ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 520 กู้โม่หาน เจ้าบังอาจ

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 520 กู้โม่หาน เจ้าบังอาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 520 กู้โม่หาน เจ้าบังอาจ

ถึงแม้เขาไม่มีหลักฐาน บ่งชี้ว่าหนานหว่านเยียนแอบทำให้ฉินมู่ไป๋ทุกข์ทรมาน ยังไงหนานหว่านเยียนก็รักษาฉินมู่ไป๋หายแล้ว แต่นั่นก็ไม่สามารถขัดขวางให้เขาใช้เป็นข้ออ้าง

หนานหว่านเยียนเหมือนกับกู้โม่หาน มีความทระนงเกินไป ยากที่จะจับผิด ครั้งนี้เขาจะต้องสั่งสอนนางให้ได้

กู้จิ่งซานพูดขึ้นมายังโกรธโมโหว่า “อย่าคิดว่าเจ้ามีฝีมือทางการรักษา แล้วก็คิดหยิ่งในศักดิ์ศรี เป็นเพราะองค์หญิงไม่ถือสาเจ้า ไม่อย่างนั้นข้าจะต้องลงโทษเจ้า”

หนานหว่านเยียนเงียบไม่พูดอะไร เห็นได้ชัดว่ากู้จิ่งซานต้องการหาเรื่องพวกเขา จึงไม่มีความจำเป็นต้องโต้เถียง

ดวงตาทั้งคู่ของกู้โม่หาน กลับเยือกเย็นมัวหมองลง มองดูกู้จิ่งซานที่บีบบังคับกดขี่ อยากที่จะกดขี่ให้เขากับหนานหว่านเยียน ตกลงไปในเหวลึก ความเสียใจและโกรธโมโหภายในใจของเขายิ่งรุนแรง เสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากก็เยือกเย็นอย่างที่สุด

“พระชายารักษาคนป่วยช่วยชีวิตคน มีความผิดอะไร? องค์หญิงฮันเฉิงไม่ฟังคำเตือน สร้างความลำบากใจให้กับคนที่รักษานาง อย่าว่าแต่นางเป็นถึงองค์หญิงฮันเฉิง ต่อให้เป็นฮองเฮาฮันเฉิง ก็ควรที่จะทุกข์ทรมาน”

กู้จิ่งซานคิดไม่ถึงเลยว่ากู้โม่หานจะโต้เถียง อึ้งไปสักพัก แล้วก็ตกบนที่วางมือเก้าอี้มังกรอย่างแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “กู้โม่หาน เจ้าบังอาจ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าพูดอะไรออกมา?”

“ข้าพูดความจริง”

กู้โม่หานยืดหลังตัวตรง สายตาจ้องมองไปที่กู้จิ่งซาน

“นักฆ่ากับพระชายาอี้ช่วยชีวิตคน เป็นคนละเรื่อง เสด็จพ่อจะถามเรื่องนักฆ่า บอกว่าลูกจัดการได้ไม่ดี ลูกไม่มีอะไรจะพูด แต่หากเสด็จพ่อเห็นว่า พระชายาของลูกช่วยชีวิตคนแล้วไม่เป็นสิ่งที่ดี ลูกไม่เห็นด้วย”

“เป็นถึงพระชายาแคว้นซีเหย่อี้อ๋อง ทำการรักษาให้กับองค์หญิงแคว้นเทียนเซิ่ง ทางด้านสถานะแล้วไม่ได้เป็นการเหยียดหยาม การกระทำก็เป็นสิ่งที่โดดเด่น รักษาบาดแผลให้กับองค์หญิงจนหายดีแล้ว นางทำอะไรผิด? ผิดก็ตรงที่นางเป็นพระชายาของลูก เป็นพระชายาของแคว้นซีเหย่ ไม่ใช่พระชายาของแคว้นเทียนเซิ่งหรือ?”

“เสด็จพ่อเห็นว่าแคว้นซีเหย่สู้แคว้นเทียนเซิ่งไม่ได้หรือ จะทำอะไรก็ต้องดูสีหน้าราชวงศ์ของแคว้นเทียนเซิ่งด้วยหรือ?”

เมื่อพูดเสร็จ ทั่วทั้งในตำหนัก บรรยากาศเยือกเย็นกดดันขึ้นมาอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า เงียบสงัดจนแม้แต่เข็มเงินหล่นตกยังสามารถได้ยิน

ทุกคนฟังสองพ่อลูกตรงหน้าพูดเถียงกัน ยังแทบไม่กล้าหายใจแรง

หนานหว่านเยียนก็แปลกประหลาดใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่ากู้โม่หานจะปกป้องนางขนาดนี้

แต่คำพูดแบบนี้ ฮ่องเต้จะไม่ยิ่งจับผิดเขาหรือ จนต้องลงโทษเขา?

เพราะยังไงระดับชนชั้นในสมัยโบราณนั้นเคร่งครัด ใครก็ห้ามพูดโต้เถียงกับฮ่องเต้

กู้จิ่งซานมองดูกู้โม่หานที่ไม่ยอมอ่อนข้อ สีหน้าเคร่งเครียด พร้อมพรวดลุกขึ้นมา

“กู้โม่หาน เจ้าบังอาจอย่างมาก ข้าเคยพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ว่า ทำอะไรก็ต้องดูสีหน้าแคว้นเทียนเซิ่ง แล้วใครอนุญาตให้เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนี้?”

เขาพูดขึ้นอย่างโกรธโมโหว่า “เห็นทีไม่เพียงทำงานไม่ได้เรื่อง ยังอวดดีโอหัง ในเมื่อพูดได้มีหลักการขนาดนี้ ข้าว่าเจ้าไม่ต้องเป็นไท่จื่อแล้ว ทหาร ลากตัวอี้อ๋องออกไป…”

จู่ๆ กู้จิ่งซานยังพูดไม่เสร็จ กู้โม่เฟิงก็คุกเข่าลง พร้อมพูดรั้งไว้ว่า

“เสด็จพ่อ ไท่จื่อไม่ได้ตั้งใจที่จะล่วงเกิน เพียงแค่ใช้คำพูดไม่เหมาะสมเท่านั้นเอง ขอเสด็จพ่อโปรดอภัย”

กู้โม่เฟิงคุกเข่าลง พวกเหล่าขุนนางต่างก็คุกเข่าลง พูดร้องขอให้กับกู้โม่หาน

“ไท่จื่อพูดจาผิดพลั้งไป ขอฮ่องเต้โปรดอภัย”

ทุกคนต่างพูดร้องขอ กู้โม่หลิงกับชี่กุ้ยเฟยมองตากัน เงียบไม่พูดอะไร

สายตาหนานหว่านเยียนกลับกะพริบไปมา แปลกประหลาดใจเล็กน้อย และก็ไม่คาดคิด

กู้โม่หานเป็นดั่งหนามในใจฮ่องเต้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่หนามในใจไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในกำมือ ได้อย่างตามใจเหมือนเมื่อก่อน กลับกลายเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพไปแล้ว

ฮ่องเต้เห็นแบบนี้ สีหน้ากลับยิ่งแย่ลง

“ทำไม พวกเจ้าคิดอยากกบฏหรือ”

ทุกคนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา ยิ่งก้มหน้าก้มตาลงต่ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกกระหม่อมไม่กล้า ขอฮ่องเต้โปรดอภัย”

กู้โม่หานไม่พูดอะไรอีก กู้โม่เฟิงมองดูกู้จิ่งซาน พร้อมพูดขึ้นอย่างเคารพว่า “เสด็จพ่อ ขอท่านโปรดอภัย ลูกกับเหล่าขุนนางทุกท่านต่างรู้ดี เป็นเพราะไท่จื่อจัดการเรื่องงานได้ไม่เรียบร้อย ท่านจึงโกรธโมโหไท่จื่อเฟยไปด้วยเท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับแคว้นเทียนเซิ่ง”

“ลูกก็ไม่ได้ขอร้องเพื่อไท่จื่อ เพียงแต่ท่านไม่รู้ พวกนักฆ่าพวกนั้นเจ้าเล่ห์จริงๆ ถึงแม้วันนั้นลูกจะไม่ได้อยู่บนเรือ แต่ลูกเคยถูกนักฆ่าพวกนั้นลอบทำร้าย พวกเขาไม่เพียงลงมืออย่างโหดเหี้ยมอำมหิต ทุกกระบวนท่าล้วนหมายเอาชีวิต ยังถูกสอนมาอย่างเข้มงวด ต่อให้ลูกจับตัวคนร้ายมาได้ หากพวกเขาไม่กินยาพิษฆ่าตัวตาย ก็จะกัดลิ้นฆ่าตัวตาย”

“คิดว่า สถานการณ์บนเรือในวันนั้นก็เป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าไท่จื่อสืบค้นไม่ได้อะไรเลย แต่ว่าต้องใช้เวลาหน่อย ขอเสด็จพ่อให้เวลาไท่จื่ออีกสักหน่อย”

กู้จิ่งซานถลึงตาใส่กู้โม่เฟิง แววตาเต็มล้นไปด้วยความโกรธโมโห พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากำลังพูดขอร้องแทนไท่จื่อ?”

กู้โม่เฟิงไม่เพียงไม่ถดถอย กลับยังโขกหัวกับพื้นอย่างรุนแรง

“เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้พูดขอร้องเพื่อใคร เพียงแค่คิดยังไงก็พูดสิ่งนั้น อดไม่ได้ที่จะพูดตามตรงเท่านั้นเอง”

“ภายในใจลูก ไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นไท่จื่อเท่ากับเจ้าหก ถึงแม้เจ้าหกจะไม่สามารถป้องกันไม่ให้นักฆ่าปรากฏ แต่เขาก็มีความดีความชอบในการปกป้องให้ทุกคนปลอดภัย ไม่ได้ปล่อยให้คนร้ายทำสร้างความอันตรายแก่ทูตทุกท่าน องค์หญิงฮันเฉิงหาเรื่องให้ตนเองบาดเจ็บเอง ความผิดนี้ไม่สามารถโทษไท่จื่อได้ ต่อให้จะคิดโทษ ก็มีความดีลบล้างความผิด”

“มีประโยคหนึ่งที่ไท่จื่อเฟยพูดไม่ผิด ไท่จื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงของแคว้น ปรับเปลี่ยนอย่างง่ายดายจะทำให้คนอื่นเห็นว่ามักง่าย ดังนั้นขอเสด็จพ่อ ทรงถอนคำสั่งด้วย”

ต่อให้เขาโง่อีกแค่ไหนก็สามารถดูออก เสด็จพ่อของเขานั้น ไม่ได้มีมิตรไมตรีเหมือนอย่างต่อหน้าแบบนั้น

สิ่งที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้ ก็คือยืนอยู่เคียงข้างกู้โม่หาน ถือเป็นการไถ่โทษที่เคยกระทำเลวร้ายต่อกู้โม่หาน

“ดี แต่ละคนล้วนเป็นลูกชายที่ดีของข้า” กู้จิ่งซานแทบจะโกรธโมโหตายเพราะกู้โม่เฟิง

เมื่อมองดูพวกขุนนางที่คุกเข่าอยู่ ก็ยิ่งโกรธโมโหขึ้น เขาไม่รู้จริงๆว่า กู้โม่หานไม่เพียงได้ใจประชาชน ยังได้ใจพวกขุนนางถึงขนาดนี้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *