ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 501 หึง

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 501 หึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 501 หึง

เขามองดูรอยยิ้มอันสดใสของหนานหว่านเยียน สุดท้ายก็ฉีกปากยิ้มขึ้นมาแล้ว

“อืม ได้”

โม่หลีกวาดตามองโม่หวิ่นหมิงแวบหนึ่ง แววตาเปล่งประกาย

หนานหว่านเยียนพูดคุยกับโม่หวิ่นหมิงเสร็จสรรพ หันหน้าไปมองโม่หลีแวบหนึ่ง ยิ้มตาหยีแล้วกล่าว: “โม่เซียนเซิง ขอบใจมากที่ก่อนหน้านี้โม่เซียนเซิงได้ทำม้าไม้และของขวัญให้ยัยตัวเล็กทั้งสอง พวกนางทั้งคู่คนเล่นซะจนมีความสุขสนุกสนานทั้งวันเชียวล่ะ” ความเอ็นดูและความปลื้มอกปลื้มใจในดวงตาของโม่หลีเปล่งประกายขึ้นและค่อยๆหายไป เขาลูบแหวนหยกที่นิ้วหัวแม่มือ ดวงตาโค้งเป็นรอยยิ้ม พร้อมด้วยไฝที่หางตา เผยความเป็นสุขกายสุขใจออกมาเป็นพิเศษ

“พระชายาไม่จำเป็นต้องขอบใจพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยชื่นชอบเสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสองพระองค์เป็นอย่างมาก เป็นเกียรติของข้าน้อยที่ได้รับความชื่นชอบจากเสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสอง”

“และข้าน้อยก็เลื่อมใสในความเด็ดเดี่ยวและการอบรมสั่งสอนของพระชายามากๆด้วยเช่นกัน สามารถอบรมเสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสองพระองค์ได้ดีถึงเพียงนี้ ไม่กี่ปีมานี้ จะต้องลำบากเป็นอย่างมากเลยสินะพ่ะย่ะค่ะ”

ไม่รู้ทำไม ราวกับว่าหนานหว่านเยียนได้ยินถึงความเป็นห่วงเป็นใยและความสงสารเป็นพิเศษจากในน้ำเสียงของโม่หลี

เหมือนกับว่าผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้านี้ไม่ใช่แค่คุณชายที่สอนหนังสือเท่านั้น แต่เป็นญาติคนใดคนหนึ่งของนาง

ทว่านางเพ่งมองใบหน้านั้นของโม่หลี จากนัยน์ตาของเขาก็ไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกใดๆได้

หนานหว่านเยียนรู้สึกว่าตัวเองคิดมากไปแล้ว มองดูเจ้าตัวเล็กทั้งสอง ยิ้มและกล่าวเบาๆว่า “ยัยตัวเล็กทั้งสองมีสายเลือดเชื่อมโยงกับข้า เป็นธรรมดาที่จะต้องเป็นของล้ำค่าในมือของข้าอยู่แล้ว”

“ข้าตัดสินใจส่งพวกนางมาดูโลก แน่นอนว่าจะต้องให้ทุกอย่างที่ดีที่สุดที่ข้าสามารถให้ได้แก่พวกนาง สั่งสอนพวกนางให้ดีๆ ยิ่งกว่านั้นคือจะปกป้องพวกนางอย่างสุดกำลังความสามารถ”

ด้วยเหตุนี้ นางจึงได้พยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อจะหย่ากันด้วยความยินยอมขนาดนั้น กู้โม่หานไม่ยอม นางก็จะรังควานจนเขายอม ฮ่องเต้ไม่ยอม เช่นนั้นก็จะแย่งชิงอำนาจ ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องสมดั่งความปรารถนาในที่สุด

ได้ยินดังนั้น มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของโม่หลีก็เคลื่อนไหวเบาๆ “พระชายาเป็นพระมารดาที่ดีผู้หนึ่งจริงๆพ่ะย่ะค่ะ”

หนานหว่านเยียนสามารถเติบโตจนเป็นคนที่มีความรับผิดชอบเฉลียวฉลาดปราดเปรียวรู้จักหนักเบาได้เช่นนี้ เขารู้สึกปลาบปลื้มและภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่กี่ปีมานี้ ก็ลำบากหนานหว่านเยียนและเจ้าตัวน้อยทั้งสองแล้วจริงๆ

แต่รอจนเขาจัดวางแผนการเสร็จสิ้น ไม่ช้า พวกนางทั้งสามแม่ลูกก็จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถเริ่มใช้ชีวิตเสพสุขกับความรักความเอ็นดู และรับความเคารพความศรัทธาจากผู้คนได้……

ทันใดนั้น โม่หลีก็นึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยปากขึ้นอย่างฉับพลันว่า “พระชายา เดิมทีของเหล่านี้ ควรจะมอบให้ท่านและเสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสองในคืนส่งท้ายปีเก่าเมื่อคืน แต่ตอนที่ข้าน้อยและหวิ่นหมิงมา ท่านได้ออกจากเรือนไปแล้ว พวกเราจึงกลับบ้านไปก่อนโดยไม่ได้รอ”

พูดจบ โม่หลีก็ล้วงหยกแขวนออกมาจากหน้าออกสองชิ้น ยื่นให้เจ้าตัวเล็กทั้งสอง

“นี่เป็นของขวัญปีใหม่ที่ข้าน้อยมอบให้พระชายาและเสี่ยวจวิ้นจู่ จะต้องรับไว้นะพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าออกไปนานมากเชียวหรือ?” หนานหว่านเยียนถูกดึงความสนใจด้วยรายละเอียดเล็กๆ ขมวดคิ้วเบาๆ มีความสงสัยเล็กน้อย

เซียงอวี้ไม่ได้บอกว่า นางออกไปเพียงแค่ครู่เดียวหรอกเหรอ?

แต่ไม่รอให้นางถามมากมาย เกี๊ยวน้อยก็กระตุกแขนเสื้อของนางทันที กล่าวขึ้นเบาๆด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อยว่า “ท่านแม่ท่านแม่ หยกแขวนในมือของโม่เซียนเซิงสองชิ้นนั้นงดงามมากเชียวล่ะ! พวกขารับไว้ได้หรือไม่เพคะ?”

อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ท่านแม่ก็เคยบอกไว้ว่า สิ่งของล้ำค่าไม่สามารถรับโดยส่งเดชได้

หยกแขวนในมือของโม่เซียนเซิงแค่มองก็รู้ว่า ต้องแพงอย่างแน่นอน สามารถแลกเปลี่ยนเป็นถังหูหลูได้เยอะแยะมากมายแล้ว!

ความคิดของหนานหว่านเยียนถูกขัดจังหวะ มองดูหยกแขวนในมือของโม่หลีแวบหนึ่ง กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “โม่เซียนเซิง นี่……”

โม่หลียิ้มแล้ว แหวนหยกที่สวมนิ้วโป้งในมือเปล่งแสงอันลึกลับออกมาภายใต้แสงอาทิตย์

“พระชายาไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าน้อยรบกวนที่จวนมาหลายวัน พระชายา ท่านอ๋องและเสี่ยวจวิ้นจู่ก็ไม่เคยรังเกียจ จึงรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นพิเศษ อีกทั้ง ข้าน้อยชื่นชอบความเฉลียวฉลาดของเสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสองพระองค์เป็นอย่างมาก หยกแขวนเป็นเพียงแค่สิ่งของในบ้านเกิดของข้าน้อยเท่านั้น ไม่ได้นับว่าเป็นของล้ำค่าเกินไป พระชายาก็ให้เสี่ยวจวิ้นจู่รับไว้เถอะพ่ะย่ะค่ะ”

โม่หวิ่นหมิงมองไปทีหยกแขวนในมือของโม่หลี นัยน์ตามีแววความลึกลับแฉลบผ่าน นี่ไม่ใช่หยกแขวนธรรมดา แต่เป็น……

เขาพูดคล้อยตามด้วยเสียงอันอ่อนโยน “ในเมื่อเป็นน้ำใจอย่างหนึ่งโม่เซียนเซิง หว่านหว่านก็อย่าได้ปฏิเสธอีกเลย”

หนานหว่านเยียนมองดูท่าทางจริงใจของโม่หลี โม่หวิ่นหมิงก็เกลี้ยกล่อมอยู่ข้างๆ จึงไม่ได้ปฏิเสธอีก อีกอย่างก็เป็นของขวัญปีใหม่ ประเดี๋ยวนางค่อยให้เซียงอวี้จัดเตรียมของขวัญที่ล้ำค่ายิ่งกว่ามอบคืนไปก็ได้แล้ว

“เช่นนั้นก็ขอบใจโม่เซียนเซิงมาก ช่วงนี้เจ้าตัวเล็กทั้งสองนี่ก็ลำบากท่านแล้ว”

พูดพลาง นางก็ยื่นมือไปรับหยกแขวนสองชิ้นนั้นมา มองดูอย่างถี่ถ้วน นาทีต่อมา ดวงตากลับตะลึงขึ้นอย่างฉับพลัน

หยกแขวนที่โม่หลีมอบให้สีสันแวววาวแดงเป็นประกาย ฝีมือการสลักไม่ธรรมดา แค่มองดูก็ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป

ที่ทำให้นางแปลกใจเป็นที่สุดคือ ราวกับว่าเคยได้เห็นหยกแขวนชนิดนี้ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมาก่อน เหมือนว่า เหมือนว่าจะเป็นหยกแขวนที่ท่านแม่ของเจ้าของร่างเดิมพกไว้!

นางมองดูหยกแขวน แล้วนึกโยงถึง “องค์หญิงน้อย” ที่ท่านแม่ของเจ้าของร่างเดิมพูด ทันใดนั้นก็มองไปทางโม่หลี แววตามีคำถามเจาะลึกขึ้นมามากยิ่งขึ้น

หรือว่า โม่เซียนเซิงและท่านแม่ของเจ้าของร่างเดิม มีความสัมพันธ์อะไรกัน?

เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง?

หนานหว่านเยียนนึกย้อนไปอีกครั้ง ครั้งก่อนฮูหยินเฉิงเซี่ยงได้มอบสิ่งของที่ท่านแม่ของเจ้าของร่างเดิมทิ้งเอาไว้ให้นางกองหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะไม่มีหยกแขวนนี่ หรือเพราะนางจำผสมปนเปกันแล้ว

หนานหว่านเยียนหันไปและยื่นหยกแขวนให้กับเจ้าตัวเล็กทั้งสอง ยิ้มและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ยังไม่รีบขอบคุณโม่เซียนเซิงอีก?”

“ขอบคุณโม่เซียนเซิง!” เจ้าตัวน้อยทั้งสองถือหยกแขวนกระโดดโลดเต้นไปรอบๆหนานหว่านเยียนด้วยความตื่นเต้น บนใบหน้าน้อยๆที่ไร้เดียงสาเยาว์วัยเต็มไปด้วยความสุขและความพอใจ

บรรยากาศในลานบ้านเปลี่ยนไปเป็นความอบอุ่นและมีชีวิตชีวาขึ้นมา ดวงตาอันสดใสของหนานหว่านเยียน กลับเพ่งมองไปที่โม่หลีที่อยู่เบื้องหน้าอยู่บ่อยๆ พร้อมด้วยความแคลงใจเล็กน้อย

ฉากนี้ กู้โม่หานที่รีบไล่ตามมาพบหนานหว่านเยียน ได้เห็นเข้าอย่างชัดเจน

พริบตานั้นกู้โม่หานก็รู้สึกอิจฉาเป็นที่สุด ใบหน้าฉาบไปด้วยความหึงหวงอันคุกรุ่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นหนานหว่านเยียนเพ่งมองโม่หลีอย่างจดจ่อ ราวกับว่ามองจนเหม่อลอยแล้วเช่นนั้น ผ่านไปนานก็ไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายสายตา เขาจึงหรี่ตาลง ความปรารถนาที่จะครอบครองก็เติมเต็มในจิตใจของเขาทันที

นางไม่เคยมองเขาเช่นนี้มาก่อน

แม้จะเป็นเมื่อคืน ในความทรงจำอันวุ่นวายของเขา นางก็ไม่เคยได้มองดูเขาแบบดีๆเช่นนี้มาก่อน เอาแต่จะต่อต้านเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

มือที่เห็นข้อต่อชัดเจนทั้งสองข้างกำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความอิจฉาและความโกรธเข้าครอบงำทำหน้าที่เป็นบทบาทสำคัญได้อย่างง่ายดาย รอบตัวของผู้ชายแผ่ซ่านกลิ่นอายความเย็นที่ควบแน่นออกไป

เขาสาวเท้าไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็ว เดินเข้าไปทางหนานหว่านเยียน

เซียงอวี้และคนอื่นๆเห็นกู้โม่หาน ยังไม่ทันได้ทำความเคารพ เขาก็โอบเอวบางๆของหนานหว่านเยียนไว้ทันที ดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองอย่างแนบแน่น

ทันทีหลังจากนั้น น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกน่ากลัวของผู้ชายก็ดังขึ้น

“…….”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *