ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 460 ข้าคิดถึงนางมากเลย

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 460 ข้าคิดถึงนางมากเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 460 ข้าคิดถึงนางมากเลย

หนานหว่านเยียนเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ คาดคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ แล้วก็ฟังกู้โม่หานพูดต่อไปด้วยท่าทีตึงเครียด “เฟิ่งกงกงตรวจสอบไปเป็นทอด ๆ ก็ตรวจสอบไปถึงตัวเสด็จแม่ ตอนนี้ เสด็จพ่อกำลังเกรี้ยวกราดอยู่ที่ตำหนักหย่างซิน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้างแล้ว”

หนานหว่านเยียนนึกถึงท่าทางของฮองเฮา แล้วก็นึกถึงการกระทำทุกอย่างในช่วงที่ผ่านมานี้ของฮองเฮา หัวคิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากันแน่น เรียวปากแดงก็เม้มเข้าหากัน

ความสัมพันธ์ของฮองเฮากับไทเฮา ถึงจะพูดไม่ได้ว่าดีต่อกันมาก แต่ว่า……

เป็นถึงนายใหญ่ของทั้งหกตำหนัก นางจะมาลงมือโหดเหี้ยมกับไทเฮาได้ยังไง?

บรรยากาศในตำหนักหลวนเฟิ่งนั้นจริงจังมาก แต่ที่ตำหนักหย่างซิน กลับเยือกเย็นจนทำให้คนหวาดกลัว

ฮองเฮาคุกเข่าอยู่กลางตำหนัก รัดเกล้าหงส์ถูกวางไว้ข้าง ๆ มือนาง ตรงมุมปากมีรอยเลือดอยู่เสี้ยวหนึ่ง

บนบัลลังก์สูง กู้จิ่งซานกำลังมีใบหน้าเคร่งขรึม โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก “ฮองเฮา หลักฐานพิษวูโถ่วในตำหนักของเจ้า นางกำนัลและขันทีในตำหนักเจ้าก็รับสารภาพเองกับปากแล้ว เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก?”

ฮองเฮาเคยร้องว่าถูกใส่ร้าย แต่ฮ่องเต้กลับไม่ได้ฟังเข้าไปเลยแม้แต่คำเดียว นางเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะเสียงดังไปรอบหนึ่ง เสียงหัวเราะนั่นช่างทำให้จิตใจคนหวาดผวา แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลยสักคำ

ไม่มีใครมองเห็น ว่าในดวงตานางมีแววเยือกเย็นและสิ้นหวังอยู่เสี้ยวหนึ่ง

คนคนนั้นช่างมีฝีมือจริง ๆ วางแผนทำร้ายแล้วยังไม่ลืมที่จะลากนางลงมาด้วย

ฮ่องเต้ต้องการให้ข้าตาย ข้าก็ต้องตาย

ตอนนี้ถ้านางไม่ยอมรับผิด คนที่ลำบาก ก็ยังต้องเป็นลูกชายของนาง

พอหัวเราะไปแล้ว ฮองเฮาถึงมองไปที่กู้จิ่งซานที่ใบหน้าเคร่งขรึมที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ “หม่อมฉัน ไม่มีอะไรจะพูด หม่อมฉันยอมรับผิดพ่ะย่ะค่ะ”

สายตาของกู้จิ่งซานแฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยม เขาตบลงบนโต๊ะทีหนึ่ง ความโกรธสั่นสะเทือนจนเฟิ่งจงฉวนจิตใจหวาดกลัว

“ทหาร จับตัวฮองเฮาไปไว้ที่ตำหนักเย็น!”

“เดี๋ยวก่อน” ฮองเฮาพูดขึ้นมา “ขอฝ่าบาทเมตตา ได้โปรดตอบตกลงข้อเรียกร้องสุดท้ายของหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันอยากเจอคนสองคนพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้จ้องมองภรรยาของตัวเอง แล้วนึกว่านางจะขอพบอ๋องเฉิงและพระชายาเฉิง “ได้ ข้าจะอนุญาตคำขอนี้ของเจ้า เจ้าจะพบใครล่ะ?”

ฮองเฮาจ้องมองไปที่ฮ่องเต้ “อ๋องอี้ กับพระชายาอี้พ่ะย่ะค่ะ”

แววตาของเฟิ่งจงฉวนเต็มไปด้วยความสงสัย ฮ่องเต้เองก็หรี่ตาลง “เจ้าแน่ใจนะ?”

ฮองเฮาพยักหน้าเล็กน้อย ฮ่องเต้ค่อย ๆ กำหมัดแน่นขึ้น “ได้ ข้าอนุญาต ฮองเฮา นี่คือความเห็นใจเสี้ยวสุดท้าย ที่ข้ามีต่อเจ้าแล้วนะ”

เฟิ่งจงฉวนหรี่ตาจ้องมองท่าทีของกู้จิ่งซาน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

วิธีการของฮ่องเต้ ยังไงก็ยังชาญฉลาดเหมือนเดิม

ฮองเฮาพยายามรักษาศักดิ์ศรีเสี้ยวสุดท้ายของตัวเองไว้ ยกมือขึ้นมาถวายบังคมให้กู้จิ่งซานทีหนึ่ง จากนั้น ก็ค่อย ๆ เปิดปากพูดขึ้นว่า “หม่อมฉัน ขอขอบพระทัยฝ่าบาท!”

คนที่ไร้เยื่อใยที่สุดก็คือฮ่องเต้ มาวันนี้ นางได้สัมผัสถึงแล้วจริง ๆ

เพียงแต่น่าเสียดาย ที่นางมาสัมผัสได้ช้าเกินไปแล้ว

……

พอกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนรู้ข่าวว่าฮองเฮาจะถูกขังไว้ในตำหนักเย็น ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

ยิ่งพอรู้ว่าฮองเฮาจะเจอพวกเขาสองคนแล้ว ก็ยิ่งตกตะลึงเข้าไปอีก

ทั้งสองคนมีสีหน้าเคร่งขรึม แล้วก็รีบไปที่ตำหนักบรรทมของฮองเฮา

ฮองเฮาได้ถอดชุดและเครื่องประดับหรูหราออกแล้ว นางยืนอยู่กลางตำหนัก ท่าทีดูสงบนิ่งเป็นอย่างมาก ด้านข้างยังมีขันทีและองครักษ์อยู่ด้วยหลายคน รอคอยนางอยู่

พวกองครักษ์พวกนั้น แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคนของฮ่องเต้

หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานถวายบังคมให้กับนาง “ลูกขอถวายบังคมเสด็จแม่”

พอฮองเฮาเห็นพวกเขา สายตาก็สั่นไหวเล็กน้อย นางค่อย ๆ เดินมาทางพวกเขา แต่พอนางเปิดปากพูดขึ้นมา ก็ยังเป็นฮองเฮาคนนั้นที่แฝงความหยิ่งยโสเอาไว้

“คาดว่าพวกเจ้าคงจะได้ยินเรื่องของไทเฮาแล้ว ข้าไม่อยากอธิบายอะไรมาก แล้วก็อธิบายอะไรไม่ได้ด้วย แต่ข้าเชื่อว่า ผู้บริสุทธิ์ยังไงก็เป็นผู้บริสุทธิ์”

“ถึงข้าจะเป็นฮองเฮา แต่ถอนหมื่นก้าวไป ก็เป็นแม่คนหนึ่งเหมือนกัน หลักการที่ว่าขยับเล็กน้อยแต่สั่นสะเทือนไปทั่วนั้นก็เข้าใจดี และยิ่งไม่มีทางไปทำอะไรบุ่มบ่าม เพื่อของที่ไม่มีทางได้มาด้วย จนทำลายอนาคตของลูกตัวเองไปหรอก”

น้ำเสียงของนางต่ำมาก มีแต่กู้โม่หานหกับนานหว่านเยียนสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน

พอพูดจบ หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานก็นิ่งอึ้งไปเลย

เห็นได้ชัดว่า ฮองเฮากำลังตลบพลิกแพลงบอกกับพวกเขาว่า เรื่องที่เกิดกับไทเฮา นางไม่ได้เป็นคนทำ นางเป็นแค่แพะรับบาปเท่านั้น

ทั้งสองคนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที หนานหว่านเยียนเปิดปากพูดขึ้นอย่างหวาดระแวงว่า “เสด็จแม่หมายความว่า?”

ฮองเฮากวาดตามองนางเรียบ ๆ ข้าฟังแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ”

“ข้าแค่อยากบอกพวกเจ้าว่า ในวังนี้มีแต่กับดักไปทั่ว เดินผิดก้าวเดียว ก็ผิดไปทุกก้าว อำนาจที่เกี่ยวโยงอยู่เบื้องหลังก็ยิ่งซับซ้อนวุ่นวาย”

สายตาของนางเคลื่อนไปอยู่บนใบหน้าเยือกเย็นของกู้โม่หานนั่น ในดวงตาแฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้ง “ตอนนั้นใครบางคน ก็เพราะไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินเข้า ถึงต้องมาลำบากทั้งชีวิต ต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น”

“ใครบางคน” ที่ฮองเฮาพูดถึง เห็นได้ชัดเลยว่าคือเสด็จแม่ของเขา

ชั่วพริบตาเดียว มือในแขนเสื้อของกู้โม่หานก็กระชับแน่นขึ้น

เรียวปากของเขาเม้มเป็นเส้นตรง ลมหายใจค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นหนักหน่วงและรวดเร็ว แต่น่าเสียดายคนของกู้จิ่งซานยังอยู่ที่นี่ เขาจึงทำได้แค่พยักหน้าเล็กน้อย “ลูกเข้าใจแล้ว ขอบพระทัยเสด็จแม่มากที่ชี้แนะ”

ล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน นอกจากกู้จิ่งซานแล้ว ยังจะมีใครอีก

ว่าแล้วความจริงที่เสด็จแม่ถูกวางยาพิษในตอนนั้น มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น!

หนานหว่านเยียนเองก็เสียงเข้มขึ้น ในใจเกิดความซับซ้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “งั้นต่อไป ท่านกะว่าจะทำอย่างไรต่อไป?”

ฮองเฮาแค่มองไปทางนอกประตูอย่างใจเย็น กำแพงแดงหลังคาเขียว คานแกะสลักตำหนักทาสีงดงาม เป็นความหรูหราสุขสบายที่ผู้คนใฝ่หามากมาย

แต่นางกลับไม่สั่นไหวเลยสักนิด “เมื่อทำดีที่สุดแล้วก็ปล่อยตามโชคชะตา ข้าเพียงแต่เป็นห่วงเฟิงเอ๋อร์เท่านั้น……”

“เขาเป็นคนมุทะลุ แล้วก็ดื้อดึง เรื่องที่เคยทำผิดไว้ในอดีต ข้าไม่มีอะไรจะพูด และจะไม่ช่วยอ้อนวอนให้เขาด้วย เพียงแต่ว่าต่อไป ข้าอยากให้เขาอยู่ห่างจากเรื่องราววุ่นวายพวกนี้”

หนานหว่านเยียนเองก็เป็นแม่ คำพูดพวกนี้ของฮองเฮา ทำให้นางรู้สึกปวดใจเล็กน้อย

เพื่อลูกของตัวเอง นางที่เป็นคนหยิ่งยโสแบบนี้ กลับเลือกที่จะอดทนอดกลั้นแบกรับความผิดไป ต่อไปถ้านางอยากเจอกู้โม่เฟิง คาดว่าคงจะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์แล้ว

กู้โม่หานเม้มปากไว้ แล้วพยักหน้าขึ้นอย่างแรง “ลูกจะพยายาม แต่ว่ามีเรื่องราวมากมาย ที่ลูกไม่อาจควบคุมได้”

“แน่นอนอยู่แล้ว” ฮองเฮาเองก็ไม่พยายามฝืน เพียงแค่คลี่ยิ้มขึ้นมาอย่างสวยงาม อยู่ ๆ นางก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สายตาแฝงไว้ด้วยความคาดหวัง และไม่ข่มเสียงให้เบาอีกแล้ว “หยีเฟยเป็นอย่างไรบ้าง?”

หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานมองหน้ากันทีหนึ่ง

หนานหว่านเยียนมองพวกองครักษ์พวกนั้นทีหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ยังไม่ฟื้น แต่ลูกกำลังพยายามรักษานางอย่างสุดความสามารถอยู่”

“ตอนนี้นางมีชีวิตสุขสบายจริง ๆ ไม่ต้องไถ่ถามอะไรเลย” อยู่ ๆ ฮองเฮาก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความหงอยเหงา

นางมองเห็นองครักษ์สองคนที่ดูเบื่อหน่ายเล็กน้อย ตรงด้านหลังหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน แล้วมองมาที่กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนทั้งสองคนอย่างเสียดาย “ข้าไปแล้ว ไม่ต้องส่งหรอก”

สุดท้าย ฮองเฮาเดินอ้อมพวกเขาออกไปเลย

องครักษ์สองคนและพวกขันทีรีบตามเข้าไป แล้วควบคุมตัวฮองเฮาเดินออกไป

สายลมพัดมา พัดเส้นผมที่หลุดลุ่ยของนางให้ลอยขึ้นมา

ฮองเฮาเดินไปได้สองก้าว แล้วอยู่ ๆ ก็หยุดลง นางมองไปที่กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนทีหนึ่ง แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้นมาอย่างหาได้ยาก ดูไม่มีท่าทางสูงส่งอย่างหงส์ที่สง่างามแล้ว

“ถ้าหากนางสามารถฟื้นขึ้นมาได้ ช่วยพูดแทนข้าประโยคหนึ่งนะ ข้าคิดถึงนางมากนะ หวังว่าชีวิตนี้ จะสามารถมีวันที่ได้เจอกันได้……”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *