ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 461 ทั้งชีวิตนี้จะไม่ได้เห็นข้าอีก

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 461 ทั้งชีวิตนี้จะไม่ได้เห็นข้าอีก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 461 ทั้งชีวิตนี้จะไม่ได้เห็นข้าอีก

เสียงของฮองเฮาแผ่วเบาไม่นานก็หายไปกับสายลม แต่สำหรับหนานหว่านเยียนและกู้โม่หาน เสียงของนางยังคงก้องอยู่ในหู แต่หัวใจของพวกเขากลับจมดิ่งลง

ไม่ใช่ข้าคนเดิมอีกต่อไป และไม่มีความหยิ่งยโสจองหองแบบนั้นอีกแล้ว

คำพูดนี้ของฮองเฮา ถูกส่งออกมาจากใจแห่งความปรารถนาและความรู้สึกจริง ๆ ราวกับสตรีผู้มั่งคั่งที่ถูกกุมไว้ในกำมือ แม้ว่าจะดูเย่อหยิ่ง แต่จริง ๆ แล้วเพียงโหยหาใครสักคนที่จะเข้าใจและเข้ากับนางได้

พวกเขามองไปยังแผ่นหลังของฮองเฮาด้วยสายตาที่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้น

ขันทีมารายงานว่าฮ่องเต้ทราบว่าอาการป่วยของไทเฮาดีขึ้นแล้ว และให้พวกเขากลับไปหลังจากเข้าเฝ้าฮองเฮาเสร็จแล้ว  

กู้โม่หานและหนานหว่านเยียนไม่ได้อยู่นาน เมื่อเสร็จแล้วก็เดินตามสาวใช้นำทางออกจากประตูวังไป

บนรถม้าขณะกลับจวน หนานหว่านเยียนนั่งพิงริมหน้าต่างด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง สีหน้ามีความวิตกกังวล

กู้โม่หานมองไปยังนาง และในที่สุดก็เอ่ยปากทำลายความเงียบลง “ฮองเฮาเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่พระองค์ไม่เคยแสดงความต้องการให้ใครมาสงสาร และเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนี้”

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วและกำลังคิดจะพูดตอกกลับ แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกว่าสิ่งที่กู้โม่หาน พูดนั้นมีเหตุผล

ที่ฮองเฮามาพบพวกเขาในวันนี้ ก็ไม่ใช่เพื่อแสดงความขมขื่นต่อพวกเขา แต่เพียงเพื่อใช้วิธีของพระองค์เองเพื่อบอกกับพวกเขาว่ามีอันตรายอยู่รอบตัว

ให้พวกเขาระมัดระวังอย่าไปผิดทาง

หนานหว่านเยียนสงบสติอารมณ์ และดวงตาเย็นชากว่าที่เคยเป็นมา “ข้ารู้ ข้าแค่รู้สึกปวดใจ”

“เผชิญหน้ามาแล้วก็หลายครั้ง เจ้ายังไม่เห็นธาตุแท้ของพวกเขาอีกหรือ”

พลาดหนึ่งครั้ง รู้เพิ่มหนึ่งอย่าง บทเรียนอันมีค่านี้ลงทุนเพียงครั้งเดียวก็พอที่จะจำได้ไปอีกนาน

ในดวงตาคู่งามของกู้โม่หานมีท่าทีดุร้าย นิ้วเรียวของเขาซ้อนประกบกันและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว

“เมื่อเราเก่งกล้าแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถหลุดพ้นจากการถูกโจมตีได้ และป้องกันไม่ให้คนอื่นต้องเข้ามาพัวพันอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว”

หนานหว่านเยียนมองไปยังทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลานอกหน้าต่าง ช่างคล้ายกับสถานการณ์ในพระราชวังตอนนี้เสียเหลือเกิน

ผ่านไปพักใหญ่ นางจึงจะตอบรับเสียงแผ่วเบา ” อืม ”

พวกเขาต่างเข้าใจดีว่า อำนาจคือสิ่งที่พวกเขาขาดมากที่สุดในตอนนี้

หลังจากที่ทั้งสองกลับถึงจวน ต่างก็แยกย้ายกลับไปยังเรือนของตน

หนานหว่านเยียนกำลังตรวจร่างให้แก่หยีเฟยและเสิ่นอี่ว์ทีละอย่างอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

กลับกันทางฝั่งกู้โม่หานกลับกำลังเร่งฝีเท้าของเขา

เขาไม่เพียงแต่จัดการค่ายเสินเชื่อเท่านั้น แต่เขายังถอนรากถอนโคนกองกำลังศัตรูจำนวนมากที่เขาเฝ้าสังเกตมาเป็นเวลานาน

หลายคนที่สนับสนุนกู้โม่หานตกใจเป็นอย่างมาก

กู้โม่หานฆ่าอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ราวกับสัตว์ดุร้ายที่โดนสัมผัสเกร็ดกำบัง และมันกำลังตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง

ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าคนด้วยคมมีดหรือการลอบสังหารอย่างไร้ความปรานี ทำให้กำจัดฝั่งศัตรูไปได้ไม่น้อย คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนสนิทของฮ่องเต้หรือเป็นคนที่ฮ่องเต้ไว้วางพระทัย

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขายอมรับกู้โม่หานเป็นนาย จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร พวกเขาก็เชื่อฟังและจัดการสิ่งต่าง ๆ ให้อย่างเรียบร้อย

ในไม่ช้า กู้โม่หานก็ได้รับรายชื่อผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่กลับพบว่าเจ้าหน้าที่ทางการบางคนที่เสียชีวิตเป็นคนของอ๋องเฉิง

ดวงตาของกู้โม่หานหรี่ลง นัยน์ตามีความครุ่นคิด

  ……

สองวันต่อมา กู้โม่เฟิงเข้ามาหาถึงที่ด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว

“กู้โม่หาน! ออกมาเดี๋ยวนี้!” เขาไม่สนใจยามอารักขาประตูที่พยายามจะหยุดเขาและรีบไปยังเรือนซีเฟิงด้วยความรวดเร็ว

ภายในห้อง กู้โม่หานกำลังดูงานราชการที่ถูกส่งมาในสองวันที่ผ่านมา ยิ่งใกล้ถึงเวลาการสถาปนาของไท่จื่อมากเท่าไหร่งานก็ยิ่งหนักมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อได้ยินเสียงดังจากภายนอก เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

เขาคิดว่าช่วงนี้กู้โม่เฟิงคงจะไม่มากวนใจเขาสักระยะหนึ่งเนื่องจากเรื่องของฮองเฮา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาหาเร็วขนาดนี้

เขาวางสมุดพับในมือลง และลุกขึ้นเดินออกไป

ภายในลาน กู้โม่เฟิงกำลังจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “กู้โม่หาน ในที่สุดเจ้าก็ยอมโผล่หัวออกมาพบข้า ข้าคิดว่าทั้งชีวิตนี้เจ้าจะไม่ได้เห็นข้าอีก!”

พ่อบ้านกาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เช็ดเหงื่อเย็นอยู่ตลอดเวลา “ท่านอ๋อง อ๋องเฉิงพุ่งเข้ามาโดยไม่พูดอะไรสักคำ อีกอย่างบ่าวชราก็ไม่กล้าเข้าไปขัดขวาง…”

หากมองไม่เห็นการบีบบังคับของกู้โม่หาน งั้นก็แสดงว่ากู้โม่เฟิงกำลังระบายความโกรธของเขาอยู่อย่างหมดจด โดยสามารถที่จะได้กลิ่นบรรยากาศแห่งความขัดแย้งที่รุนแรงมาแต่ไกล

กู้โม่หานเพียงแค่สงสายตาให้พ่อบ้านกาวเท่านั้น พ่อบ้านกาวก็รีบถอยออกไปในทันที

เมื่อพ่อบ้านกาวคล้อยหลังออกไปไกลแล้ว กู้โม่เฟิงก็ตะโกนใส่กู้โม่หาน “กู้โม่หาน เจ้าคนชั่วช้าน่ารังเกียจ!”

กู้โม่หานขมวดคิ้ว “ข้าชั่วช้าได้อย่างไร?”

เมื่อกู้โม่เฟิงเห็นว่าเขายังปฏิเสธที่จะยอมรับ จึงก้าวไปข้างหน้าด้วยความโกรธและพยายามที่จะคว้าปกเสื้อของกู้โม่หาน แต่กลับถูกเขาผลักออก

เมื่อเห็นอย่างนั้น กู้โม่เฟิงยิ่งโกรธมากขึ้นใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ “เจ้ากล้าที่จะทำร้ายเสด็จแม่ของข้า ถ้าเจ้าแน่จริงก็อย่าหลบ!”

กู้โม่หานมองไปยังกู้โม่เฟิงด้วยความสงสาร แต่ก็รีบยับยั้งตัวเอง เสียงของเขายังคงเฉยเมย

“สมองมีไว้ใช้ ไม่ใช่มีไว้ดู ข้าทำร้ายเสด็จแม่เมื่อใดกัน?”

กู้โม่เฟิงโกรธจนแทบจะสำลักเลือดออกมาแล้ว เขาจึงชักดาบชี้ตรงไปที่กู้โม่หาน

“เจ้าอย่ามาเล่นลิ้นกับข้า วันนี้ข้าให้คนเข้าไปถามในวังมาแล้ว ก่อนที่เสด็จแม่จะเข้าตำหนักเย็น นางได้พบแค่เจ้ากับหนานหว่านเยียนเท่านั้น เจ้าจะเถียงอะไรอีก?”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *