ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 601 นางตั้งครรภ์แล้วจริงๆ

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 601 นางตั้งครรภ์แล้วจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 601
ภายในใจของหนานหว่านเยียนเริ่มรู้สึกตึงเครียด ดวงตาคู่นั้นจ้องมองไปอย่างมั่นคง

หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งนาที บรรทัดสีแดงที่สองเส้นที่ไม่น่าพึงใจก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา

หนานหว่านเยียนนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ฉับพลันก็รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมา

นางคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่านางจะตั้งครรภ์……

“ให้ตายสิ!” หนานหว่านเยียนสบถออกมาทันทีและขบกัดริมฝีปากล่างของตนเองแน่น

แต่ภายในใจของนางก็ยังคงคิดว่าตนเองอาจจะพอเหลือโชคดีอยู่บ้างเล็กน้อย ไม่แน่ว่าที่ตรวจครรภ์นี้อาจจะไม่แม่นยำและการตรวจก็อาจจะผิดพลาด……

เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผลเลือดก็ออกมา เครื่องตรวจส่งเสียง “ติ๊ง” ราวกับต้องการจะเคาะหัวใจของหนานหว่านเยียน

นางไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปดู แต่ก็ยังคงกัดฟันกางผลรายงานการตรวจสอบออกมาดู

หน้าจอแสดงระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน 78.02 นาโนโมลต่อลิตร ไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกแล้ว ที่ตรวจครรภ์ไม่ได้ผิดพลาด นางสามารถยืนยันได้อย่างมั่นใจ นางตั้งครรภ์มาเดือนกว่าๆแล้ว

ช่วงเวลาพอดีกับเทศกาลปีใหม่ เป็นคืนนั้นที่กู้โม่หานบังคับพานางไปเป็นยาถอนพิษ

นึกย้อนกลับไปเมื่อคืนนั้นที่กู้โม่หานทั้งป่าเถื่อนและรุนแรง ฉับพลันภายในใจของหนานหว่านเยียนก็รู้สึกกระวนกระวาย

นางอดไม่ได้ที่จะหันไปด้านข้างและอาเจียนออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นางจะตั้งครรภ์ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร?

เมื่อเทียบกับตอนที่ตั้งท้องเจ้าซาลาเปาน้อยและเจ้าเกี๊ยวน้อย อาการแพ้ท้องที่รุนแรงเช่นนี้ หากจะให้นางหลบหนีนางก็ไม่สามารถวิ่งได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพียงแค่นางนึกถึงคืนนั้น กู้โม่หานไม่เพียงแค่ใช้เวลากับนางทั้งคืน หลังจากนางออกไป นึกไม่ถึงว่าในคืนนั้นกู้โม่หานจะยังมีความสัมพันธ์กับหยุนอี่ว์โหรวอีกด้วย

ภายในคืนเดียว เขาทำผู้หญิงท้องถึงสองคน

เพียงแค่คิดถึงสิ่งนี้ หนานหว่านเยียนก็ทุบมือลงไปบนโต๊ะอย่างฉุนเฉียว แต่ทว่ามีแรงก็แค่แสดงความอ่อนแอ

ขอบตาของนางแดงก่ำ ถลึงตามองผลตรวจด้วยความโกรธจัด ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด่าออกมา “กู้โม่หาน เจ้ามันเลวทรามต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!”

“สกปรกโสโครกขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่ายังจะกล้ามาทำข้าท้อง! ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัว ผู้หญิงคนเดียวไม่พอ จะเอาถึงสองคน เจ้าไม่มีทางตายดีอย่างแน่นอน!”

ทางด้านหนึ่งหนานหว่านเยียนกำลังด่ากู้โม่หานอย่างดุเดือด อีกด้านหนึ่งนางก็อดไม่ได้ที่จะก้มตัวลงไปอาเจียนอีกครั้งอย่างรู้สึกไม่สบายตัว

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดนางก็กลับสู่สภาวะปกติ ในมือกำแผ่นรายงานผลการตรวจฉบับนั้นไว้แน่น ภายในใจรู้สึกสับสน

ทำอย่างไรดี เด็กยังจำเป็นอยู่หรือไม่?

หนานหว่านเยียนจัดการความรู้สึกภายในช่องว่างของนาง สองมือค่อยๆยันกำแพงพยุงตัวเองออกจากช่องว่าง

นางเพิ่งจะจับกุญแจประตูห้องเปิดออก ก็ได้ยินเสียงลนลานของเซียงเหลียน “เหนียงเหนียง! โจ๊กและกับข้าวมาแล้ว!”

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วขึ้น เดินกลับไปที่โต๊ะก่อนจะนั่งลงแสร้งทำท่าทางว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เซียงเหลียนใช้สองมื้อยกอาหารเช้าและผลักประตูเข้าไปในห้อง มองเห็นสีหน้าผิดปกติของหนานหว่านเยียน แววความปวดใจฉายชัดอยู่บนปลายหางคิ้วของนาง และอารมณ์ก็ยังคงดูยุ่งเหยิงอยู่เล็กน้อย

นางเพิ่งจะไปทำกับข้าวที่ห้องครัว แต่พบว่าเสิ่นอี่ว์เข้ามาหาคุณหนูทั้งสองที่เรือนด้านข้าง และพาเหล่าคุณหนูที่ยังหลับสนิทออกไปแล้ว

เห็นทีคงจะเข้าวังไปกับจักรพรรดิเสียแล้ว

แต่เมื่อเซียงเหลียนเห็นท่าทางที่เป็นทุกข์ของหนานหว่าเยียน ก็ไม่กล้าจะเปิดปากพูดอะไรออกมา นางเพียงแค่แสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น หลังจากเก็บกวาดของที่ระเกะระกะอยู่บนพื้นแล้ว ก็ดูแลหนานหว่านเยียนรับประทานอาหารเท่านั้น

อาหารมื้อนี้หนานหว่านเยียนกินอย่างเต็มที่ ในระหว่างนั้นอาการคลื่นไส้ก็กำเริบขึ้นมาบ่อยๆ แต่โชคดีที่ว่านางกินเข้าไปได้ไม่น้อยเลย

เซียงเหลียนยืนอยู่ด้านหลังของหนานหว่านเยียน เห็นนางกินเสร็จแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมา

หนานหว่านเยียนอดทนต่ออาการคลื่นไส้และบีบบัคคับให้ตนเองกินข้าว ตอนนี้ร่างกายก็เลยรู้สึกดีขึ้นมาก อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่นางคลื่นไส้บ่อยๆ และหน้าท้องส่วนล่างก็ยังปวดหน่วงๆอีกด้วย

ฉับพลันนางก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางถามเซียงหลียนราวกับประโยคธรรมดาสามัญทั่วไป

“สองวันมานี้ ทางด้านท่านน้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

หากต้องการพาหนูน้อยทั้งสองคนหนีไป นางยังต้องหาเวลาปรึกษาหารือกับท่านน้าเรื่องแผนการรับมือ แต่นางสลบไสลไม่ได้สติไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเสียแล้ว

นางยังไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบันของท่านน้า

เซียงเหลียนชะงักไปครู่หนึ่งและแจ้งให้ทราบตามความเป็นจริง “เหนียงเหนียง ตอนนี้ท่านปู่หมิงอยู่ในเรือน เพียงแต่ว่า……จักรพรรดิสั่งให้คนจำนวนมากคุ้มกันเอาไว้”

“ก่อนหน้านี้บ่าวเคยถามอาจี้ ตอนนี้ขาของท่านปู่หมิงเกือบจะหายเป็นปกติแล้ว สามารถที่จะเดินได้เป็นระยะเวลาสั้นๆแล้ว”

เหนียงเหนียงเองทั้งที่ยังทุกข์ใจอยู่แต่ก็เป็นห่วงผู้อื่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ถ้าหากว่าให้จักรพรรดิรู้เรื่องนี้ก็คงจะปวดใจอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด แต่ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

กู้โม่หานส่งคนไปเฝ้าเรือนเซียงหลิน เพียงเพราะกลัวนางจะหนีไปก็เท่านั้น

แต่ถ้านางต้องการจะไปจริงๆ ใครจะสามารถรั้งให้นางอยู่ได้กันล่ะ?

เพียงแต่ว่า ตอนนี้นางเหนื่อยมากจริงๆ เหนื่อยทั้งกายและใจ ในตอนนี้นางแค่อยากจะอุ้มหนูน้อยทั้งสองคนและนอนหลับเท่านั้น รอตื่นค่อยวางแผนให้ดีๆอีกครั้ง

นางลุกขึ้น มุ่งตรงออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

เซียงเหลียนตึงเครียดขึ้นมาทันที กำแขนเสื้อตนเองเอาไว้แน่น “เหนียงเหนียง ท่านกำลังจะไปที่ไหน?”

หนานหว่านเยียนหันกลับมา มองนางด้วยสายตาสงสัย “ข้าก็จะไปนอนกับหนูน้อยทั้งสองคนอย่างไรเล่า ทำไมหรือ?”

เซียงเหลียนตึงเครียดขึ้นมาไม่น้อย ฝ่ามือนางชื้นเหงื่อ ภายใต้สายตาที่มืดครึ้มของหนานหว่านเยียน นางก้มหน้าลงและกล่าวออกมาอย่างอ้ำๆอึ้งๆ

“เมื่อครู่นี้บ่าวเห็นว่าท่านกำลังทุกข์ใจก็เลยไม่กล้าบอก อันที่จริงแล้ว……ก่อนหน้านี้ไม่นานคุณหนูทั้งสองถูกองครักษ์เสิ่นพาเข้าวังไปแล้วค่ะ”

“อะไรนะ!?”

ฉับพลัน หนานหว่านเยียนรู้สึกเหมือนครึ่งชีวิตของนางถูกพรากไปแล้ว ความรู้สึกตัวเบาเหมือนวิญญาณออกจากร่างทำให้นางรู้สึกราวกับร่างกายโดนทิ้งดิ่งลงเหว เลือดในกายนางล้วนหยุดไหลเวียนจนนางเกิดอาการหายใจไม่ทัน

กู้โม่หานพาหนูน้อยทั้งสองคนของนางเข้าวังไปแล้ว เขาหมายความว่ายังไง?

แต่นางยังไม่ทันจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ก็ได้ยินเซียงเหลียนพูดออกมาอย่างระมัดระวังอีกครั้ง “ท่านอย่าตื่นตกใจไปเลย วันพรุ่งนี้จักรพรรดิจะพาท่านเข้าวังเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพิธีพระราชทานยศ องค์หญิงทั้งสองคนเพียงแค่เข้าไปก่อนเท่านั้น……”

หนานหว่านเยียนหัวเราะเยาะออกมาอย่างโกรธเคือง ดวงตาของนางเป็นประกายแต่ทว่าแอบซ่อนไว้ซึ่งความโกรธและความโศกเศร้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

กู้โม่หาน อ่า…… กู้โม่หาน

ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าเด็กทั้งสองคนคือชีวิตของนาง คาดไม่ถึงว่ายังกล้าใช้หนูน้อยทั้งสองคนมาขู่บังคับนาง!

เขามันชั่วอย่างมหันต์จริงๆ

เสียงหัวเราะของหนานหว่านเยียนทำให้เซียงเหลียนงุนงง ทว่าก็เกิดอาการกลัวด้วยเช่นกัน “เหนียงเหนียง……”

หนานหว่านเยียนเมินเฉยต่อเซียงเหลียน ไม่มีเสียงพูดและการเคลื่อนไหวใดๆ นางเพียงแค่ลูบท้องน้อยๆของตนเองเท่านั้น ภายในดวงตาสีดำขลับที่งดงามฉายแววดุร้ายขึ้นมาชั่ววูบหนึ่ง

เด็กคนนี้มาในเวลาที่ไม่ถูกไม่ควร สำหรับนางแล้วพูดได้เต็มปากว่าเด็กคนนี้เป็นภาระ

ถ้าหากว่านางจะกำจัดเด็กคนนี้ทิ้ง กู้โม่หาน……เจ้าจะโกรธจนตายไปเลยหรือเปล่านะ?

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *