ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 173 โม่หาน ถ้าตอนนั้นข้าแต่งงานกับเจ้า

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 173 โม่หาน ถ้าตอนนั้นข้าแต่งงานกับเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 173 โม่หาน ถ้าตอนนั้นข้าแต่งงานกับเจ้า

พอเรื่องราวจัดการได้เรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีใครฟื้นฝอยหาตะเข็บอีก

กู้จิ่งซานอยู่ที่ตำหนักหยูซินมานานแล้ว ยังมีฎีกาต้องไปจัดการอีก ก็แสดงท่าทีว่าจะกลับตำหนักเฉียนซินแล้ว

ฮองเฮารีบเดินเข้าไปตาละห้อย ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “หม่อมฉันไปส่งเพคะ”

กู้โม่หานเองก็เดินตามอยู่ข้าง ๆ ไปกับฮองเฮา หนานชิงชิงและนางกำนันอีกกลุ่มหนึ่ง เดินออกไปส่งพร้อมกัน

หนานหว่านเยียนกลับอยู่ข้างหลัง อยู่กับสวีหว่านหยิงและองค์ชายสิบสาม ตั้งใจเดินช้าไปหลายก้าว

หนานหว่านเยียนมองไปที่สวีหว่านหยิง กลอกตาไปมาแฝงความซาบซึ้งไว้หลายส่วน “วันนี้ ต้องขอบคุณพระชายาสิบที่ช่วยเหลือเป็นอย่างมาก”

“แน่นอนว่า ยังมีองค์ชายสิบสามด้วย ถ้าไม่ได้ความเฉลียวฉลาดขององค์ชายสิบสามช่วยเอาไว้ ข้าก็คงไม่มีทางหนีออกมาได้อย่างราบรื่นแบบนี้”

นางแตะจมูกขององค์ชายสิบสามเบา ๆ เด็กน่าสงสารที่โตกว่าลูกสาวของนางไม่เท่าไหร่คนนี้ มักจะทำให้ใจนางรู้สึกสงสาร

สวีหว่านหยิงรีบส่ายหน้าขึ้น ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้หกพูดเกินไปแล้ว ถ้าไม่ได้การช่วยเหลือของพี่สะใภ้หก หว่านหยิงจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันนี้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย และที่สำคัญหมอผู้มีจิตใจเมตตาอย่างพี่สะใภ้หก ไม่ควรจะถูกคนดูถูกแต่แรกอยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง ข้าก็ทำเพราะความเห็นส่วนตัวด้วย”

“หลายปีมานี้อาการหอบหืดของน้องสิบสามกำเริบบ่อยขึ้น และเห็นว่าหมอหลวงพวกนั้นต่างก็ไม่มีทางรักษา ถึงได้เอาความหวังสุดท้ายมาเดิมพันกับตัวพี่สะใภ้หก หวังว่าพี่สะใภ้หกคงจะไม่ตำหนิว่าหว่านหยิงเห็นแก่ตัวหรอกนะเจ้าคะ”

หนานหว่านเยียนจ้องมองสวีหว่านหยิงที่หน้าตาดูมีมารยาทผิดปกติตรงหน้า ในใจก็รู้สึกทอดถอนใจขึ้นมาเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าปกตินางจะไม่เป็นจุดเด่น แล้วไม่ใช่คนที่ชอบมีเรื่อง แต่ว่ามีจิตใจดวงหนึ่งที่สูงส่ง และฉลาดหลักแหลมกว่าคนอื่นและมีไหวพริบมาก

“จะเป็นไปได้ยังไง พวกเจ้าช่วยข้าไว้อย่างมาก ข้าจะตำหนิพวกเจ้าได้ยังไง? ต่อไปนี้ข้าจะคอยส่งคนเอาของที่รักษากับใบสั่งยามาให้ จะพยายามรักษาอาการป่วยขององค์ชายสิบสามให้หายจงได้”

หนานหว่านเยียนจ้องมองไปที่องค์ชายสิบสาม “เจ้าต้องเชื่อฟังคำพูดของพี่สะใภ้สิบของเจ้าให้ดี ๆ รู้หรือเปล่า?”

ดวงตาที่ดำสนิทแวววาวขององค์ชายสิบสามกลอกไปกลอกมา ตอบกลับมาอย่างดีใจว่า “ได้ขอรับ! ครั้งหน้าถ้าพี่สะใภ้หกเข้าวังมาอีก ก็มาเที่ยวเล่นที่ตำหนักหลานซินนะ! ที่นั่นเป็นที่พำนักของพี่สิบ มีของสนุกกับของอร่อยมากมายเลยนะ”

เขามีชีวิตชีวาและไร้เดียงสา หนานหว่านเยียนอดไม่ได้ที่จะใจอ่อนขึ้นมา “ได้ ถ้าข้ามาคราวหน้า จะไปหาเจ้าเลย”

สวีหว่านหยิงหยุดพูดไป แต่สุดท้ายก็เปิดปากพูดหยอกล้อขึ้นว่า “พี่สะใภ้หกเฉลียวฉลาดขนาดนี้ แค่มองตาทีเดียวก็เข้าใจความหมายของพวกเรา และร่วมมือกันได้อย่างไม่มีที่ติ หว่านหยิงรู้สึกนับถือมาก เพียงแต่ว่า……”

“เพียงแต่ว่าวันนี้ข้ากับน้องสิบสามหลอกลวงเสด็จแม่ไป อันที่จริงก็รู้สึกกลัวอยู่นิดหน่อยนะ”

นางกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย ใบหน้าดูไม่สบายใจ

หนานหว่านเยียนรู้ถึงความกังวลของนาง แล้วหันไปลากมือนางมา “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลหรอก เห็นได้ชัดว่าฮองเฮามุ่งเป้ามาที่ข้า ไม่มีทางต่อต้านพวกเจ้าหรอก”

“อยู่ในวังแบบนี้ พวกเราแค่ปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยก็พอแล้ว เรื่องราวนอกเหนือจากนั้น พวกเจ้าก็แกล้งทำเป็นตาบอดหูหนวก ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็พอ”

ฮองเฮาไม่ใช่คนดีอะไร ใต้อาณัติมีลูกชายแค่กู้โม่เฟิงเพียงคนเดียว และเป็นคนแบบเดียวกับหนานชิงชิงขภ ในอกมีแต่เรื่องชั่วร้ายทั้งนั้น

องค์ชายสิบสามเป็นลูกที่นางรับมาเลี้ยง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะแปดขวบฌญ ถ้าพูดตามหลักแล้วพวกหมอหลวงในวังต่างก็เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีน รู้จักแพทย์แผนจีนอย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง ถึงจะรักษาหอบหืดไม่หาย แต่ก็ไม่น่าจะทำให้อาการของเขาย่ำแย่ถึงขั้นนี้หรอก นอกเสียงจากว่ามีคนไม่อยากให้รักษา……

ดวงตาของหนานหว่านเยียนมืดมนลง รู้สึกว่าองค์ชายสิบสามถูกฮองเฮารับเลี้ยงนั้น จะต้องเดือดร้อนแน่แล้ว

แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ยิ้มแล้วพูดกับสวีหว่านหยิงและองค์ชายสิบสามว่า “เอาล่ะ ส่งข้าถึงที่นี่ก็พอแล้ว พวกเจ้ารีบกลับไปพักเถอะ โดยเฉพาะน้องสิบสาม ร่างกายเจ้าอ่อนแอ มาโดนลมพัดมันไม่ดี”

ทั้งสองคนพยักหน้า แล้วเดินจากไปไกลจากการจ้องมองของหนานหว่านเยียน

เมื่อกี้องค์ชายสิบสามอยู่ใกล้กับหนานหว่านเยียนที่สุด มาตอนนี้พอหนานหว่านเยียนไม่อยู่แล้ว เขาถึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างแปลกใจ แล้วถามสวีหว่านหยิงขึ้นว่า “พี่สะใภ้สิบ เมื่อกี้พี่สะใภ้หกพูดว่าขอหย่า……”

คำพูดยังไม่ทันจบ ใบหน้าของสวีหว่านหยิงก็เกิดความตกตะลึงขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง แล้วรีบอุดปากเขาเอาไว้

“เจ้าอย่าพูดเรื่องนี้อีกนะ ถือซะว่าวันนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน รู้หรือเปล่า?”

ถึงแม้ว่าองค์ชายสิบสามจะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็รับปากอยู่ดี “ได้ขอรับ!”

ในเมื่อสวีหว่านหยิงพูดแบบนี้ ก็ต้องมีเหตุผลของนางแน่

สวีหว่านหยิงจ้องมองถนนในวังที่ยืดยาว แล้วถอนหายใจไปเงียบ ๆ ทีหนึ่ง

เมื่อกี้พวกเขาต่างก็ได้ยินชัดเจนว่า ที่หนานหว่านเยียนพูดคือจะขอหย่า

แต่ถึงแม้ว่าหนานหว่านเยียนมีใจอยากจะหย่าจริง ๆ สำหรับนางเรื่องนี้ก็ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์ นอกเสียจากกู้โม่หานเขา……

อีกด้านหนึ่ง ฮองเฮาเข้าไปประคองกู้จิ่งซาน พอจ้องมองเขาจากไปแล้ว สีหน้าก็ย่ำแย่ลงทันที พอคิดถึงท่าทีไม่ทุกข์ไม่ร้อนที่กู้จิ่งซานมีต่อนางในตอนนี้ ก็รู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา

นางไม่พูดอะไร สะบัดแขนเสื้อแล้วก็จากไปเลย

วันนี้ถือซะว่านางดวงซวย ให้พวกเขาสองสามีภรรยาได้ลิ้มลองความหวานไปก่อน หนี้ก้อนนี้ ช้าเร็วยังไงนางก็ต้องคิดให้ได้แน่!

เจียงหรูเยว่และพวกนางกำนัลถูกหมัวมัวข้างกายฮองเฮาไล่กลับไปหมดแล้ว

ก่อนนางจะไปยังจ้องมองไปทางกู้โม่หานอย่างเสียดายตั้งหลายทีญฝ พอเห็นกู้โม่หานเหมือนมองไม่เห็นใคร ถึงได้เบ้ปากเล็กน้อยแล้วกระทืบเท้าจากไป

กู้โม่หานยืนรออยู่ที่เดิมตั้งนาน ก็ไม่เห็นหนานหว่านเยียนเดินมา

ตอนนี้เขาจ้องมองไปที่อีกด้านหนึ่งของตำหนักหยูซินอย่างใจลอย ในสายตาที่เคร่งขรึมและลึกลับดูคาดเดาได้ยาก

คงจะไม่ได้หลงทางไปจริง ๆ หรอกนะ?

คิดแล้ว พอเขาก้าวออกไปได้ก้าวหนึ่ง ก็ได้ยินด้านหลังมีน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากของหนานชิงชิงดังลอยมา “น้องหก จะคุยกับข้าหน่อยได้ไหม?”

กู้โม่หานหันหน้ามา จ้องมองหนานชิงชิงทีหนึ่ง น้ำเสียงเรียบเฉยภบ “พี่สะใภ้สามมีเรื่องอะไรหรือ?”

พอหนานชิงชิงเห็นเขามีท่าทีเย็นชา ใจก็กระตุกวูบไปทีหนึ่ง แต่ยังคงยิ้มอย่างสง่างามทีหนึ่ง “ข้าแค่อยากจะถามว่า ช่วงที่ผ่านมานี้ เจ้ายังสบายดีหรือเปล่า?”

“ข้าสบายดี ไม่ต้องให้เจ้ามาเป็นกังวลหรอก”

ในขณะนั้นเอง หนานหว่านเยียนก็ก้าวเดินมาอย่างสบาย ๆ และเป็นธรรมชาติพอดี และมาพบเห็นฉากนี้เข้าพอดี แล้วนางก็รีบไปซ่อนอยู่หลังเขาจำลองทันทีโดยไม่ต้องครุ่นคิด และแอบฟังอยู่ตรงมุมกำแพงไป

จะรอดูซิว่าระหว่างสองคนนี้ จะมีลับลมคมในอะไร

ส่วนหนานชิงชิงนั้นขอบตาแดงระเรื่อ หัวเราะเยาะตัวเองขึ้นมาทีหนึ่ง “ข้าเป็นคนคิดไม่รอบคอบเอง เจ้าสบายดีก็ดีแล้ว”

นางเงยหน้าขึ้นมา ทำให้คนใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่หนานหว่านเยียนก็ยังอดไม่ได้ที่จะกระดกลิ้นขึ้น

เป็นครั้งแรกที่นางเห็นหนานชิงชิงในสภาพแบบนี้ ท่าทางที่“ทำให้คนหลงเสน่ห์ไปทุกอย่าง” ดูอ่อนช้อยอ่อนโยน ดูเป็นผู้หญิงมาก

เรียวปากของหนานชิงชิงขยับขึ้นเบา ๆ สายตากลับ สายตากลับมีความผิดหวังแฝงอยู่เล็กน้อย “ข้าเห็นว่าช่วงนี้ความรู้สึกของเจ้ากับน้องสาวข้าดูดีขึ้นมาไม่น้อย ดูไม่เหมือนมีความแค้นลึกซึ้งอย่างเมื่อห้าปีก่อนแล้ว”

กู้โม่หานไม่อยากสนใจนาง “พี่สะใภ้สามอยากพูดอะไรกันแน่?”

หนานชิงชิงกัดริมฝีปากล่างทีหนึ่ง ในดวงตามีแววโกรธเกลียดพาดผ่านไป น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย

“โม่หาน เจ้าว่า ถ้าตอนนั้นข้าไม่ได้แต่งงานกับกู้โม่เฟิง แต่มาแต่งงานกับเจ้า จุดจบของพวกเรา จะแตกต่างไปเลยแล้วใช่หรือเปล่า?”

นางแต่งงานกับกู้โม่หานหรือ?

หนานหว่านเยียนตกตะลึงขึ้นมาทันที

นี่มันเรื่องซุบซิบใหญ่หลวงอะไรกัน?!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *