้านหลังของตนได้ในช่วงพริบตา วินาทีถัดมารากุนะจึงได้เหวี่ยงฮาร์ปของเขาไปด้านหลังทันที

 

 

แต่มันก็มีเพียงความว่างเปล่า พอรากุนะหันไปดูก็ไม่พบตัวของโซระแล้ว จนทำให้เขาสงสัยว่าอีกฝ่ายหายไปไหน

 

 

ตึก

 

 

แล้วจู่ๆก็มีบางสิ่งมากดทับอยู่ที่หลังของรากุนะมันกดทะลุชุดคลุมของนักรบแห่งผืนป่าที่เขาสวม ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร คทา? ดาบ? ปลายนิ้ว? เขาไม่รู้เลยจริงๆ แต่นั่นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ร่างของรากุนะสั่นไหวและหยุดนิ่งไป

 

 

อีกฝ่ายเข้ามาหาเขาในจุดบอดอย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่ามันคือการเตือนว่าอีกฝ่ายสามารถฆ่ารากุนะเมื่อไหร่ก็ได้

 

 

 

 

 

 

「โซระ……!」

 

 

หลังจากรับมือกับอาภรณ์วิญญาณได้ด้วยมือเปล่า อีกฝ่ายยังส่งคำเตือนมาให้กับรากุนะว่าโซระไม่ได้ประมาทอะไรเลย แค่ตัวรากุนะนั้นไม่ได้มีค่าพอให้ต้องใส่ใจ

 

สำหรับมิตสึรุกิ รากุนะแล้ว มันคือความอัปยศ ความน่าละอายและเป็นการดูถูกตนที่เจ็บแสบที่สุด ใบหน้าของรากุนะถูกย้อมด้วยสีแดงแห่งความโกรธ แล้วความโกรธนั้นก็ช่วยผลักดันให้เขาพยายามตอบโต้กลับไปในทันที

 

แม้จะถูกเตือนมาจากบางสิ่งที่กำลังแทงหลังของเขาอยู่ รากุนะก็ยังเลือกจะเมินเฉยโซระที่ไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ

 

 

 

 ――แล้วในจังหวะนั้นเองเซน่อนกับลูเซียสก็เข้ามาแทรกการต่อสู้

 

 

 

 

 

「เสริมแกร่งอาภรณ์วิญญาณ――จงฉีกกระชากให้สิ้น ออทรอส !」」

 

 

 

คมดาบสองหัวสีดำสนิทได้ปรากฏขึ้นและเข้าโจมตีโซระ

 

 

 

 

 

「เสริมแกร่งอาภรณ์วิญญาณจงคำราม――เลโอนีเมียน (สิงโตนีเมียน)!」

 

 

 

ดาบที่ใหญ่และยาวเท่ากับร่างของคนคนหนึ่งได้โจมตีโซระ

 

 

อาจจะเรียกว่าเป็นการโจมตีแบบลอบกัดก็ได้ แต่วัตถุประสงค์ของการโจมตีดังกล่าวหาใช่ต้องการทำร้ายโซระ แต่เป็นการแยกโซระออกจากรากุนะ ในสายตาของสองพ่อลูกควิสทัส รากุนะตอนนี้สามารถถูกโซระฆ่าได้ทุกเมื่อ

 

แม้รากุนะจะได้เทคนิคลับซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของหัวหน้าหน่วยธงทั้ง 8 ไปแล้ว แต่ความแตกต่างด้านการใช้งานมันก็ยังมีอยู่มาก หากจะให้เทียบรากุนะที่ฝึกเทคนิคนี้สำเร็จได้ไม่นานกับพวกเซน่อนที่ผ่านเรื่องนี้มานานมากแล้ว ก็คงจะต้องบอกว่ารากุนะยังเป็นเพียงเด็กแรกเกิด

 

 

แถมราวกับว่าโซระเองก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี โซระไม่ได้พยายามจะปัดป้องหรือจับอาภรณ์วิญญาณของทั้งสองไว้ด้วยมือเปล่าและเลือกถอยจากรากุนะอย่างสบายๆ ก่อนจะเผชิญหน้ากับเซน่อนและคนอื่นๆแทน

 

ลูเซียสในตอนนี้เองก็กำลังยืนขวางอยู่ตรงกลางระหว่างโซระกับรากุนะ โดยจับตามองการเคลื่อนไหวของโซระอย่างไม่วางตา ส่วนผู้เป็นพ่อก็รีบเข้าไปดูอาการของรากุนะทันที

 

 

 

 

「นายน้อย ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?」

 

 

พอถูกเซน่อนถามมาแบบนี้ รากุนะก็ตอบกลับด้วยความโมโห

 

 

 

สายตาที่ส่งมาหาเซน่อนนั้นหาใช่คำขอบคุณที่ถูกช่วยชีวิตเอาไว้ แต่เป็นความโกรธแค้นเสียมากกว่า

 

 

 

「เซน่อน อย่ามาขวาง! ฉันยังไหว ฉันยังสู้กับมันได้!」

 

 

「นายน้อยได้โปรดเข้าใจด้วยเถิดว่าตัวท่านในตอนนี้ยังไม่อาจเทียบเคียงอีกฝ่ายได้」

 

 

รากุนะขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเซน่อนพูดออกมาราวกับกำลังอ้อนวอน

 

 

 

เซน่อนที่รับความโกรธของรากุนะไปก็ส่ายหน้าไปมาแล้วเริ่มพูดต่อ

 

 

 

「ข้าเข้าใจดีว่านายน้อยรู้สึกเช่นไร แต่ตัวข้าเองก็ไม่สามารถปล่อยให้นายน้อยต้องต่อสู้ตามลำพังได้อีก ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย」

 

 

 

「คึก……!」

 

 

รากุนะอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา แต่เขาก็เลือกจะปิดมันเอาไว้เสียก่อน

 

 

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจเอามากๆ แต่สุดท้ายรากุนะก็เลือกที่จะทำตามที่เซน่อนขอร้อง

 

 

 

จากนั้นเซน่อนก็หันกลับไปมองโซระแล้วรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

 

 

 

ในขณะที่เซน่อนกับคนอื่นๆกำลังพูดคุยกัน โซระไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลย ไม่สิบางทีเขาอาจจะไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เพราะกำลังเผชิญหน้ากับลูเซียสก็ได้ หรือไม่ก็ไม่คิดจะทำอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

หากเป็นอย่างหลังจุดประสงค์ของโซระก็มีเพียงการแสดงพลังที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงของเขากับรากุนะ

 

ส่วนถ้าถามว่าจะทำไปเพื่ออะไร มันก็ชัดอยู่แล้วว่าต้องการแสดงให้มิตสึรุกิได้เห็น โดยเฉพาะชิกิบุที่เป็นผู้นำตระกูล หากมองว่าอีกฝ่ายถึงกับเสี่ยงชีวิตใช้มือเปล่าในการรับอาภรณ์วิญญาณโดยมีเป้าหมายอยากกลับมาตำแหน่งเดิมของตนภายในตระกูลทุกอย่างก็สมเหตุสมผล

 

 

เซน่อนมองไปยังโซระด้วยสายตาอนเฉียบคม ทางโซระที่เห็นแบบนั้นก็เปิดปากพูดราวกับกำลังรออยู่

 

 

 

「พวกแกจะเป็นรายถัดไปสินะ?」

 

 

「ก็คงเช่นนั้น แม้ท่านจะเป็นถึงว่าที่ผู้สืบทอดในอดีตแต่ข้าคงไม่อาจเมตตาผู้ที่จำนนต่อพวกคิจินได้ แม้ว่าท่านจะพยายามพิสูจน์ตัวเองโดยการต่อสู้กับนายน้อยเพื่อกลับมายังตระกูลมิตสึรุกิหรือต้องการกลับมาเป็นว่าที่ผู้สืบทอดคนถัดไปเช่นเดิมก็ตามที แต่ข้าคงต้องขอบอกว่าเป็นไปไม่ได้หรอก」

 

 

พอได้ยินแบบนั้นโซระก็เบิกตากว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ

 

ก่อนที่เขาจะพูดออกมาราวกับต้องการเย้ยหยัน

 

 

 

「นี่สภาพของฉันมันดูเหมือนลูกชายงี่เง่าที่อยากจะกลับบ้านเกิดใจจะขาดเลยเหรอเห้ย นี่แกยังคิดว่าฉันอาลัยอาวรณ์กับมิตสึรุกิมากเลยหรือไง ทั้งที่ก็บอกไปตอนมาเยี่ยมหลุมฝังศพแล้วแท้ๆน้อ」

 

 

「ท่านคิดว่าข้าจะเชื่อลงหรือ? เช่นนั้นมันจะมีเหตุผลอะไรอีกล่ะที่ท่านจำเป็นต้องสู้กับนายน้อยด้วยมือเปล่า」

 

 

「โฮ่ยๆ แกน่ะให้มันน้อยๆหน่อย คือจะบอกว่าหากฉันทำร้ายเจ้ารากุนะเดี๋ยวจะถูกตระกูลมิตสึรุกิโกรธเอา ก็เลยเป็นเหตุผลที่ฉันเลือกสู้ด้วยมือเปล่า แถมตัวฉันอยากจะกลับเข้าตระกูลจนตัวสั่นก็เลยต้องมาทางนี้เนี่ยนะ ถามจริง!」

 

 

เซน่อนที่คิดว่าตนมองเห็นการกระทำของอีกฝ่ายออกหมดแล้ว กลับทำได้เพียงยืนฟังโซระพูดอย่างเงียบๆ

 

 

จากนั้นโซระก็ยักไหล่ราวกับจะบอกว่าช่วยไม่ได้แล้วมองไปทางพวกตน

 

 

 

 

「เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วเห้ย เหตุผลที่ฉันยั้งมือกับเจ้าบ้านั่นก็เพราะไม่อยากให้ท่านเอ็มมะเกลียดฉันที่ไปทำร้ายลูกชายของเธอมากเกินไปก็เท่านั้นเอง 」

 

 

 

 

 

พอโซระพูดแบบนั้น เขาก็เริ่มยิ้มออกมา

 

 

ก่อนจะเริ่มตั้งท่ากำหมัด ลดสะโพกลงแล้วเตรียมตัวเข้าโหมดต่อสู้ระยะประชิด

 

 

 

「แล้วมันก็ยังหมายความว่าหากไม่ใช่เจ้าหมอนั่นฉันก็ไม่คิดจะปล่อยไปง่ายหรอกนะ อย่าได้หวังว่าฉันจะปราณีล่ะสองพ่อลูกควิสทัส」

 

 

 

เมื่อเห็นว่าโซระพูดยั่วยุพวกเขาด้วยชื่อตระกูล เซน่อนก็หรี่ตาลง ส่วนลูเซียสก็ขมวดคิ้วและจ้องมองโซระอย่างไม่พอใจนัก

 

 

ก่อนที่เซน่อนจะพูดขึ้นอย่างมั่นใจ

 

 

「อันที่จริง พวกข้าเองก็ไม่ได้ต้องการให้ผู้ถูกเนรเทศมาออมมืออะไรให้อยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องคิดเช่นนั้นเลยด้วย ดังนั้นหากท่านมีอะไรก็ใส่มันมาให้หมดได้เลย ข้าจะรับมันไว้ให้ดูเอง」

 

 

「ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะจัดให้ตามคำขอเลย」

 

 

 

 

โซระพูดออกมาอย่างสบายๆ แล้วก็พุ่งไปหาลูเซียสเหมือนกับตอนที่สู้กับรากุนะ ใช่แล้วเขาไม่ได้เรียกอาภรณ์วิญญาณออกมา ไม่สิแค่ดาบที่อยู่ตรงเอว เขายังไม่ชักออกมาเลยด้วยซ้ำ

 

แต่หากจะให้บอกถึงความแตกต่างตอนที่สู้กับรากุนะก็คงจะเป็น…..ปากของโซระยิ้มออกมาจนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวไปแล้ว

 

 ――เร็วมาก

 

เมื่อเห็นว่าโซระเร่งความเร็วมากกว่าเก่า ลูเซียสก็เริ่มระวังตัวมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องตระหนก เพราะใช่ว่ามันจะเร็วจนมองตามไม่ทัน

