การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 184 มุ่งสู่จักรวรรดิ

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 184 มุ่งสู่จักรวรรดิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 184 มุ่งสู่จักรวรรดิ

 

「จับให้แน่นๆ ล่ะ」

 

 

 

「-ค่ะ……!」

 

 

 

 

ทันทีที่ไคลอาขึ้นมา โซระก็ทำการดึงสายบังเหียนขึ้น ร่างของไวเวิร์นครามก็เริ่มลอยสูงไปบนอากาศ

 

ทิวทัศน์ของพื้นดินเริ่มไกลออกไปจากสายตา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ขี่ไวเวิร์นครามอย่าง คราว โซราส แต่มันก็ไม่ใช่ของที่จะชินได้ด้วยการขี่เพียงครั้งสองครั้ง ร่างของไคลอาเริ่มสั่นสะท้านจากการลอยตัว ซึ่งมันแตกต่างจากการทะยานไปบนอากาศด้วยพลังคิ

 

 

 

ตอนนี้คราว โซราสกำลังล่องลอยอยู่เหนือเมืองอิชกะ โดยมีปลายทางที่จะมุ่งไปคือตะวันออกซึ่งเป็นจักรวรรดิแอด แอสเทอร่า เมืองหลวงอินิชเชี่ยน

 

 

เป้าหมายคือการเข้าเฝ้าจักรพรรดิ นี่ก็ผ่านมาได้ 4 วันแล้วตั้งแต่ไคลอาอาศัยอยู่ที่บ้านของโซระ เมื่อโซระได้เล่าผลลัพธ์ของการไปเมืองหลวงให้เธอฟังเธอก็อดประหลาดใจไม่ได้ในฝีมือของเขา

 

 

นอกจากนี้ยังมีความประหลาดใจที่ โซระยอมให้ไคลอาเดินทางไปพร้อมกับเขาด้วย

 

แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ อันที่จริงหากเขาไม่พาเธอไปด้วย เธอก็ตั้งใจจะหมอบคลานขอร้องเขาให้พาเธอไปที่ประตูปีศาจอยู่ดี

 

 

ร่างกายของไคลอาในตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพเต็มร้อย แค่ใช่ชีวิตประจำวันธรรมดาก็ว่ายากแล้วนับประสาอะไรกับการต่อสู้ เธออาจจะกลายเป็นตัวถ่วงของเขาด้วยซ้ำ ตอนแรกเธอจึงกังวลว่าจะถูกทิ้งไว้ที่อิชกะ

 

 

 

แต่ด้วยการรักษาที่พวกพ้องของโซระช่วยดูแลเธอตลอดเวลาที่ผ่านมา มันก็พอจะทำให้เธอสามารถดึงพลังต่อสู้ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่อย่างมากก็ครั้งหนึ่ง ทว่านักบวชซาร่าเองก็เตือนเธอเอาไว้แล้วว่าหากไคลอาฝืนมากจนเกินไป อาการบาดเจ็บชั่วคราวของเธออาจจะกลายเป็นถาวรแทนก็ได้

 

 

และเรื่องนี้ก็ต้องถึงหูของโซระเช่นเดียวกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอกังวลว่าโซระจะไม่พาเธอไปด้วย

 

จากนั้นโซระก็ได้ให้เหตุผลว่าทำไมถึงได้พาไคลอาไปเป็นเพื่อนร่วมทางคราวนี้

 

 

「ถึงฉันจะบอกให้เธอใจเย็นแล้วรออยู่ที่นี่แต่คนแบบเธอจะรอได้เหรอ? นอกจากนี้หากฉันเกิดกลับมาช้าหรือมีอะไรผิดพลาดอีก มีหวังเธอได้ตรงดิ่งไปเกาะคนเดียวแน่ ดังนั้นสู้พาเธอไปอยู่ในจุดที่สายตาสอดส่องถึงจะดีกว่าซะอีก」

 

 

 

นั่นคือเหตุผลของเขา ไคลอาตกใจจนพูดไม่ออก

 

 

 

แม้ตอนนี้เธอจะอยู่บนอานที่หลังของคราวโซระ เธอก็ยังนึกถึงฉากดังกล่าวได้ สายลมโพยพัดไปตามร่างของเธอขณะล่องลอยอยู่บนฟ้า เมื่อไคลอามองไปที่พื้นก็เริ่มเห็นเมืองหลวงคานาเรียผ่านเข้ามาในสายตา

 

 

 

ทิวทัศน์เปลี่ยนไปราวกับภาพตัดฉาก ก่อนหน้านี้เธอยังต้องพยายามวิ่งอยู่บนผืนดินแทบเป็นแทบตาย เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าอีกไม่กี่วันต่อมาเธอจะสามารถขี่ไวเวิร์นแล้วมองดูภาพเมืองจากข้างบนฟ้าแทน

 

 

ความกังวลต่อมาก็คือพวกเธอจะเดินทางไปถึงเมือหลวงอย่างปลอดภัยไหม แล้วถึงจะไปถึงได้สำเร็จ พวกเขาจะสามารถเข้าพบและขอร้ององค์จักรพรรดิให้อนุญาตเข้าประตูปีศาจหรือเปล่า แล้วพอผ่านประตูปีศาจไปได้พวกเขาจะตามหาคลิมเจอไหม

 

 

 

 

มันคือเรื่องที่ไคลอาคิดไม่ตกเลยจริงๆ

 

 

ไม่ว่าเธอจะบอกให้ตัวเองสงบสติมากแค่ไหน ความกังวลก็ไม่ได้เลือนหายไปเลย ก่อนที่เธอจะละสายตาจากพื้นดินมาบนท้องฟ้าแทนแล้วค่อยๆ หลับตาลงสุดท้ายเธอก็ฝังใบหน้าของตนเองไว้บนแผ่นหลังของโซระ

 

 

น่าแปลกที่ความไม่สบายใจของเธอกลับหายไปราวกับเรื่องโกหก

 

 

เธอได้เพิ่มแรงไปยังมือของเธอที่กำลังโอบกอดร่างของโซระเล็กน้อย

 

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

 

 

 

「คุณโซระ」

 

 

 

「ว่า? 」

 

 

พอบินกันมาได้สักพักใหญ่ๆ ไคลอาก็เปิดปากพูดกับผม

 

 

ใบหน้าของเธอยังคงมีร่องรอยแห่งความเหนื่อยล้า แต่มันก็ดีกว่าก่อนหน้านี้เยอะ เสียงและดวงตาของเธอก็ดูสงบนิ่งขึ้น

 

แม้ว่าจะยังไกลจากสภาพสมบูรณ์ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอกำลังค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ว่ากันตามตรงการที่ผมพาไคลอาซึ่งสภาพไม่สมบูรณ์มาด้วยอาจจะเป็นเรื่องที่ผมคิดผิดไปก็ได้ เอาเถอะมาพูดตอนนี้ก็ไม่ทันละ

 

 

 

เมื่อไคลอาเห็นผมแสดงสีหน้าปั้นยากออกมา เธอก็ดูจะงุนงงก่อนจะถามขึ้นมาต่อ

 

 

 

 

 

 

「ก็จริงว่าทางเจ้าหญิงจะเป็นคนจัดการเรื่องเข้าเฝ้าให้พวกเรา…แต่การที่เราเดินทางด้วยวิธีนี้เราจะไม่ถึงก่อนคนส่งสารของทางนั้นเหรอคะ? 」

 

 

 

「อ้อ เรื่องนั้นเหรอ」

 

 

ผมพยักหน้าให้เธอเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกังวลอะไรอยู่

 

 

 

บางทีไคลอาอาจจะกังวลว่าเจ้าหญิงซากุยะจะให้คนส่งสารขี่ม้าไปแจ้งกับพ่อของเธอหรืออะไรทำนองนั้น

 

 

 

การใช้ไวเวิร์นครามที่มีความเร็วบินผ่านท้องฟ้าย่อมเร็วกว่าม้าที่วิ่งอยู่บนพื้นเห็นๆ หากพวกเรามาถึงเมืองหลวงก่อนผู้ส่งสารของเจ้าหญิงจะมาถึง จักรพรรดิก็จะไม่รู้ถึงเรื่องราวทั้งหมด ไม่ต้องคิดถึงการเข้าประตูปีศาจแค่การเข้าเฝ้ายังยากจะฝัน

 

 

ผมก็เลยส่ายหัวราวกับจะปัดเป่าความกังวลของเธอ

 

 

 

 

「เรื่องนั้นหายห่วง เพราะคนส่งสารก็คือฉันนี่แหละ นี่ไงจดหมายที่เจ้าหญิงฝากมา」

 

 

 

ผมหยิบกระบอกใส่จดหมายออกมาจากกระเป๋าให้เธอดู มันคือจดหมายที่เจ้าหญิงเขียนถึงจักรพรรดิ

 

 

โดยปกติแล้วของแบบนี้จะต้องมอบให้ข้ารับใช้ที่ไว้ใจได้จริงๆ แต่เจ้าหญิงซากุยะมองว่าการมอบมันให้กับผมจะว่องไวและมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะคงไม่มีอะไรเร็วไปกว่าการส่งสารด้วยไวเวิร์นอีกแล้ว

 

 

 

แต่แน่นอนว่าผมไม่สามารถเข้าวังไปตรงๆ ได้เลยถึงจะมีของชิ้นนี้อยู่เพราะมักเป็นสถานที่ของราชวงศ์และต้องทำการยืนยันตัวตนอีกหลายขั้นตอน อยู่ดีๆ จะมีคนบ้าที่ไหนให้เจอจักรพรรดิเลยนี่เนอะ

 

แม่ของเจ้าหญิงซากุยะกับน้องชายของเธอก็พักอยู่ในวังคงจะไปขอยืมแรงไม่ได้

 

ดั้งนั้นก่อนอื่นผมจะต้องไปพบขุนนางที่สนิทกับทางเจ้าหญิงซากุยะแล้วใช้เขาเป็นสะพานในการส่งต่อจดหมายนี้เพื่อเข้าเฝ้าอีกที

 

 

 

 

「ดูเหมือนว่าจะมีขุนนางที่รับใช้น้องชายของเธออยู่ ดูนี่สิเธอเขียนจดหมายแนะนำตัวฉันให้ทางนั้นอีกอันด้วย」

 

 

 

พอผมพูดแบบนั้นดวงตาของไคลอาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจอีกครั้ง

 

 

 

 

「เป็นไปได้ด้วยเหรอคะ ดูเหมือนเจ้าหญิงจะไว้วางใจคุณโซระมากเลยทีเดียว」

 

 

 

「หื้ม จะเป็นงั้นจริงไหมนะ」

 

 

 

「หมายความว่าไงคะ? 」

 

 

「จากที่เขาลือกันมาเจ้าหญิงเป็นประเภทที่บุญคุณหรือความแค้นก็จะเก็บมันทุกเม็ดด้วยสิ」

 

 

มันคือสิ่งที่ผมพอจะสัมผัสได้จากการพูดคุยเมื่อวันก่อนด้วย เธอรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผมและหาวิธีเข้าถึงตัวผมมาพอสมควรเลย

 

 

 

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจตนาของเธอจริงๆ คืออะไร แต่การที่เธอมาช่วยเหลือผมมากขนาดนี้มันก็กลิ่นไม่ค่อยดีจริงๆ นั่นแหละ การพูดว่าคราวนี้ยังไม่ต้องตอบแทนอะไรใครจะไปเชื่อลง

 

 

ว่าแล้วผมก็ถอนหายใจออกมา แล้วพยายามคิดว่าคราวหน้าเธอจะขอความช่วยเหลืออะไรเป็นการแลกเปลี่ยนที่จะทำให้การกระทำของเธอในครั้งนี้ได้กำไรกันนะ

 

 

ผมที่ต้องมาตามล้างตามเช็ดหนี้บุญคุณนี้จะเจออะไรบ้าง แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

 

ระหว่างที่กำลังคิดเรื่องพวกนี้ ไคลอาก็ก้มหัวลง

 

 

「ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อนด้วย….」

 

 

ให้ตายสิ พูดแบบนี้อยากจะชดใช้ด้วยร่างกายตัวเองแทนไหมล่ะ――อยู่ดีๆ ตัวเลือกในการหม่ำไคลอาก็โผล่ขึ้นมา แต่ก็นั่นแหละจังหวะนี้ต้องห้ามใจไว้ก่อน ก็จริงว่าหากพูดไปไคลอาคงไม่ขัดขืนแน่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ใครมันจะไปความรักที่มีต่อน้องชายของพี่สาวมาใช้ได้ลงกันฟะ

 

 

ตอนนี้ก็มาทำตามแผนที่เจ้าหญิงซากุยะช่วยเหลือ แล้วก็รับความขอบคุณจากไคลอาแต่โดยดี ยังไงนิสัยของเธอด้วยธรรมชาติก็เป็นพวกสำนึกในหน้าที่ บุญคุณอยู่แล้ว หากตอนจบได้เจอคลิมในสภาพที่ปลอดภัย เดี๋ยวเธอก็คงจะเลือกตอบแทนตามที่ผมต้องการเองแหละ

 

 

 

ดังนั้นตอนนี้ผมก็เลยได้แค่บอกกับเธอว่า อย่าเป็นกังวลไปเลย ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแทน ไคลอาที่ได้ยินก็มองหน้าผมด้วยความรู้สึกขอบคุณและขอโทษผสมปนเปกันไป

 

แต่ระยะจะใกล้ไปไหมนะ

 

…คือ ก็ไม่ใช่ว่าไคลอาจะอยู่ห่างจากผมตอนแรกนักหรอกนะ พวกเราก็ตัวติดกันมาตั้งแต่ขี่ไวเวิร์นแล้ว

 

แต่แรงกดและสัมผัสถึงอุณหภูมิร่างกายของกันและกันผ่านเสื้อผ้านี่เหมือนจะแนบชิดกว่าเดิมนะ

 

บอกไว้ก่อนนะเอ้อ ว่าผมไม่ได้สั่งให้เธอทำ เธอเลือกทำเอง

 

 

จากนั้นตลอดช่วงเดินทางที่อยู่บนแผ่นหลังของคราว โซราสร่างของไคลอาก็ได้เข้ามากอดกับร่างของผมอย่างแนบชิดมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

ถึงยังไม่รู้แรงจูงใจที่แท้จริงของเธอ――แต่ผมไม่ได้รังเกียจสาวงามแบบเธอหรอกดังนั้นจะทำอะไรก็ตามสะดวก ถึงจะมีบางอย่างในตัวผมมันอยู่ไม่ค่อยสุขเท่าไหร่

 

 

ไม่ใช่ว่าเธออ่านใจผมได้นะ ทำไมพอมองไปที่ใบหน้าของเธอ เธอก็ยิ้มออกมาซะงั้น

 

 

เอาเป็นว่าเหตุการณ์ทั้งหมดก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนพวกผมไปถึงเมืองหลวงของจักรวรรดิ

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 184 มุ่งสู่จักรวรรดิ

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 184 มุ่งสู่จักรวรรดิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 184 มุ่งสู่จักรวรรดิ

 

「จับให้แน่นๆ ล่ะ」

 

 

 

「-ค่ะ……!」

 

 

 

 

ทันทีที่ไคลอาขึ้นมา โซระก็ทำการดึงสายบังเหียนขึ้น ร่างของไวเวิร์นครามก็เริ่มลอยสูงไปบนอากาศ

 

ทิวทัศน์ของพื้นดินเริ่มไกลออกไปจากสายตา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ขี่ไวเวิร์นครามอย่าง คราว โซราส แต่มันก็ไม่ใช่ของที่จะชินได้ด้วยการขี่เพียงครั้งสองครั้ง ร่างของไคลอาเริ่มสั่นสะท้านจากการลอยตัว ซึ่งมันแตกต่างจากการทะยานไปบนอากาศด้วยพลังคิ

 

 

 

ตอนนี้คราว โซราสกำลังล่องลอยอยู่เหนือเมืองอิชกะ โดยมีปลายทางที่จะมุ่งไปคือตะวันออกซึ่งเป็นจักรวรรดิแอด แอสเทอร่า เมืองหลวงอินิชเชี่ยน

 

 

เป้าหมายคือการเข้าเฝ้าจักรพรรดิ นี่ก็ผ่านมาได้ 4 วันแล้วตั้งแต่ไคลอาอาศัยอยู่ที่บ้านของโซระ เมื่อโซระได้เล่าผลลัพธ์ของการไปเมืองหลวงให้เธอฟังเธอก็อดประหลาดใจไม่ได้ในฝีมือของเขา

 

 

นอกจากนี้ยังมีความประหลาดใจที่ โซระยอมให้ไคลอาเดินทางไปพร้อมกับเขาด้วย

 

แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ อันที่จริงหากเขาไม่พาเธอไปด้วย เธอก็ตั้งใจจะหมอบคลานขอร้องเขาให้พาเธอไปที่ประตูปีศาจอยู่ดี

 

 

ร่างกายของไคลอาในตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพเต็มร้อย แค่ใช่ชีวิตประจำวันธรรมดาก็ว่ายากแล้วนับประสาอะไรกับการต่อสู้ เธออาจจะกลายเป็นตัวถ่วงของเขาด้วยซ้ำ ตอนแรกเธอจึงกังวลว่าจะถูกทิ้งไว้ที่อิชกะ

 

 

 

แต่ด้วยการรักษาที่พวกพ้องของโซระช่วยดูแลเธอตลอดเวลาที่ผ่านมา มันก็พอจะทำให้เธอสามารถดึงพลังต่อสู้ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่อย่างมากก็ครั้งหนึ่ง ทว่านักบวชซาร่าเองก็เตือนเธอเอาไว้แล้วว่าหากไคลอาฝืนมากจนเกินไป อาการบาดเจ็บชั่วคราวของเธออาจจะกลายเป็นถาวรแทนก็ได้

 

 

และเรื่องนี้ก็ต้องถึงหูของโซระเช่นเดียวกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอกังวลว่าโซระจะไม่พาเธอไปด้วย

 

จากนั้นโซระก็ได้ให้เหตุผลว่าทำไมถึงได้พาไคลอาไปเป็นเพื่อนร่วมทางคราวนี้

 

 

「ถึงฉันจะบอกให้เธอใจเย็นแล้วรออยู่ที่นี่แต่คนแบบเธอจะรอได้เหรอ? นอกจากนี้หากฉันเกิดกลับมาช้าหรือมีอะไรผิดพลาดอีก มีหวังเธอได้ตรงดิ่งไปเกาะคนเดียวแน่ ดังนั้นสู้พาเธอไปอยู่ในจุดที่สายตาสอดส่องถึงจะดีกว่าซะอีก」

 

 

 

นั่นคือเหตุผลของเขา ไคลอาตกใจจนพูดไม่ออก

 

 

 

แม้ตอนนี้เธอจะอยู่บนอานที่หลังของคราวโซระ เธอก็ยังนึกถึงฉากดังกล่าวได้ สายลมโพยพัดไปตามร่างของเธอขณะล่องลอยอยู่บนฟ้า เมื่อไคลอามองไปที่พื้นก็เริ่มเห็นเมืองหลวงคานาเรียผ่านเข้ามาในสายตา

 

 

 

ทิวทัศน์เปลี่ยนไปราวกับภาพตัดฉาก ก่อนหน้านี้เธอยังต้องพยายามวิ่งอยู่บนผืนดินแทบเป็นแทบตาย เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าอีกไม่กี่วันต่อมาเธอจะสามารถขี่ไวเวิร์นแล้วมองดูภาพเมืองจากข้างบนฟ้าแทน

 

 

ความกังวลต่อมาก็คือพวกเธอจะเดินทางไปถึงเมือหลวงอย่างปลอดภัยไหม แล้วถึงจะไปถึงได้สำเร็จ พวกเขาจะสามารถเข้าพบและขอร้ององค์จักรพรรดิให้อนุญาตเข้าประตูปีศาจหรือเปล่า แล้วพอผ่านประตูปีศาจไปได้พวกเขาจะตามหาคลิมเจอไหม

 

 

 

 

มันคือเรื่องที่ไคลอาคิดไม่ตกเลยจริงๆ

 

 

ไม่ว่าเธอจะบอกให้ตัวเองสงบสติมากแค่ไหน ความกังวลก็ไม่ได้เลือนหายไปเลย ก่อนที่เธอจะละสายตาจากพื้นดินมาบนท้องฟ้าแทนแล้วค่อยๆ หลับตาลงสุดท้ายเธอก็ฝังใบหน้าของตนเองไว้บนแผ่นหลังของโซระ

 

 

น่าแปลกที่ความไม่สบายใจของเธอกลับหายไปราวกับเรื่องโกหก

 

 

เธอได้เพิ่มแรงไปยังมือของเธอที่กำลังโอบกอดร่างของโซระเล็กน้อย

 

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

 

 

 

「คุณโซระ」

 

 

 

「ว่า? 」

 

 

พอบินกันมาได้สักพักใหญ่ๆ ไคลอาก็เปิดปากพูดกับผม

 

 

ใบหน้าของเธอยังคงมีร่องรอยแห่งความเหนื่อยล้า แต่มันก็ดีกว่าก่อนหน้านี้เยอะ เสียงและดวงตาของเธอก็ดูสงบนิ่งขึ้น

 

แม้ว่าจะยังไกลจากสภาพสมบูรณ์ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอกำลังค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ว่ากันตามตรงการที่ผมพาไคลอาซึ่งสภาพไม่สมบูรณ์มาด้วยอาจจะเป็นเรื่องที่ผมคิดผิดไปก็ได้ เอาเถอะมาพูดตอนนี้ก็ไม่ทันละ

 

 

 

เมื่อไคลอาเห็นผมแสดงสีหน้าปั้นยากออกมา เธอก็ดูจะงุนงงก่อนจะถามขึ้นมาต่อ

 

 

 

 

 

 

「ก็จริงว่าทางเจ้าหญิงจะเป็นคนจัดการเรื่องเข้าเฝ้าให้พวกเรา…แต่การที่เราเดินทางด้วยวิธีนี้เราจะไม่ถึงก่อนคนส่งสารของทางนั้นเหรอคะ? 」

 

 

 

「อ้อ เรื่องนั้นเหรอ」

 

 

ผมพยักหน้าให้เธอเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกังวลอะไรอยู่

 

 

 

บางทีไคลอาอาจจะกังวลว่าเจ้าหญิงซากุยะจะให้คนส่งสารขี่ม้าไปแจ้งกับพ่อของเธอหรืออะไรทำนองนั้น

 

 

 

การใช้ไวเวิร์นครามที่มีความเร็วบินผ่านท้องฟ้าย่อมเร็วกว่าม้าที่วิ่งอยู่บนพื้นเห็นๆ หากพวกเรามาถึงเมืองหลวงก่อนผู้ส่งสารของเจ้าหญิงจะมาถึง จักรพรรดิก็จะไม่รู้ถึงเรื่องราวทั้งหมด ไม่ต้องคิดถึงการเข้าประตูปีศาจแค่การเข้าเฝ้ายังยากจะฝัน

 

 

ผมก็เลยส่ายหัวราวกับจะปัดเป่าความกังวลของเธอ

 

 

 

 

「เรื่องนั้นหายห่วง เพราะคนส่งสารก็คือฉันนี่แหละ นี่ไงจดหมายที่เจ้าหญิงฝากมา」

 

 

 

ผมหยิบกระบอกใส่จดหมายออกมาจากกระเป๋าให้เธอดู มันคือจดหมายที่เจ้าหญิงเขียนถึงจักรพรรดิ

 

 

โดยปกติแล้วของแบบนี้จะต้องมอบให้ข้ารับใช้ที่ไว้ใจได้จริงๆ แต่เจ้าหญิงซากุยะมองว่าการมอบมันให้กับผมจะว่องไวและมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะคงไม่มีอะไรเร็วไปกว่าการส่งสารด้วยไวเวิร์นอีกแล้ว

 

 

 

แต่แน่นอนว่าผมไม่สามารถเข้าวังไปตรงๆ ได้เลยถึงจะมีของชิ้นนี้อยู่เพราะมักเป็นสถานที่ของราชวงศ์และต้องทำการยืนยันตัวตนอีกหลายขั้นตอน อยู่ดีๆ จะมีคนบ้าที่ไหนให้เจอจักรพรรดิเลยนี่เนอะ

 

แม่ของเจ้าหญิงซากุยะกับน้องชายของเธอก็พักอยู่ในวังคงจะไปขอยืมแรงไม่ได้

 

ดั้งนั้นก่อนอื่นผมจะต้องไปพบขุนนางที่สนิทกับทางเจ้าหญิงซากุยะแล้วใช้เขาเป็นสะพานในการส่งต่อจดหมายนี้เพื่อเข้าเฝ้าอีกที

 

 

 

 

「ดูเหมือนว่าจะมีขุนนางที่รับใช้น้องชายของเธออยู่ ดูนี่สิเธอเขียนจดหมายแนะนำตัวฉันให้ทางนั้นอีกอันด้วย」

 

 

 

พอผมพูดแบบนั้นดวงตาของไคลอาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจอีกครั้ง

 

 

 

 

「เป็นไปได้ด้วยเหรอคะ ดูเหมือนเจ้าหญิงจะไว้วางใจคุณโซระมากเลยทีเดียว」

 

 

 

「หื้ม จะเป็นงั้นจริงไหมนะ」

 

 

 

「หมายความว่าไงคะ? 」

 

 

「จากที่เขาลือกันมาเจ้าหญิงเป็นประเภทที่บุญคุณหรือความแค้นก็จะเก็บมันทุกเม็ดด้วยสิ」

 

 

มันคือสิ่งที่ผมพอจะสัมผัสได้จากการพูดคุยเมื่อวันก่อนด้วย เธอรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผมและหาวิธีเข้าถึงตัวผมมาพอสมควรเลย

 

 

 

ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจตนาของเธอจริงๆ คืออะไร แต่การที่เธอมาช่วยเหลือผมมากขนาดนี้มันก็กลิ่นไม่ค่อยดีจริงๆ นั่นแหละ การพูดว่าคราวนี้ยังไม่ต้องตอบแทนอะไรใครจะไปเชื่อลง

 

 

ว่าแล้วผมก็ถอนหายใจออกมา แล้วพยายามคิดว่าคราวหน้าเธอจะขอความช่วยเหลืออะไรเป็นการแลกเปลี่ยนที่จะทำให้การกระทำของเธอในครั้งนี้ได้กำไรกันนะ

 

 

ผมที่ต้องมาตามล้างตามเช็ดหนี้บุญคุณนี้จะเจออะไรบ้าง แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

 

ระหว่างที่กำลังคิดเรื่องพวกนี้ ไคลอาก็ก้มหัวลง

 

 

「ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อนด้วย….」

 

 

ให้ตายสิ พูดแบบนี้อยากจะชดใช้ด้วยร่างกายตัวเองแทนไหมล่ะ――อยู่ดีๆ ตัวเลือกในการหม่ำไคลอาก็โผล่ขึ้นมา แต่ก็นั่นแหละจังหวะนี้ต้องห้ามใจไว้ก่อน ก็จริงว่าหากพูดไปไคลอาคงไม่ขัดขืนแน่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ใครมันจะไปความรักที่มีต่อน้องชายของพี่สาวมาใช้ได้ลงกันฟะ

 

 

ตอนนี้ก็มาทำตามแผนที่เจ้าหญิงซากุยะช่วยเหลือ แล้วก็รับความขอบคุณจากไคลอาแต่โดยดี ยังไงนิสัยของเธอด้วยธรรมชาติก็เป็นพวกสำนึกในหน้าที่ บุญคุณอยู่แล้ว หากตอนจบได้เจอคลิมในสภาพที่ปลอดภัย เดี๋ยวเธอก็คงจะเลือกตอบแทนตามที่ผมต้องการเองแหละ

 

 

 

ดังนั้นตอนนี้ผมก็เลยได้แค่บอกกับเธอว่า อย่าเป็นกังวลไปเลย ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแทน ไคลอาที่ได้ยินก็มองหน้าผมด้วยความรู้สึกขอบคุณและขอโทษผสมปนเปกันไป

 

แต่ระยะจะใกล้ไปไหมนะ

 

…คือ ก็ไม่ใช่ว่าไคลอาจะอยู่ห่างจากผมตอนแรกนักหรอกนะ พวกเราก็ตัวติดกันมาตั้งแต่ขี่ไวเวิร์นแล้ว

 

แต่แรงกดและสัมผัสถึงอุณหภูมิร่างกายของกันและกันผ่านเสื้อผ้านี่เหมือนจะแนบชิดกว่าเดิมนะ

 

บอกไว้ก่อนนะเอ้อ ว่าผมไม่ได้สั่งให้เธอทำ เธอเลือกทำเอง

 

 

จากนั้นตลอดช่วงเดินทางที่อยู่บนแผ่นหลังของคราว โซราสร่างของไคลอาก็ได้เข้ามากอดกับร่างของผมอย่างแนบชิดมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

ถึงยังไม่รู้แรงจูงใจที่แท้จริงของเธอ――แต่ผมไม่ได้รังเกียจสาวงามแบบเธอหรอกดังนั้นจะทำอะไรก็ตามสะดวก ถึงจะมีบางอย่างในตัวผมมันอยู่ไม่ค่อยสุขเท่าไหร่

 

 

ไม่ใช่ว่าเธออ่านใจผมได้นะ ทำไมพอมองไปที่ใบหน้าของเธอ เธอก็ยิ้มออกมาซะงั้น

 

 

เอาเป็นว่าเหตุการณ์ทั้งหมดก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนพวกผมไปถึงเมืองหลวงของจักรวรรดิ

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+