ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 725 ลงมือก่อนได้เปรียบ
ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 725
เซียงเหลียนหันไปมองเสิ่นอี่ว์ พลางถามขึ้นด้วยความสงสัย “เจ้าหัวเราะอะไร?”
เสิ่นอี่ว์ส่ายหน้าเบาๆ แต่กลับมิอาจซ่อนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขาได้ “ไม่มีอะไร ก็แค่ไม่เคยสังเกตมาก่อน ว่าวังหลวงมีดวงจันทร์ที่งดงามถึงเพียงนี้”
เซียงเหลียนหลุบตาลงต่ำ พลางหัวเราะเสียงเบา “ท่าทีโกหกของเจ้า ตบตาข้าไม่ได้หรอก”
เสิ่นอี่ว์ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเคอะเขิน จากนั้นก็ยักไหล่พลางพูดความจริง “ข้าก็แค่ได้ตัดสินใจแล้ว ว่าจะแก้แค้นให้กับฮองเฮาเหนียงเหนียง”
“แก้แค้น?” ดูเหมือนเซียงเหลียนจะนึกไม่ถึงเรื่องนี้เลย จู่ๆ นางก็เกิดรู้สึกอยากมีส่วนร่วมขึ้นมา “เจ้าจะใช้วิธีอะไรแก้แค้นให้ฮองเฮาเหนียงเหนียง?”
เสิ่นอี่ว์ไม่กล้าสบตานาง เขายกมือขึ้นมากระแอมเบาๆ “ข้า…ข้าก็แค่รู้สึกว่าหลายปีมานี้ ฮองเฮาเหนียงเหนียงใช้ชีวิตลำบากเป็นอย่างมาก”
“แม้กระทั่งตอนนี้ ทั้งโดนข่มเหงและโดนดูถูก หากอยากจะให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงและฮ่องเต้รักใคร่กลมเกลียวกันตลอดไปเหมือนเช่นตอนนี้ พวกข้าที่เป็นบ่าวรับใช้ก็ควรจะต้องออกแรงช่วยไม่มากก็น้อย”
เซียงเหลียนเงยหน้ามองพระจันทร์ที่สว่างไสว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโศกเศร้า “ใช่แล้ว เหนียงเหนียงน่าสงสารเป็นอย่างมาก”
“ข้าหวังว่าต่อไปภายภาคหน้า ตำหนักหยูซินจะไม่เงียบสงัดไร้ซึ่งสุ้มเสียงอีก”
นางจ้องมองดวงจันทร์ที่กระจ่างชัด ส่วนเสิ่นอี่ว์ก็จ้องมองนาง แววตาของเขาท่วมท้นไปด้วยความอ่อนโยน “ข้าเชื่อว่าคืนวันแบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก เหนียงเหนียงจะต้องได้ครองรักกับฮ่องเต้ และแก่ชราไปด้วยกัน”
เขาไม่ได้ทำเพื่อฮองเฮาเหนียงเหนียงคนเดียวเท่านั้น แต่เพื่อเจตนารมณ์ส่วนตัวของเขาด้วย
ขอเพียงแค่กำจัดเสี้ยนหนามของฮ่องเต้และฮองเฮาเหนียงเหนียงทิ้งไป ฮ่องเต้ก็จะไม่ต้องมาแบกรับและพัวพันกับเรื่องการทดแทนบุญคุณอีก ฮ่องเต้และฮองเฮาเหนียงเหนียงก็จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเช่นเมื่อก่อน เซียงเหลียนก็จะได้ไม่ต้อง…เอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลา
บรรยากาศยามค่ำคืนของตำหนักหยูซินงดงามเป็นอย่างมาก ทว่าบรรยากาศของตำหนักกวนโม่กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หยุนอี่ว์โหรวกำลังอาละวาดอยู่ในตำหนัก ทั้งๆ ที่ถึงเวลาเข้านอนตั้งนานแล้ว แต่ไม่ว่านางจะพยายามหลับแค่ไหน แต่ก็นอนไม่หลับอยู่ดี ก็เลยไปนั่งที่ริมโต๊ะ เวลานี้นางโมโหจนรู้สึกปวดหัวใจลามไปจนถึงครรภ์ของนาง ใบหน้าขาวซีดไปหมด
หยุนอี่ว์โหรวกำหมัดแน่น ดวงตาแดงฉานราวกับว่ากำลังกระหายเลือดอย่างไรอย่างนั้น “หนานหว่านเยียนนังหญิงแพศยา จองหองพองขนทำตัวต่ำทรามเหมือนดอกไม้ได้น้ำ ถึงได้ไม่รู้จักชั่วไม่รู้จักดีเช่นนี้!”
ปี้หยุนที่กำลังปรนนิบัตินางอยู่ก็พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจเช่นกัน “เหนียงเหนียง หนานหว่านเยียนคิดว่าพระสวามีรักและโปรดปรานนางที่สุด จึงได้กล้าทำเรื่องเช่นนี้กับฮ่องเต้”
“ได้ยินมาว่า นางโมโหร้ายเป็นอย่างมาก ตอนอยู่ที่ตำหนักหย่างซินและตำหนักหยูซิน นางมักจะชอบดุด่าฮ่องเต้ แต่ฮ่องเต้กลับไม่กล้าเถียงแม้แต่คำเดียว แถมนางยังปฏิเสธความหวังดีจากฮ่องเต้อีกด้วย”
เรื่องพวกนี้นางได้ยินมาจากเหล่าบรรดานางกำนัลและขันที นางจึงรีบบึ่งกลับมาเล่าให้หยุนอี่ว์โหรวที่ตำหนักกวนโม่ฟัง
สายตาของหยุนอี่ว์โหรวเต็มไปด้วยความริษยาและความโกรธแค้น นางกัดฟันแน่นพลางจิกเล็บลงกลางอุ้งมือ
ความรักอันลึกซึ้งของกู้โม่หาน เป็นสิ่งที่นางไม่มีวันจะขอได้ แต่หนานหว่านเยียนกลับทิ้งๆ ขว้างๆ ประหนึ่งรองเท้าสึกที่ไร้ซึ่งประโยชน์ ไม่ชายตามองแม้แต่นิดเดียว
ความแตกต่างเช่นนี้ นางจะทำใจยอมรับได้อย่างไรกัน จะให้นางทนได้อย่างไรกัน!
ทว่าตอนนี้ นางจะไม่ทนก็ไม่ได้
ปี้หยุนเห็นว่าหยุนอี่ว์โหรวจิกเล็บลงกลางอุ้งมือของนางจนเลือดออก ก็รีบเข้าไปห้ามทันที “เหนียงเหนียง เหนียงเหนียง ท่านทำอะไรน่ะ! หากเหนียงเหนียงโมโห ทุบตีบ่าวเสียยังดีกว่า อย่าทำร้ายตนเองเช่นนี้!”
“หากเหนียงเหนียงบาดเจ็บ แล้วส่งผลกระทบไปยังเด็กที่อยู่ในครรภ์ขึ้นมา จะให้บ่าวทำอย่างไรดี”
หยุนอี่ว์โหรวหัวเราะเยาะในลำคอเสียงเบา เมื่อเห็นสีหน้าท่าทีของปี้หยุนแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน “ในสายตาของเจ้า เกรงว่าเด็กในครรภ์คงจะสำคัญมากกว่าข้าอีกกระมัง”
พอนางพูดความจริงออกมา ปี้หยุนก็อึ้งไปชั่วขณะ นางรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันควัน “เหนียงเหนียง บ่าว…บ่าวจะบังอาจได้อย่างไรกันเจ้าคะ! ในสายตาของบ่าว เหนียงเหนียงคือคนที่สำคัญที่สุดต่างหาก!”
“บ่าวก็แค่เป็นห่วง กลัวว่าเหนียงเหนียงจะได้รับบาดเจ็บ ถึงได้พูดเช่นนี้”
หยุนอี่ว์โหรวย่อมรู้จักอุปนิสัยของบ่าวรับใช้ที่มักจะเปลี่ยนแปลงไปตามแรงลมอยู่แล้ว จึงไม่ได้สืบสาวราวความต่อแต่อย่างใด
“ช่างเถิด รีบลุกขึ้นเสีย เจ้ามั่นใจหรือว่านางกำนัลที่เจ้าส่งไปนั้นถูกด่ากลับมา?”
เพื่อที่จะสืบว่าหนานหว่านเยียนตั้งครรภ์จริงหรือไม่ นางจึงส่งคนไปหยั่งเชิงหนานหว่านเยียน แต่แล้วนางกำนัลนางนั้นกลับมาด้วยสีหน้าท่าทีที่หมดอาลัยตายอยาก
ปี้หยุนรีบลุกขึ้นยืน พลางพยักหน้าทันควัน
“เจ้าค่ะ เหนียงเหนียงสั่งให้บ่าวหาคนจัดเตรียมอาหารดิบและอาหารแช่เย็นที่คนตั้งครรภ์ไม่สามารถทานได้ไปส่งให้ฮองเฮา สุดท้ายถูกเฟิงยางที่หยิ่งผยองด่าไปยกใหญ่”
“บ่าวได้ยินมาว่า ตอนนั้นเฟิงยางคอยปกป้องฮองเฮาเป็นพิเศษ ยังบอกอีกว่าคืนนี้ฮองเฮาจะเข้าครัวลงมือทำอาหารเอง ไม่ต้องส่งอาหารดิบและอาหารแช่เย็นเหล่านี้มาอีก มิเช่นนั้น จะทำโทษเสียให้หนัก”
ความเคียดแค้นในใจหยุนอี่ว์โหรวลดลงไประดับหนึ่ง แต่กลับเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่มุ่งมั่นและเย็นชาแทน
นางแสยะยิ้ม “อาหารพวกนี้ ล้วนเป็นของแสลงสำหรับสตรีมีครรภ์ ปกติแล้วข้าไม่แตะเสียด้วยซ้ำ พอเห็นแล้วก็จะรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียน หนานหว่านเยียนต่อต้านขนาดนี้ เกรงว่านางคงจะเหมือนกับข้ากระมัง”
“ลองคิดดูแล้ว เสื้อผ้าและการแต่งตัวของนางแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด”
“รู้สึกว่าเสื้อผ้าที่นางสวมใส่มีขนาดที่ใหญ่กว่าปกติ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะปกปิดเด็กในครรภ์ของนาง ดูท่าแล้ว นางคงจะตั้งครรภ์จริงๆ”
ปี้หยุนเห็นว่าหยุนอี่ว์โหรวอารมณ์ดีขึ้น ก็รีบพูดจาคล้อยตามทันที “ท่านพูดถูก นึกไม่ถึงว่านิสัยของฮองเฮาจะไม่เปลี่ยนเลย ตอนนี้นางท้องลูกของคนอื่น นางย่อมไม่กล้าให้ฮ่องเต้รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เหนียงเหนียง นี่ถือเป็นโอกาสที่เหมาะเจาะที่สุดแล้วเจ้าค่ะ”
หยุนอี่ว์โหรวจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่คือโอกาสที่เหมาะกับการจัดการหนานหว่านเยียนที่สุด
นางแสยะยิ้ม แววตาเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหดและชั่วร้ายขึ้นมาทันที
นางส่งสายตาเรียกปี้หยุนให้เข้ามาใกล้ ปี้หยุนเงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็หัวเราะเยาะเสียงเบา “ข้าเหนื่อยมากแล้ว เจ้าไปจัดการเถิด พรุ่งนี้ ข้าอยากจะเห็นฮ่องเต้โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ”
“เจ้าค่ะ เหนียงเหนียง” ปี้หยุนยิ้มกว้างพลางตอบรับด้วยความนอบน้อม จากนั้นก็รีบออกไปจัดการทันที
หยุนอี่ว์โหรวกลับไปที่เตียง รู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆ โปร่งโล่งขึ้นไม่น้อย
หนานหว่านเยียนนะหนานหว่านเยียน กับดักเมื่อครั้งก่อนเจ้าหนีรอดไปได้ ก็ถือเสียว่าเจ้ามีปัญญา แต่เรื่องที่เจ้าท้องลูกคนอื่น เกรงว่าคงจะไร้ซึ่งหนทางหนีรอดแล้วกระมัง?
ความบาดหมางระหว่างพวกข้า ควรจะมีจุดจบเสียที…
Comments