การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 71 การเปลี่ยนแปลง

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 71 การเปลี่ยนแปลง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 71 การเปลี่ยนแปลง

 

「ช่วยปฏิเสธไปอย่างสุภาพที」

 

 

กิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัยสาขาฮอรัสต้องการพบผม――พอมิโรสลาฟบอกเรื่องนี้กับผม ผมก็ตอบเธอกลับไปอย่างไม่ลังเล

 

 

ทางมิโรสลาฟก็ได้แต่กะพริบตาหลังได้ยินคำตอบของผม

 

 

 

「……แน่ใจแล้วเหรอ? 」

 

 

 

「แบบนี้ดีแล้ว」

 

 

เพราะแผนที่ผมกำลังดำเนินการอยู่ก็คือ ต่อสู้กับกิดล์อย่างสันติ ไม่เปลี่ยนแปลง

 

 

ถ้าหากผมไปมีส่วนร่วมกับสงครามภายในของกิลด์ มันก็จะไม่ใช่การต่อสู้อย่างสันติอีกต่อไป ดังนั้นผมจึงตัดสินใจนั่งดูจากภายนอกแทน

 

 

 

เอาเถอะ…อย่างน้อยก็จะได้มองเอลการ์ด (กิลด์มาสเตอร์สาขาอิชกะ) กับลิดเดล (พนักงานต้อนรับ) ทุกข์ทรมานจากมุมไกลๆ พวกเขาสมควรได้รับมันแล้วล่ะนะ! ถึงแม้มันจะไม่ค่อยสันติกับทางนั้นเท่าไหร่ก็เถอะ

 

 

 

 

นอกจากนี้ผมก็ไม่ได้กะจะมองดูเหตุการณ์นี้เฉยๆ เพราะเดินตามแผนแบบสันติของผมหรอก แต่หากผมก้าวพลาดขึ้นมาในจังหวะนี้ แผนที่ผมวางเอาไว้แต่แรกก็มีความเสี่ยงว่าจะหลุดออกมาได้ ผมจึงต้องตัดความเป็นไปได้ออกก่อน

 

 

 

ส่วนแผนการที่ว่าก็คือ “การต่อสู้กับกิลด์อย่างสันติ ช่วงไคลแม็กซ์”

 

 

โดยจุดมุ่งหมายก็คือการทำให้ดาบฮายาบูสะต้องออกมาขอโทษผมอย่างเป็นทางการในฐานะที่ปล่อยให้ผมกลายเป็นตัวล่อในตอนต่อสู้กับราชาแมลงวัน

 

 

 

เนื่องจากราสที่เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ตอนนี้ไม่อยู่ที่อิชกะอีกต่อไปแล้ว คนที่จะขอโทษผมก็เหลือแต่มิโรสลาฟเท่านั้น

 

 

 

และหากมิโรสลาฟให้เหตุผลนี้ในการเข้าร่วมกับดาบควันโลหิตเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น――การกระทำของเธอก็จะดูสมเหตุสมผลขึ้นด้วย

 

 

 

ผู้กระทำผิดก็ทำการขอโทษ เหยื่อก็ทำการให้อภัยทุกอย่างจบลงอย่างสันติ

 

 

 

――หลังจากนี้

 

 

ความจริงที่ว่า พฤติกรรมของกิลด์นักผจญภัยเมืองอิชกะและพนักงานกิลด์กระทำอะไรเอาไว้บ้างก็จะถูกเปิดเผยด้วย

 

 

 

เหล่าคนที่บิดเบือนความจริงเพื่อปกป้องชื่อเสียงของนักผจญภัยสังกัดตัวเอง คงเสียหน้าไม่น้อย

 

 

 

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องไปใส่ใจสักหน่อยนี่

 

 

 

ผมก็แค่คืนดีกับทางดาบฮายาบูสะได้ ส่วนกิลด์จะเสียหน้าขนาดไหน จะอับอายหรือถูกประณามจากกิลด์มาสเตอร์ของเมืองอื่น ผมก็ไม่เห็นต้องสน

 

 

ไม่ว่าจะเป็นเอลการ์ดกับลิดเดล ผมก็อยากให้พวกเขาจดจำถึงสิ่งที่ตนจำเป็นต้องทำเพื่อประโยชน์ต่อเมืองอิชกะต่อไปนะ ก็เป็นคนพูดเองนี่เนอะ หุหุหุ

 

 

ส่วนเรื่องที่มิโรสลาฟยกขึ้นมาก่อนหน้านี้ เธอคงมองว่าสามารถใช้กิลด์มาสเตอร์สาขาเมืองหลวง อย่างเซอร์เกรในการจัดการสาขาอิชกะได้

 

 

แต่ผมกลับมองว่ามันจะเป็นการกระทำที่โจ่งแจ้งเกินไป

 

 

 

ขอแค่ดำเนินไปอย่างสันติไปจนถึงตอนจบ และผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนต้องได้รับค่าตอบแทนอย่างสาสม――เพียงเท่านี้ผมก็พอใจแล้ว

 

 

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ผมตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะเรื่องจากเกาะอสูรยักษ์

 

ผมเดาว่าคงจะเหลือเวลาอีกสักพัก ก่อนที่ทางเกาะจะรู้ถึงการตายของจินโบ แล้วเริ่มส่งคนเข้ามาตรวจสอบ ดังนั้นผมจะหาเรื่องใส่ตัวเพิ่มอีกไม่ได้เด็ดขาด

 

 

 

ผมจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองยุ่งเกี่ยวอะไรกับกิลด์หรือเสียเวลากับพวกเขาไปมากกว่านี้

 

「เอาเป็นว่า เราจะจับดูทางกิลด์ไปอีกสักพักก็แล้วกัน」

 

 

 

「รับทราบแล้วค่ะ มาสเตอร์」

 

 

มิโรสลาฟตอบกลับผมด้วยความเคารพ

 

 

ความหมายของคำว่า มาสเตอร์ ที่เธอใช้เรียกผมนั้นมันมีความหมายต่างออกไปจากที่ลูนามาเรียใช้ เพราะมาสเตอร์ในที่นี้เธอหมายถึงแคลนมาสเตอร์

 

 

 

ผมก็รู้สึกแปลกๆ อยู่หรอกที่เธอปฏิบัติกับผมแบบให้เกียรติ ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าจะมีวันที่ได้ยินเธอเรียกผมว่ามาสเตอร์ในที่สาธารณะ เพราะท่าทางที่เธอแสดงออกมาตอนอยู่ถ้ำราชาแมลงวันมันช่างแตกต่าง

 

 

บอกตามตรงว่ารู้สึกคันก้นยิกๆ ทุกทีที่ได้ยิน

 

 

หวังว่านี่จะไม่ใช่วิธีการอย่าง “การต่อสู้กับผู้นำปาร์ตี้ของตนอย่างสันติ” หรอกนะ

 

 

ผมก็ไม่รู้หรอกว่าในหัวเธอคิดอะไรอยู่ แต่ไม่นานนักเธอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย

 

 

 

「แล้วก็มีอีกเรื่องที่จะรายงานค่ะ」

 

 

 

「หือ? ว่ามาสิ? 」

 

 

「พ่อของฉันอยากจะพบมาสเตอร์สักครั้งหนึ่งค่ะ ฉันจะรู้สึกขอบคุณมากหากคุณลองพิจารณามันดูสักหน่อย」

 

 

 

「ประธานของบริษัทซัลซ่าน่ะเหรอ? อยากจะขอบคุณที่ฉันช่วยเธอไว้หรือเปล่า? 」

 

 

 

「นั่นคือสิ่งที่เขาพูดไว้ค่ะ แต่ส่วนตัวแล้วเขาน่าจะต้องการสร้างเส้นสายกับคุณไว้ เพราะยังไงคุณก็สามารถสร้างสัมพันธ์กับทางท่านเอลเบเอาไว้จากเรื่องกริฟฟอนนี่คะ นอกจากนี้คุณยังสามารถสร้างสัมพันธ์กับตระกูลดยุกที่อยู่เมืองหลวงได้อีก ฉันมองว่าเขาน่าจะเล็งเห็นตรงจุดนี้แหละค่ะ」

 

 

「หูตาไวเหมือนกันนะเนี่ย แล้วเธออยากจะให้ฉันไปเจอเขาไหมล่ะ? 」

 

 

 

「ฉันเพียงแค่ทำตามที่มาสเตอร์ต้องการค่ะ」

 

 

 

จอมเวทสาวผู้เกลียดผู้ชายและพ่อของเธออย่างกับอะไรดีตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สงบ

 

 

 

「ท่านพ่อคงจะหมายตาคุณไว้ตั้งแต่ตอนที่ช่วยฉันและถอนตัวออกมาดาบฮายาบูสะค่ะ มาสเตอร์ หากคุณได้พบกับเขา มันก็น่าจะช่วยให้คุณทำอะไรได้ง่ายขึ้นในอนาคตด้วย แต่ราคาที่คุณต้องจ่ายก็น่าจะเป็นการที่เขาจะใช้คุณเป็นเส้นสายในการติดต่อกับชนชั้นสูงค่ะ ดังนั้นหากคุณไม่ต้องการก็สามารถปฏิเสธได้」

 

 

 

「จะบอกว่าไม่ว่าทางไหนเธอก็ไม่สนใจเลยเหรอ? 」

 

 

 

「ค่ะ ฉันก็แค่เชื่อในการตัดสินใจของมาสเตอร์เท่านั้น」

 

 

พอเธอพูดจบ มิโรสลาฟก็เงยหน้ามามองหน้าผม

 

 

 

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความขยะแขยงตอนมองผมได้เปลี่ยนไปเป็นอารมณ์ที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง

 

 

ผมสัมผัสได้ถึงความเย้ายวนจากเพศตรงข้าม จนทำให้ผมต้องกลืนน้ำลาย

 

 

มิโรสลาฟในอดีตนั้นมีผมหยักศกสีแดงยาวมาจนถึงหน้าอก แต่เพราะตอนผมลักพาตัวเธอไปนั้นผมได้ตัดออกไปจนเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว――ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือตัดตอนปล่อยเธอออกไป ดังนั้นตอนนี้ผมของเธอจึงเริ่มยาวกลับมาเท่าเดิมแล้ว

 

 

สิ่งที่ไม่คุ้นเคยซึ่งออกมาจากคนที่คุ้นเคย

 

 

 

ผมก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นผมจึงได้โอบแขนเข้าไปหาเธอและบังคับดึงเธอเข้ามากอดเพื่อสลัดความรู้สึกแปลกๆ ออกไป

 

 

 

 

――เธอก็ไม่ได้ต่อต้านผมเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

หลังจากที่มิโรสลาฟเข้าร่วมแคลนผม เธอก็เลือกจะมาอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกับผม

 

 

 

แน่นอนว่าทางผมเป็นคนบอกให้เธออยู่ที่นี่เอง เพราะคงยุ่งยากแน่หากต้องออกไปข้างนอกตลอดเวลา เมื่อต้องการกินวิญญาณเธอ

 

 

 

ทางเธอเองก็เหมือนตั้งใจจะขอกับผมเรื่องนี้เหมือนกัน ทุกอย่างเลยเป็นไปอย่างราบรื่น

 

 

นอกจากนี้ก็มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในแคลนด้วย

 

เพราะผมยังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมิโรสลาฟและลูนามาเรีย

 

 

 

…ก็จะไม่ให้กังวลได้ยังไง เพราะผมเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเธอต้องแยกทางกันนี่นา

 

 

ถึงมิโรสลาฟจะทำตามที่ผมสั่งก็เถอะ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะมิโรสลาฟด้วยที่ทำให้ลูนามาเรียกลายเป็นทาส

 

 

ดังนั้นอาจจะมีความตึงเครียดระหว่างสองสาวก็ได้ ผมคิดไว้

 

 

 

แต่ทว่า ผลที่ออกมาดันตรงข้ามกับที่ผมคิดซะงั้น ทั้งสองไม่ได้มีปัญหาทะเลาะอะไรกันเลย นอกจากนี้พวกเธอยังรู้สึกเหมือนเชื่อมโยงถึงกันด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

 

ก็จริงว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอคงจะไม่เหมือนตอนอยู่ดาบฮายาบูสะหรอก แต่อย่างน้อยผมก็ไม่สัมผัสถึงความปรปักษ์ใดๆ ในบทสนทนาของพวกเธอเลย

 

 

 

 

ต่อมาก็เป็นความสัมพันธ์ของมิโรสลาฟกับชีล ผลออกมาค่อนข้างดีเลย

 

 

มิโรสลาฟให้ความเคารพกับชีลที่เป็นรุ่นพี่ในแคลน ทางชีลเองก็เคารพเธอในฐานะนักผจญภัยมากประสบการณ์ ดังนั้นทั้งสองจึงไม่มีปัญหาอะไรกัน

 

 

ส่วนสิ่งที่ผมตกใจสุดๆ ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างมิโรสลาฟกับซูซูเมะนี่แหละ

 

ถึงมันจะเป็นในแง่ดีก็เถอะ

 

 

 

ตอนนี้ซูซูเมะดูเหมือนจะพยายามเรียนเวทมนตร์กับมิโรสลาฟอยู่

 

 

 

ผมก็เคยบอกไปก่อนแล้วนะว่าเขาของพวกคิจินเนี่ยเป็นของหายากสุดๆ เพราะพวกมันสามารถเก็บกักมานาไว้ภายในได้เป็นจำนวนมาก

 

 

ร่างกายของพวกเขาเป็นเครื่องผลิตมานาที่ทรงคุณภาพ นอกจากนี้คิจินตัวเมียนั้นจะมีสองเขา ซึ่งก็หมายความว่ามานาของพวกเธอจะมีมากกว่าคิจินตัวผู้ซึ่งมีเขาเดียว

 

 

หรือก็คือ ศักยภาพของซูซูเมะในฐานะจอมเวทนั้นยอดเยี่ยมอย่างมากโดยกำเนิด

 

 

 

ที่ผมไม่ได้สนใจให้เธอเรียนรู้ในด้านนี้ก็เพราะผมไม่ได้คิดจะให้เธอออกไปสู้กับใครที่ไหน

 

 

 

อีกอย่างผมก็อยากจะให้เธอเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ซะก่อน

 

 

 

พอผมได้ยินว่าเธอเริ่มเรียนรู้เวทมนตร์กับมิโรสลาฟผมก็ตกใจพอสมควร และที่ตกใจมากกว่านั้นก็คือซูซูเมะเป็นคนขอร้องกับมิโรสลาฟให้สอนเอง

 

 

 

ขณะที่ตอบคำถามผมด้วยท่าทีที่เหนียมอาย ซูซูเมะก็ได้วิ่งไปเรื่อยๆ ภายใต้คำสอนของมิโรสลาฟ เธอบอกว่าถึงจะเป็นจอมเวทก็จำเป็นต้องมีพลังกายที่เหมาะสมเสียก่อน จากนั้นก็ยิ้มให้ผมขณะที่เหงื่อไหลจากหน้าผาก

 

 

 

 

「เพราะฉัน…ก็อยากจะมีประโยชน์กับนายเหมือนชีลและลูน่านี่นา」

 

 

เธอบอกกับผมว่ารู้สึกแย่ที่ต้องคอยให้คนอื่นเอาแต่ดูแล

 

 

ผมสีน้ำเงินเข้มของเธอถูกรวบเอาไว้เป็นหางม้าเพื่อไม่ให้ขัดขวางต่อการออกกำลัง ท่าทางของเธอช่างดูสง่างามแสดงถึงความตั้งใจที่จะเรียนรู้จริงๆ

 

 

หรือก็คือผู้หญิงตรงหน้าผมเธอตั้งใจที่จะทำเพื่อผมจริงๆ

 

 

ผมก็ได้แต่เอามือปิดปากตัวเองไว้และหันหลังให้กับเธอ

 

 

 

…โถ่เอ้ย! ช่างเป็นเด็กดีอะไรขนาดนี้กันะ…ตัวผมในอดีตที่ตัดสินใจช่วยเธอเอาไว้เอ๋ย การกระทำของนายมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!

 

 

 

น้ำตาแห่งความปิติไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเสียงของซูซูเมะก็ดังขึ้น

 

 

 

「……เอ่อ คือว่านะโซระ…」

 

 

 

「อึก-หือ! มีอะไรเหรอ?!」

 

 

 

「ที่นายอยากจะรู้มีเพียงแค่นี้ใช่หรือเปล่า? 」

 

 

เพราะถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะได้เริ่มวิ่งต่อ จากนั้นซูซูเมะก็เตรียมวิ่งก่อนจะกล่าวขอโทษผม

 

 

 

ผมก็พยักหน้าให้กับเธอ

 

 

 

 

 

「อื้ม แค่นี้แหละ ขอโทษที่กวนระหว่างฝึกนะ!」

 

 

 

「ไม่หรอกน่า หากมีอะไรที่นายต้องการ ก็บอกฉันได้เสมอนะ」

 

 

 

เธอพูดแบบนั้นก่อนจะ โค้งคำนับผมแล้ววิ่งต่อ

 

 

 

หากซูซูเมะอยากจะวิ่งไปตามถนนเมืองอิชกะ ผมก็กะจะไปคุ้มกันเธออยู่หรอก แต่เนื่องจากเธอตัดสินใจที่จะวิ่งในบริเวณรอบบ้าน ผมคงไม่ต้องเป็นห่วงอะไร

 

 

อันที่จริงผมก็กะจะไปวิ่งกับเธอนะ――แต่นั่นคงทำให้เธอประหม่าจนไม่เป็นอันซ้อม ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือการออกจากที่นี่

 

 

 

ผมกลับเข้ามาในบ้าน แล้วก็นั่งคิดอะไรอยู่พักหนึ่งก่อนจะเข้าไปยังห้องอาบน้ำ

 

จากนั้นผมก็ทำการเตรียมอ่างอาบน้ำไว้ให้เธอใช้ หลังฝึกซ้อมเสร็จ

 

———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 71 การเปลี่ยนแปลง

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 71 การเปลี่ยนแปลง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 71 การเปลี่ยนแปลง

 

「ช่วยปฏิเสธไปอย่างสุภาพที」

 

 

กิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัยสาขาฮอรัสต้องการพบผม――พอมิโรสลาฟบอกเรื่องนี้กับผม ผมก็ตอบเธอกลับไปอย่างไม่ลังเล

 

 

ทางมิโรสลาฟก็ได้แต่กะพริบตาหลังได้ยินคำตอบของผม

 

 

 

「……แน่ใจแล้วเหรอ? 」

 

 

 

「แบบนี้ดีแล้ว」

 

 

เพราะแผนที่ผมกำลังดำเนินการอยู่ก็คือ ต่อสู้กับกิดล์อย่างสันติ ไม่เปลี่ยนแปลง

 

 

ถ้าหากผมไปมีส่วนร่วมกับสงครามภายในของกิลด์ มันก็จะไม่ใช่การต่อสู้อย่างสันติอีกต่อไป ดังนั้นผมจึงตัดสินใจนั่งดูจากภายนอกแทน

 

 

 

เอาเถอะ…อย่างน้อยก็จะได้มองเอลการ์ด (กิลด์มาสเตอร์สาขาอิชกะ) กับลิดเดล (พนักงานต้อนรับ) ทุกข์ทรมานจากมุมไกลๆ พวกเขาสมควรได้รับมันแล้วล่ะนะ! ถึงแม้มันจะไม่ค่อยสันติกับทางนั้นเท่าไหร่ก็เถอะ

 

 

 

 

นอกจากนี้ผมก็ไม่ได้กะจะมองดูเหตุการณ์นี้เฉยๆ เพราะเดินตามแผนแบบสันติของผมหรอก แต่หากผมก้าวพลาดขึ้นมาในจังหวะนี้ แผนที่ผมวางเอาไว้แต่แรกก็มีความเสี่ยงว่าจะหลุดออกมาได้ ผมจึงต้องตัดความเป็นไปได้ออกก่อน

 

 

 

ส่วนแผนการที่ว่าก็คือ “การต่อสู้กับกิลด์อย่างสันติ ช่วงไคลแม็กซ์”

 

 

โดยจุดมุ่งหมายก็คือการทำให้ดาบฮายาบูสะต้องออกมาขอโทษผมอย่างเป็นทางการในฐานะที่ปล่อยให้ผมกลายเป็นตัวล่อในตอนต่อสู้กับราชาแมลงวัน

 

 

 

เนื่องจากราสที่เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ตอนนี้ไม่อยู่ที่อิชกะอีกต่อไปแล้ว คนที่จะขอโทษผมก็เหลือแต่มิโรสลาฟเท่านั้น

 

 

 

และหากมิโรสลาฟให้เหตุผลนี้ในการเข้าร่วมกับดาบควันโลหิตเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น――การกระทำของเธอก็จะดูสมเหตุสมผลขึ้นด้วย

 

 

 

ผู้กระทำผิดก็ทำการขอโทษ เหยื่อก็ทำการให้อภัยทุกอย่างจบลงอย่างสันติ

 

 

 

――หลังจากนี้

 

 

ความจริงที่ว่า พฤติกรรมของกิลด์นักผจญภัยเมืองอิชกะและพนักงานกิลด์กระทำอะไรเอาไว้บ้างก็จะถูกเปิดเผยด้วย

 

 

 

เหล่าคนที่บิดเบือนความจริงเพื่อปกป้องชื่อเสียงของนักผจญภัยสังกัดตัวเอง คงเสียหน้าไม่น้อย

 

 

 

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องไปใส่ใจสักหน่อยนี่

 

 

 

ผมก็แค่คืนดีกับทางดาบฮายาบูสะได้ ส่วนกิลด์จะเสียหน้าขนาดไหน จะอับอายหรือถูกประณามจากกิลด์มาสเตอร์ของเมืองอื่น ผมก็ไม่เห็นต้องสน

 

 

ไม่ว่าจะเป็นเอลการ์ดกับลิดเดล ผมก็อยากให้พวกเขาจดจำถึงสิ่งที่ตนจำเป็นต้องทำเพื่อประโยชน์ต่อเมืองอิชกะต่อไปนะ ก็เป็นคนพูดเองนี่เนอะ หุหุหุ

 

 

ส่วนเรื่องที่มิโรสลาฟยกขึ้นมาก่อนหน้านี้ เธอคงมองว่าสามารถใช้กิลด์มาสเตอร์สาขาเมืองหลวง อย่างเซอร์เกรในการจัดการสาขาอิชกะได้

 

 

แต่ผมกลับมองว่ามันจะเป็นการกระทำที่โจ่งแจ้งเกินไป

 

 

 

ขอแค่ดำเนินไปอย่างสันติไปจนถึงตอนจบ และผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนต้องได้รับค่าตอบแทนอย่างสาสม――เพียงเท่านี้ผมก็พอใจแล้ว

 

 

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ผมตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะเรื่องจากเกาะอสูรยักษ์

 

ผมเดาว่าคงจะเหลือเวลาอีกสักพัก ก่อนที่ทางเกาะจะรู้ถึงการตายของจินโบ แล้วเริ่มส่งคนเข้ามาตรวจสอบ ดังนั้นผมจะหาเรื่องใส่ตัวเพิ่มอีกไม่ได้เด็ดขาด

 

 

 

ผมจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองยุ่งเกี่ยวอะไรกับกิลด์หรือเสียเวลากับพวกเขาไปมากกว่านี้

 

「เอาเป็นว่า เราจะจับดูทางกิลด์ไปอีกสักพักก็แล้วกัน」

 

 

 

「รับทราบแล้วค่ะ มาสเตอร์」

 

 

มิโรสลาฟตอบกลับผมด้วยความเคารพ

 

 

ความหมายของคำว่า มาสเตอร์ ที่เธอใช้เรียกผมนั้นมันมีความหมายต่างออกไปจากที่ลูนามาเรียใช้ เพราะมาสเตอร์ในที่นี้เธอหมายถึงแคลนมาสเตอร์

 

 

 

ผมก็รู้สึกแปลกๆ อยู่หรอกที่เธอปฏิบัติกับผมแบบให้เกียรติ ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าจะมีวันที่ได้ยินเธอเรียกผมว่ามาสเตอร์ในที่สาธารณะ เพราะท่าทางที่เธอแสดงออกมาตอนอยู่ถ้ำราชาแมลงวันมันช่างแตกต่าง

 

 

บอกตามตรงว่ารู้สึกคันก้นยิกๆ ทุกทีที่ได้ยิน

 

 

หวังว่านี่จะไม่ใช่วิธีการอย่าง “การต่อสู้กับผู้นำปาร์ตี้ของตนอย่างสันติ” หรอกนะ

 

 

ผมก็ไม่รู้หรอกว่าในหัวเธอคิดอะไรอยู่ แต่ไม่นานนักเธอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย

 

 

 

「แล้วก็มีอีกเรื่องที่จะรายงานค่ะ」

 

 

 

「หือ? ว่ามาสิ? 」

 

 

「พ่อของฉันอยากจะพบมาสเตอร์สักครั้งหนึ่งค่ะ ฉันจะรู้สึกขอบคุณมากหากคุณลองพิจารณามันดูสักหน่อย」

 

 

 

「ประธานของบริษัทซัลซ่าน่ะเหรอ? อยากจะขอบคุณที่ฉันช่วยเธอไว้หรือเปล่า? 」

 

 

 

「นั่นคือสิ่งที่เขาพูดไว้ค่ะ แต่ส่วนตัวแล้วเขาน่าจะต้องการสร้างเส้นสายกับคุณไว้ เพราะยังไงคุณก็สามารถสร้างสัมพันธ์กับทางท่านเอลเบเอาไว้จากเรื่องกริฟฟอนนี่คะ นอกจากนี้คุณยังสามารถสร้างสัมพันธ์กับตระกูลดยุกที่อยู่เมืองหลวงได้อีก ฉันมองว่าเขาน่าจะเล็งเห็นตรงจุดนี้แหละค่ะ」

 

 

「หูตาไวเหมือนกันนะเนี่ย แล้วเธออยากจะให้ฉันไปเจอเขาไหมล่ะ? 」

 

 

 

「ฉันเพียงแค่ทำตามที่มาสเตอร์ต้องการค่ะ」

 

 

 

จอมเวทสาวผู้เกลียดผู้ชายและพ่อของเธออย่างกับอะไรดีตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สงบ

 

 

 

「ท่านพ่อคงจะหมายตาคุณไว้ตั้งแต่ตอนที่ช่วยฉันและถอนตัวออกมาดาบฮายาบูสะค่ะ มาสเตอร์ หากคุณได้พบกับเขา มันก็น่าจะช่วยให้คุณทำอะไรได้ง่ายขึ้นในอนาคตด้วย แต่ราคาที่คุณต้องจ่ายก็น่าจะเป็นการที่เขาจะใช้คุณเป็นเส้นสายในการติดต่อกับชนชั้นสูงค่ะ ดังนั้นหากคุณไม่ต้องการก็สามารถปฏิเสธได้」

 

 

 

「จะบอกว่าไม่ว่าทางไหนเธอก็ไม่สนใจเลยเหรอ? 」

 

 

 

「ค่ะ ฉันก็แค่เชื่อในการตัดสินใจของมาสเตอร์เท่านั้น」

 

 

พอเธอพูดจบ มิโรสลาฟก็เงยหน้ามามองหน้าผม

 

 

 

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความขยะแขยงตอนมองผมได้เปลี่ยนไปเป็นอารมณ์ที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง

 

 

ผมสัมผัสได้ถึงความเย้ายวนจากเพศตรงข้าม จนทำให้ผมต้องกลืนน้ำลาย

 

 

มิโรสลาฟในอดีตนั้นมีผมหยักศกสีแดงยาวมาจนถึงหน้าอก แต่เพราะตอนผมลักพาตัวเธอไปนั้นผมได้ตัดออกไปจนเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว――ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือตัดตอนปล่อยเธอออกไป ดังนั้นตอนนี้ผมของเธอจึงเริ่มยาวกลับมาเท่าเดิมแล้ว

 

 

สิ่งที่ไม่คุ้นเคยซึ่งออกมาจากคนที่คุ้นเคย

 

 

 

ผมก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นผมจึงได้โอบแขนเข้าไปหาเธอและบังคับดึงเธอเข้ามากอดเพื่อสลัดความรู้สึกแปลกๆ ออกไป

 

 

 

 

――เธอก็ไม่ได้ต่อต้านผมเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

หลังจากที่มิโรสลาฟเข้าร่วมแคลนผม เธอก็เลือกจะมาอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกับผม

 

 

 

แน่นอนว่าทางผมเป็นคนบอกให้เธออยู่ที่นี่เอง เพราะคงยุ่งยากแน่หากต้องออกไปข้างนอกตลอดเวลา เมื่อต้องการกินวิญญาณเธอ

 

 

 

ทางเธอเองก็เหมือนตั้งใจจะขอกับผมเรื่องนี้เหมือนกัน ทุกอย่างเลยเป็นไปอย่างราบรื่น

 

 

นอกจากนี้ก็มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในแคลนด้วย

 

เพราะผมยังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมิโรสลาฟและลูนามาเรีย

 

 

 

…ก็จะไม่ให้กังวลได้ยังไง เพราะผมเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเธอต้องแยกทางกันนี่นา

 

 

ถึงมิโรสลาฟจะทำตามที่ผมสั่งก็เถอะ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะมิโรสลาฟด้วยที่ทำให้ลูนามาเรียกลายเป็นทาส

 

 

ดังนั้นอาจจะมีความตึงเครียดระหว่างสองสาวก็ได้ ผมคิดไว้

 

 

 

แต่ทว่า ผลที่ออกมาดันตรงข้ามกับที่ผมคิดซะงั้น ทั้งสองไม่ได้มีปัญหาทะเลาะอะไรกันเลย นอกจากนี้พวกเธอยังรู้สึกเหมือนเชื่อมโยงถึงกันด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

 

ก็จริงว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอคงจะไม่เหมือนตอนอยู่ดาบฮายาบูสะหรอก แต่อย่างน้อยผมก็ไม่สัมผัสถึงความปรปักษ์ใดๆ ในบทสนทนาของพวกเธอเลย

 

 

 

 

ต่อมาก็เป็นความสัมพันธ์ของมิโรสลาฟกับชีล ผลออกมาค่อนข้างดีเลย

 

 

มิโรสลาฟให้ความเคารพกับชีลที่เป็นรุ่นพี่ในแคลน ทางชีลเองก็เคารพเธอในฐานะนักผจญภัยมากประสบการณ์ ดังนั้นทั้งสองจึงไม่มีปัญหาอะไรกัน

 

 

ส่วนสิ่งที่ผมตกใจสุดๆ ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างมิโรสลาฟกับซูซูเมะนี่แหละ

 

ถึงมันจะเป็นในแง่ดีก็เถอะ

 

 

 

ตอนนี้ซูซูเมะดูเหมือนจะพยายามเรียนเวทมนตร์กับมิโรสลาฟอยู่

 

 

 

ผมก็เคยบอกไปก่อนแล้วนะว่าเขาของพวกคิจินเนี่ยเป็นของหายากสุดๆ เพราะพวกมันสามารถเก็บกักมานาไว้ภายในได้เป็นจำนวนมาก

 

 

ร่างกายของพวกเขาเป็นเครื่องผลิตมานาที่ทรงคุณภาพ นอกจากนี้คิจินตัวเมียนั้นจะมีสองเขา ซึ่งก็หมายความว่ามานาของพวกเธอจะมีมากกว่าคิจินตัวผู้ซึ่งมีเขาเดียว

 

 

หรือก็คือ ศักยภาพของซูซูเมะในฐานะจอมเวทนั้นยอดเยี่ยมอย่างมากโดยกำเนิด

 

 

 

ที่ผมไม่ได้สนใจให้เธอเรียนรู้ในด้านนี้ก็เพราะผมไม่ได้คิดจะให้เธอออกไปสู้กับใครที่ไหน

 

 

 

อีกอย่างผมก็อยากจะให้เธอเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ซะก่อน

 

 

 

พอผมได้ยินว่าเธอเริ่มเรียนรู้เวทมนตร์กับมิโรสลาฟผมก็ตกใจพอสมควร และที่ตกใจมากกว่านั้นก็คือซูซูเมะเป็นคนขอร้องกับมิโรสลาฟให้สอนเอง

 

 

 

ขณะที่ตอบคำถามผมด้วยท่าทีที่เหนียมอาย ซูซูเมะก็ได้วิ่งไปเรื่อยๆ ภายใต้คำสอนของมิโรสลาฟ เธอบอกว่าถึงจะเป็นจอมเวทก็จำเป็นต้องมีพลังกายที่เหมาะสมเสียก่อน จากนั้นก็ยิ้มให้ผมขณะที่เหงื่อไหลจากหน้าผาก

 

 

 

 

「เพราะฉัน…ก็อยากจะมีประโยชน์กับนายเหมือนชีลและลูน่านี่นา」

 

 

เธอบอกกับผมว่ารู้สึกแย่ที่ต้องคอยให้คนอื่นเอาแต่ดูแล

 

 

ผมสีน้ำเงินเข้มของเธอถูกรวบเอาไว้เป็นหางม้าเพื่อไม่ให้ขัดขวางต่อการออกกำลัง ท่าทางของเธอช่างดูสง่างามแสดงถึงความตั้งใจที่จะเรียนรู้จริงๆ

 

 

หรือก็คือผู้หญิงตรงหน้าผมเธอตั้งใจที่จะทำเพื่อผมจริงๆ

 

 

ผมก็ได้แต่เอามือปิดปากตัวเองไว้และหันหลังให้กับเธอ

 

 

 

…โถ่เอ้ย! ช่างเป็นเด็กดีอะไรขนาดนี้กันะ…ตัวผมในอดีตที่ตัดสินใจช่วยเธอเอาไว้เอ๋ย การกระทำของนายมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!

 

 

 

น้ำตาแห่งความปิติไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเสียงของซูซูเมะก็ดังขึ้น

 

 

 

「……เอ่อ คือว่านะโซระ…」

 

 

 

「อึก-หือ! มีอะไรเหรอ?!」

 

 

 

「ที่นายอยากจะรู้มีเพียงแค่นี้ใช่หรือเปล่า? 」

 

 

เพราะถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะได้เริ่มวิ่งต่อ จากนั้นซูซูเมะก็เตรียมวิ่งก่อนจะกล่าวขอโทษผม

 

 

 

ผมก็พยักหน้าให้กับเธอ

 

 

 

 

 

「อื้ม แค่นี้แหละ ขอโทษที่กวนระหว่างฝึกนะ!」

 

 

 

「ไม่หรอกน่า หากมีอะไรที่นายต้องการ ก็บอกฉันได้เสมอนะ」

 

 

 

เธอพูดแบบนั้นก่อนจะ โค้งคำนับผมแล้ววิ่งต่อ

 

 

 

หากซูซูเมะอยากจะวิ่งไปตามถนนเมืองอิชกะ ผมก็กะจะไปคุ้มกันเธออยู่หรอก แต่เนื่องจากเธอตัดสินใจที่จะวิ่งในบริเวณรอบบ้าน ผมคงไม่ต้องเป็นห่วงอะไร

 

 

อันที่จริงผมก็กะจะไปวิ่งกับเธอนะ――แต่นั่นคงทำให้เธอประหม่าจนไม่เป็นอันซ้อม ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือการออกจากที่นี่

 

 

 

ผมกลับเข้ามาในบ้าน แล้วก็นั่งคิดอะไรอยู่พักหนึ่งก่อนจะเข้าไปยังห้องอาบน้ำ

 

จากนั้นผมก็ทำการเตรียมอ่างอาบน้ำไว้ให้เธอใช้ หลังฝึกซ้อมเสร็จ

 

———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 71 การเปลี่ยนแปลง

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 71 การเปลี่ยนแปลง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 71 การเปลี่ยนแปลง

 

「ช่วยปฏิเสธไปอย่างสุภาพที」

 

 

กิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัยสาขาฮอรัสต้องการพบผม――พอมิโรสลาฟบอกเรื่องนี้กับผม ผมก็ตอบเธอกลับไปอย่างไม่ลังเล

 

 

ทางมิโรสลาฟก็ได้แต่กะพริบตาหลังได้ยินคำตอบของผม

 

 

 

「……แน่ใจแล้วเหรอ? 」

 

 

 

「แบบนี้ดีแล้ว」

 

 

เพราะแผนที่ผมกำลังดำเนินการอยู่ก็คือ ต่อสู้กับกิดล์อย่างสันติ ไม่เปลี่ยนแปลง

 

 

ถ้าหากผมไปมีส่วนร่วมกับสงครามภายในของกิลด์ มันก็จะไม่ใช่การต่อสู้อย่างสันติอีกต่อไป ดังนั้นผมจึงตัดสินใจนั่งดูจากภายนอกแทน

 

 

 

เอาเถอะ…อย่างน้อยก็จะได้มองเอลการ์ด (กิลด์มาสเตอร์สาขาอิชกะ) กับลิดเดล (พนักงานต้อนรับ) ทุกข์ทรมานจากมุมไกลๆ พวกเขาสมควรได้รับมันแล้วล่ะนะ! ถึงแม้มันจะไม่ค่อยสันติกับทางนั้นเท่าไหร่ก็เถอะ

 

 

 

 

นอกจากนี้ผมก็ไม่ได้กะจะมองดูเหตุการณ์นี้เฉยๆ เพราะเดินตามแผนแบบสันติของผมหรอก แต่หากผมก้าวพลาดขึ้นมาในจังหวะนี้ แผนที่ผมวางเอาไว้แต่แรกก็มีความเสี่ยงว่าจะหลุดออกมาได้ ผมจึงต้องตัดความเป็นไปได้ออกก่อน

 

 

 

ส่วนแผนการที่ว่าก็คือ “การต่อสู้กับกิลด์อย่างสันติ ช่วงไคลแม็กซ์”

 

 

โดยจุดมุ่งหมายก็คือการทำให้ดาบฮายาบูสะต้องออกมาขอโทษผมอย่างเป็นทางการในฐานะที่ปล่อยให้ผมกลายเป็นตัวล่อในตอนต่อสู้กับราชาแมลงวัน

 

 

 

เนื่องจากราสที่เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ตอนนี้ไม่อยู่ที่อิชกะอีกต่อไปแล้ว คนที่จะขอโทษผมก็เหลือแต่มิโรสลาฟเท่านั้น

 

 

 

และหากมิโรสลาฟให้เหตุผลนี้ในการเข้าร่วมกับดาบควันโลหิตเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น――การกระทำของเธอก็จะดูสมเหตุสมผลขึ้นด้วย

 

 

 

ผู้กระทำผิดก็ทำการขอโทษ เหยื่อก็ทำการให้อภัยทุกอย่างจบลงอย่างสันติ

 

 

 

――หลังจากนี้

 

 

ความจริงที่ว่า พฤติกรรมของกิลด์นักผจญภัยเมืองอิชกะและพนักงานกิลด์กระทำอะไรเอาไว้บ้างก็จะถูกเปิดเผยด้วย

 

 

 

เหล่าคนที่บิดเบือนความจริงเพื่อปกป้องชื่อเสียงของนักผจญภัยสังกัดตัวเอง คงเสียหน้าไม่น้อย

 

 

 

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องไปใส่ใจสักหน่อยนี่

 

 

 

ผมก็แค่คืนดีกับทางดาบฮายาบูสะได้ ส่วนกิลด์จะเสียหน้าขนาดไหน จะอับอายหรือถูกประณามจากกิลด์มาสเตอร์ของเมืองอื่น ผมก็ไม่เห็นต้องสน

 

 

ไม่ว่าจะเป็นเอลการ์ดกับลิดเดล ผมก็อยากให้พวกเขาจดจำถึงสิ่งที่ตนจำเป็นต้องทำเพื่อประโยชน์ต่อเมืองอิชกะต่อไปนะ ก็เป็นคนพูดเองนี่เนอะ หุหุหุ

 

 

ส่วนเรื่องที่มิโรสลาฟยกขึ้นมาก่อนหน้านี้ เธอคงมองว่าสามารถใช้กิลด์มาสเตอร์สาขาเมืองหลวง อย่างเซอร์เกรในการจัดการสาขาอิชกะได้

 

 

แต่ผมกลับมองว่ามันจะเป็นการกระทำที่โจ่งแจ้งเกินไป

 

 

 

ขอแค่ดำเนินไปอย่างสันติไปจนถึงตอนจบ และผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนต้องได้รับค่าตอบแทนอย่างสาสม――เพียงเท่านี้ผมก็พอใจแล้ว

 

 

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ผมตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะเรื่องจากเกาะอสูรยักษ์

 

ผมเดาว่าคงจะเหลือเวลาอีกสักพัก ก่อนที่ทางเกาะจะรู้ถึงการตายของจินโบ แล้วเริ่มส่งคนเข้ามาตรวจสอบ ดังนั้นผมจะหาเรื่องใส่ตัวเพิ่มอีกไม่ได้เด็ดขาด

 

 

 

ผมจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองยุ่งเกี่ยวอะไรกับกิลด์หรือเสียเวลากับพวกเขาไปมากกว่านี้

 

「เอาเป็นว่า เราจะจับดูทางกิลด์ไปอีกสักพักก็แล้วกัน」

 

 

 

「รับทราบแล้วค่ะ มาสเตอร์」

 

 

มิโรสลาฟตอบกลับผมด้วยความเคารพ

 

 

ความหมายของคำว่า มาสเตอร์ ที่เธอใช้เรียกผมนั้นมันมีความหมายต่างออกไปจากที่ลูนามาเรียใช้ เพราะมาสเตอร์ในที่นี้เธอหมายถึงแคลนมาสเตอร์

 

 

 

ผมก็รู้สึกแปลกๆ อยู่หรอกที่เธอปฏิบัติกับผมแบบให้เกียรติ ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าจะมีวันที่ได้ยินเธอเรียกผมว่ามาสเตอร์ในที่สาธารณะ เพราะท่าทางที่เธอแสดงออกมาตอนอยู่ถ้ำราชาแมลงวันมันช่างแตกต่าง

 

 

บอกตามตรงว่ารู้สึกคันก้นยิกๆ ทุกทีที่ได้ยิน

 

 

หวังว่านี่จะไม่ใช่วิธีการอย่าง “การต่อสู้กับผู้นำปาร์ตี้ของตนอย่างสันติ” หรอกนะ

 

 

ผมก็ไม่รู้หรอกว่าในหัวเธอคิดอะไรอยู่ แต่ไม่นานนักเธอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย

 

 

 

「แล้วก็มีอีกเรื่องที่จะรายงานค่ะ」

 

 

 

「หือ? ว่ามาสิ? 」

 

 

「พ่อของฉันอยากจะพบมาสเตอร์สักครั้งหนึ่งค่ะ ฉันจะรู้สึกขอบคุณมากหากคุณลองพิจารณามันดูสักหน่อย」

 

 

 

「ประธานของบริษัทซัลซ่าน่ะเหรอ? อยากจะขอบคุณที่ฉันช่วยเธอไว้หรือเปล่า? 」

 

 

 

「นั่นคือสิ่งที่เขาพูดไว้ค่ะ แต่ส่วนตัวแล้วเขาน่าจะต้องการสร้างเส้นสายกับคุณไว้ เพราะยังไงคุณก็สามารถสร้างสัมพันธ์กับทางท่านเอลเบเอาไว้จากเรื่องกริฟฟอนนี่คะ นอกจากนี้คุณยังสามารถสร้างสัมพันธ์กับตระกูลดยุกที่อยู่เมืองหลวงได้อีก ฉันมองว่าเขาน่าจะเล็งเห็นตรงจุดนี้แหละค่ะ」

 

 

「หูตาไวเหมือนกันนะเนี่ย แล้วเธออยากจะให้ฉันไปเจอเขาไหมล่ะ? 」

 

 

 

「ฉันเพียงแค่ทำตามที่มาสเตอร์ต้องการค่ะ」

 

 

 

จอมเวทสาวผู้เกลียดผู้ชายและพ่อของเธออย่างกับอะไรดีตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สงบ

 

 

 

「ท่านพ่อคงจะหมายตาคุณไว้ตั้งแต่ตอนที่ช่วยฉันและถอนตัวออกมาดาบฮายาบูสะค่ะ มาสเตอร์ หากคุณได้พบกับเขา มันก็น่าจะช่วยให้คุณทำอะไรได้ง่ายขึ้นในอนาคตด้วย แต่ราคาที่คุณต้องจ่ายก็น่าจะเป็นการที่เขาจะใช้คุณเป็นเส้นสายในการติดต่อกับชนชั้นสูงค่ะ ดังนั้นหากคุณไม่ต้องการก็สามารถปฏิเสธได้」

 

 

 

「จะบอกว่าไม่ว่าทางไหนเธอก็ไม่สนใจเลยเหรอ? 」

 

 

 

「ค่ะ ฉันก็แค่เชื่อในการตัดสินใจของมาสเตอร์เท่านั้น」

 

 

พอเธอพูดจบ มิโรสลาฟก็เงยหน้ามามองหน้าผม

 

 

 

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความขยะแขยงตอนมองผมได้เปลี่ยนไปเป็นอารมณ์ที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง

 

 

ผมสัมผัสได้ถึงความเย้ายวนจากเพศตรงข้าม จนทำให้ผมต้องกลืนน้ำลาย

 

 

มิโรสลาฟในอดีตนั้นมีผมหยักศกสีแดงยาวมาจนถึงหน้าอก แต่เพราะตอนผมลักพาตัวเธอไปนั้นผมได้ตัดออกไปจนเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว――ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือตัดตอนปล่อยเธอออกไป ดังนั้นตอนนี้ผมของเธอจึงเริ่มยาวกลับมาเท่าเดิมแล้ว

 

 

สิ่งที่ไม่คุ้นเคยซึ่งออกมาจากคนที่คุ้นเคย

 

 

 

ผมก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นผมจึงได้โอบแขนเข้าไปหาเธอและบังคับดึงเธอเข้ามากอดเพื่อสลัดความรู้สึกแปลกๆ ออกไป

 

 

 

 

――เธอก็ไม่ได้ต่อต้านผมเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

◆◆◆

 

 

 

หลังจากที่มิโรสลาฟเข้าร่วมแคลนผม เธอก็เลือกจะมาอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกับผม

 

 

 

แน่นอนว่าทางผมเป็นคนบอกให้เธออยู่ที่นี่เอง เพราะคงยุ่งยากแน่หากต้องออกไปข้างนอกตลอดเวลา เมื่อต้องการกินวิญญาณเธอ

 

 

 

ทางเธอเองก็เหมือนตั้งใจจะขอกับผมเรื่องนี้เหมือนกัน ทุกอย่างเลยเป็นไปอย่างราบรื่น

 

 

นอกจากนี้ก็มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในแคลนด้วย

 

เพราะผมยังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมิโรสลาฟและลูนามาเรีย

 

 

 

…ก็จะไม่ให้กังวลได้ยังไง เพราะผมเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเธอต้องแยกทางกันนี่นา

 

 

ถึงมิโรสลาฟจะทำตามที่ผมสั่งก็เถอะ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะมิโรสลาฟด้วยที่ทำให้ลูนามาเรียกลายเป็นทาส

 

 

ดังนั้นอาจจะมีความตึงเครียดระหว่างสองสาวก็ได้ ผมคิดไว้

 

 

 

แต่ทว่า ผลที่ออกมาดันตรงข้ามกับที่ผมคิดซะงั้น ทั้งสองไม่ได้มีปัญหาทะเลาะอะไรกันเลย นอกจากนี้พวกเธอยังรู้สึกเหมือนเชื่อมโยงถึงกันด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

 

ก็จริงว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอคงจะไม่เหมือนตอนอยู่ดาบฮายาบูสะหรอก แต่อย่างน้อยผมก็ไม่สัมผัสถึงความปรปักษ์ใดๆ ในบทสนทนาของพวกเธอเลย

 

 

 

 

ต่อมาก็เป็นความสัมพันธ์ของมิโรสลาฟกับชีล ผลออกมาค่อนข้างดีเลย

 

 

มิโรสลาฟให้ความเคารพกับชีลที่เป็นรุ่นพี่ในแคลน ทางชีลเองก็เคารพเธอในฐานะนักผจญภัยมากประสบการณ์ ดังนั้นทั้งสองจึงไม่มีปัญหาอะไรกัน

 

 

ส่วนสิ่งที่ผมตกใจสุดๆ ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างมิโรสลาฟกับซูซูเมะนี่แหละ

 

ถึงมันจะเป็นในแง่ดีก็เถอะ

 

 

 

ตอนนี้ซูซูเมะดูเหมือนจะพยายามเรียนเวทมนตร์กับมิโรสลาฟอยู่

 

 

 

ผมก็เคยบอกไปก่อนแล้วนะว่าเขาของพวกคิจินเนี่ยเป็นของหายากสุดๆ เพราะพวกมันสามารถเก็บกักมานาไว้ภายในได้เป็นจำนวนมาก

 

 

ร่างกายของพวกเขาเป็นเครื่องผลิตมานาที่ทรงคุณภาพ นอกจากนี้คิจินตัวเมียนั้นจะมีสองเขา ซึ่งก็หมายความว่ามานาของพวกเธอจะมีมากกว่าคิจินตัวผู้ซึ่งมีเขาเดียว

 

 

หรือก็คือ ศักยภาพของซูซูเมะในฐานะจอมเวทนั้นยอดเยี่ยมอย่างมากโดยกำเนิด

 

 

 

ที่ผมไม่ได้สนใจให้เธอเรียนรู้ในด้านนี้ก็เพราะผมไม่ได้คิดจะให้เธอออกไปสู้กับใครที่ไหน

 

 

 

อีกอย่างผมก็อยากจะให้เธอเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ซะก่อน

 

 

 

พอผมได้ยินว่าเธอเริ่มเรียนรู้เวทมนตร์กับมิโรสลาฟผมก็ตกใจพอสมควร และที่ตกใจมากกว่านั้นก็คือซูซูเมะเป็นคนขอร้องกับมิโรสลาฟให้สอนเอง

 

 

 

ขณะที่ตอบคำถามผมด้วยท่าทีที่เหนียมอาย ซูซูเมะก็ได้วิ่งไปเรื่อยๆ ภายใต้คำสอนของมิโรสลาฟ เธอบอกว่าถึงจะเป็นจอมเวทก็จำเป็นต้องมีพลังกายที่เหมาะสมเสียก่อน จากนั้นก็ยิ้มให้ผมขณะที่เหงื่อไหลจากหน้าผาก

 

 

 

 

「เพราะฉัน…ก็อยากจะมีประโยชน์กับนายเหมือนชีลและลูน่านี่นา」

 

 

เธอบอกกับผมว่ารู้สึกแย่ที่ต้องคอยให้คนอื่นเอาแต่ดูแล

 

 

ผมสีน้ำเงินเข้มของเธอถูกรวบเอาไว้เป็นหางม้าเพื่อไม่ให้ขัดขวางต่อการออกกำลัง ท่าทางของเธอช่างดูสง่างามแสดงถึงความตั้งใจที่จะเรียนรู้จริงๆ

 

 

หรือก็คือผู้หญิงตรงหน้าผมเธอตั้งใจที่จะทำเพื่อผมจริงๆ

 

 

ผมก็ได้แต่เอามือปิดปากตัวเองไว้และหันหลังให้กับเธอ

 

 

 

…โถ่เอ้ย! ช่างเป็นเด็กดีอะไรขนาดนี้กันะ…ตัวผมในอดีตที่ตัดสินใจช่วยเธอเอาไว้เอ๋ย การกระทำของนายมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!

 

 

 

น้ำตาแห่งความปิติไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเสียงของซูซูเมะก็ดังขึ้น

 

 

 

「……เอ่อ คือว่านะโซระ…」

 

 

 

「อึก-หือ! มีอะไรเหรอ?!」

 

 

 

「ที่นายอยากจะรู้มีเพียงแค่นี้ใช่หรือเปล่า? 」

 

 

เพราะถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะได้เริ่มวิ่งต่อ จากนั้นซูซูเมะก็เตรียมวิ่งก่อนจะกล่าวขอโทษผม

 

 

 

ผมก็พยักหน้าให้กับเธอ

 

 

 

 

 

「อื้ม แค่นี้แหละ ขอโทษที่กวนระหว่างฝึกนะ!」

 

 

 

「ไม่หรอกน่า หากมีอะไรที่นายต้องการ ก็บอกฉันได้เสมอนะ」

 

 

 

เธอพูดแบบนั้นก่อนจะ โค้งคำนับผมแล้ววิ่งต่อ

 

 

 

หากซูซูเมะอยากจะวิ่งไปตามถนนเมืองอิชกะ ผมก็กะจะไปคุ้มกันเธออยู่หรอก แต่เนื่องจากเธอตัดสินใจที่จะวิ่งในบริเวณรอบบ้าน ผมคงไม่ต้องเป็นห่วงอะไร

 

 

อันที่จริงผมก็กะจะไปวิ่งกับเธอนะ――แต่นั่นคงทำให้เธอประหม่าจนไม่เป็นอันซ้อม ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือการออกจากที่นี่

 

 

 

ผมกลับเข้ามาในบ้าน แล้วก็นั่งคิดอะไรอยู่พักหนึ่งก่อนจะเข้าไปยังห้องอาบน้ำ

 

จากนั้นผมก็ทำการเตรียมอ่างอาบน้ำไว้ให้เธอใช้ หลังฝึกซ้อมเสร็จ

 

———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+