การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 131 บุตรแห่งไทซาน

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 131 บุตรแห่งไทซาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 131 บุตรแห่งไทซาน

 

「เจ้าเป็นใครกัน?!」

 

 

 

มอร์แกน สกายชิพ ตะโกนใส่คนที่ปรากฏตัวออกมา

 

 

คิจินโอเค็นจึงได้ทำการถอดผ้าคลุมหัว ก่อนจะประสานมือเอาไว้ที่หน้าอกและโค้งคำนับพวกเขาด้วยท่าทีที่เป็นทางการ

 

 

 

 

「ข้ามีนามว่าโอเค็น ข้ารับใช้แห่งพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่จะลงโทษพวกเจ้าทุกคนในนามของสวรรค์ ขอฝากตัวด้วยเหล่าหนูสกปรกที่คลานออกมาจากรูเอ๋ย」

 

 

 

「….เขานั่น คิจิน นี่เจ้าผ่านประตูปีศาจมาได้อย่างไรกัน? 」

 

 

 

「ฟุฟุ พวกที่จะเดินทางไปยมโลกจะรู้เรื่องเพื่อนี้ไปเพื่ออะไรกันเล่า? 」

 

 

 

 

ทันทีที่โอเค็นตอบเช่นนั้น ซินนีย์ สกายชิพ ซาอิ คุมอน―― ศิษย์สำนักรุ่นทองคำทั้งสองก็ก้าวออกมายืนข้างหน้ามอร์แกน

 

 

เป้าหมายของทั้งสองก็คือเข้าไปโจมตีคิจินนั่นในทันที แต่ก็เป็นทางมอร์แกนที่หยุดพวกเขาเอาไว้และเลือกจะเก็บข้อมูลให้มากกว่านี้เสียก่อน

 

 

 

「หากเจ้าไม่มีใจอยากจะตอบเรื่องนั้น ข้าก็จะขอถามใหม่ ทำไมเจ้าถึงมีอยู่ที่นี่ได้กัน หากไม่รู้ถึงการมีอยู่ของอุโมงค์ลับนี้คงไม่มีทางมาดักซุ่มโจมตีพวกเราได้แน่!」

 

 

 

มอร์แกนได้ทำการกวาดสายตาไปรอบๆ ด้วย

 

 

ทางของออกอุโมงค์ดังกล่าวมีปลายทางอยู่ที่ศาลเจ้าซึ่งอยู่ห่างจากคฤหาสน์ของตระกูลมิตสึรุกิพอสมควร ถ้าจะพูดให้ชัดคือมันเป็นศาลเจ้าที่ตั้งเอาไว้ในป่าอันห่างไกลจากเมือง

 

 

 

เทพแห่งกฎหมาย เทพแห่งปฐพี เทพแห่งสงคราม และยังมีเทพอื่นๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นมาตามศาสนาบนโลกใบนี้ โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะไม่มาแทรกแซงทางโลกเท่าใดนักในแง่ของการต่อสู้ แต่ก็ใช่ว่าเรื่องทางโลกจะไม่เข้าไปยุ่งกับทางวิหารไม่ได้สักหน่อย

 

 

แม้ว่ากองกำลังที่เป็นปรปักษ์ต่อตระกูลมิตสึรุกิจะบุกโจมตีเกาะอสูรยักษ์ แต่พวกเขาก็จะไม่มีทางมาทำลายศาลเจ้าหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องทางศาสนา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทางตระกูลเลือกจะเชื่อมต่อเส้นทางหนีฉุกเฉินกับศาลเจ้า

 

 

นอกจากนี้บริเวณดังกล่าวก็ยังจำกัดให้เพียงแค่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับทางศาลเจ้าเข้าออกได้อย่างสะดวกเท่านั้น ดังนั้นไม่เพียงแค่คนที่อาศัยอยู่ในชูโตะ แม้แต่คนที่ทำงานอยู่ศาลเจ้าก็ไม่ค่อยจะได้มาที่นี่สักเท่าไหร่เนื่องจากระยะทางที่ห่างไกล ความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะมาพบได้ก็ต่ำเอามากๆ

 

 

――ทั้งที่ควรจะเป็นแบบนั้น แต่คิจินในชุดคลุมสีขาวคล้ายกับนักบวชกลับมารอพวกเขาอยู่ที่ปลายทาง นั่นจึงเป็นเรื่องที่มอร์แกนไม่เข้าใจเลยจริงๆ

 

 

โอเค็นที่ได้ยินคำถามดังกล่าวก็หัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับได้ฟังเรื่องตลก

 

 

「เจ้าก็เป็นคนตอบคำถามเองแล้วไม่ใช่หรือไงกัน หากไม่รู้ถึงการมีอยู่ของที่นี่ ก็คงไม่สามารถรอซุ่มโจมตี ของมันก็แน่อยู่แล้ว เพราะข้ารู้ถึงการมีอยู่ของมันยังไงล่ะ ทำไมถึงได้ถามเรื่องที่เด็กยังรู้เลยแท้ๆ 」

 

 

 

「ที่ข้าจะถามก็คือเจ้ารู้มันได้อย่างไรต่างหาก!」

 

 

 

「ข้าก็ต้องถามเอาจากคนที่รู้น่ะสิ」

 

 

 

 

หลังจากที่พูดจบโอเค็นก็หยิบวัตถุทรงกลมขนาดเล็กหลายชิ้นออกมาจากกระเป๋าของตน โดยวัตถุสีขาวพวกนั้นมีด้ายสีแดงพันเอาไว้รอบๆ ซึ่งใจกลางของมันมีจุดสีดำขนาดใหญ่อยู่

 

ซาอิเป็นคนแรกที่เข้าใจได้ว่านั่นคืออะไร ก่อนจะแสดงสีหน้าที่เหมือนอยากจะอาเจียนออกมา

 

 

 

จากนั้นทางซิดนีย์และมอร์แกนก็เริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคืออะไร แล้วสีหน้าของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปทันที

 

 

 

 

 

「สิ่งนั้นมัน…!」

 

 

「ใช่แล้ว นี่คือลูกตาของพวกมนุษย์ที่ดูแลศาลเจ้านี้อยู่ยังไงล่ะ แม้จะอ้างตัวว่าเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเหมือนกัน แต่ขีดจำกัดของเจ้าพวกนี้มันก็ช่างง่ายดายเหลือเกิน แค่ลูกตาโดนควักออกมาสักลูกสองลูกก็ยอมบอกทุกอย่างเสียแล้ว ก็นะพวกมนุษย์มันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อ 300 ปีก่อนเลยสักนิด」

 

 

 

พอพูดจบโอเค็นก็อ้าปากกว้างและโยนลูกตาลงไปในปากของตน

 

 

 

 

ดูเหมือนเขาจะฆ่าทุกคนไปหมดแล้ว เพราะจากจำนวนลูกตาที่เขาแสดงออกมาให้เห็นจากชุดคลุมสีขาวนั่นมันน่าจะเกิน 10 คู่ไปแล้ว

 

 

 

ทุกครั้งที่โอเค็นทำการเคี้ยวลูกตาพวกนั้น เลือดและคราบสีแดงก็จะไหลออกมาจากปากของเขา พอเห็นแบบนั้นพวกผู้หญิงและข้ารับใช้ของตระกูลก็ส่งเสียงกรีดร้องกันออกมา เพราะมันคือภาพที่พวกเธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน

 

 

มอร์แกนที่เห็นแบบนั้นก็ก้าวออกมาข้างหน้าด้วยความโกรธ

 

 

「กระทั่งนักบวชที่ไร้ซึ่งอาวุธใดๆ ก็เจ้าก็ยังทำได้ลง! มอร์แกน สกายชิพผู้นี้จะเป็นคนส่งเจ้าไปหาพระเจ้าบนสรวงสวรรค์เอง!」

 

 

 

「การที่มนุษย์พูดคำว่าสวรรค์ออกมาช่างเป็นเรื่องที่น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ นี่แหละหนอคำพูดของผู้ที่ไม่รู้สูงต่ำ」

 

 

 

「อย่ามาพูดให้มากความ! เสริมแกร่ง――」

 

 

 

 

มอร์แกนโกรธจนตัวสั่น ก่อนจะเปิดใช้อาภรณ์วิญญาณของตน แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำแบบนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเขา

 

 

 

พอเขาหันกลับไปก็พบว่า หนึ่งในภรรยาน้อยคนหนึ่งกำลังลอยอยู่ในอากาศ แต่จากสีหน้าของเธอที่อยู่ในสภาพหวาดกลัวแล้วก็แปลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันอยู่เหนือการควบคุมของตัวเธอเอง

 

 

ได้มีร่างชายสวมชุดคลุมสีขาวปรากฏขึ้นอยู่ข้างหลังของหญิงสาวที่ถูกจับ ลักษณะของเขาเหมือนกับโอเค็นไม่มีผิดเพี้ยน

 

 

 

มอร์แกนที่เห็นก็พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

 

 

 

 

 

「นี่เจ้าซ่อนคนอื่นเอาไว้อีกงั้นเหรอ!」

 

 

「มันจะแปลกตรงไหน? ฟุฟุ การจะเข้าไปในฐานของศัตรูเพื่อโจมตี มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือที่จะเตรียมกองกำลังไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อความสำเร็จของแผน? 」

 

 

 

 

ทันทีที่โอเค็นพูดจบ เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เด็กน้อยที่อายุไม่ถึง 1 ปีได้ถูกดึงออกไปจากอกแม่ของตนและลอยขึ้นไปในอากาศ คนเป็นแม่ก็ได้พยายามเอื้อมมือจะคว้าลูกของนางเอาไว้อย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่อาจจะทำได้สำเร็จ

 

 

 

แน่นอนว่าข้างหลังของเด็กคนนั้นก็มีคิจินสวมชุดคลุมอยู่

 

 

 

จากนั้นก็มีหญิงสาวอีกคนที่กำลังโดนยกลอยขึ้นไปในอากาศส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาอีก

 

 

ตอนนี้จึงเป็น โอเค็นอยู่ตรงหน้าพวกเขา 1 และอีก 3 อยู่ข้างหลัง มอร์แกนที่เห็นก็ตกใจเป็นอย่างมาก

 

 

 

 

「………ได้อย่างไรกัน ทำไมเจ้าถึงซ่อนคนจำนวนมากขนาดนี้ได้โดยที่พวกเราไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด」

 

「กำไลที่พวกข้าสวมกันมานั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ของประดับ มันเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เพียงซ่อนกายหยาบของพวกเราแต่ยังสามารถขจัดพลังคิที่อยู่ภายในร่างไม่ให้แผ่ออกมาได้อีกด้วย นี่ก็น่าจะเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่าพวกข้าผ่านประตูปีศาจมาได้อย่างไรด้วยหรือเปล่านะ」

 

 

 

โอเค็นมองไปยังมอร์แกนด้วยท่าทีที่ผยอง

 

 

「อะไรกัน จะไม่ถามอะไรต่อแล้วหรือไง? อย่าลังเลที่จะนำอาภรณ์วิญญาณออกมาสิ ในฐานะผู้ที่หมายจะผนึกเทพแล้ว พวกเจ้าต้องทำการฆ่าฟันคิจินสิ ถึงแม้ว่าจะต้องสังเวยเด็กและผู้หญิงก็ตาม นี่สิถึงจะเรียกว่าความยอดเยี่ยมของนักรบ」

 

 

 

มอร์แกนเข้าใจดีถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพยายามพูดแต่เขาก็ทำได้เพียงกัดฟัน

 

 

 

 

「ช่างน่ารังเกียจยิ่งนักที่มาใช้ตัวประกัน!」

 

 

 

「ตัวประกัน? หากเจ้ามอบหัวที่เต็มไปด้วยหงอกนั่นมาให้ ข้าจะปล่อยเด็กกับผู้หญิงไป――เจ้าคิดจริงหรือว่าข้าจะพูดแบบนั้นออกมา? 」

 

 

 

「……หมายความว่าอย่างไรกัน? 」

 

 

เพื่อตอบคำถามของมอร์แกน โอเค็นจึงได้ยิ้มออกมาจนปากเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

 

 

「ฟุฟุฟุฟุ! เป้าหมายตั้งแต่แรกของพวกข้าก็คือการสังหารผู้หญิงและเด็กของตระกูลมิตสึรุกิอยู่แล้ว ฆ่าพวกผู้หญิงก่อนที่มันจะได้ตั้งท้อง ฆ่าพวกเด็กก่อนมันที่จะได้เติบใหญ่ หลังจากนี้อีกสัก 50 ปีตระกูลนี้ก็คงไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีเหตุผลให้พวกข้าต้องสู้กับพวกเจ้าตรงๆ ด้วยนี่」

 

 

 

「………ช่างชั่วร้ายยิ่งนัก สุดท้ายพวกคิจินก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเดรัจฉานผิดมนุษย์มนาเลยสักนิด」

 

 

「หึหึ เรียกพวกเข้าว่าเป็นเดรัจฉาน งั้นหรือฟุฟุฟุ ของมันก็แค่อยู่แล้วนี่นา พวกข้ามันเป็นคิจินไม่ใช่พวกมนุษย์เสียหน่อย มันจะไปแปลกอะไรกัน」

 

 

 

――แล้วก็เป็นพวกมนุษย์เองไม่ใช่หรือ

 

 

「กลยุทธ์พวกนี้ หาได้ถูกคิดขึ้นมาจากใครอื่นเสียนอกจากพวกมนุษย์ เจ้ามนุษย์ผู้ก่อตั้งตระกูลมิตสึรุกิ ที่ไม่สามารถเผชิญหน้ากับเหล่านักรบของคิจินและเลือกจะสังหารผู้หญิงและเด็กของพวกเราแทน นั่นต่างหากคือจุดเริ่มต้นของความชั่วร้าย! ข้าก็แค่เอาวิธีที่พวกเจ้าทำในอดีตมาใช้ก็เท่านั้นเอง!」

 

 

 

「อย่ามาล้อกันเล่นนะ! ท่านรุ่นแรกจะไปทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้นได้อย่างไรกัน!」

 

 

「นี่พวกเจ้าโง่จนฟังอะไรไม่รู้เรื่องแล้วหรือไง? คิดงั้นหรือว่าพวกเราเหล่าคิจินจะลืมเรื่องนั้นได้ เจ้าพวกมนุษย์ผู้ทรยศและโสมม เจ้าพวกที่เกิดมาหลังเหตุการณ์เมื่อ 300 ปีก่อน ผู้ฝึกทักษะที่ขโมยมา แล้วกล้ามากล่าวหาพวกข้าว่าชั่วร้ายเนี่ยนะ ช่างน่าขัน!」

 

 

 

 

โอเค็นพูดแล้วก็ถอดชุดคลุมสีขาวของตนออก เผยให้เห็นร่างกายใต้ผ้าคลุมที่ผอมเพรียว นั่นไม่ใช่ร่างกายของผู้ที่ไม่ได้ฝึกตนมา แต่เป็นร่างกายที่ผลักดันไปจนถึงขีดจำกัดจนได้ร่างแบบนั้นมา

 

 

 

「กับผู้ที่มองไม่เห็นแม้กระทั่งความจริง ข้าก็ไม่มีเหตุผลให้ตอนเสวนาด้วย ดังนั้นอย่างน้อยก็มาเป็นอาหารให้ข้าแล้วกัน!――เสริมแกร่งอาภรณ์วิญญาณ จงทะลวง ราเซ็ตสึโชว (รากษส) !!」

 

 

 

 

ทันทีที่เขาเปิดใช้อาภรณ์วิญญาณ ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

 

 

เริ่มมีขนสีดำเหมือนนกมาปกคลุมบนร่างของเขา โครงสร้างใบหน้าและแขนก็เริ่มเปลี่ยนตามไปด้วย จะงอยปากได้งอกออกมา และมีปีกอยู่บนแขนของเขาพร้อมกับกรงเล็บที่แหลมคม

 

สภาพในตอนนี้คือโอเค็นได้กลายเป็นลูกครึ่งมอนสเตอร์ไปแล้ว มอร์แกนที่เห็นก็พูดออกมาอย่างตื่นตระหนก

 

 

 

「….อาภรณ์วิญญาณกลายพันธุ์…」

 

「กลายพันธุ์ ช่างเป็นคำพูดที่โง่เขลายิ่งนักสำหรับพวกมนุษย์ เหล่าผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณต่างก็รู้ดีถึงอนิม่าที่อยู่ภายในจิตวิญญาณของตนและยิ่งเข้าใกล้มันได้มากเพียงใด ก็ยิ่งจะดึงพลังออกมาได้มากเท่านั้น หรือก็คือร่างนี้เป็นร่างที่สามารถเข้าใกล้กับอนิม่าได้มากกว่าผู้ใด มันคือข้อพิสูจน์ว่าข้าได้รับการปกป้องจากเทพปีศาจยังไงล่ะ นี่แหละคือสิ่งที่สาวกแห่งพระเจ้า (บุตรอันเป็นที่รัก) จะได้รับ」

 

 

ผู้ที่ดึงเอาพลังของอนิม่าออกมาโดยไม่ใช่ในรูปแบบของอาวุธแต่เป็นการเปลี่ยนลักษณะทางกายภาพของตนจะได้พลังที่ยิ่งใหญ่มาใช้งาน กลับกันหากเป็นพวกคิจินทั่วไปแล้วพวกเขาจำเป็นจะต้องสังเวยตัวเองให้กลายเป็นภาชนะเทพปีศาจเพื่อดึงเอาพลังนี้ออกมา แต่สำหรับพวกสาวกแล้ว เขาสามารถนำพลังนี้ออกมาใช้ได้ทันที

 

 

 

ซึ่งเหล่าผู้ปกครองเขา ทั้ง 5 ส่วนใหญ่ก็สามารถใช้พลังแบบนี้ได้เช่นเดียวกัน

 

 

 

「นามของข้าคือโอเค็น บุตรชายแห่งกษัตริย์ไทซาน ที่ครั้งหนึ่งเคยครอบครอง 1 ในเขาทั้ง 5 และได้รับการแต่งตั้งจากกษัตริย์นากายามะให้เป็นหัวหอกแห่งไทซาน! จงเตรียมรับมือกับปีกแห่งการสังหารของข้าเสียเจ้าพวกมนุษย์!」

 

 

 

 

ทันทีที่โอเค็นพูดจบเขาก็เริ่มกระพือปีกที่แขนของเขา และสายลมที่ดูผิดธรรมชาติก็ก่อตัวขึ้นจนหมุนวนกลายเป็นพายุเข้าโจมตีมอร์แกน

 

 

นั่นคือสัญญาณของการต่อสู้ที่เริ่มขึ้น

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 131 บุตรแห่งไทซาน

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 131 บุตรแห่งไทซาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 131 บุตรแห่งไทซาน

 

「เจ้าเป็นใครกัน?!」

 

 

 

มอร์แกน สกายชิพ ตะโกนใส่คนที่ปรากฏตัวออกมา

 

 

คิจินโอเค็นจึงได้ทำการถอดผ้าคลุมหัว ก่อนจะประสานมือเอาไว้ที่หน้าอกและโค้งคำนับพวกเขาด้วยท่าทีที่เป็นทางการ

 

 

 

 

「ข้ามีนามว่าโอเค็น ข้ารับใช้แห่งพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่จะลงโทษพวกเจ้าทุกคนในนามของสวรรค์ ขอฝากตัวด้วยเหล่าหนูสกปรกที่คลานออกมาจากรูเอ๋ย」

 

 

 

「….เขานั่น คิจิน นี่เจ้าผ่านประตูปีศาจมาได้อย่างไรกัน? 」

 

 

 

「ฟุฟุ พวกที่จะเดินทางไปยมโลกจะรู้เรื่องเพื่อนี้ไปเพื่ออะไรกันเล่า? 」

 

 

 

 

ทันทีที่โอเค็นตอบเช่นนั้น ซินนีย์ สกายชิพ ซาอิ คุมอน―― ศิษย์สำนักรุ่นทองคำทั้งสองก็ก้าวออกมายืนข้างหน้ามอร์แกน

 

 

เป้าหมายของทั้งสองก็คือเข้าไปโจมตีคิจินนั่นในทันที แต่ก็เป็นทางมอร์แกนที่หยุดพวกเขาเอาไว้และเลือกจะเก็บข้อมูลให้มากกว่านี้เสียก่อน

 

 

 

「หากเจ้าไม่มีใจอยากจะตอบเรื่องนั้น ข้าก็จะขอถามใหม่ ทำไมเจ้าถึงมีอยู่ที่นี่ได้กัน หากไม่รู้ถึงการมีอยู่ของอุโมงค์ลับนี้คงไม่มีทางมาดักซุ่มโจมตีพวกเราได้แน่!」

 

 

 

มอร์แกนได้ทำการกวาดสายตาไปรอบๆ ด้วย

 

 

ทางของออกอุโมงค์ดังกล่าวมีปลายทางอยู่ที่ศาลเจ้าซึ่งอยู่ห่างจากคฤหาสน์ของตระกูลมิตสึรุกิพอสมควร ถ้าจะพูดให้ชัดคือมันเป็นศาลเจ้าที่ตั้งเอาไว้ในป่าอันห่างไกลจากเมือง

 

 

 

เทพแห่งกฎหมาย เทพแห่งปฐพี เทพแห่งสงคราม และยังมีเทพอื่นๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นมาตามศาสนาบนโลกใบนี้ โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะไม่มาแทรกแซงทางโลกเท่าใดนักในแง่ของการต่อสู้ แต่ก็ใช่ว่าเรื่องทางโลกจะไม่เข้าไปยุ่งกับทางวิหารไม่ได้สักหน่อย

 

 

แม้ว่ากองกำลังที่เป็นปรปักษ์ต่อตระกูลมิตสึรุกิจะบุกโจมตีเกาะอสูรยักษ์ แต่พวกเขาก็จะไม่มีทางมาทำลายศาลเจ้าหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องทางศาสนา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทางตระกูลเลือกจะเชื่อมต่อเส้นทางหนีฉุกเฉินกับศาลเจ้า

 

 

นอกจากนี้บริเวณดังกล่าวก็ยังจำกัดให้เพียงแค่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับทางศาลเจ้าเข้าออกได้อย่างสะดวกเท่านั้น ดังนั้นไม่เพียงแค่คนที่อาศัยอยู่ในชูโตะ แม้แต่คนที่ทำงานอยู่ศาลเจ้าก็ไม่ค่อยจะได้มาที่นี่สักเท่าไหร่เนื่องจากระยะทางที่ห่างไกล ความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะมาพบได้ก็ต่ำเอามากๆ

 

 

――ทั้งที่ควรจะเป็นแบบนั้น แต่คิจินในชุดคลุมสีขาวคล้ายกับนักบวชกลับมารอพวกเขาอยู่ที่ปลายทาง นั่นจึงเป็นเรื่องที่มอร์แกนไม่เข้าใจเลยจริงๆ

 

 

โอเค็นที่ได้ยินคำถามดังกล่าวก็หัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับได้ฟังเรื่องตลก

 

 

「เจ้าก็เป็นคนตอบคำถามเองแล้วไม่ใช่หรือไงกัน หากไม่รู้ถึงการมีอยู่ของที่นี่ ก็คงไม่สามารถรอซุ่มโจมตี ของมันก็แน่อยู่แล้ว เพราะข้ารู้ถึงการมีอยู่ของมันยังไงล่ะ ทำไมถึงได้ถามเรื่องที่เด็กยังรู้เลยแท้ๆ 」

 

 

 

「ที่ข้าจะถามก็คือเจ้ารู้มันได้อย่างไรต่างหาก!」

 

 

 

「ข้าก็ต้องถามเอาจากคนที่รู้น่ะสิ」

 

 

 

 

หลังจากที่พูดจบโอเค็นก็หยิบวัตถุทรงกลมขนาดเล็กหลายชิ้นออกมาจากกระเป๋าของตน โดยวัตถุสีขาวพวกนั้นมีด้ายสีแดงพันเอาไว้รอบๆ ซึ่งใจกลางของมันมีจุดสีดำขนาดใหญ่อยู่

 

ซาอิเป็นคนแรกที่เข้าใจได้ว่านั่นคืออะไร ก่อนจะแสดงสีหน้าที่เหมือนอยากจะอาเจียนออกมา

 

 

 

จากนั้นทางซิดนีย์และมอร์แกนก็เริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคืออะไร แล้วสีหน้าของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปทันที

 

 

 

 

 

「สิ่งนั้นมัน…!」

 

 

「ใช่แล้ว นี่คือลูกตาของพวกมนุษย์ที่ดูแลศาลเจ้านี้อยู่ยังไงล่ะ แม้จะอ้างตัวว่าเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเหมือนกัน แต่ขีดจำกัดของเจ้าพวกนี้มันก็ช่างง่ายดายเหลือเกิน แค่ลูกตาโดนควักออกมาสักลูกสองลูกก็ยอมบอกทุกอย่างเสียแล้ว ก็นะพวกมนุษย์มันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อ 300 ปีก่อนเลยสักนิด」

 

 

 

พอพูดจบโอเค็นก็อ้าปากกว้างและโยนลูกตาลงไปในปากของตน

 

 

 

 

ดูเหมือนเขาจะฆ่าทุกคนไปหมดแล้ว เพราะจากจำนวนลูกตาที่เขาแสดงออกมาให้เห็นจากชุดคลุมสีขาวนั่นมันน่าจะเกิน 10 คู่ไปแล้ว

 

 

 

ทุกครั้งที่โอเค็นทำการเคี้ยวลูกตาพวกนั้น เลือดและคราบสีแดงก็จะไหลออกมาจากปากของเขา พอเห็นแบบนั้นพวกผู้หญิงและข้ารับใช้ของตระกูลก็ส่งเสียงกรีดร้องกันออกมา เพราะมันคือภาพที่พวกเธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน

 

 

มอร์แกนที่เห็นแบบนั้นก็ก้าวออกมาข้างหน้าด้วยความโกรธ

 

 

「กระทั่งนักบวชที่ไร้ซึ่งอาวุธใดๆ ก็เจ้าก็ยังทำได้ลง! มอร์แกน สกายชิพผู้นี้จะเป็นคนส่งเจ้าไปหาพระเจ้าบนสรวงสวรรค์เอง!」

 

 

 

「การที่มนุษย์พูดคำว่าสวรรค์ออกมาช่างเป็นเรื่องที่น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ นี่แหละหนอคำพูดของผู้ที่ไม่รู้สูงต่ำ」

 

 

 

「อย่ามาพูดให้มากความ! เสริมแกร่ง――」

 

 

 

 

มอร์แกนโกรธจนตัวสั่น ก่อนจะเปิดใช้อาภรณ์วิญญาณของตน แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำแบบนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเขา

 

 

 

พอเขาหันกลับไปก็พบว่า หนึ่งในภรรยาน้อยคนหนึ่งกำลังลอยอยู่ในอากาศ แต่จากสีหน้าของเธอที่อยู่ในสภาพหวาดกลัวแล้วก็แปลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันอยู่เหนือการควบคุมของตัวเธอเอง

 

 

ได้มีร่างชายสวมชุดคลุมสีขาวปรากฏขึ้นอยู่ข้างหลังของหญิงสาวที่ถูกจับ ลักษณะของเขาเหมือนกับโอเค็นไม่มีผิดเพี้ยน

 

 

 

มอร์แกนที่เห็นก็พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

 

 

 

 

 

「นี่เจ้าซ่อนคนอื่นเอาไว้อีกงั้นเหรอ!」

 

 

「มันจะแปลกตรงไหน? ฟุฟุ การจะเข้าไปในฐานของศัตรูเพื่อโจมตี มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือที่จะเตรียมกองกำลังไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อความสำเร็จของแผน? 」

 

 

 

 

ทันทีที่โอเค็นพูดจบ เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เด็กน้อยที่อายุไม่ถึง 1 ปีได้ถูกดึงออกไปจากอกแม่ของตนและลอยขึ้นไปในอากาศ คนเป็นแม่ก็ได้พยายามเอื้อมมือจะคว้าลูกของนางเอาไว้อย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่อาจจะทำได้สำเร็จ

 

 

 

แน่นอนว่าข้างหลังของเด็กคนนั้นก็มีคิจินสวมชุดคลุมอยู่

 

 

 

จากนั้นก็มีหญิงสาวอีกคนที่กำลังโดนยกลอยขึ้นไปในอากาศส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาอีก

 

 

ตอนนี้จึงเป็น โอเค็นอยู่ตรงหน้าพวกเขา 1 และอีก 3 อยู่ข้างหลัง มอร์แกนที่เห็นก็ตกใจเป็นอย่างมาก

 

 

 

 

「………ได้อย่างไรกัน ทำไมเจ้าถึงซ่อนคนจำนวนมากขนาดนี้ได้โดยที่พวกเราไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด」

 

「กำไลที่พวกข้าสวมกันมานั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ของประดับ มันเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เพียงซ่อนกายหยาบของพวกเราแต่ยังสามารถขจัดพลังคิที่อยู่ภายในร่างไม่ให้แผ่ออกมาได้อีกด้วย นี่ก็น่าจะเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่าพวกข้าผ่านประตูปีศาจมาได้อย่างไรด้วยหรือเปล่านะ」

 

 

 

โอเค็นมองไปยังมอร์แกนด้วยท่าทีที่ผยอง

 

 

「อะไรกัน จะไม่ถามอะไรต่อแล้วหรือไง? อย่าลังเลที่จะนำอาภรณ์วิญญาณออกมาสิ ในฐานะผู้ที่หมายจะผนึกเทพแล้ว พวกเจ้าต้องทำการฆ่าฟันคิจินสิ ถึงแม้ว่าจะต้องสังเวยเด็กและผู้หญิงก็ตาม นี่สิถึงจะเรียกว่าความยอดเยี่ยมของนักรบ」

 

 

 

มอร์แกนเข้าใจดีถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพยายามพูดแต่เขาก็ทำได้เพียงกัดฟัน

 

 

 

 

「ช่างน่ารังเกียจยิ่งนักที่มาใช้ตัวประกัน!」

 

 

 

「ตัวประกัน? หากเจ้ามอบหัวที่เต็มไปด้วยหงอกนั่นมาให้ ข้าจะปล่อยเด็กกับผู้หญิงไป――เจ้าคิดจริงหรือว่าข้าจะพูดแบบนั้นออกมา? 」

 

 

 

「……หมายความว่าอย่างไรกัน? 」

 

 

เพื่อตอบคำถามของมอร์แกน โอเค็นจึงได้ยิ้มออกมาจนปากเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

 

 

「ฟุฟุฟุฟุ! เป้าหมายตั้งแต่แรกของพวกข้าก็คือการสังหารผู้หญิงและเด็กของตระกูลมิตสึรุกิอยู่แล้ว ฆ่าพวกผู้หญิงก่อนที่มันจะได้ตั้งท้อง ฆ่าพวกเด็กก่อนมันที่จะได้เติบใหญ่ หลังจากนี้อีกสัก 50 ปีตระกูลนี้ก็คงไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีเหตุผลให้พวกข้าต้องสู้กับพวกเจ้าตรงๆ ด้วยนี่」

 

 

 

「………ช่างชั่วร้ายยิ่งนัก สุดท้ายพวกคิจินก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเดรัจฉานผิดมนุษย์มนาเลยสักนิด」

 

 

「หึหึ เรียกพวกเข้าว่าเป็นเดรัจฉาน งั้นหรือฟุฟุฟุ ของมันก็แค่อยู่แล้วนี่นา พวกข้ามันเป็นคิจินไม่ใช่พวกมนุษย์เสียหน่อย มันจะไปแปลกอะไรกัน」

 

 

 

――แล้วก็เป็นพวกมนุษย์เองไม่ใช่หรือ

 

 

「กลยุทธ์พวกนี้ หาได้ถูกคิดขึ้นมาจากใครอื่นเสียนอกจากพวกมนุษย์ เจ้ามนุษย์ผู้ก่อตั้งตระกูลมิตสึรุกิ ที่ไม่สามารถเผชิญหน้ากับเหล่านักรบของคิจินและเลือกจะสังหารผู้หญิงและเด็กของพวกเราแทน นั่นต่างหากคือจุดเริ่มต้นของความชั่วร้าย! ข้าก็แค่เอาวิธีที่พวกเจ้าทำในอดีตมาใช้ก็เท่านั้นเอง!」

 

 

 

「อย่ามาล้อกันเล่นนะ! ท่านรุ่นแรกจะไปทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้นได้อย่างไรกัน!」

 

 

「นี่พวกเจ้าโง่จนฟังอะไรไม่รู้เรื่องแล้วหรือไง? คิดงั้นหรือว่าพวกเราเหล่าคิจินจะลืมเรื่องนั้นได้ เจ้าพวกมนุษย์ผู้ทรยศและโสมม เจ้าพวกที่เกิดมาหลังเหตุการณ์เมื่อ 300 ปีก่อน ผู้ฝึกทักษะที่ขโมยมา แล้วกล้ามากล่าวหาพวกข้าว่าชั่วร้ายเนี่ยนะ ช่างน่าขัน!」

 

 

 

 

โอเค็นพูดแล้วก็ถอดชุดคลุมสีขาวของตนออก เผยให้เห็นร่างกายใต้ผ้าคลุมที่ผอมเพรียว นั่นไม่ใช่ร่างกายของผู้ที่ไม่ได้ฝึกตนมา แต่เป็นร่างกายที่ผลักดันไปจนถึงขีดจำกัดจนได้ร่างแบบนั้นมา

 

 

 

「กับผู้ที่มองไม่เห็นแม้กระทั่งความจริง ข้าก็ไม่มีเหตุผลให้ตอนเสวนาด้วย ดังนั้นอย่างน้อยก็มาเป็นอาหารให้ข้าแล้วกัน!――เสริมแกร่งอาภรณ์วิญญาณ จงทะลวง ราเซ็ตสึโชว (รากษส) !!」

 

 

 

 

ทันทีที่เขาเปิดใช้อาภรณ์วิญญาณ ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

 

 

เริ่มมีขนสีดำเหมือนนกมาปกคลุมบนร่างของเขา โครงสร้างใบหน้าและแขนก็เริ่มเปลี่ยนตามไปด้วย จะงอยปากได้งอกออกมา และมีปีกอยู่บนแขนของเขาพร้อมกับกรงเล็บที่แหลมคม

 

สภาพในตอนนี้คือโอเค็นได้กลายเป็นลูกครึ่งมอนสเตอร์ไปแล้ว มอร์แกนที่เห็นก็พูดออกมาอย่างตื่นตระหนก

 

 

 

「….อาภรณ์วิญญาณกลายพันธุ์…」

 

「กลายพันธุ์ ช่างเป็นคำพูดที่โง่เขลายิ่งนักสำหรับพวกมนุษย์ เหล่าผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณต่างก็รู้ดีถึงอนิม่าที่อยู่ภายในจิตวิญญาณของตนและยิ่งเข้าใกล้มันได้มากเพียงใด ก็ยิ่งจะดึงพลังออกมาได้มากเท่านั้น หรือก็คือร่างนี้เป็นร่างที่สามารถเข้าใกล้กับอนิม่าได้มากกว่าผู้ใด มันคือข้อพิสูจน์ว่าข้าได้รับการปกป้องจากเทพปีศาจยังไงล่ะ นี่แหละคือสิ่งที่สาวกแห่งพระเจ้า (บุตรอันเป็นที่รัก) จะได้รับ」

 

 

ผู้ที่ดึงเอาพลังของอนิม่าออกมาโดยไม่ใช่ในรูปแบบของอาวุธแต่เป็นการเปลี่ยนลักษณะทางกายภาพของตนจะได้พลังที่ยิ่งใหญ่มาใช้งาน กลับกันหากเป็นพวกคิจินทั่วไปแล้วพวกเขาจำเป็นจะต้องสังเวยตัวเองให้กลายเป็นภาชนะเทพปีศาจเพื่อดึงเอาพลังนี้ออกมา แต่สำหรับพวกสาวกแล้ว เขาสามารถนำพลังนี้ออกมาใช้ได้ทันที

 

 

 

ซึ่งเหล่าผู้ปกครองเขา ทั้ง 5 ส่วนใหญ่ก็สามารถใช้พลังแบบนี้ได้เช่นเดียวกัน

 

 

 

「นามของข้าคือโอเค็น บุตรชายแห่งกษัตริย์ไทซาน ที่ครั้งหนึ่งเคยครอบครอง 1 ในเขาทั้ง 5 และได้รับการแต่งตั้งจากกษัตริย์นากายามะให้เป็นหัวหอกแห่งไทซาน! จงเตรียมรับมือกับปีกแห่งการสังหารของข้าเสียเจ้าพวกมนุษย์!」

 

 

 

 

ทันทีที่โอเค็นพูดจบเขาก็เริ่มกระพือปีกที่แขนของเขา และสายลมที่ดูผิดธรรมชาติก็ก่อตัวขึ้นจนหมุนวนกลายเป็นพายุเข้าโจมตีมอร์แกน

 

 

นั่นคือสัญญาณของการต่อสู้ที่เริ่มขึ้น

 

——–

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+