ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 557 ข้ามีเพียงเจ้า

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 557 ข้ามีเพียงเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 557 ข้ามีเพียงเจ้า

“ข้าจะตายหรือ?”

หนานชิงชิงรับลูกกลมงุนงง สายตารู้สึกตกใจเล็กน้อย “เจ้ากําลังพูดถึงอะไร เหตุใดข้าถึงไม่เข้าใจสักคํา?”

พ่อบ้านกาวพูดด้วยความนอบน้อมว่า “ท่านไม่ต้องกังวล ลูกปัดนี้เรียกว่า ‘เนี่ยพาน’ สามารถทําให้ผู้คนเกิดใหม่ได้จากขี้เถ้า!” ”

“ข้าน้อยเคยเห็นกับตาว่ามันใช้ได้ผล ท่านมีสิ่งนี้ ท่านเพียงจะสูญเสียฐานะในอดีต แต่จะไม่มีผลเสียต่อท่านแต่อย่างใด”

เนี่ยพานเคยเป็นของนายท่านมาก่อน ตอนแรกนายท่านยกเนี่ยพานให้กับเขา ให้เขาเก็บรักษาให้ดี จะได้ไม่ต้องตกไปอยู่ในมือของคนเลว

หากวันใดวันหนึ่ง คุณหนูจำเป็นต้องใช้ ค่อยนำเนี่ยพานมอบให้กับคุณหนู ให้นางอาศัยพลังจากเนี่ยพานเพื่อหลุดพ้นจากปัญหา

มีอัญมณีที่วิเศษเช่นนี้ด้วยหรือ?

หนานชิงชิงจ้องมองเนี่ยพานที่อยู่ในมืออย่างไม่น่าเชื่อ

อย่างไรอัญมณีนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งลูกเป็นสีแดงเพลิง ด้านในมีแสงมันวาวภายใต้การหักเหของแสงอาทิตย์ ส่องแสงที่มีสีสันอย่างต่อเนื่อง ราวกับทองคําเปลว

ถือไว้ในมือก็รู้สึกอุ่นๆ ให้พลังงานอย่างไม่มีเหตุผล และทําให้สงบลง

ในใจของหนานชิงชิงสงบลงไม่น้อย เมื่อคิดว่าตัวเองสามารถหลุดพ้นจากปัญหาและความอันตราย เกิดใหม่ได้อีกครั้ง นางก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมา

รอเมื่อนางหลุดพ้นจากปัญหาจริงๆ นางจะต้องเดินตามทางของนางต่อไปอย่างแน่นอน!

เพียงแต่นางกลัวว่าถนนสายนี้จะไม่ง่าย เมื่อเดินจนสุดทาง เหลือเพียงนางที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลําพัง…

นางมองไปที่พ่อบ้านกาว “พ่อบ้านกาว ท่านแม่ของข้าตายแล้ว ท่านพ่อของข้าทอดทิ้งข้า มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างข้า เจ้าจะภักดีต่อข้าตลอดไปหรือไม่?”

พ่อบ้านกาวจ้องมองหนานหว่านเยียนไม่ละสายตา ทันใดนั้นสายตาก็ลอยเล็กน้อย

เขาไม่มีพ่อและไม่มีแม่ตั้งแต่เด็ก และเพื่อหาเลี้ยงชีพ เขาต้องขโมยเพื่อเลี้ยงดูตัวเอง

ในปีนั้นเขาขโมยถุงเงินของคุณชายตระกูลร่ำรวยผู้หนึ่งมาจากตรอกไป่ฮวาที่รุ่งเรืองที่สุดในเมือง หลังจากโดนคุณชายจับได้ ก็ขวางเขาไว้ในตรอก ถูกตีจนเกือบตาย

ในตอนนั้น นายท่านอายุเพียงแปดขวบปรากฏตัวขึ้น

เขาจําได้แม่นว่า นายท่านยืนเท้าเอวอยู่ที่ปากซอย ใบหน้าที่ดื้อรั้นของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“ทำร้ายคนในเวลากลางวันแสกๆ ไม่สนใจกฎหมายของแคว้นต้าเซี่ยจริงๆ! ปล่อยเขาไป! ไม่อย่างนั้น ข้าจะส่งพวกเจ้าทั้งหมดเข้าคุก!”

หลังจากนั้นนายท่านสงสารเขา ให้ข้าวเขากิน และยังเลี้ยงดูเขาอีก นายท่านฐานะเช่นนี้ กลับให้ความสำคัญกับเขา เขารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ดังนั้นไม่ว่านางทำอะไร เขาจะสนับสนุนเสมอ แม้แต่เรื่องที่นายท่านจะหนีแต่งงาน…

อย่างไรโลกย่อมมีการเปลี่ยนแปลง เขาไม่สามารถปกป้องนายท่านไว้ได้ ดังนั้นเขาจะต้องปกป้องคุณหนูอย่างสุดชีวิต!

ในเรือนจิ้งอัน แสงสุดท้ายตกกระทบลงบนหน้าของพ่อบ้านกาว ใบหน้าของพ่อบ้านกาวที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาอย่างโชกโชน ในตอนนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าความจงรักภักดีอย่างมั่นคง

เขาก้มศีรษะไปหนานชิงชิง แม้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บ แต่เสียงของเขาก็ดังกึกก้อง “ข้าน้อยภักดีต่อคุณหนูตลอดไป ต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ตายเป็นหมื่นครั้งก็ไม่บ่ายเบี่ยงขอรับ!”

หนานชิงชิงพอใจมากกับคําตอบของพ่อบ้านกาว นางถือเนี่ยพานในมือไว้แน่น มองดูแสดงสีแดงสุดท้ายของเส้นขอบฟ้าจางหายไป ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน

“สักวันหนึ่งข้าจะทําให้ทุกคนในใต้หล้าก้มหัวให้ข้า!”

สําหรับหนานหว่านเยียนที่ทําร้ายนางจนถึงตอนนี้ จะต้องถูกกรีดเป็นพันครั้ง จึงจะสงบความแค้น และความโกรธของนางได้!

วันต่อมา

หลังจากฝนตกหนักมาหนึ่งคืน กู้โม่หานถูกกู้จิ่งซานเรียกตัวเข้าไปในวัง โดยบอกว่าเป็นการหารือเกี่ยวกับวันแต่งงานของ ฉินมู่ไป๋และกู้โม่หลิง

ทันทีที่เขามาถึงนอกตำหนัก ก็เห็นกู้จิ่งซานพูดคุยอยู่กับท่านทูตของแคว้นเทียนเซิ่ง

ด้านข้างของท่านทูตยืน มีกู้โม่หลิงและและองค์ชายสิบยืนอยู่ ในตำหนักยังมีขุนนางยืนอยู่จำนวนหนึ่ง

สีหน้าของกู้โม่หานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเขาก้าวเข้าไปในห้องโถง และทักทายกู้จิ่งซานว่า “ลูกถวายความเคารพท่านพ่อ!”

“อืม ไม่ต้องมากพิธี” กู้จิ่งซานแอบเหลือบมองกู้โม่หาน ส่งสัญญาณให้เขาลุกขึ้น จากนั้นมองไปที่หลายคนและกล่าวว่า “วันนี้ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามา ก็เพื่อมาหารือเกี่ยวกับวันแต่งงานของเจ้าเจ็ดและองค์หญิงฮั่นเฉิง”

เขาหยุดชั่วคราว แล้วหันไปมองท่านทูตแคว้นเทียนเซิ่ง “ทูตเฟิ่งหยวน แคว้นเทียนเซิ่งของพวกท่านมีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง?”

ทูตเฟิ่งหยวนก็ไม่เกรงใจ เดินออกมาโค้งคำนับกู้จิ่งซานและกล่าวว่า “เรียนฮ่องเต้คำถามก่อนหน้า กระหม่อมขอบังอาจถามเรื่องหนึ่ง เทศกาลหยวนเซียวฮ่องเต้วางแผนจะแต่งตั้งไท่จื่อใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

กู้จิ่งซานขมวดคิ้วเล็กน้อย และส่งเสียงอืมออกมายาวๆ หนึ่งที

“มีเรื่องนี้จริงๆ เทศกาลหยวนเซียวเป็นวันมงคลที่หาได้ยาก ข้าคิดว่าในเมื่อล้วนเป็นเรื่องดี ก็ให้องค์หญิงฮั่นเฉิงกับเจ้าเจ็ดจัดงานแต่งในเทศกาลหยวนเซียวด้วยเลย ไท่จื่อก็ถูกแต่งตั้งในเทศกาลหยวนเซียว ถือว่าเป็นเรื่องดีเข้ามาสองเท่า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทูตเฟิ่งหยวนก็รีบพูด “ฮ่องเต้ นี่เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”

“ไม่ว่าองค์หญิงฮั่นเฉิงจะว่าอย่างไร แต่ก็เติบโตมากับฮ่องเต้ของพวกข้า ฐานะสูงส่งไม่มีใครเทียบ และในตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเทศกาลหยวนเซียวของแคว้นซีเหย่แล้ว”

“ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ฮ่องเต้และไท่จื่อจะทรงจัดพิธีสมรสได้อย่างไร? และยังต้องแต่งตั้งไท่จื่ออีก เช่นนี้จะแยกความแตกต่างหลักจากรองได้อย่างไร?? หากงานอภิเษกเรียบง่ายเกินไป ถึงตอนนั้นก็จะแพร่ไปถึงแคว้นเทียนเซิ่ง จะทําให้ฮ่องเต้ของกระหม่อมไม่พอใจอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

กู้โม่หานขมวดคิ้ว มองไปยังทูตเฟิ่งหยวน ดวงตาของเขามืดมนเล็กน้อย

องค์ชายสิบเบ้ปากด้วยความไม่พอเล็กน้อยใจ มองไปยังกู้โม่หลิงที่อยู่ข้างๆ รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม

พี่ชายของตัวเองถูกฉินมู่ไป๋นั้นบีบบังคับ และคนจากแคว้นเทียนเซิ่งต้องการให้โจมตีแคว้นต้าเซี่ยเป็นสิดสอด และจะต้องจัดงานอภิเษกให้ยิ่งใหญ่ ข้อเรียกร้องมาเสียจริง!

แต่ก่อนที่เขาจะคิดเสร็จ ก็ได้ยินกู้จิ่งซานกล่าว “ทูตเฟิ่งหยวนพูดได้ถูกต้อง องค์หญิงมีสถานะสูงส่ง เรื่องงานอภิเษกไม่สามารถเร่งรีบได้ และไม่สามารถชนกับการแต่งตั้งไท่จื่อได้ จะทำให้แยกแยะเรื่องลำดับความสำคัญไม่ถูก”

ทูตเฟิ่งหยวนพูดเช่นนี้ กู้จิ่งซานก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นอีก หากเป็นเพราะเรื่องงานแต่ง สามารถยืดระยะเวลาการแต่งตั้งองค์รัชทายาทได้ ก็จะดีมาก

แต่เขามองไปที่สีหน้าของกู้โม่หานที่ไม่เปลี่ยนแปลง “ไท่จื่อ พระองค์คิดเห็นอย่างไร” ”

ใบหน้าหล่อเหลาของกู้โม่หานยังคงนิ่งเฉยดวงตาที่แหลมคมดั่งหงส์มองไปยังกู้จิ่งซาน

“เสด็จพ่อพูดถูก เรื่องการอภิเษกเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด จะทำแบบรีบร้อนไม่ได้ หลี่หลางจง นอกจากเทศกาลหยวนเซียวแล้ว เคยเลือกวันมงคลถัดไปหรือไม่?”

หลี่หลางจงกล่าวตามความจริง “เรียนไท่จื่อ กระหม่อมได้คํานวณวันพระราชสมภพของท่านอ๋องเจ็ดและองค์หญิงแล้ว วันมงคลถัดไปคืออีกหนึ่งเดือนถัดจากนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

กู้โม่หานกล่าวว่า “เวลาหนึ่งเดือนสำหรับเตรียมงานอภิเษกที่ยิ่งใหญ่ เวลาเพียงพอหรือไม่?”

หลี่หลางจงตอบว่า “แค่นี้ก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

กู้จิ่งซานแสร้งทําไตร่ตรอง “ถ้าอย่างนั้นก็ตามนี้แล้วกัน เทศกาลหยวนเซียวแต่งตั้งไท่จื่อ ส่วนเรื่องงานอภิเษกของเจ้าเจ็ดและองค์หญิงฮั่นเฉิง จะจัดขึ้นหลังจากนั้นหนึ่งเดือน”

ดวงตาของกู่โม่หลิงเย็นชาเล็กน้อย แต่จู่ๆ ทูตเฟิ่งหยวนก็กล่าวด้วยน้ำเสียงมาค่อยดีนัก “ฮ่องเต้ เรื่องการอภิเษกของทั้งสองแคว้นสำคัญที่สุด แน่นอนจะต้องจัดก่อนการแต่งตั้งไท่จื่อนะพ่ะย่ะค่ะ”

“และในหนึ่งเดือนนี้ ก็เพียงพอที่จะเตรียมงานอภิเษกที่ยิ่งใหญ่ได้ หากงานอภิเษกและการแต่งตั้งไท่จื่อจัดในเวลาเดียวกัน นี่มันก็เร่งรีบเกินไป!”

ดวงตาของกู้โม่หานเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยซ่อนบางอย่างไว้

ที่แท้เป็นแคว้นเทียนเซิ่งที่ออกความคิดนี้ ไม่น่าแปลกใจที่เขาพูดถึงเรื่องของการแต่งตั้งไท่จื่อตั้งแต่แรก

เจ้าเจ็ดกลายเป็นพระราชบุตรเขยของแคว้นเทียนเซิ่ง ชาวเทียนเซิงก็ต้องการให้เจ้าเจ็ดนั่งในตําแหน่งที่สูงขึ้น ตรงจุดนี้ กลับบังเอิญเห็นตรงกันกับเสด็จพ่อ…

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *