ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 569 เทพสงคราม อำนาจ

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 569 เทพสงคราม อำนาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 569 เทพสงคราม อำนาจ

นัยน์ตาของกู้โม่หลิงเปล่งประกาย เข้าใจในทันทีพลางเอ่ยขึ้น “เป็นเช่นนี้นี่เอง น้องเข้าใจแล้ว”

“ในเมื่อเข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็ลองดูเถิด พอดีเลย เสด็จพ่อเองก็อยากให้เจ้าคลุกคลีกับค่ายทหารให้มากๆ”

กู้โม่หานยืนอยู่บนเวทีสูง หันไปแนะนำกู้โม่หลิงกับทุกคน “ทหารทุกท่าน นี่คือท่านอ๋องเจ็ด และเป็นสารวัตรของค่ายทหารในวันข้างหน้า วันนี้เขามีความสนใจ อยากแสดงการฝึกสักหน่อย ทุกคนต้อนรับเขาด้วย”

พูดจบ ก็มีคนจำนวนไม่น้อยมองดูกู้โม่หลิงอย่างงงงวยและไม่พอใจ

เพราะชื่อเสียงลือนามของเทพสงครามพวกเขาจึงได้มาสมัครสอบที่ค่ายเสินเชื่อ เหตุใดหลังมาแล้ว กลับให้ท่านอ๋องเจ็ดที่ไร้ชื่อเสียงทางด้านศิลปะการต่อสู้มาบัญชาพวกเขา?

แต่กลัวกู้โม่หานจะเสียหน้า ทุกคนจึงไม่ได้โวยวาย และเอ่ยตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน “ขอรับ!”

กู้โม่หานพึงพอใจการแสดงของทหารใหม่กลุ่มนี้ จากนั้นก็หันไปมองกู้โม่หลิง “น้องเจ็ด เชิญเถิด”

กู้โม่หลิงเก็บพัดดอกท้อลง หันไปคำนับให้กู้โม่หาน “เช่นนั้นน้องก็จะแสดงฝีมืออันต่ำต้อยประเดี๋ยวนี้”

เขาไม่ใช่คนตาบอด สามารถมองออกว่าทหารใหม่กลุ่มนั้นเหยียดหยามเขามากเพียงใด และช่างเคารพเลื่อมใสกู้โม่หานเหลือเกิน

เขาเองก็ไม่โกรธ และสาธิตการต่อสู้ การชกต่อย การยิงปืนในทันที

กู้โม่หานกับกู้โม่เฟิงเฝ้าดูอยู่ข้างๆตลอดทาง แววตาของกู้โม่หานยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนกู้โม่เฟิงก็ลูบคางไปมา

“น้องเจ็ดร่างกายบอบบางมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนนี้ออกหมัดดูมีพลัง ยิงปืนก็แม่นยำ เก่งกว่าหลายปีก่อนมากแล้ว”

แม้ระดับของเจ้าเจ็ดอาจจะเทียบไม่ได้แม้แต่รองแม่ทัพ แต่ก็เหนือกว่าคนทั่วไปมากแล้ว

และไม่ใช่ว่าใครๆ ก็เป็นกู้โม่หาน ที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ได้

รองแม่ทัพทั้งสองพยักหน้าอย่างเห็นพ้องต้องกัน และกู้โม่หลิงที่แสดงศักยภาพของตัวเองจบ ทหารใหม่ที่ดูแคลนเขาเมื่อครู่นี้ก็ค่อยๆ พากันแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

คิดไม่ถึงเลย ว่าการแสดงของท่านอ๋องเจ็ดจะไม่ธรรมดาเช่นนี้

กู้โม่หลิงหันไปคำนับให้กับทุกคน ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “แสดงฝีมืออันต่ำต้อยให้ทุกท่านชมเสียแล้ว”

ขณะที่พูด เขาก็เดินลงไปทางกู้โม่หาน ยิ้มอย่างกระดากอายเล็กน้อย “พี่หก การแสดงของน้องเป็นอย่างไรบ้าง?”

กู้โม่หานมองกู้โม่หลิงอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ข้าไม่มีอำนาจตัดสินใจ”

หลังจากนั้น เขาก็มองไปยังทุกคน “พวกเจ้าคิดว่า อย่างไร?”

เหล่าทหารแย่งกันพูดขึ้นมาทันที จนเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจไปทั่วสนามฝึก กู้โม่เฟิงพิงอยู่ราวกั้นไม้ที่อยู่ข้างๆ สนามฝึก มองดูความสนุกครึกครื้นอย่างสบายอกสบายใจ

ทันใดนั้น ก็มีเสียงอันฮึกเหิมดังมาจากกลุ่มคน “กราบทูลท่านอ๋อง! จริงอยู่ที่ศิลปะการต่อสู้ของท่านอ๋องเจ็ดนั้นไม่เลวเลย แต่ข้าน้อยและคนอื่นๆ ก็ยังอยากเห็นความสง่าน่าเกรงขามของท่านอยู่!”

ด้วยความริเริ่มของคนคนนี้ ทันในนั้นสนามฝึกก็ส่งเสียงดังเอะอะและเกิดความวุ่นวายขึ้น ไม่เพียงแต่ทหารใหม่เท่านั้น แม้แต่เหล่าทหารเก่าเองก็เบียดเสียดเข้ามา พุ่งไปยังกู้โม่หานจนวุ่นวายกันไปหมดเช่นกัน

“นั่นสิท่านอ๋อง! เป็นเพราะท่าน ข้าน้อยถึงได้กระตือรือร้นเข้าร่วมค่ายเสินเชื่อในครานั้น! ท่านแสดงฝีมือให้พวกเราดูเถิด!”

“ใช่แล้วๆ อีกอย่างวิชาดาบของท่านก็แข็งแกร่งไม่เป็นสองรองใคร น่าเสียดายที่ห้าปีก่อน ข้าน้อยไม่เคยเห็นท่านใช้ วันนี้มีทหารใหม่มา ท่านอ๋องท่านแสดงฝีมือให้ทุกคนได้เห็นสักหน่อยจะดีกว่า!”

“เทพสงคราม! แสดงฝีมือ! เทพสงคราม! แสดงฝีมือ!”

“เทพสงคราม! แสดงฝีมือ……”

ทั่วบริเวณก็ส่งเสียงดังเอะอะขึ้นมา แม้แต่เหล่าเสิ่นกับเหล่าอวี๋เองก็อดไม่ได้ที่จะผิวปาก “ท่านอ๋อง! เหล่าสหายกำลังเรียกท่านอยู่!”

เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนกำลังตะโกนเรียกกู้โม่หานอยู่

กู้โม่หลิงถูกทุกคนไม่สนใจในชั่วพริบตา ต่อให้การแสดงฝีมือของเขาเมื่อครู่นี้จะไม่เลวเลยก็ตาม

เขาลูบพัดดอกท้อในมือเบาๆ ดวงตาหรี่ลงอย่างหนัก

กู้โม่หานอยู่ที่ค่ายเสินเชื่อ เช่นนั้นก็เป็นดั่งกับเทพ ผู้ใดจะเอาชนะเขาได้

กู้โม่เฟิงยิ้มตาหยีมองดูความนิยมของกู้โม่หาน เขาชินแล้ว ภายในใจรู้สึกภูมิใจและมีความสุขอย่างยิ่ง แต่ก็มีความรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง

อย่างไรเสียเขาก็เป็นนายพล และหวังว่าจะมีสักวัน ที่เขาจะได้รับการสนับสนุน และความเชื่อมั่นจากเหล่าทหารเช่นนี้……

กู้โม่หานจ้องมองเหล่าสหายของค่ายเสินเชื่อ นัยน์ตาเย็นชาก็อดไม่ได้ที่จะอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังคงเอ่ยว่า “วันนี้ข้าจะไม่แสดงฝีมือ หากวันข้างหน้ามีเวลาว่าง จะแสดงฝีมือให้ทุกคนได้ชมเป็นแน่”

“วันนี้ จะให้เฉิงอ๋องแสดงฝีมือสักหน่อย ในฐานะผู้บัญชาการ ว่าจะต้องทำถึงระดับใด?”

เส้นทางสู่การยึดอำนาจของเขา ไม่ได้ปรารถนาให้มีการนองเลือด แต่ตรงกันข้าม เขาหวังว่าบนเส้นทางในอนาคต จะมีสหายรู้ใจที่สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขามากยิ่งขึ้นได้

เขากับกู้โม่เฟิงเป็นสหายกันมาตั้งแต่เด็ก รู้จักกันเป็นอย่างดี นิสัยเดิมของกู้โม่เฟิงนั้นไม่ได้เลวร้าย เพียงแค่กระหายในความสำเร็จเกินไป ทั้งยังหัวรั้น จึงได้ถูกคนหลอกใช้จนเดินผิดทาง

ตอนนี้กู้โม่เฟิงกลับตัวกลับใจแล้ว เขาก็ควรจะช่วยเขา

กู้โม่เฟิงที่กำลังทอดถอนหายใจกับความแตกต่างราวฟ้ากับเหวระหว่างเขากับกู้โม่หาน พอได้ยินคำพูดของกู้โม่หาน ก็มึนงงไปในทันที

ผ่านไปสิบวินาทีเขาถึงได้ตอบโต้กลับมา ชี้ไปที่จมูกตัวเองพลางเอ่ยขึ้น “ข้าไปหรือ?”

มุมปากของกู้โม่หานยิ้มเล็กน้อย “เป็นอันใด ไม่อยากไปหรือ?”

เมื่อกู้โม่เฟิงได้ยิน ก็ตบหน้าอกตัวเองอย่างน่าเชื่อถือทันที “ไปก็ไป!”

เขารู้สึกฮึกเหิมอย่างยิ่ง ก้าวกระโดดขึ้นบนเวที แล้วเอ่ยกับเหล่าทหารใหม่ที่อยู่ด้านล่างเวทีอย่างทรงพลังอย่างยิ่ง

“พวกเจ้าจับตาดูให้ดี ข้าจะแสดงให้ดูครั้งเดียว หากผู้ใดไม่ตั้งใจ รอประเดี๋ยวก็ไปก่อไฟทำอาหารที่ด้านหลัง!”

กู้โม่เฟิงมีอารมณ์ที่ฮึกเหิมถึงเพียงนี้ ภายในใจของกู้โม่หานก็โล่งอก ไม่ได้ให้ความสนใจกู้โม่หลิงเลย

ด้านข้าง เหล่าอวี๋มองดูความสัมพันธ์ปรองดองของกู้โม่หานกับกู้โม่เฟิง และกู้โม่หลิงที่ถูกพวกเขาไม่สนใจ อย่างครุ่นคิด

ดูท่าแล้วท่านอ๋องคงตั้งใจแสดงอำนาจกับท่านอ๋องเจ็ด ทำให้เขารู้ ว่ากิจการภายในค่ายเสินเชื่อ ไม่ใช่ว่าหมาแมวที่ไหนก็เข้ามาร่วมทำได้……

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *