ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 634 นางอยู่ที่ใดกันแน่

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 634 นางอยู่ที่ใดกันแน่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 634
เขาเร่งเท้าไปข้างหน้า ประคองกู้โม่หานที่เป็นลม ร้องตะโกนอย่างกระวนกระวาย “ฝ่าบาทกระอักเลือด! รีบไปตามหมอหลวงมา! ตามหมอหลวงมา!”

ไม่นาน หมอหลวงเจียงก็รีบวิ่งมาพร้อมกับกล่องยา

เขามองกู้โม่หานที่หมดสติอยู่บนเตียงในห้องทรงพระอักษร รู้สึกตกใจมาก

ใบหน้าชายหนุ่มเย็นเฉียบเริ่มเขียวคล้ำ รอยไหม้บนแขนขวาเลวร้ายนานแล้ว ตอนนี้แผลเปื่อยพุพองยิ่งรุนแรงขึ้น อาการบาดเจ็บที่มือทั้งสองข้างก็สาหัสมากเช่นกัน จึงทำให้มีอาการไข้ขึ้นสูงไม่หยุด

หมอหลวงเจียงรีบจับชีพจรกู้โม่หาน เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก

เสิ่นอี่ว์รอผลอยู่ด้านข้างอย่างใจจดใจจ่อ เห็นสีหน้าหมอหลวงเจียงค่อยๆ เข้มขึ้น อดที่จะถามออกไปไม่ได้ “หมอหลวงเจียง อาการฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง”

สีหน้าหมอหลวงเจียงเคร่งขรึมมาก “ฝ่าบาทหัวใจทำงานหนักสะสมมานาน เนื่องจากได้รับการกระตุ้นมากเกินไป จึงมีอาการกระอักเลือด สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก”

“อีกทั้งฝ่าบาทก็มีแผลไฟไหม้ ยาที่กระหม่อมจ่ายให้ก่อนหน้านี้ จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อยๆ มิฉะนั้นจะทำให้เกิดการติดเชื้อ แต่ดูจากอาการบาดเจ็บของฝ่าบาทแล้ว คงจะไม่ได้เปลี่ยนใหม่สักครั้งเลยกระมัง”

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แผลไฟไหม้จะอักเสบเป็นหนองหมด การติดเชื้อจะยิ่งรุนแรง ถึงตอนนั้น ต่อให้ชีวิตของฝ่าบาทจะปลอดภัย แต่แขนนี่คงไม่อาจรักษาไว้ได้แล้ว!”

เสิ่นอี่ว์ใจสั่นสะท้าน ข่มกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา เอ่ยกับหมอหลวงเจียงอย่างนอบน้อม “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณหมอหลวงเจียงมาก ข้าจะเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทให้ดีอย่างแน่นอน!”

“เวลาไม่เช้าแล้ว ท่านจ่ายใบสั่งยาเสร็จ ก็กลับไปเร็วหน่อยเถอะ”

หมอหลวงเจียงพยักหน้า เดินตามนางกำนัลออกไปจ่ายใบสั่งยา

ภายในห้องทรงพระอักษร เหลือเพียงเสิ่นอี่ว์กับกู้โม่หานสองคน

เสิ่นอี่ว์มองกู้โม่หานที่อ่อนแอมากบนเตียง ฝ่ามือเย็นเฉียบกำแน่น กัดฟันพูดกับองครักษ์ข้างนอกว่า

“รีบไปแจ้งไท่เฟยเหนียงเหนียง แล้วเล่าเรื่องทั้งหมด ในวันนี้ออกไป เชิญนางมาเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทให้มีชีวิตอยู่ต่อให้ดี!”

ตอนนี้ไม่ได้สนใจอะไรมากนักแล้ว ไม่มีใครในพวกเขาสามารถกดดันฝ่าบาทได้ เหลือเพียงเชิญให้ไท่เฟยเหนียงเหนียงมาออกหน้าแล้ว

“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ขานรับ จากไปด้วยสีหน้าเคร่งครัด

ไม่นาน หวงไท่เฟยก็มายังห้องทรงพระอักษรโดยมีหวางหมัวมัวประคองมา

นางที่ทำกายภาพบำบัดอยู่เสมอ ณ ตอนนี้ ก็สามารถเดินได้นิดหน่อยแล้ว แม้จะตะกุกตะกัก แต่โดยรวมยังไม่มีปัญหาใหญ่อะไร

ทั้งวันนี้เกิดเรื่องในพิธีพระบรมราชาภิเษก นางรู้ดีว่า ท้ายที่สุดแล้ว…นางก็มีส่วนร่วมด้วย

นางให้หวางหมัวมัวถอยไป ส่วนตนเองเดินเข้าไปในห้องทรงพระอักษร

พลันเห็นใบหน้าขาวซีดของกู้โม่หานทันที สีหน้าไท่เฟยเปลี่ยนไปทันใด รู้สึกปวดใจมากยิ่ง

นางรู้ว่าสักวันต้องมีเรื่องเช่นนี้ แต่ไม่คาดคิดว่า ปฏิกิริยาของกู้โม่หานจะรุนแรง มากกว่าที่นางคิดไว้ จนบาดเจ็บไปทั่วเช่นนี้

เห็นชัดว่า ระเบิดพวกนั้นไม่มีทางทำให้เขาบาดเจ็บเช่นนี้ได้

นางนั่งข้างเตียงกู้โม่หาน ยื่นมือออกไปลูบใยหน้านิ่วคิ้วขมวดของกู้โม่หานด้วยความสงสาร แล้วถอนหายใจเบาๆ “เด็กดี ลำบากเจ้าแล้ว”

แต่นางก็เข้าใจ นี่เป็นอุปสรรคที่กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนต้องข้ามผ่าน หนานหว่านเยียนไม่อาจเก็บเอาไว้ได้ กู้โม่หานได้แต่ยอมรับเท่านั้น

ค่ำคืนนี้ นางไม่ได้หลับตา เฝ้าอยู่ข้างกายกู้โม่หานตลอด

เช้าตรู่วันถัดมา หวงไท่เฟยนั่งพิงเก้าอี้ตาปรืออยู่ข้างเตียง ชายหนุ่มที่สีหน้าขาวซีด บนเตียงกลับเบิกตา ร้องตกใจทันที

“หว่านเยียน!”

หลังเห็นทุกอย่างชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาอึมครึม ปรากฏร่องรอยแห่งความเศร้าอีกครั้ง

ไท่เฟยมองเขา แล้วเอ่ยย่างอ่อนโยน “โม่หาน เจ้าตื่นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง”

กู้โม่หานมองหวงไท่เฟยที่ดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด หัวใจพลันหดเกร็ง

“เสด็จแม่” กู้โม่หานยันกายขึ้นบนเตียง ความเจ็บปวดที่มือฉีกขาดทำให้เขายิ่งตาสว่าง แต่เขาก็ทำเพียงเม้มริมฝีปากบาง ไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆ ออกมา

“เสด็จแม่ หว่านเยียน กับซาลาเปาน้อย หาพวกนางเจอแล้วหรือยัง”

เมื่อได้ยินเสียงแหบแห้งทะมึนของกู้โม่หาน ไท่เฟยก็ตกตะลึง

นางตบหลังมือของกู้โม่หาน ดวงตาเต็มไปด้วยความสำนึกผิดและสงสาร “โม่หานจริงๆ แล้วหว่านเยียนนาง…”

นางก็ใจดำ “หว่านเยียนนางกับซาลาเปาน้อย กลับมาไม่ได้แล้ว เจ้าต้องยอมรับความจริงข้อนี้ให้เร็วหน่อย”

หลังฉากกั้น เสิ่นอี่ว์ก็เฝ้ากู้โม่หานอย่างเงียบๆ ตลอดทั้งคืน

เมื่อได้ยินกู้โม่หานตื่นมาแล้วยังซักถาม แม้ว่าจะสงสาร แต่ยังเดินออกมา คุกเข่าลงบนพื้น

“ฝ่าบาท ข้าน้อยไม่อยากเห็นพระองค์อยู่กับความฟุ้งซ่านจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

“ฮองเฮาเหนียงเหนียงจากไปแล้ว ไม่เหลือกระดูกแล้ว ไม่ว่าพระองค์จะตรัสอย่างไร ก็มิมีทางพาพระนางกลับมาได้ พระองค์ควรได้สติได้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”

กู้โม่หานค่อยๆ ดึงมือที่เห็นข้อกระดูกชัดออกจากฝ่ามือหวงไท่เฟย ดวงตาร้อนแรงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา

“ข้าบอกแล้ว อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องพบศพ ตราบใดที่ยังไม่พบศพ นางก็ยังมีชีวิตอยู่ สืบสวนต่อไป อย่าหยุดแม้แต่ครู่เดียว!”

“แต่ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ…”

“ปฏิบัติตาม!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” เสิ่นอี่ว์กัดฟัน แต่ไม่มีวิธีโต้แย้งกู้โม่หาน ได้แต่ขานรับ หันกายเดินถอยออกไป

หวงไท่เฟยขมวดคิ้วมุ่น กู้โม่หานยกผ้านวมออกแล้วลุกขึ้น สายตามองทางหวงไท่เฟย

“เสด็จแม่ รบกวนท่านแล้ว ลูกมิเป็นไร ลูกจะไปหาองค์หญิงอานผิงก่อน แล้วจะไปการประชุมราชการเช้า ท่านก็กลับพักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ”

ทำไมหวงไท่เฟยจะไม่รู้ว่า กู้โม่หานกำลังระงับอารมณ์

นางขมวดคิ้วจ้องมองชายหนุ่มที่หน้าตาเคร่งขรึม เอ่ยเกลี้ยกล่อมเบาๆ “เปลี่ยนยาก่อนเถอะ หมอหลวงบอกว่า แผลไหม้ของเจ้าร้ายแรงมาก ห้ามชักช้า”

กู้โม่หานทำราวกับไม่ได้ยิน เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตนเอง เนื้อผ้าถูกับผ้าพันแผล ทำให้บาดแผลเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น แต่เขากลับไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

มีเพียงความเจ็บปวดเสียดแทงใจนี้เท่านั้น ที่สามารถทำให้เขารักษาความสงบนิ่งได้ตลอดเวลา

หาเกี๊ยวน้อยเจอกลับมาแล้ว แม้นางจะดื้อรั้นไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่หายตัวไป แต่เขาก็สามารถถามออกมาได้ตลอดเวลา

เขาสามารถหาหนานหว่านเยียนกับซาลาเปาน้อยได้ ไม่ช้าก็เร็ว

หวงไท่เฟยมองกู้โม่หาน เม้มปากอย่างแสดงอารมณ์ “โม่หาน แม่รู้ว่าตอนนี้เจ้ารู้สึกทุกข์ทรมานมาก แต่เจ้าเป็นกษัตริย์ของแว่นแคว้นแล้ว จำไว้ว่ามิอาจแส่หาเรื่องตาย แล้วห้ามรู้สึกหดหู่อยู่ร่ำไป”

“เสด็จแม่วางพระทัย ลูกไม่มีทางทำ” กู้โม่หานมองกลับไปที่ไท่เฟยอย่างเฉยเมย ใบหน้าคมสันรับกับแสงยามเช้า ยิ่งตรงมากขึ้น และสงบนิ่งมาก

“ลูกมีภาระ แบกทั้งแคว้นซีเหย่ไว้บนบ่า ต้องรับผิดชอบผู้คนในใต้หล้านี้ ไม่มีทางล้มลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเกี๊ยวน้อยกลับมาแล้ว ลูกยิ่งไม่มีวันล้มลง”

“ท่านกลับไปเถอะ ข้าจะไปประชุมขุนนางแล้ว”

พูดจบ กู้โม่หานก็สะบัดแขนเสื้อออกจากห้องทรงพระอักษร ร่างสูงตระหง่านหายลับไปกับมุมห้อง

สิ่งที่หวงไท่เฟยอยากพูดอะไรกับเขา สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป รู้สึกปวดใจมาก

“เจ้าเด็กคนนี้…”

ดีขึ้นให้ไว และปล่อยวางให้ไว อย่าได้ใช้ชีวิตให้ลำบากขนาดนี้เลย

นางถอนหายใจแผ่วเบา หันหน้าไปมองแสงแดดจ้านอกหน้าต่าง น้ำตาคลอเบ้า

และไม่รู้ว่า สถานการณ์ทางหว่านเยียน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง…

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *