ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 437 นางคือพระชายาของลูก

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 437 นางคือพระชายาของลูก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 437 นางคือพระชายาของลูก

เป็นครั้งแรกที่หนานหว่านเยียนรู้สึกว่ากู้โม่หานก็มีช่วงเวลารื่นตาขนาดนี้เหมือนกัน

หวางหมัวมัวเห็นกู้โม่หานจึงรีบไปต้อนรับ หางตายังมีคราบน้ำตาอยู่ “ท่านอ๋อง ท่านมาได้สักทีนะเจ้าคะ!”

“เมื่อคืนหาท่านไม่พบ ยังนึกว่าท่านออกไปทำงานราชการเสียอีก ท่านอ๋อง…เหนียงเหนียงฟื้นแล้วเจ้าค่ะ พระนางทรงฟื้นแล้ว! ท่านรีบไปพูดกับเหนียงเหนียงเถิด!”

เมื่อคืนหวางหมัวมัวมาตามเขาหรือ? หนานหว่านเยียนไม่ได้บอกว่าเขาอยู่ที่ห้องของนางหรือ?

กู้โม่หานใจร้อนดั่งไฟอยากพบหยีเฟย เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วก็มองหนานหว่านเยียนด้วยหน้านิ่ง เห็นใบหน้าสวยของหนานหว่านเยียนอิดโรยเล็กน้อย แต่ยังมีกำลังดีอยู่

เขาดึงสายตากลับ เดินไปทางเตียงนอนของหยีเฟยพร้อมอธิบาย

“เมื่อคืนข้าดื่มหนักไปหน่อย เข้านอนแต่หัววัน ทำให้หมัวมัวเป็นห่วงแล้ว”

กู้โม่หานเดินไปถึงข้างตัวหยีเฟย พอเห็นผู้ที่เขาคะนึงหามาสิบกว่าปีลืมตาทั้งสองอยู่ตรงหน้าแล้ว กรอบดวงตาก็รื้นน้ำตาอย่างกลั้นไม่อยู่เล็กน้อย “เสด็จแม่…”

หนานหว่านเยียนเม้มริมฝีปาก เห็นหยีเฟยละสายตาไปในที่สุด มองไปทางกู้โม่หานแล้ว นางจึงก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเอง ไม่รบกวนกู้โม่หานพูดคุยหยีเฟย

พวกเขาสองแม่ลูก ‘ไม่สามารถพบกัน’ สิบกว่าปี ยามนี้น่าจะมีเรื่องที่อยากพูดมากมาย

กู้โม่หานนั่งอยู่ข้างเตียง มือทั้งสองจับมือของหยีเฟยแน่น

เขาจับจ้องหน้าเหลืองซูบซีดของหยีเฟย ดวงหน้าซีดเซียว ริมฝีปากบางสั่นระริกเล็กน้อย แม้แต่เสียงก็กลายเป็นแหบพร่า

“เสด็จแม่ ท่านฟื้นได้สักที ลูกอกตัญญู หลายปีมานี้ไม่สามารถทำให้ท่านดีขึ้นได้ ทำให้ท่านรับกับความลำบากหลายปีอย่างนี้…”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นนิดๆ เซียงเหลียนและหวางหมัวมัวที่อยู่ด้านข้างต่างอดเศร้าหมองกลัดกลุ้มไม่ได้

พวกนางต่างรู้ดี กู้โม่หานรักท่านแม่ของเขามากเพียงใด และสิบกว่าปีนี้ก็ลำบากไม่น้อย

บัดนี้หยีเฟยฟื้นสักที ต่อไปท่านอ๋องก็จะได้เป็นบุตรที่มีมารดาอย่างแท้จริงแล้ว

กู้โม่หานจับจดหยีเฟยของเขา แววตาปวดใจ “เสด็จแม่ เมื่อก่อนลูกโง่เขลาเบาปัญญา ไม่ได้ปกป้องท่านให้ดี ตอนนี้ลูกเป็นไท่จื่อแล้ว ต่อไป…ลูกจะพยายามปกป้องท่านสุดความสามารถ”

หวางหมัวมัวอดปาดน้ำตาไม่ได้ เอ่ยปลอบเสียงแหบ “ท่านอ๋อง เวลานี้หยีเฟยเหนียงเหนียงยังตรัสไม่ได้ แต่พระนางต้องได้ยินแน่ พระนางทรงภูมิใจท่านมากนะเจ้าคะ”

“สมัยเยาว์วัย เหนียงเหนียงก็ตรัสแล้ว ต่อไปท่านอ๋องต้องสร้างชื่อแน่”

กู้โม่หานตาแดงระเรื่อ กลั้นความชื้นแฉะไม่อยู่

นึกถึงตอนนั้น ยามที่เขายังเด็กมักพิงอยู่ในอ้อมอกของเสด็จแม่ ฟังนางเล่าเรื่อง

ฟังนางเล่าเรื่องบ้านเกิดของนาง เล่าวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่นั่น เล่าว่านางเป็นองค์หญิงเหอชินออกเรือนมาต่างๆ นานา

ท่านแม่รักเขาที่สุด นางอ่อนโยนมาก มักเอาใจให้เขาเล่น ปลุกปลอบให้เขาเรียนหนังสือ ทำของอร่อยให้เขากิน อบรมเขา ปกป้องเขา

ตอนนั้น ขอเพียงท่านแม่อยู่ด้วย ต่อให้ฟ้าถล่มลงมา เขาก็รู้สึกว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ กลับคิดไม่ถึงว่าภายหลังเสด็จแม่จะเกิดเรื่อง…

ดีที่เสด็จแม่ฟื้นขึ้นมาในท้ายที่สุด สิบกว่าปี เขารอมาสิบกว่าปี ความรู้สึกที่มีต่อเสด็จแม่พรั่งพรูออกมาราวกับน้ำหลากภูเขา แต่พอคำพูดมาถึงริมฝีปาก เขากลับไม่รู้ว่าต้องเริ่มกล่าวจากตรงไหน

หวังเหลือเกินว่าเสด็จแม่จะหายโดยไว กอดเขาได้เหมือนเมื่อก่อน กอดเขา พูดคุยกับเขา

เขาจะกตัญญูกับนางมากๆ ต่อไปพวกเขาครอบครัวเดียวกันจะอยู่อย่างมีความสุข…

หนานหว่านเยียนก้มหน้าก้มตา ไม่ได้มองกู้โม่หานกับหยีเฟย แต่พอได้ยินถ้อยคำของกู้โม่หานและหวางหมัวมัวแล้ว นางกลับมีความรู้สึกขึ้นมาด้วยเหมือนกัน

หยีเฟยนอนมาสิบกว่าปีถึงฟื้น เรียกได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์ในการแพทย์แล้ว

แต่นี่ก็เป็นเพราะกู้โม่หานไม่ยอมแพ้ ดูแลอย่างละเอียดตลอดสิบกว่าปี มิเช่นนี้ต่อให้นางมีวิชาแพทย์ดีอย่างไรก็เปล่าประโยชน์

หวางหมัวมัวและกู้โม่หานเฝ้าหยีเฟยอยู่ข้างกาย กู้โม่หานพูดๆ หยุดๆ แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกแปลกนิดๆ

เหมือนว่าตั้งแต่เขาเข้าห้องมา เส้นสายตาของเสด็จแม่หยุดอยู่กับตัวเขาเพียงครู่เดียว แต่เวลาหลังจากนั้น เหมือนว่านางจะจ้องไปทิศทางหนึ่ง

กู้โม่หานขมวดคิ้ว เขามองตามเส้นสายตาของหยีเฟยและพบกับดวงหน้าอ่อนล้าของหนานหว่านเยียนเข้าพอดี

ทำไมเสด็จแม่เอาแต่จ้องหนานหว่านเยียนนะ?

นี่น่ามองกว่าบุตรชายซึ่งไม่ได้พบหน้ามาสิบกว่าปีอีกหรือ?

กู้โม่หานชักจะสงสัย

หนานหว่านเยียนรู้สึกถึงเส้นสายตาของกู้โม่หานจึงเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง และเห็นว่าหยีเฟยบนเตียงกำลังจ้องนาง คิ้วกระตุก ยักไหล่อย่างจนใจเล็กน้อย ทำปากพูดว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

ถึงในใจกู้โม่หานจะฉงนฉงาย แต่ก็ตอบกลับไปแบบไม่มีเสียงว่า “หรือว่าหลงเหลือเป็นโรคเรื้อรัง?”

หนานหว่านเยียนส่ายหน้าด้วยท่าทีของหมอ “ข้าตรวจสอบแล้ว ไม่ใช่โรคสืบเนื่อง ไม่มีปัญหาอะไรเลย”

กู้โม่หานเม้มริมฝีปาก มองหยีเฟยด้วยความกังวลนิดๆ

มักรู้สึกว่าสายตาที่เสด็จแม่มองหนานหว่านเยียนแฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง

อันที่จริงหวางหมัวมัวสังเกตเห็นแต่แรกแล้ว เอ่ยถาม “หรือเป็นเพราะหยีเฟยเหนียงเหนียงทรงไม่รู้จักพระชายา ก็เลยแปลกพระทัย?”

แต่ถึงจะแปลกใจอย่างไรก็เป็นคนแปลกหน้า เป็นไปไม่ได้ที่จะจ้องตลอดเวลากระมัง เหนียงเหนียงไม่ใช่คนที่จะเสียมารยาทแบบนี้

หรือจะเพราะพระชายาช่วยเหนียงเหนียง เหนียงเหนียงก็เลยซาบซึ้งใจมาก จึงจ้องนางตลอด?

แปลก แปลกมาก

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว มองกู้โม่หานทีหนึ่ง

กู้โม่หานหน้านิ่วคิ้วขมวดยิ่งกว่า ดวงหน้าหล่อเหลาพกพาความกระวนกระวายนิดๆ

เขาลุกขึ้นยืน ดึงมือของหนานหว่านเยียนแล้วพานางมาที่ข้างเตียง ก่อนจะเอ่ยกับหยีเฟยด้วยความเคารพนบนอบ “เสด็จแม่ ลูกลืมแนะนำกับท่านไป นี่คือลูกสะใภ้ของท่าน ชายาของลูก…บุตรีของหนานเฉิงเซี่ยง”

“ถวายพระพรเสด็จแม่” หนานหว่านเยียนถูกกู้โม่หานจับมือ จึงรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่กลับยิ้มกับหยีเฟย ท่าทางเรียบร้อยเต็มสิบส่วน

แต่พอหยีเฟยได้ยินดังนั้นแล้ว สายตาที่มองหนานหว่านเยียนกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากโดยพลัน ถลึงตาโตราวกับเห็นผี ตกตะลึงและหวาดกลัว ปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงยิ่งนัก!

วินาทีต่อมา นางหลับตาหมดสติไปในทันที…

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *