ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 632 หาคนเจอแล้ว

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 632 หาคนเจอแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 632
กู้โม่เฟิงนำคนปิดกั้นทางเข้าของวังหลวง และประตูเมือง ตามคำสั่งของกู้โม่หาน

แต่หลังจากค้นหามาทั้งวัน พวกเขากลับไม่พบอะไรเลย แม้แต่บุคคลที่น่าสงสัยก็ไม่เจอสักคน

สายลมเหมันต์หนาวมาก พระจันทร์ค่อย ๆ ลอยขึ้นฟากฟ้า แต่ไม่มีใครกล้าหยุด

กู้โม่หานบาดเจ็บทั้งร่างกาย แต่กลับตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าร่วมในพิธีบรมราชาภิเษกด้วยตนเอง ลำพังก็มีขุนนางใหญ่หลายหมื่นคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงองครักษ์ ขันที นางกำนัล ทั้งสิ้นสองหมื่นคน แต่เขาดูละเอียดมาก ใครที่คิดว่ามีปัญหา ก็จะดึงออกมาซักถามด้วยตนเอง

แต่น่าเสียดาย ที่วันทั้งวันจบลงด้วยความว่างเปล่า

กู้โม่หานราวกับเสียสติไปแล้ว ยุ่งจนเท้าไม่แตะพื้น น้ำไม่ดื่มข้าวไม่กิน ยาก็ไม่เปลี่ยน

เสิ่นอี่ว์คิดจะเปลี่ยนยาให้เขาอยู่หลายครั้ง แต่ถูกกู้โม่หานไล่ออกมาทุกครั้ง

เขาได้แต่เดินไปมาหน้าห้องทรงพระอักษร ถือยาทาอย่างกระวนกระวายใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ขณะนั้นเอง กู้โม่เฟิงมีใบหน้าเหนื่อยล้าที่รีบกลับจากนอกวัง เมื่อเขาเห็นเสิ่นอี่ว์ตรงประตู ก็ขมวดคิ้วมุ่น ถามสองสามคำ แล้วก้าวไปรับยาทาในมือเขา “ข้าจัดการเอง”

เสิ่นว่านเหมือนเห็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย แต่ดวงตาที่เปล่งประกายไม่นานก็มืดครึ้มลง

“ท่านอ๋อง หากท่านมีโอกาส ได้โปรดเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ เขาไม่ดื่มน้ำเปลี่ยนหยูกยาเช่นนี้ต่อไป จะมีปัญหาได้”

กู้โม่เฟิงก็รู้สึกกระวนกระวาย สื่อให้เสิ่นอี่ว์ถอยไป “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ”

กู้โม่หานเป็นพระอนุชาของเขา เขารู้จักอารมณ์ของเด็กคนนี้ดีกว่าใคร

ตอนหยีเฟยเกิดเรื่อง แม้กู้โม่หานจะจัดการอย่างนิ่งเงียบ แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเด็ก หลังจากดื้อรั้นอยู่พักหนึ่งก็ตระหนักว่าไม่มีกำลังพอที่จะทำได้ และจะรู้วิธีที่จะควบคุมตัวเอง

การจากไปของหนานหว่านเยียนในตอนนี้ กลายเป็นการโจมตีที่รุ่นแรงสำหรับเขายิ่งกว่าตอนที่หยีเฟยเกิดเรื่อง บ้าคลั่งเช่นนี้ เหมือนชีวิตไม่มีค่าอะไร

เสิ่นอี่ว์พยักหน้าเล็กน้อย มองกู้โม่เฟิงถือยาทาเข้าไปในห้องทรงพระอักษร

เขารออยู่ตรงประตูครู่หนึ่ง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ได้ยินกู้โม่หานแผดเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราด ถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วจากไป

ภายในห้องทรงพระอักษร กู้โม่เฟิงเข้าใกล้กู้โม่หานที่ซบอยู่กับโต๊ะทำงานอย่างเงียบๆ เลิกคิ้วขึ้นอย่างดุดัน

เห็นเพียงมือสองข้างที่ถูกไฟคลอกของกู้โม่หาน ตรงผ้าพันแผลสีขาวมีเลือดซึมออกมา และนอกจากเอกสารราชการกองหนา ข้างมือเขา ก็ยังมีกองกระดาษระเกะระกะอีกกองหนึ่ง

บนกระดาษ เต็มไปด้วยชื่อ และขั้นตอนพิธีบรมราชาภิเษกทั้งหมด มีกระทั่งวาดภาพร่างขึ้นมา

ด้วยกู้โม่หานจดจ่อเกินไป กระทั่งกู้โม่เฟิงเข้ามาใกล้มาก ถึงพลันรู้สึกว่ามีคนมา

ดวงตาดุจมีดของเขาฉายแววเย็นชาอย่างไม่สบอารมณ์ ใบหน้าหล่อเหลาที่ซีดเซียวดุร้าย “ข้าบอกแล้วว่า ไม่กิน เจ้า…”

กู้โม่หานเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นคนที่มาคือกู้โม่เฟิง สายตาพลันเปลี่ยนไป คาดหวังกระตือรือร้น “ทำไมเจ้ากลับมาแล้ว หาคนเจอแล้วรึ”

กู้โม่เฟิงเห็นท่าทางนี้ของกู้โม่หาน ในใจพลันรู้สึกเจ็บปวด

เขาส่ายหัวอย่างอดไม่ได้ แล้วนั่งไขว่ห้างข้างๆ กู้โม่หาน

“ไม่เจอ แต่กระหม่อมให้พวกเหล่าอวี๋เสริมกำลังเฝ้าดูแล มีข่าวเมื่อใด จะรายงานทันทีพ่ะย่ะค่ะ”

แม้จะบอกว่าเป็นฮ่องเต้และขุนนาง แต่กู้โม่หานบอกเขาก่อนหน้านี้ว่า เขาไม่ต้องมากพิธีรีตอง พวกเขาสองคน คือพี่น้องกันตลอดไป

ตอนนี้ น้องชายเดือดร้อนแต่เขากลับแบ่งเบาภาระให้ไม่ได้ แล้วจะไม่ให้ไม่ทุกข์ใจได้อย่างไร

สีหน้ากู้โม่หานผิดหวังเล็กน้อย จากนั้น ความเคร่งขรึมฉายแวว เม้มริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไร แล้วก้มหน้าต่อ

หนานหว่านเยียนสามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของเขาได้ ต้องมีใครช่วยนางอยู่เบื้องหลังแน่

เพียงหาคนที่ช่วยอยู่เบื้องหลังได้ เขาก็จะหานางเจอ…

กู้โม่เฟิงเห็นกู้โม่หานไม่ได้ไล่ตนเองออกไป ก็ถอดหายใจโล่งอก

เขาฉวยโอกาสตอนกู้โม่หานไม่ทันระวัง คว้าข้อมือขวาของเขา กระชากผ้าพันแผลออกอย่างแข็งกร้าว “ได้ยินเสิ่นอี่ว์บอกว่า เจ้าไม่ยอมเปลี่ยนยา ทำเยี่ยงนี้ไม่ได้นะ”

ทันทีที่พูดจบ ม่านตาของกู้โม่เฟิงสั่นไหวอย่างรุนแรง สูดหายใจลมเย็นเข้าไป

ผิวหนังใต้ผ้าพันแผลแขนขวาของกู้โม่หานกลายเป็นแผลเน่าเปื่อยแล้ว เนื้อเน่าสีดำคล้ำยึดติดกับผิวที่แตกขาด เลือดสีดำยังคงซึมออกมาไม่หยุด แห้งกรัง ปลายบาดแผล อักเสบจนเป็นหนองหมดแล้ว

แม้แต่ทหารอย่างเขา เห็นแผลไหม้นี่แล้วยังเจ็บมาก

คนคนนี้เพื่อหนานหว่านเยียนแล้ว ชีวิตก็ไม่อยากมีแล้วหรือไร!

หากเขาไปช้าอีกนิด คงไม่รู้ว่ากู้โม่หานจะกระทำเรื่องบ้าคลั่งอะไรออกมาอีก บางที อาจจะตามหนานหว่านเยียน ไป เสียชีวิตในทะเลเพลิง

กู้โม่เฟิงมองใบหน้าเย็นชาด้านข้างของกู้โม่หานด้วยความกลัว แล้วกัดฟัน “ต่อไปเจ้าห้ามไม่สนใจความปลอดภัยของตนเองอีกนะ”

“ต้องรู้ว่า ตอนนี้เจ้าคือฮ่องเต้ เป็นเสาหลักของทั้งแคว้นซีเหย่ หากเจ้าเป็นอะไรไป ทั้งพระราชวังจะเสียสมดุล”

“เมื่อถึงตอนนั้นยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการปกป้องราษฎรในเมืองหลวง ชนป่าเถื่อนต่างแคว้นที่จ้องเขมือบพวกนั้น ต้องเป็นคนแรกที่ฉวยโอกาสโจมตี แล้วความพยายามหลายปีมานี้ของเจ้า จะไม่สูญเปล่าหมดเลยรึไง”

เมื่อพูดจบ เขาก็ทายาบนแผลของกู้โม่หานอย่างระมัดระวัง ด้วยสีหน้าขมขื่นราวกับรู้สึกเจ็บปวดเช่นเดียวกัน

มือซ้ายของกู้โม่หานกำหมัดแน่น พยายามระงับความเจ็บปวดที่น่าหวาดผวา

“ไม่มีใคร สำคัญไปกว่านาง”

คำพูดนี้ทำให้กู้โม่เฟิงบื้อใบ้พูดไม่ออก แล้วถอนหายใจ

กู้โม่เฟิงพยายามแสดงว่าเห็นด้วย ไม่อยากให้กู้โม่หานติดอยู่ในเรื่องนี้อีก จึงเปลี่ยนหัวข้ออย่างชาญฉลาด

“แม้ว่าพิธีการวันนี้จะไม่เป็นไปด้วยดี แต่เจ้าก็เป็นกษัตริย์ของแว่นแคว้นแล้ว ว่าตามเหตุ อดีตฮ่องเต้ก็ต้องเข้าสู่สุสานราชวงศ์ ไม่สู้ถือโอกาสไม่กี่วันนี้ จัดพิธีพระบรมศพ…”

อันที่จริงเขาอยากจะพูดว่า แล้วก็จัดงานศพของหนานหว่านเยียนไปด้วยเลย แต่ก็ทนไว้ ไม่ได้พูดมันออกไป

ภายในใจกู้โม่หาน จะต้องไม่เชื่อว่าหนานหว่านเยียนตายไปแล้วแน่

หากเขาพูดมาก คงทำให้ถูกไล่ออกไปเท่านั้น แล้วตอนนั้น ก็จะไม่มีใครสามารถเปลี่ยนยาให้กู้โม่หานได้แล้ว

เมื่อเอ่ยถึงให้อดีตฮ่องเต้เข้าสู่สุสานราชวงศ์ สีหน้ากู้โม่หานพลันมืดลง เขาเคาะโต๊ะอย่างครุ่นคิด “ข้ารู้แล้ว”

“เรื่องนี้ มอบให้เจ้าไปเตรียมการละกัน จัดการให้เร็วที่สุด”

หากหาหนานหว่านเยียนกับเด็กทั้งสองคนไม่เจอ ทั้งร่างกายเขาก็เหมือนมีช่องว่างขนาดใหญ่ ทำอย่างไรก็ไม่สามารถเติมเต็มได้

ส่วนประเพณีวันที่เจ็ด1เข้าสู่สุสานราชวงศ์ของกู้จิ่งซาน เขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่ง

กู้โม่เฟิงพยักหน้า “ได้”

เขาทายาทั้งสองมือของกู้โม่หานอีกครั้ง กำชับกู้โม่หานไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องรักษามือทั้งสอง มิฉะนั้นหากไม่สามารถฟื้นตัวได้มันจะยุ่ง

กู้โม่หานไม่สนใจ มีเพียงความเจ็บปวดที่ทำให้เขาได้สติได้ ทว่ากู้โม่เฟิงยกคำพูดของหนานหว่านเยียนมา เขาจึงต้องฟัง

“สตรีล้วนชอบดูหน้าตา และชอบมือของบุรุษ หากมือเจ้าน่าเกลียดอย่างตอนนี้ พอฮองเฮากลับมาแล้ว คงจะรังเกียจเป็นแน่”

กู้โม่หานชำเลืองมองมือทั้งสองที่เกระเลือด ส่งเสียงอืมอย่างอู้อี้

เขายังคงต้องใช้สองมือนี้กอดนาง ไม่อาจให้พิการได้จริงๆ

กู้โม่เฟิงเหลือบมองอากาศหนาวเหน็บข้างนอก เพิ่งต้นเดือนสอง คงอากาศหนาวอยู่พักหนึ่ง เขากำลังจะลุกขึ้นไปหาคนต่อ

ขณะนั้นเอง จู่ๆเสิ่นอี่ว์ก็พุ่งเข้ามาในห้องทรงพระอักษร ใบหน้าทั้งตื่นตระหนกและดีใจ “ฝ่าบาท! เจอแล้วพ่ะย่ะค่ะ หาคนเจอแล้ว…”

(1) ประเพณีวันที่เจ็ด คือ ประเพณีงานศพของชาวจีน เชื่อกันว่าวิญญาณของผู้เสียชีวิตจะกลับบ้านในวันที่เจ็ด และครอบครัวจะเตรียมอาหารให้แก่วิญญาณผู้ตาย ก่อนที่วิญญาณจะกลับมา

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *