ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 483 แก้พิษ

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 483 แก้พิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 483 แก้พิษ

ในเวลานั้นกู้โม่หานอายุยังน้อยทั้งยังทรงพลัง ชนะการศึกสงครามได้มากมายหลายครั้ง เห็นได้ชัดว่าเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน แต่กลับไม่ยอมโจมตีแคว้นต้าเซี่ย ทั้งยังห่วงใยท่านแม่ที่มีชีวิตอยู่แต่ก็เหมือนคนตายซึ่งแต่งงานมาจากต้าเซี่ยคนนั้นอย่างมาก ถึงขั้นยอมคุกเข่าอยู่นอกค่ายเสินเชื่อถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ก็ยังไม่ยอมสั่งยกทัพ

คำพูดที่กู้โม่หานพูดกับเขาในตอนนั้น กู้จิ่งซานยังคงจดจำได้อย่างชัดเจน

“เสด็จพ่อ! ลูกไม่อยากฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เหตุผลที่ลูกนำกองทัพแห่งค่ายเสินเชื่อออกไปสู้รบ ก็เพื่อปกป้องดินแดนและประชาชนของแคว้นซีเหย่เรา แต่ถ้าจะให้ลูกไปโจมตีแคว้นอื่นโดยไม่มีเหตุผล ลูกทำไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ตอนนั้น เขาโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว

แต่เพราะกู้โม่หานมีสถานะสูงส่งในค่ายเสินเชื่อ กู้จิ่งซานก็ยังต้องยอมถอยให้เขา จนสุดท้ายจำต้องเลิกล้มการส่งกองทัพออกไปในที่สุด

จนตอนนี้ผ่านมาห้าปีแล้ว แคว้นเทียนเซิ่งถึงกับเป็นฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องให้ความร่วมมือ เพื่อจะบุกโจมตีแคว้นต้าเซี่ยเองเลยแท้ ๆ แต่คิดไม่ถึงว่ากู้โม่หานจะยังคงดื้อรั้นหัวชนฝาไม่เปลี่ยน!

ยังมีหนานหว่านเยียนอีกคน มีแต่ตัวไร้ประโยชน์ทั้งนั้น!

บรรยากาศในโถงพระตำหนักใหญ่เริ่มจะตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนต่างก็รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของฉินอี้หรานกับกู้จิ่งซาน

แต่ถึงกระนั้น ทั้งหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานก็ไม่มีความตั้งใจที่จะกลับคำใด ๆ ทั้งสิ้น

ส่วนกู้โม่หลิงกับชีกุ้ยเฟยก็ทำเพียงกินอาหารอย่างเงียบ ๆ ชมดูฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ

กู้โม่หานกลับเมินบรรยากาศอันตึงเครียดตรงหน้าไปโดยสิ้นเชิง หันไปทำความเคารพกู้จิ่งซาน”ที่ลูกประพฤติตนได้มีคุณธรรมเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะเสด็จพ่อสอนสั่งได้ดี ต่อจากนี้ไปลูกจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อดำเนินตามรอยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”

พูดจบ เขาก็หันไปมองฉินอี้หรานกับฉินมู่ไป๋อีกครั้ง

“เวลานี้ก็เริ่มจะดึกแล้ว อ๋องผิงเซวียนและองค์หญิงฮั่นเฉิงเดินทางรอนแรมมาจากแดนไกล กว่าจะมาถึงแคว้นซีเหย่ก็คงจะเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว วันนี้ก็รีบกลับไปพักผ่อนให้เร็วหน่อยเถอะนะ”

“วันพรุ่งนี้ ข้าจะขอเชิญอ๋องผิงเซวียนกับองค์หญิงไปเที่ยวทะเลสาบ ล่องเรือชมทิวทัศน์เพลิดเพลินกับดอกเหมย ดื่มด่ำกับความงดงามของแคว้นซีเหย่เรา”

ฉินอี้หรานไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ว่าที่กู้โม่หานพูดแบบนี้คือจงใจไล่แขกทางอ้อมแล้ว แม้ว่าในใจจะรู้สึกยอมรับผลลัพธ์แบบนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจไม่ไว้หน้ากู้โม่หาน

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะตั้งตารอคอยการล่องเรือชมทะเลสาบในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

บนบัลลังก์เวลานี้ สีหน้าของกู้จิ่งซานคล้ำทะมึนไม่หยุด สองตาดำทะมึนจับจ้องไปที่กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนตาเขม็ง

“ข้าเองก็เหนื่อยแล้ว เช่นนั้นก็ยึดตามความเห็นของไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย ให้ทางคณะทูตของแคว้นเทียนเซิ่งกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เรื่องอื่นใดพวกเราค่อยมาหารือกันภายหลัง”

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นแล้วสะบัดแขนเสื้อ เดินจากไปทันที

“น้อมส่งเสด็จฝ่าพระบาท” ชีกุ้ยเฟยที่อยู่อีกด้านยืนขึ้น ก้มศีรษะน้อมส่ง แต่แววตากลับคมปลาบ

ทุกคนต่างทำความเคารพพร้อมกัน “น้อมส่งเสด็จฝ่าพระบาท”

งานเลี้ยงในวังสิ้นสุดลงแล้ว

กู้โม่หานจัดคนไปช่วยจัดเตรียมเรื่องที่พักให้คณะทูตของแคว้นเทียนเซิ่ง หลังจากกล่าวลาพวกฉินอี้หรานแล้ว ก็คิดจะกลับไปพร้อมหนานหว่านเยียน ทั้งยังวางแผนว่าจะไปตำหนักหลวนเฟิ่งเพื่อรับตัวยัยหนูทั้งสองกลับไปด้วย

ฉินมู่ไป๋เห็นว่ากู้โม่หานสองสามีภรรยากำลังจะกลับแล้ว นัยน์ตาพลันทอประกายวาบ หันไปส่งสัญญาณทางสายตาให้ฉินอี้หรานแวบหนึ่ง แล้วร้องทักออกไปว่า: “ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย โปรดรอสักครู่”

หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานกำลังเดินออกไปด้วยกัน แต่เพราะคนเยอะ ทำให้หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานเดินคลาดกัน หนานหว่านเยียนเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าเป็นฉินอี้หราน

“อ๋องผิงเซวียน”

ฉินอี้หรานยิ้มให้หนานหว่านเยียน “ไท่จื่อเฟย น้องสาวของข้ามีเรื่องบางอย่างที่อยากคุยกับไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย ไท่จื่อเฟยคงจะไม่ถือสาใช่หรือไม่?”

นางกับกู้โม่หานถูกฉินอี้หรานจงใจจับแยกกันซะขนาดนี้แล้ว ยังมีหน้ามาถามว่าถือสาหรือไม่อีกรึ?

แต่หนานหว่านเยียนก็ไม่ได้เหน็บแนมกลับไป เพราะถึงยังไงนางก็เพิ่งตบหน้าคนของแคว้นเทียนเซิ่งไปหนัก ๆ คนละฉาดสองฉาด ถ้านางยังพูดเหน็บกลับไปแบบไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา ก็น่ากลัวว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้

นางยิ้มจนตายิบหยีแล้วพูดว่า “จะเป็นไปได้เยี่ยงไรกัน ข้ารู้มาตลอดว่าท่านอ๋องมีเสน่ห์ทำให้คนรักใคร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าที่ผ่านมาท่านอ๋องมักรู้จักหักห้ามใจ ทั้งยังสุภาพมีมารยาทอยู่เสมอ คงไม่ทำอะไรหุนหันพลันแล่น ข้าย่อมวางใจอยู่แล้ว ”

เมื่อได้ยินหนานหว่านเยียนพูดจายกย่องกู้โม่หานถึงขนาดนี้ ในแววตาของฉินอี้หรานก็ปรากฏร่องรอยของความไม่สบอารมณ์ขึ้นมาสายหนึ่ง

ผู้ชาย มีหรือจะอดทนกับเรื่องลักกินขโมยกินได้ไหว?

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้านั่นเป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ

อีกทั้งน้องสาวของเขา ก็รูปโฉมไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร

แต่ฉินอี้หรานก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่เดินตามหนานหว่านเยียนและคนอื่น ๆ ออกไป

ในขณะเดียวกัน ในโถงพระตำหนัก

ฉินมู่ไป๋ยกเหล้าสองแก้ว เดินยิ้มละไมเข้ามาหากู้โม่หาน

กู้โม่หานมองไปที่ฉินมู่ไป๋ “องค์หญิงฮั่นเฉิง ยังมีธุระอะไรอีกอย่างนั้นรึ?”

ความสนใจทั้งหมดของฉินมู่ไป๋ล้วนไปอยู่ที่กู้โม่หาน นางพูดออกมาตรง ๆ เลยว่า “ก็ไม่มีธุระอะไรหรอก แค่วันนี้ข้าสนุกมากที่ได้ประชันฝีมือกับไท่จื่อเฟย ก่อนกลับ จึงอยากคารวะเหล้าท่านสักจอก เพราะนอกจากพี่ใหญ่ของข้าแล้ว ข้าก็ยังไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่สมบูรณ์แบบเท่าท่านเลย”

กู้โม่หานมองไปที่ฉินมู่ไป๋ที่ตามรบเร้าพัวพันเขาอย่างไม่รู้จบ “เหล้าน่ะคงไม่จำเป็นหรอก ขอแค่องค์หญิงสนุกก็เพียงพอแล้วล่ะ”

“นี่ก็สายมากแล้ว ข้ายังมีธุระที่ต้องไปทำ เชิญองค์หญิงตามสบายเถอะนะ”

ไม่รู้ว่าหนานหว่านเยียนหายไปไหนเสียแล้ว ถึงกับไม่ยอมรอเขาสักนิด

ฉินมู่ไป๋เห็นว่ากู้โม่หานเดินห่างออกไปไกลแล้ว สีหน้าก็มืดทะมึนลงเล็กน้อย

“ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย ข้าแค่อยากคารวะเหล้าท่านสักจอกก็เท่านั้น ทำไมท่านถึงต้องปฏิเสธข้าครั้งแล้วครั้งเล่าด้วย? พูดไปแล้วข้าก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งนะ เมื่อครู่ท่านเพิ่งปฏิเสธข้าต่อหน้าสาธารณชนไป ข้าก็เสียใจมากพออยู่แล้ว มาตอนนี้ท่านก็ยังจะผลักไสข้าอีกอย่างนั้นรึ? หรือว่าท่านไม่ไว้ใจข้า หรือจะบอกว่า ท่านกลัวว่าข้าจะวางยาพิษท่าน?”

พูดพลาง จู่ ๆ นางก็ยกจอกเหล้าในมือข้างหนึ่งขึ้นดื่มรวดเดียวหมด แล้วจ้องไปที่กู้โม่หาน “เห็นแล้วสินะ ไม่มีพิษสักหน่อย”

พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว กู้โม่หานจะปฏิเสธอีกก็ดูไม่เหมาะ เพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งจะปฏิเสธเรื่องการแต่งงานไป ทั้งยังใช้คำพูดที่รุนแรงตอกใส่หน้าฉินมู่ไป๋ด้วย ถ้าเขายังไม่ยอมดื่มเหล้าจอกนี้อีก ก็คงจะเป็นการไม่ไว้หน้าแคว้นเทียนเซิ่งแล้วจริง ๆ

“ข้าไม่เคยนึกสงสัยองค์หญิงหรอก ทั้งขออวยพรให้องค์หญิงได้พบคนที่ต้องใจได้ในเร็ววัน”

พูดจบ กู้โม่หานก็ดื่มเหล้าเข้าไปรวดเดียวหมดจอก

ดวงตาของฉินมู่ไป๋ทอประกายแสงเย็นวาบ แต่นางกลับยิ้มแย้มพลางยักไหล่ให้กู้โม่หาน

“ข้าจะต้องได้พบคนที่ต้องใจแน่ หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นท่านจะไม่นึกเสียใจภายหลังเข้าล่ะ พรุ่งนี้พบกันนะ”

พูดจบ ฉินมู่ไป๋ก็เดินอ้อมกู้โม่หานออกจากพระตำหนักไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดทะมึน

สุดท้ายกู้โม่หานก็ประเมินนางต่ำเกินไปเสียแล้ว นางคือองค์หญิงฮั่นเฉิงจอมเจ้าคิดเจ้าแค้นเชียวนะ ในตอนที่นางรั้งให้กู้โม่หานอยู่ต่อ นางก็วางกู่พิษที่มีฤทธิ์ร้ายกาจเป็นพิเศษลงในเหล้าแล้ว วิธีที่จะแก้ได้ก็มีเพียงต้องใช้หยินมาเสริมหยางเท่านั้น

แม้ว่าจะใช้ได้ผลเพียงครั้งเดียว แต่ก็สามารถใช้เป็นยาปลุกได้อย่างรวดเร็ว ผู้ที่กินเข้าไปจะเปลี่ยนเป็นคนเจ้าอารมณ์และหยาบคาย และสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด ก็คือผู้หญิงที่ถูกใช้เป็นยาแก้พิษจะรู้สึกเจ็บปวดเป็นพิเศษ ทั้งยังส่งผลให้สูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นด้วย

กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนไม่ใช่ว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากหรอกหรือ? ดังนั้นแล้วย่อมต้องเป็นหนานหว่านเยียนแก้พิษ แล้วหนานหว่านเยียนก็คือคนที่ต้องรับทุกข์นั่นไป

ฮึ!

ต่อให้นางไม่ได้กู้โม่หานมาครอง นางก็จะไม่ยอมให้พวกเขาสองคนได้อยู่กันอย่างมีความสุขเด็ดขาด ——

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *