การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 18 แผนกักตัว

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 18 แผนกักตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 18 แผนกักตัว

 

หลังจากที่การพูดคุยในกิลด์จบลง

 

ส่วนใหญ่ก็ถือว่าเป็นไปตามที่ผมคาดเอาไว้

 

ไม่แปลกใจเลยที่การฟ้องครั้งนี้ของผมมันจะไม่สำเร็จ ยังไงผมก็คิดไว้แล้วว่ามันไม่มีทางจะผ่านไปได้หรอก

 

ถ้าพวกเขายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดตั้งแต่แรกสิถึงจะทำให้ผมตกใจมากกว่า

 

อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน เห็นได้ชัดว่ามีส่วนหนึ่งของแผนนี้ที่ผมผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ได้

 

ถึงทุกอย่างมันจะเป็นไปตามที่ผมคิด แต่ลึกๆ แล้วผมก็ยังมีความหวังว่าพวกนั้นจะยอมรับความผิดกับสิ่งที่เขาทำลงไปกันนะ

 

อันที่จริงผมมีบางสิ่งที่อยากจะบอกกับราสด้วย แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้พูดออกไป

 

นั่นคือ “ขอบคุณ” ขอบคุณมากจริงๆ ที่ชวนผมเข้าปาร์ตี้เมื่อห้าปีก่อน

 

ถึงตอนแยกจากจะน่าขมขื่นไปบ้าง แต่ตอนนั้นมันก็สนุกจริงๆ

 

เพื่อนเลเวลเดียวกัน ที่บางครั้งก็สำเร็จบางครั้งก็ล้มเหลว ออกไปผจญภัยด้วยกันความรู้สึกที้ถูกเติมเต็มซึ่งหาไม่ได้จากบนเกาะ

 

ราสคือคนมอบช่วงเวลาเหล่านั้นให้กับผม

 

ดังนั้น หากราสยอมรับความผิดของพวกเขา ผมก็กะจะยอมยกโทษให้กับมิโรสลาฟที่ก่อเรื่องในครั้งนี้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ

 

….แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

สุดท้ายแล้วมันก็บานปลายออกมา คนที่ผมรู้สึกขอบคุณก็คือราสเมื่อห้าปีที่แล้ว และผมก็ยืนยันได้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ส่วนมิโรสลาฟไม่จำเป็นต้องพูดถึงด้วยซ้ำ

 

กิลด์ก็เหมือนกัน พวกเขาแสดงความเป็นศัตรูกับผมออกมาอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเข้าข้างเธอ และพยายามฝังกลบความผิดของเธอเอาไว้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ผมก็ไม่สามารถทิ้งความเป็นไปได้ของ “มาตรการที่เหมาะสม” ที่พวกเขาจะใช้กับผม ซึ่งมันอาจจะเป็นภัยต่อผมจริงก็ได้

 

พูดตามตรงว่าผมค่อนข้างจะเกลียดพวกเขาตอนที่ไล่ผมออกมาจากกิลด์ แต่ความเกลียดชังที่มีต่อพวกเขาในวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นเลย

 

กิลด์นักผจญภัยแห่งอิชกะยกเลิกการฟ้องของผมเพื่อปกปิดเรื่องคนของพวกเขาเอง นั่นก็เป็นเหตุผลที่มากเกินพอสำหรับผมที่จะแก้แค้นพวกเขาแล้ว

 

ผมเผลอเม้มปากออกมาเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น

 

เอาละทีนี้ก็เป็นคำถาม ผมควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี

 

ถึงผมจะสามารถฆ่าพวกมันด้วยอาภรณ์วิญญาณที่ผมได้รับมาได้…แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

 

สุดท้ายผมก็จะไม่ต่างอะไรกับอาชญากรธรรมดาคนหนึ่ง แถมยังมีค่าหัวติดตัวอีกด้วย

 

การจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกคงไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก

 

ตอนนี้ผมก็เชี่ยวชาญการใช้อาภรณ์วิญญาณขึ้นมาบ้างแล้ว เลเวลผมก็อัพขึ้นมาเยอะเลย นั่นแปลว่าผมแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะแกร่งที่สุดในโลกเสียหน่อย

 

ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยก็กิลด์มาสเตอร์เอลการ์ด ควิส ถ้าผมต้องสู้กับเขาจริงๆ ผมในตอนนี้คงไม่มีทางเอาชนะได้แน่

 

ถึงจะมีอาภรณ์วิญญาณเข้าช่วยแล้ว ผมเลยสามารถฆ่าศัตรูที่เลเวลสูงกว่าได้ในระดับหนึ่ง แต่ใครมันจะไปบ้าเลือกสู้กับคนที่มีเลเวลมากกว่าตัวเองถึง 30 เลเวลโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

 

ไม่ใช่แค่เอลการ์ดคนเดียว แม้แต่ราสและคนอื่นๆ ก็ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่ตึงมือผมเหมือนกัน

 

ในขณะที่ผมเอาแต่รวบรวมสมุนไพรมาหลายปี พวกเขาก็ต่างก้าวหน้าในการทำภารกิจต่างๆ ไปมากแล้ว ประสบการณ์ที่มียิ่งไม่ต้องพูดถึง

 

ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้พวกเขาจะเลเวลเท่าไหร่กันแล้วเพราะมันไม่ถูกเปิดเผยเหมือนกับเอลการ์ด…แต่ด้วยความที่ราสก็เป็นถึงนักผจญภัยระดับ 6 เลเวลของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ผมเดาว่าเขาน่าจะเลเวลอยู่ที่ 15 ไม่ก็มากกว่านั้น

 

อิเรียกับมิโรสลาฟก็น่าจะแถวๆ นั้นเหมือนกัน ส่วนลูนามาเรียน่าจะสูงกว่าพวกเธอนิดหน่อย เอาเป็นว่าตอนนี้เลเวลผมยังเทียบพวกเขาไม่ติดหรอก ดังนั้นผมคงรับมือกับพวกเขาไม่ได้ง่ายๆ แน่

 

ถึงจะพูดแบบนั้นผมก็ไม่คิดหรอกนะ ว่าถ้าได้สู้จริงๆ แล้วจะแพ้พวกเขาน่ะ นอกจากเอลการ์ดแล้ว ราสกับคนอื่นๆ ผมน่าจะใช้อาภรณ์วิญญาณในการช่วยสู้ไหว จากที่ผมสังเกตพวกเขาในวันนี้

แต่นั่นต้องเป็นในกรณีที่สู้กันแบบตัวต่อตัวเท่านั้น หากผมถูกพวกเขาทั้งปาร์ตี้รุมโจมตีพร้อมกัน คงจบไม่ค่อยสวยแน่

 

「ก็แปลว่าเราต้องกำจัดพวกมันไปทีละตัวสิน้อ」

 

หากลอบสังหาร…ผมก็คงจะโดนติดค่าหัว แถมผมก็ไม่คิดว่ากิลด์มาสเตอร์จะยอมปล่อยผมไปง่ายๆ ด้วย ในเมืองนี้คงจะมีหูตาอยู่เยอะเลยทีเดียว

 

แต่ถึงผมจะทำได้สำเร็จจริง ผมก็คงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปโดยอัตโนมัติแน่หากเกิดอะไรขึ้นกับคนของปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะตอนนี้

 

อันที่จริงพอมาคิดอีกที มันน่าจะดีกว่าถ้าผมแกล้งตายไปตอนเหตุการณ์ที่เจอราชาแมลงวันเลย

 

เพราะคงจะไม่มีใครสงสัยคนที่ตายไปแล้วด้วยไม่ว่าผมจะไปฆ่าใครก็ตาม

 

แต่ถ้าเลือกทางนั้นจริง ฉันจะไม่ได้รับข้อมูลและสิ่งที่ผมต้องการได้ยินจากการประชุมครั้งก่อน นั่นคือสิ่งที่ฉันกังวล

 

พอพิจารณาเงื่อนไขพวกนี้ทั้งหมดแล้ว

 

「งั้นก็มาใช้สถานที่แห่งนั้นกันดีกว่า」

 

รังของราชาแมลงวันตั้งอยู่ในส่วนลึกของป่าทีทิส ผมจะใช้ประโยชน์จากที่นั่น

 

ผมจะพามิโรสลาฟไปที่นั่น

 

กิลด์ที่ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนนั้น ถึงพวกเขาจะส่งทีมค้นหาออกมา ผมก็ไม่คิดหรอกว่าพวกเขาจะตามมาเจอได้

 

เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการคุมขัง

 

อันที่จริงก่อนที่ผมจะได้เข้ามาคุยกับพวกดาบฮายาบูสะ พนักงานกิลด์บางคนก็รู้เรื่องที่ผมถูกราชาแมลงวันจับตัวไปแล้ว

 

พวกเขาก็เข้ามาถามผมเหมือนกันว่า มีอะไรบ้างในรังนั้น หนีออกมาได้ยังไง รังอยู่ที่ไหนต่างๆ นานา

 

แต่ผมก็ตอบพวกเขาไปแบบคลุมเครือเช่น ไม่รู้ จำไม่ค่อยได้

 

เพราะผมอยากจะใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่

 

ตอนนี้ผมคงเป็นคนเดียวในโลกที่รู้ตำแหน่งรังของราชาแมลงวัน ไม่สิมีผู้หญิงจากเผ่าคิจินอีกคนนี่นา

 

「ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ต่อไปคือการเตรียมตัว อาหาร น้ำ และเสื้อผ้า…จริงสิ เราน่าจะต้องหาเสื้อผ้าที่ทนความหนาวได้ด้วยสินะ? 」

 

มันใช้เวลาประมาณสี่วันในการไปที่รังของมันจากเมืองนี้ และนั่นคือในกรณีที่ผมใช้พลังคิแล้วด้วย นั่นจึงทำให้ต้องมีการเตรียมตัวกันสักหน่อย

 

หื้มมม ผมกอดอกในขณะที่กำลังคิด

 

ยังไงพวกดาบฮายาบูสะแล้วก็กิลด์คงจะตื่นตัวอย่างมากในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ดังนั้นเพื่อให้พวกเขาลดการระวังตัวลงน่าจะต้องลงมือหลังจากนั้นแทน

 

เพราะมนุษย์ไม่สามารถอยู่ในภาวะตึงเครียดและระแวดระวังได้นานกว่าหนึ่งเดือนหรอก อัตราความสำเร็จของแผนการจะสูงขึ้นเช่นกันหากผมเลือกโจมตีในช่วงเวลาที่พวกเขาเหนื่อยล้าจากการตื่นตัวอย่างต่อเนื่องมาพักใหญ่

 

 

เพื่อที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ผมก็จำเป็นต้องสร้างสถานที่ภายในถ้ำให้คนสามารถอาศัยอยู่ได้ด้วย

 

ด้วยเหตุนี้ผมถึงจำเป็นต้องซื้อเสบียงและของใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ถ้าผมจะซื้อในเมืองนี้ เดี๋ยวพวกกิลด์ก็จะรู้ตัวเอา

 

ผมก็ไม่คิดหรอกว่าแค่ออกมาซื้อของพวกเขาจะคิดว่าผมมีแผนสูงอะไร แต่ผมก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องให้ข้อมูลพวกเขาแม้แต่น้อย

 

เราออกจากเมืองเลยดีไหมนะ?

 

 

ผมสามารถซื้อเสบียงจากเมืองและหมู่บ้านแถวๆ ป่าทีทิสได้ ก่อนจะนำมันไปตุนไว้ภายในถ้ำก่อน ยังไงเงินผมก็ยังเหลืออยู่ด้วย…

 

 

 

「…อ่ะ เดี๋ยว?!!」

 

 

ผมเอามือวางไว้บนหัวของตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้

 

ฉิบหายละ ผมเอาเหรียญทองทั้งหมดทิ้งไว้ที่กิลด์นี่นา!

 

 

 

ผมจะกลับไปเอาตอนนี้ดีไหมนะ แต่ผมจะกลับไปได้ยังไงกันในเมื่อผมประกาศตัวเป็นศัตรูกับทางกิลด์ไปแล้วด้วยสิ

 

 

 

 

เฮ้อ ผมถอนหายใจ

 

 

 

ช่วยไม่ได้สินะ ถึงตอนนี้ผมจะยังพอมีเหรียญเงินเหลือบ้างก็เถอะ จริงสิยังมีพวกอุปกรณ์บางชิ้นที่สามารถแลกเป็นเงินได้เหลือที่รังนี่นา

 

 

ถึงจะเสียเวลาในการเตรียมการไปอีกสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้จะมีการจำกัดเวลาอะไรเอาไว้สักหน่อย ถึงจะใช้เวลาสักครึ่งปีหรือมากกว่านั้นถ้ามันจำเป็นก็ไม่มีปัญหา..ถึงผมจะไม่คิดว่าต้องนานขนาดนั้นก็เถอะ

 

 

 

พอคิดได้แบบนั้น ผมก็ยืนขึ้นแล้วเริ่มเดินไปตามถนนของอิชกะ

 

 

และในตอนนั้นเอง

 

 

 

「 …..คุณโซระ…คะ」

 

 

ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อผมมาจากด้านหลัง

 

 

เมื่อผมหันไปก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะคนที่เรียกผมนั้นคือเอลฟ์ที่มีชื่อว่าลูนามาเรีย ใบหน้าของเธอซีดลงกว่าทุกทีราวกับจะล้มลงไปตอนไหนก็ได้

 

——

Note 1 : เกือบเข้มละอีกนิดนึง

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code 

 

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 18 แผนกักตัว

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 18 แผนกักตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 18 แผนกักตัว

 

หลังจากที่การพูดคุยในกิลด์จบลง

 

ส่วนใหญ่ก็ถือว่าเป็นไปตามที่ผมคาดเอาไว้

 

ไม่แปลกใจเลยที่การฟ้องครั้งนี้ของผมมันจะไม่สำเร็จ ยังไงผมก็คิดไว้แล้วว่ามันไม่มีทางจะผ่านไปได้หรอก

 

ถ้าพวกเขายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดตั้งแต่แรกสิถึงจะทำให้ผมตกใจมากกว่า

 

อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน เห็นได้ชัดว่ามีส่วนหนึ่งของแผนนี้ที่ผมผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ได้

 

ถึงทุกอย่างมันจะเป็นไปตามที่ผมคิด แต่ลึกๆ แล้วผมก็ยังมีความหวังว่าพวกนั้นจะยอมรับความผิดกับสิ่งที่เขาทำลงไปกันนะ

 

อันที่จริงผมมีบางสิ่งที่อยากจะบอกกับราสด้วย แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้พูดออกไป

 

นั่นคือ “ขอบคุณ” ขอบคุณมากจริงๆ ที่ชวนผมเข้าปาร์ตี้เมื่อห้าปีก่อน

 

ถึงตอนแยกจากจะน่าขมขื่นไปบ้าง แต่ตอนนั้นมันก็สนุกจริงๆ

 

เพื่อนเลเวลเดียวกัน ที่บางครั้งก็สำเร็จบางครั้งก็ล้มเหลว ออกไปผจญภัยด้วยกันความรู้สึกที้ถูกเติมเต็มซึ่งหาไม่ได้จากบนเกาะ

 

ราสคือคนมอบช่วงเวลาเหล่านั้นให้กับผม

 

ดังนั้น หากราสยอมรับความผิดของพวกเขา ผมก็กะจะยอมยกโทษให้กับมิโรสลาฟที่ก่อเรื่องในครั้งนี้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ

 

….แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

สุดท้ายแล้วมันก็บานปลายออกมา คนที่ผมรู้สึกขอบคุณก็คือราสเมื่อห้าปีที่แล้ว และผมก็ยืนยันได้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ส่วนมิโรสลาฟไม่จำเป็นต้องพูดถึงด้วยซ้ำ

 

กิลด์ก็เหมือนกัน พวกเขาแสดงความเป็นศัตรูกับผมออกมาอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเข้าข้างเธอ และพยายามฝังกลบความผิดของเธอเอาไว้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ผมก็ไม่สามารถทิ้งความเป็นไปได้ของ “มาตรการที่เหมาะสม” ที่พวกเขาจะใช้กับผม ซึ่งมันอาจจะเป็นภัยต่อผมจริงก็ได้

 

พูดตามตรงว่าผมค่อนข้างจะเกลียดพวกเขาตอนที่ไล่ผมออกมาจากกิลด์ แต่ความเกลียดชังที่มีต่อพวกเขาในวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นเลย

 

กิลด์นักผจญภัยแห่งอิชกะยกเลิกการฟ้องของผมเพื่อปกปิดเรื่องคนของพวกเขาเอง นั่นก็เป็นเหตุผลที่มากเกินพอสำหรับผมที่จะแก้แค้นพวกเขาแล้ว

 

ผมเผลอเม้มปากออกมาเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น

 

เอาละทีนี้ก็เป็นคำถาม ผมควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี

 

ถึงผมจะสามารถฆ่าพวกมันด้วยอาภรณ์วิญญาณที่ผมได้รับมาได้…แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

 

สุดท้ายผมก็จะไม่ต่างอะไรกับอาชญากรธรรมดาคนหนึ่ง แถมยังมีค่าหัวติดตัวอีกด้วย

 

การจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกคงไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก

 

ตอนนี้ผมก็เชี่ยวชาญการใช้อาภรณ์วิญญาณขึ้นมาบ้างแล้ว เลเวลผมก็อัพขึ้นมาเยอะเลย นั่นแปลว่าผมแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะแกร่งที่สุดในโลกเสียหน่อย

 

ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยก็กิลด์มาสเตอร์เอลการ์ด ควิส ถ้าผมต้องสู้กับเขาจริงๆ ผมในตอนนี้คงไม่มีทางเอาชนะได้แน่

 

ถึงจะมีอาภรณ์วิญญาณเข้าช่วยแล้ว ผมเลยสามารถฆ่าศัตรูที่เลเวลสูงกว่าได้ในระดับหนึ่ง แต่ใครมันจะไปบ้าเลือกสู้กับคนที่มีเลเวลมากกว่าตัวเองถึง 30 เลเวลโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

 

ไม่ใช่แค่เอลการ์ดคนเดียว แม้แต่ราสและคนอื่นๆ ก็ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่ตึงมือผมเหมือนกัน

 

ในขณะที่ผมเอาแต่รวบรวมสมุนไพรมาหลายปี พวกเขาก็ต่างก้าวหน้าในการทำภารกิจต่างๆ ไปมากแล้ว ประสบการณ์ที่มียิ่งไม่ต้องพูดถึง

 

ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้พวกเขาจะเลเวลเท่าไหร่กันแล้วเพราะมันไม่ถูกเปิดเผยเหมือนกับเอลการ์ด…แต่ด้วยความที่ราสก็เป็นถึงนักผจญภัยระดับ 6 เลเวลของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ผมเดาว่าเขาน่าจะเลเวลอยู่ที่ 15 ไม่ก็มากกว่านั้น

 

อิเรียกับมิโรสลาฟก็น่าจะแถวๆ นั้นเหมือนกัน ส่วนลูนามาเรียน่าจะสูงกว่าพวกเธอนิดหน่อย เอาเป็นว่าตอนนี้เลเวลผมยังเทียบพวกเขาไม่ติดหรอก ดังนั้นผมคงรับมือกับพวกเขาไม่ได้ง่ายๆ แน่

 

ถึงจะพูดแบบนั้นผมก็ไม่คิดหรอกนะ ว่าถ้าได้สู้จริงๆ แล้วจะแพ้พวกเขาน่ะ นอกจากเอลการ์ดแล้ว ราสกับคนอื่นๆ ผมน่าจะใช้อาภรณ์วิญญาณในการช่วยสู้ไหว จากที่ผมสังเกตพวกเขาในวันนี้

แต่นั่นต้องเป็นในกรณีที่สู้กันแบบตัวต่อตัวเท่านั้น หากผมถูกพวกเขาทั้งปาร์ตี้รุมโจมตีพร้อมกัน คงจบไม่ค่อยสวยแน่

 

「ก็แปลว่าเราต้องกำจัดพวกมันไปทีละตัวสิน้อ」

 

หากลอบสังหาร…ผมก็คงจะโดนติดค่าหัว แถมผมก็ไม่คิดว่ากิลด์มาสเตอร์จะยอมปล่อยผมไปง่ายๆ ด้วย ในเมืองนี้คงจะมีหูตาอยู่เยอะเลยทีเดียว

 

แต่ถึงผมจะทำได้สำเร็จจริง ผมก็คงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปโดยอัตโนมัติแน่หากเกิดอะไรขึ้นกับคนของปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะตอนนี้

 

อันที่จริงพอมาคิดอีกที มันน่าจะดีกว่าถ้าผมแกล้งตายไปตอนเหตุการณ์ที่เจอราชาแมลงวันเลย

 

เพราะคงจะไม่มีใครสงสัยคนที่ตายไปแล้วด้วยไม่ว่าผมจะไปฆ่าใครก็ตาม

 

แต่ถ้าเลือกทางนั้นจริง ฉันจะไม่ได้รับข้อมูลและสิ่งที่ผมต้องการได้ยินจากการประชุมครั้งก่อน นั่นคือสิ่งที่ฉันกังวล

 

พอพิจารณาเงื่อนไขพวกนี้ทั้งหมดแล้ว

 

「งั้นก็มาใช้สถานที่แห่งนั้นกันดีกว่า」

 

รังของราชาแมลงวันตั้งอยู่ในส่วนลึกของป่าทีทิส ผมจะใช้ประโยชน์จากที่นั่น

 

ผมจะพามิโรสลาฟไปที่นั่น

 

กิลด์ที่ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนนั้น ถึงพวกเขาจะส่งทีมค้นหาออกมา ผมก็ไม่คิดหรอกว่าพวกเขาจะตามมาเจอได้

 

เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการคุมขัง

 

อันที่จริงก่อนที่ผมจะได้เข้ามาคุยกับพวกดาบฮายาบูสะ พนักงานกิลด์บางคนก็รู้เรื่องที่ผมถูกราชาแมลงวันจับตัวไปแล้ว

 

พวกเขาก็เข้ามาถามผมเหมือนกันว่า มีอะไรบ้างในรังนั้น หนีออกมาได้ยังไง รังอยู่ที่ไหนต่างๆ นานา

 

แต่ผมก็ตอบพวกเขาไปแบบคลุมเครือเช่น ไม่รู้ จำไม่ค่อยได้

 

เพราะผมอยากจะใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่

 

ตอนนี้ผมคงเป็นคนเดียวในโลกที่รู้ตำแหน่งรังของราชาแมลงวัน ไม่สิมีผู้หญิงจากเผ่าคิจินอีกคนนี่นา

 

「ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ต่อไปคือการเตรียมตัว อาหาร น้ำ และเสื้อผ้า…จริงสิ เราน่าจะต้องหาเสื้อผ้าที่ทนความหนาวได้ด้วยสินะ? 」

 

มันใช้เวลาประมาณสี่วันในการไปที่รังของมันจากเมืองนี้ และนั่นคือในกรณีที่ผมใช้พลังคิแล้วด้วย นั่นจึงทำให้ต้องมีการเตรียมตัวกันสักหน่อย

 

หื้มมม ผมกอดอกในขณะที่กำลังคิด

 

ยังไงพวกดาบฮายาบูสะแล้วก็กิลด์คงจะตื่นตัวอย่างมากในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ดังนั้นเพื่อให้พวกเขาลดการระวังตัวลงน่าจะต้องลงมือหลังจากนั้นแทน

 

เพราะมนุษย์ไม่สามารถอยู่ในภาวะตึงเครียดและระแวดระวังได้นานกว่าหนึ่งเดือนหรอก อัตราความสำเร็จของแผนการจะสูงขึ้นเช่นกันหากผมเลือกโจมตีในช่วงเวลาที่พวกเขาเหนื่อยล้าจากการตื่นตัวอย่างต่อเนื่องมาพักใหญ่

 

 

เพื่อที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ผมก็จำเป็นต้องสร้างสถานที่ภายในถ้ำให้คนสามารถอาศัยอยู่ได้ด้วย

 

ด้วยเหตุนี้ผมถึงจำเป็นต้องซื้อเสบียงและของใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ถ้าผมจะซื้อในเมืองนี้ เดี๋ยวพวกกิลด์ก็จะรู้ตัวเอา

 

ผมก็ไม่คิดหรอกว่าแค่ออกมาซื้อของพวกเขาจะคิดว่าผมมีแผนสูงอะไร แต่ผมก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องให้ข้อมูลพวกเขาแม้แต่น้อย

 

เราออกจากเมืองเลยดีไหมนะ?

 

 

ผมสามารถซื้อเสบียงจากเมืองและหมู่บ้านแถวๆ ป่าทีทิสได้ ก่อนจะนำมันไปตุนไว้ภายในถ้ำก่อน ยังไงเงินผมก็ยังเหลืออยู่ด้วย…

 

 

 

「…อ่ะ เดี๋ยว?!!」

 

 

ผมเอามือวางไว้บนหัวของตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้

 

ฉิบหายละ ผมเอาเหรียญทองทั้งหมดทิ้งไว้ที่กิลด์นี่นา!

 

 

 

ผมจะกลับไปเอาตอนนี้ดีไหมนะ แต่ผมจะกลับไปได้ยังไงกันในเมื่อผมประกาศตัวเป็นศัตรูกับทางกิลด์ไปแล้วด้วยสิ

 

 

 

 

เฮ้อ ผมถอนหายใจ

 

 

 

ช่วยไม่ได้สินะ ถึงตอนนี้ผมจะยังพอมีเหรียญเงินเหลือบ้างก็เถอะ จริงสิยังมีพวกอุปกรณ์บางชิ้นที่สามารถแลกเป็นเงินได้เหลือที่รังนี่นา

 

 

ถึงจะเสียเวลาในการเตรียมการไปอีกสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้จะมีการจำกัดเวลาอะไรเอาไว้สักหน่อย ถึงจะใช้เวลาสักครึ่งปีหรือมากกว่านั้นถ้ามันจำเป็นก็ไม่มีปัญหา..ถึงผมจะไม่คิดว่าต้องนานขนาดนั้นก็เถอะ

 

 

 

พอคิดได้แบบนั้น ผมก็ยืนขึ้นแล้วเริ่มเดินไปตามถนนของอิชกะ

 

 

และในตอนนั้นเอง

 

 

 

「 …..คุณโซระ…คะ」

 

 

ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อผมมาจากด้านหลัง

 

 

เมื่อผมหันไปก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะคนที่เรียกผมนั้นคือเอลฟ์ที่มีชื่อว่าลูนามาเรีย ใบหน้าของเธอซีดลงกว่าทุกทีราวกับจะล้มลงไปตอนไหนก็ได้

 

——

Note 1 : เกือบเข้มละอีกนิดนึง

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code 

 

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 18 แผนกักตัว

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 18 แผนกักตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 18 แผนกักตัว

 

หลังจากที่การพูดคุยในกิลด์จบลง

 

ส่วนใหญ่ก็ถือว่าเป็นไปตามที่ผมคาดเอาไว้

 

ไม่แปลกใจเลยที่การฟ้องครั้งนี้ของผมมันจะไม่สำเร็จ ยังไงผมก็คิดไว้แล้วว่ามันไม่มีทางจะผ่านไปได้หรอก

 

ถ้าพวกเขายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดตั้งแต่แรกสิถึงจะทำให้ผมตกใจมากกว่า

 

อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน เห็นได้ชัดว่ามีส่วนหนึ่งของแผนนี้ที่ผมผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ได้

 

ถึงทุกอย่างมันจะเป็นไปตามที่ผมคิด แต่ลึกๆ แล้วผมก็ยังมีความหวังว่าพวกนั้นจะยอมรับความผิดกับสิ่งที่เขาทำลงไปกันนะ

 

อันที่จริงผมมีบางสิ่งที่อยากจะบอกกับราสด้วย แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้พูดออกไป

 

นั่นคือ “ขอบคุณ” ขอบคุณมากจริงๆ ที่ชวนผมเข้าปาร์ตี้เมื่อห้าปีก่อน

 

ถึงตอนแยกจากจะน่าขมขื่นไปบ้าง แต่ตอนนั้นมันก็สนุกจริงๆ

 

เพื่อนเลเวลเดียวกัน ที่บางครั้งก็สำเร็จบางครั้งก็ล้มเหลว ออกไปผจญภัยด้วยกันความรู้สึกที้ถูกเติมเต็มซึ่งหาไม่ได้จากบนเกาะ

 

ราสคือคนมอบช่วงเวลาเหล่านั้นให้กับผม

 

ดังนั้น หากราสยอมรับความผิดของพวกเขา ผมก็กะจะยอมยกโทษให้กับมิโรสลาฟที่ก่อเรื่องในครั้งนี้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ

 

….แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

สุดท้ายแล้วมันก็บานปลายออกมา คนที่ผมรู้สึกขอบคุณก็คือราสเมื่อห้าปีที่แล้ว และผมก็ยืนยันได้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ส่วนมิโรสลาฟไม่จำเป็นต้องพูดถึงด้วยซ้ำ

 

กิลด์ก็เหมือนกัน พวกเขาแสดงความเป็นศัตรูกับผมออกมาอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเข้าข้างเธอ และพยายามฝังกลบความผิดของเธอเอาไว้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ผมก็ไม่สามารถทิ้งความเป็นไปได้ของ “มาตรการที่เหมาะสม” ที่พวกเขาจะใช้กับผม ซึ่งมันอาจจะเป็นภัยต่อผมจริงก็ได้

 

พูดตามตรงว่าผมค่อนข้างจะเกลียดพวกเขาตอนที่ไล่ผมออกมาจากกิลด์ แต่ความเกลียดชังที่มีต่อพวกเขาในวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นเลย

 

กิลด์นักผจญภัยแห่งอิชกะยกเลิกการฟ้องของผมเพื่อปกปิดเรื่องคนของพวกเขาเอง นั่นก็เป็นเหตุผลที่มากเกินพอสำหรับผมที่จะแก้แค้นพวกเขาแล้ว

 

ผมเผลอเม้มปากออกมาเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น

 

เอาละทีนี้ก็เป็นคำถาม ผมควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี

 

ถึงผมจะสามารถฆ่าพวกมันด้วยอาภรณ์วิญญาณที่ผมได้รับมาได้…แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

 

สุดท้ายผมก็จะไม่ต่างอะไรกับอาชญากรธรรมดาคนหนึ่ง แถมยังมีค่าหัวติดตัวอีกด้วย

 

การจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกคงไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก

 

ตอนนี้ผมก็เชี่ยวชาญการใช้อาภรณ์วิญญาณขึ้นมาบ้างแล้ว เลเวลผมก็อัพขึ้นมาเยอะเลย นั่นแปลว่าผมแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะแกร่งที่สุดในโลกเสียหน่อย

 

ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยก็กิลด์มาสเตอร์เอลการ์ด ควิส ถ้าผมต้องสู้กับเขาจริงๆ ผมในตอนนี้คงไม่มีทางเอาชนะได้แน่

 

ถึงจะมีอาภรณ์วิญญาณเข้าช่วยแล้ว ผมเลยสามารถฆ่าศัตรูที่เลเวลสูงกว่าได้ในระดับหนึ่ง แต่ใครมันจะไปบ้าเลือกสู้กับคนที่มีเลเวลมากกว่าตัวเองถึง 30 เลเวลโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

 

ไม่ใช่แค่เอลการ์ดคนเดียว แม้แต่ราสและคนอื่นๆ ก็ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่ตึงมือผมเหมือนกัน

 

ในขณะที่ผมเอาแต่รวบรวมสมุนไพรมาหลายปี พวกเขาก็ต่างก้าวหน้าในการทำภารกิจต่างๆ ไปมากแล้ว ประสบการณ์ที่มียิ่งไม่ต้องพูดถึง

 

ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้พวกเขาจะเลเวลเท่าไหร่กันแล้วเพราะมันไม่ถูกเปิดเผยเหมือนกับเอลการ์ด…แต่ด้วยความที่ราสก็เป็นถึงนักผจญภัยระดับ 6 เลเวลของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ผมเดาว่าเขาน่าจะเลเวลอยู่ที่ 15 ไม่ก็มากกว่านั้น

 

อิเรียกับมิโรสลาฟก็น่าจะแถวๆ นั้นเหมือนกัน ส่วนลูนามาเรียน่าจะสูงกว่าพวกเธอนิดหน่อย เอาเป็นว่าตอนนี้เลเวลผมยังเทียบพวกเขาไม่ติดหรอก ดังนั้นผมคงรับมือกับพวกเขาไม่ได้ง่ายๆ แน่

 

ถึงจะพูดแบบนั้นผมก็ไม่คิดหรอกนะ ว่าถ้าได้สู้จริงๆ แล้วจะแพ้พวกเขาน่ะ นอกจากเอลการ์ดแล้ว ราสกับคนอื่นๆ ผมน่าจะใช้อาภรณ์วิญญาณในการช่วยสู้ไหว จากที่ผมสังเกตพวกเขาในวันนี้

แต่นั่นต้องเป็นในกรณีที่สู้กันแบบตัวต่อตัวเท่านั้น หากผมถูกพวกเขาทั้งปาร์ตี้รุมโจมตีพร้อมกัน คงจบไม่ค่อยสวยแน่

 

「ก็แปลว่าเราต้องกำจัดพวกมันไปทีละตัวสิน้อ」

 

หากลอบสังหาร…ผมก็คงจะโดนติดค่าหัว แถมผมก็ไม่คิดว่ากิลด์มาสเตอร์จะยอมปล่อยผมไปง่ายๆ ด้วย ในเมืองนี้คงจะมีหูตาอยู่เยอะเลยทีเดียว

 

แต่ถึงผมจะทำได้สำเร็จจริง ผมก็คงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปโดยอัตโนมัติแน่หากเกิดอะไรขึ้นกับคนของปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะตอนนี้

 

อันที่จริงพอมาคิดอีกที มันน่าจะดีกว่าถ้าผมแกล้งตายไปตอนเหตุการณ์ที่เจอราชาแมลงวันเลย

 

เพราะคงจะไม่มีใครสงสัยคนที่ตายไปแล้วด้วยไม่ว่าผมจะไปฆ่าใครก็ตาม

 

แต่ถ้าเลือกทางนั้นจริง ฉันจะไม่ได้รับข้อมูลและสิ่งที่ผมต้องการได้ยินจากการประชุมครั้งก่อน นั่นคือสิ่งที่ฉันกังวล

 

พอพิจารณาเงื่อนไขพวกนี้ทั้งหมดแล้ว

 

「งั้นก็มาใช้สถานที่แห่งนั้นกันดีกว่า」

 

รังของราชาแมลงวันตั้งอยู่ในส่วนลึกของป่าทีทิส ผมจะใช้ประโยชน์จากที่นั่น

 

ผมจะพามิโรสลาฟไปที่นั่น

 

กิลด์ที่ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนนั้น ถึงพวกเขาจะส่งทีมค้นหาออกมา ผมก็ไม่คิดหรอกว่าพวกเขาจะตามมาเจอได้

 

เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการคุมขัง

 

อันที่จริงก่อนที่ผมจะได้เข้ามาคุยกับพวกดาบฮายาบูสะ พนักงานกิลด์บางคนก็รู้เรื่องที่ผมถูกราชาแมลงวันจับตัวไปแล้ว

 

พวกเขาก็เข้ามาถามผมเหมือนกันว่า มีอะไรบ้างในรังนั้น หนีออกมาได้ยังไง รังอยู่ที่ไหนต่างๆ นานา

 

แต่ผมก็ตอบพวกเขาไปแบบคลุมเครือเช่น ไม่รู้ จำไม่ค่อยได้

 

เพราะผมอยากจะใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่

 

ตอนนี้ผมคงเป็นคนเดียวในโลกที่รู้ตำแหน่งรังของราชาแมลงวัน ไม่สิมีผู้หญิงจากเผ่าคิจินอีกคนนี่นา

 

「ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ต่อไปคือการเตรียมตัว อาหาร น้ำ และเสื้อผ้า…จริงสิ เราน่าจะต้องหาเสื้อผ้าที่ทนความหนาวได้ด้วยสินะ? 」

 

มันใช้เวลาประมาณสี่วันในการไปที่รังของมันจากเมืองนี้ และนั่นคือในกรณีที่ผมใช้พลังคิแล้วด้วย นั่นจึงทำให้ต้องมีการเตรียมตัวกันสักหน่อย

 

หื้มมม ผมกอดอกในขณะที่กำลังคิด

 

ยังไงพวกดาบฮายาบูสะแล้วก็กิลด์คงจะตื่นตัวอย่างมากในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ดังนั้นเพื่อให้พวกเขาลดการระวังตัวลงน่าจะต้องลงมือหลังจากนั้นแทน

 

เพราะมนุษย์ไม่สามารถอยู่ในภาวะตึงเครียดและระแวดระวังได้นานกว่าหนึ่งเดือนหรอก อัตราความสำเร็จของแผนการจะสูงขึ้นเช่นกันหากผมเลือกโจมตีในช่วงเวลาที่พวกเขาเหนื่อยล้าจากการตื่นตัวอย่างต่อเนื่องมาพักใหญ่

 

 

เพื่อที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ผมก็จำเป็นต้องสร้างสถานที่ภายในถ้ำให้คนสามารถอาศัยอยู่ได้ด้วย

 

ด้วยเหตุนี้ผมถึงจำเป็นต้องซื้อเสบียงและของใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ถ้าผมจะซื้อในเมืองนี้ เดี๋ยวพวกกิลด์ก็จะรู้ตัวเอา

 

ผมก็ไม่คิดหรอกว่าแค่ออกมาซื้อของพวกเขาจะคิดว่าผมมีแผนสูงอะไร แต่ผมก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องให้ข้อมูลพวกเขาแม้แต่น้อย

 

เราออกจากเมืองเลยดีไหมนะ?

 

 

ผมสามารถซื้อเสบียงจากเมืองและหมู่บ้านแถวๆ ป่าทีทิสได้ ก่อนจะนำมันไปตุนไว้ภายในถ้ำก่อน ยังไงเงินผมก็ยังเหลืออยู่ด้วย…

 

 

 

「…อ่ะ เดี๋ยว?!!」

 

 

ผมเอามือวางไว้บนหัวของตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้

 

ฉิบหายละ ผมเอาเหรียญทองทั้งหมดทิ้งไว้ที่กิลด์นี่นา!

 

 

 

ผมจะกลับไปเอาตอนนี้ดีไหมนะ แต่ผมจะกลับไปได้ยังไงกันในเมื่อผมประกาศตัวเป็นศัตรูกับทางกิลด์ไปแล้วด้วยสิ

 

 

 

 

เฮ้อ ผมถอนหายใจ

 

 

 

ช่วยไม่ได้สินะ ถึงตอนนี้ผมจะยังพอมีเหรียญเงินเหลือบ้างก็เถอะ จริงสิยังมีพวกอุปกรณ์บางชิ้นที่สามารถแลกเป็นเงินได้เหลือที่รังนี่นา

 

 

ถึงจะเสียเวลาในการเตรียมการไปอีกสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้จะมีการจำกัดเวลาอะไรเอาไว้สักหน่อย ถึงจะใช้เวลาสักครึ่งปีหรือมากกว่านั้นถ้ามันจำเป็นก็ไม่มีปัญหา..ถึงผมจะไม่คิดว่าต้องนานขนาดนั้นก็เถอะ

 

 

 

พอคิดได้แบบนั้น ผมก็ยืนขึ้นแล้วเริ่มเดินไปตามถนนของอิชกะ

 

 

และในตอนนั้นเอง

 

 

 

「 …..คุณโซระ…คะ」

 

 

ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อผมมาจากด้านหลัง

 

 

เมื่อผมหันไปก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะคนที่เรียกผมนั้นคือเอลฟ์ที่มีชื่อว่าลูนามาเรีย ใบหน้าของเธอซีดลงกว่าทุกทีราวกับจะล้มลงไปตอนไหนก็ได้

 

——

Note 1 : เกือบเข้มละอีกนิดนึง

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code 

 

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ 18 แผนกักตัว

Now you are reading การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ Chapter 18 แผนกักตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 18 แผนกักตัว

 

หลังจากที่การพูดคุยในกิลด์จบลง

 

ส่วนใหญ่ก็ถือว่าเป็นไปตามที่ผมคาดเอาไว้

 

ไม่แปลกใจเลยที่การฟ้องครั้งนี้ของผมมันจะไม่สำเร็จ ยังไงผมก็คิดไว้แล้วว่ามันไม่มีทางจะผ่านไปได้หรอก

 

ถ้าพวกเขายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดตั้งแต่แรกสิถึงจะทำให้ผมตกใจมากกว่า

 

อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน เห็นได้ชัดว่ามีส่วนหนึ่งของแผนนี้ที่ผมผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ได้

 

ถึงทุกอย่างมันจะเป็นไปตามที่ผมคิด แต่ลึกๆ แล้วผมก็ยังมีความหวังว่าพวกนั้นจะยอมรับความผิดกับสิ่งที่เขาทำลงไปกันนะ

 

อันที่จริงผมมีบางสิ่งที่อยากจะบอกกับราสด้วย แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้พูดออกไป

 

นั่นคือ “ขอบคุณ” ขอบคุณมากจริงๆ ที่ชวนผมเข้าปาร์ตี้เมื่อห้าปีก่อน

 

ถึงตอนแยกจากจะน่าขมขื่นไปบ้าง แต่ตอนนั้นมันก็สนุกจริงๆ

 

เพื่อนเลเวลเดียวกัน ที่บางครั้งก็สำเร็จบางครั้งก็ล้มเหลว ออกไปผจญภัยด้วยกันความรู้สึกที้ถูกเติมเต็มซึ่งหาไม่ได้จากบนเกาะ

 

ราสคือคนมอบช่วงเวลาเหล่านั้นให้กับผม

 

ดังนั้น หากราสยอมรับความผิดของพวกเขา ผมก็กะจะยอมยกโทษให้กับมิโรสลาฟที่ก่อเรื่องในครั้งนี้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ

 

….แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

สุดท้ายแล้วมันก็บานปลายออกมา คนที่ผมรู้สึกขอบคุณก็คือราสเมื่อห้าปีที่แล้ว และผมก็ยืนยันได้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ส่วนมิโรสลาฟไม่จำเป็นต้องพูดถึงด้วยซ้ำ

 

กิลด์ก็เหมือนกัน พวกเขาแสดงความเป็นศัตรูกับผมออกมาอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเข้าข้างเธอ และพยายามฝังกลบความผิดของเธอเอาไว้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ผมก็ไม่สามารถทิ้งความเป็นไปได้ของ “มาตรการที่เหมาะสม” ที่พวกเขาจะใช้กับผม ซึ่งมันอาจจะเป็นภัยต่อผมจริงก็ได้

 

พูดตามตรงว่าผมค่อนข้างจะเกลียดพวกเขาตอนที่ไล่ผมออกมาจากกิลด์ แต่ความเกลียดชังที่มีต่อพวกเขาในวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นเลย

 

กิลด์นักผจญภัยแห่งอิชกะยกเลิกการฟ้องของผมเพื่อปกปิดเรื่องคนของพวกเขาเอง นั่นก็เป็นเหตุผลที่มากเกินพอสำหรับผมที่จะแก้แค้นพวกเขาแล้ว

 

ผมเผลอเม้มปากออกมาเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น

 

เอาละทีนี้ก็เป็นคำถาม ผมควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี

 

ถึงผมจะสามารถฆ่าพวกมันด้วยอาภรณ์วิญญาณที่ผมได้รับมาได้…แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

 

สุดท้ายผมก็จะไม่ต่างอะไรกับอาชญากรธรรมดาคนหนึ่ง แถมยังมีค่าหัวติดตัวอีกด้วย

 

การจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกคงไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก

 

ตอนนี้ผมก็เชี่ยวชาญการใช้อาภรณ์วิญญาณขึ้นมาบ้างแล้ว เลเวลผมก็อัพขึ้นมาเยอะเลย นั่นแปลว่าผมแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะแกร่งที่สุดในโลกเสียหน่อย

 

ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยก็กิลด์มาสเตอร์เอลการ์ด ควิส ถ้าผมต้องสู้กับเขาจริงๆ ผมในตอนนี้คงไม่มีทางเอาชนะได้แน่

 

ถึงจะมีอาภรณ์วิญญาณเข้าช่วยแล้ว ผมเลยสามารถฆ่าศัตรูที่เลเวลสูงกว่าได้ในระดับหนึ่ง แต่ใครมันจะไปบ้าเลือกสู้กับคนที่มีเลเวลมากกว่าตัวเองถึง 30 เลเวลโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

 

ไม่ใช่แค่เอลการ์ดคนเดียว แม้แต่ราสและคนอื่นๆ ก็ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่ตึงมือผมเหมือนกัน

 

ในขณะที่ผมเอาแต่รวบรวมสมุนไพรมาหลายปี พวกเขาก็ต่างก้าวหน้าในการทำภารกิจต่างๆ ไปมากแล้ว ประสบการณ์ที่มียิ่งไม่ต้องพูดถึง

 

ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้พวกเขาจะเลเวลเท่าไหร่กันแล้วเพราะมันไม่ถูกเปิดเผยเหมือนกับเอลการ์ด…แต่ด้วยความที่ราสก็เป็นถึงนักผจญภัยระดับ 6 เลเวลของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ผมเดาว่าเขาน่าจะเลเวลอยู่ที่ 15 ไม่ก็มากกว่านั้น

 

อิเรียกับมิโรสลาฟก็น่าจะแถวๆ นั้นเหมือนกัน ส่วนลูนามาเรียน่าจะสูงกว่าพวกเธอนิดหน่อย เอาเป็นว่าตอนนี้เลเวลผมยังเทียบพวกเขาไม่ติดหรอก ดังนั้นผมคงรับมือกับพวกเขาไม่ได้ง่ายๆ แน่

 

ถึงจะพูดแบบนั้นผมก็ไม่คิดหรอกนะ ว่าถ้าได้สู้จริงๆ แล้วจะแพ้พวกเขาน่ะ นอกจากเอลการ์ดแล้ว ราสกับคนอื่นๆ ผมน่าจะใช้อาภรณ์วิญญาณในการช่วยสู้ไหว จากที่ผมสังเกตพวกเขาในวันนี้

แต่นั่นต้องเป็นในกรณีที่สู้กันแบบตัวต่อตัวเท่านั้น หากผมถูกพวกเขาทั้งปาร์ตี้รุมโจมตีพร้อมกัน คงจบไม่ค่อยสวยแน่

 

「ก็แปลว่าเราต้องกำจัดพวกมันไปทีละตัวสิน้อ」

 

หากลอบสังหาร…ผมก็คงจะโดนติดค่าหัว แถมผมก็ไม่คิดว่ากิลด์มาสเตอร์จะยอมปล่อยผมไปง่ายๆ ด้วย ในเมืองนี้คงจะมีหูตาอยู่เยอะเลยทีเดียว

 

แต่ถึงผมจะทำได้สำเร็จจริง ผมก็คงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปโดยอัตโนมัติแน่หากเกิดอะไรขึ้นกับคนของปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะตอนนี้

 

อันที่จริงพอมาคิดอีกที มันน่าจะดีกว่าถ้าผมแกล้งตายไปตอนเหตุการณ์ที่เจอราชาแมลงวันเลย

 

เพราะคงจะไม่มีใครสงสัยคนที่ตายไปแล้วด้วยไม่ว่าผมจะไปฆ่าใครก็ตาม

 

แต่ถ้าเลือกทางนั้นจริง ฉันจะไม่ได้รับข้อมูลและสิ่งที่ผมต้องการได้ยินจากการประชุมครั้งก่อน นั่นคือสิ่งที่ฉันกังวล

 

พอพิจารณาเงื่อนไขพวกนี้ทั้งหมดแล้ว

 

「งั้นก็มาใช้สถานที่แห่งนั้นกันดีกว่า」

 

รังของราชาแมลงวันตั้งอยู่ในส่วนลึกของป่าทีทิส ผมจะใช้ประโยชน์จากที่นั่น

 

ผมจะพามิโรสลาฟไปที่นั่น

 

กิลด์ที่ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนนั้น ถึงพวกเขาจะส่งทีมค้นหาออกมา ผมก็ไม่คิดหรอกว่าพวกเขาจะตามมาเจอได้

 

เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการคุมขัง

 

อันที่จริงก่อนที่ผมจะได้เข้ามาคุยกับพวกดาบฮายาบูสะ พนักงานกิลด์บางคนก็รู้เรื่องที่ผมถูกราชาแมลงวันจับตัวไปแล้ว

 

พวกเขาก็เข้ามาถามผมเหมือนกันว่า มีอะไรบ้างในรังนั้น หนีออกมาได้ยังไง รังอยู่ที่ไหนต่างๆ นานา

 

แต่ผมก็ตอบพวกเขาไปแบบคลุมเครือเช่น ไม่รู้ จำไม่ค่อยได้

 

เพราะผมอยากจะใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่

 

ตอนนี้ผมคงเป็นคนเดียวในโลกที่รู้ตำแหน่งรังของราชาแมลงวัน ไม่สิมีผู้หญิงจากเผ่าคิจินอีกคนนี่นา

 

「ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ต่อไปคือการเตรียมตัว อาหาร น้ำ และเสื้อผ้า…จริงสิ เราน่าจะต้องหาเสื้อผ้าที่ทนความหนาวได้ด้วยสินะ? 」

 

มันใช้เวลาประมาณสี่วันในการไปที่รังของมันจากเมืองนี้ และนั่นคือในกรณีที่ผมใช้พลังคิแล้วด้วย นั่นจึงทำให้ต้องมีการเตรียมตัวกันสักหน่อย

 

หื้มมม ผมกอดอกในขณะที่กำลังคิด

 

ยังไงพวกดาบฮายาบูสะแล้วก็กิลด์คงจะตื่นตัวอย่างมากในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ดังนั้นเพื่อให้พวกเขาลดการระวังตัวลงน่าจะต้องลงมือหลังจากนั้นแทน

 

เพราะมนุษย์ไม่สามารถอยู่ในภาวะตึงเครียดและระแวดระวังได้นานกว่าหนึ่งเดือนหรอก อัตราความสำเร็จของแผนการจะสูงขึ้นเช่นกันหากผมเลือกโจมตีในช่วงเวลาที่พวกเขาเหนื่อยล้าจากการตื่นตัวอย่างต่อเนื่องมาพักใหญ่

 

 

เพื่อที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ผมก็จำเป็นต้องสร้างสถานที่ภายในถ้ำให้คนสามารถอาศัยอยู่ได้ด้วย

 

ด้วยเหตุนี้ผมถึงจำเป็นต้องซื้อเสบียงและของใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ถ้าผมจะซื้อในเมืองนี้ เดี๋ยวพวกกิลด์ก็จะรู้ตัวเอา

 

ผมก็ไม่คิดหรอกว่าแค่ออกมาซื้อของพวกเขาจะคิดว่าผมมีแผนสูงอะไร แต่ผมก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องให้ข้อมูลพวกเขาแม้แต่น้อย

 

เราออกจากเมืองเลยดีไหมนะ?

 

 

ผมสามารถซื้อเสบียงจากเมืองและหมู่บ้านแถวๆ ป่าทีทิสได้ ก่อนจะนำมันไปตุนไว้ภายในถ้ำก่อน ยังไงเงินผมก็ยังเหลืออยู่ด้วย…

 

 

 

「…อ่ะ เดี๋ยว?!!」

 

 

ผมเอามือวางไว้บนหัวของตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้

 

ฉิบหายละ ผมเอาเหรียญทองทั้งหมดทิ้งไว้ที่กิลด์นี่นา!

 

 

 

ผมจะกลับไปเอาตอนนี้ดีไหมนะ แต่ผมจะกลับไปได้ยังไงกันในเมื่อผมประกาศตัวเป็นศัตรูกับทางกิลด์ไปแล้วด้วยสิ

 

 

 

 

เฮ้อ ผมถอนหายใจ

 

 

 

ช่วยไม่ได้สินะ ถึงตอนนี้ผมจะยังพอมีเหรียญเงินเหลือบ้างก็เถอะ จริงสิยังมีพวกอุปกรณ์บางชิ้นที่สามารถแลกเป็นเงินได้เหลือที่รังนี่นา

 

 

ถึงจะเสียเวลาในการเตรียมการไปอีกสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้จะมีการจำกัดเวลาอะไรเอาไว้สักหน่อย ถึงจะใช้เวลาสักครึ่งปีหรือมากกว่านั้นถ้ามันจำเป็นก็ไม่มีปัญหา..ถึงผมจะไม่คิดว่าต้องนานขนาดนั้นก็เถอะ

 

 

 

พอคิดได้แบบนั้น ผมก็ยืนขึ้นแล้วเริ่มเดินไปตามถนนของอิชกะ

 

 

และในตอนนั้นเอง

 

 

 

「 …..คุณโซระ…คะ」

 

 

ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อผมมาจากด้านหลัง

 

 

เมื่อผมหันไปก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะคนที่เรียกผมนั้นคือเอลฟ์ที่มีชื่อว่าลูนามาเรีย ใบหน้าของเธอซีดลงกว่าทุกทีราวกับจะล้มลงไปตอนไหนก็ได้

 

——

Note 1 : เกือบเข้มละอีกนิดนึง

Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code 

 

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+