 

 

 

อันที่จริงลูเซียสสามารถมองเห็นมือขวาของโซระที่พุ่งเข้ามาได้อย่างชัดเจน แถมระยะของโซระก็อยู่ในช่วงการโจมตีของอาภรณ์วิญญาณเขาแล้ว สิ่งที่ลูเซียสต้องทำต่อจากนี้ก็คือการโจมตีต่อเนื่องให้อีกฝ่ายจนมุม พอคิดได้แบบนี้ลูเซียสก็เริ่มทำการตอบโต้ ทว่าก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นก่อน

 

 

 

 

「ชิโกะโนะซัง――『ทลาย』」

 

วินาทีต่อมา ลูเซียสก็รู้สึกตกใจกับความรู้สึกที่ตนไม่เคยพบเจอ แรงปะทะที่เหมือนกับเส้นเหล็กนับร้อยกำลังบิดเข้าหากันไปมาจนทำให้แก้วหูของเขาแทบแตก แรงกดดันมหาศาลได้กระแทกมายังมือของเขาที่จับอาภรณ์วิญญาณเอาไว้

 

 

 

ไม่สิ ไม่ใช่แค่มือทั้งสองของเขา แต่อาภรณ์วิญญาณของเขาก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเช่นเดียวกัน มันคือเสียงกรีดร้องของอนิม่า ในเวลาเดียวกันลูเซียสก็รู้สึกราวกับว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้วิญญาณของเขาคงได้แตกสลายไปพร้อมกับอนิม่าแน่ๆ

 

 

 

 

「คึก……อะไรกัน?!」

 

 

เลิกคิดเรื่องการสวนกลับตอนนี้ไปได้เลย ลูเซียสทำการกระโดดถอยไปในทันที เพราะเขารู้แล้วว่าหากปล่อยให้หมัดนั้นทะลวงมาเรื่อยไ อาภรณ์วิญญาณของเขาคงได้แหลกสลายไปก่อน

 

 

 

แน่นอนว่าโซระไม่ปล่อยโอกาสนั้นไปเฉยๆ เขาทำการพุ่งประชิดตัวลูเซียสในชั่วพริบตา ก่อนจะโจมตีด้วยหมัดซ้ายบ้าง

 

 

เมื่อรับรู้แล้วว่าการปัดป้องหมัดศัตรูด้วยอาภรณ์วิญญาณมันเสี่ยงเกินไป ลูเซียสจึงลดมือขวาออกจากดาบจับอาภรณ์วิญญาณแล้วใช้มันในการรับหมัดของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยบาเรียคิแทน ถึงความตกใจในพลังจะยังคงอยู่ แต่ตัวเขาก็เป็นถึงรองหัวหน้าหน่วยธงแห่งผืนป่า ความรู้สึกพวกนี้ไม่มีทางรบกวนการตัดสินใจของเขาได้ เขาทำการเน้นไปที่การป้องกันด้วยบาเรียคิบนมือขวา

 

ลูเซียสมองว่าพลังทำลายล้างของโซระไม่น่าจะสามารถทะลวงบาเรียคิของลูเซียสเข้ามาได้

 

 ――หากเขาสามารถป้องกันจุดนี้ได้แล้วละก็…

 

 

แต่อยู่ดีๆลูเซียสก็เริ่มรู้สึกขนลุกขึ้นมาแทน เพราะเขารู้สึกราวกับว่าการโจมตีที่ตนคิดว่าไม่มีทางจะทะลวงร่างของเขาได้ กำลังสร้างความรู้สึกหนาวเย็นอย่างที่ตนไม่เคยสัมผัสมาก่อนซะอย่างงั้น

 

 

ทันใดนั้นเอง

 

 

 

 

「อ๊ากกกกกก!?」

 

 

 

มันคือเสียงแห่งความเจ็บปวดที่ดังมาจากปากของลูเซียส กระดูกมือขวาของเขาทั้งแผงได้แตกเป็นเสี่ยงๆเพราะแรงกระแทกจากหมัด

 

Note : รอดเพราะแม่ของจริง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด