ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 433 กู้โม่หานคือพ่อของพวกเจ้า

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 433 กู้โม่หานคือพ่อของพวกเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 433 กู้โม่หานคือพ่อของพวกเจ้า

หลังเสียงอู้อี้ดังขึ้น กู้โม่หานหงายหลังล้มลงไป

ครั้งนี้เขานิ่งเงียบแล้วจริงๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งร่างนอนอยู่บนเตียง หมดสติไป

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยต่างตกตะลึง กลืนน้ำลาย “ทะ ท่านแม่ คืนนี้คนเลวน่ากลัวมาก…”

เมื่อก่อนพวกนางเคยเห็นเพียงท่าทางที่หนานหว่านเยียนเมา แต่ก็แสดงความกระตือรือร้นต่อทุกคนในเรือนเท่านั้น

คาดไม่ถึงกู้โม่หานดื่มจนเมาแล้ว จะชอบข่มเหงท่านแม่…

หนานหว่านเยียนเห็นกู้โม่หานสลบไปแล้ว ก็ถอนหายใจโล่งอก

นางมองทางเด็กทั้งสองคน เอ่ยเสียงนุ่มนวล

“ไม่ต้องกลัว มีแม่อยู่ แม่จะปกป้องพวกเจ้าเอาไว้เอง ไม่มีทางให้ใครมาลอบทำมิดีมิร้ายพวกเจ้าได้แน่นอน”

อันที่จริงเด็กๆ ทั้งสองก็ไม่ได้กลัว พวกนางเชื่อมั่นว่ากู้โม่หานไม่มีทางทำร้ายพวกนาง พวกนางแค่ตกใจมากกว่า

พวกนางไม่เคยเห็นด้านนี้ของกู้โม่หานมาก่อน

เกี๊ยวน้อยถามว่า “ท่านแม่ คนเลวดื่มสุราเมาหรือเจ้าคะ”

หนานหว่านเยียนเหลือบมองเกี๊ยวน้อย“น่าจะเมาจนเลอะเลือน”

ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้ออกได้ นางจะรอวันพรุ่งนี้เมื่อเขาตื่นขึ้นมา จะมีสภาพเป็นอย่างไร!

กล้าดียังไงมาบอกว่าไม่ชอบเด็กผู้ล้ำค่า เหอะ เด็กจะสั่งสอนบทเรียนดีๆ ให้เขาเอง

แน่จริงก็อย่ามาชอบละกัน!

ทว่ามีอย่างหนึ่งที่แปลก ร่างกายกู้โม่หานแตกต่างจากคนทั่วไป หรือพอเมาแล้วร่างกายจะพิเศษ ยากล่อมประสาทจึงไม่มีผลกับเขาในคืนนี้

ซาลาเปาน้อยก็ถามว่า “ท่านแม่ ลอบทำมิดีมิร้ายหมายความว่าอย่างไรหรือ”

เมื่อถามคำถามนี้ สีหน้าหนานหว่านเยียนพลันอึมครึมขึ้นมา

ต้องโทษความเมาของกู้โม่หานทั้งหมด แล้วเป็นยังไง ตอนนี้เด็กทั้งสองล้วนเห็นนางกับเขา…

ยังดีที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยนิดหน่อยเท่านั้น ไม่มีอะไรมากเกินไป แต่นางก็ต้องอธิบายพวกนางให้กระจ่าง

เด็กทั้งสองคนอายุสี่ขวบกว่า ถึงเวลาสอนพวกนางความแตกต่างระหว่างชายหญิงแล้ว

หนานหว่านเยียนลูบผมสลวยของสองคนพี่น้องอย่างอ่อนโยน เอ่ยเสียงนุ่มนวล “คือการวางแผนที่นอกเหนือจากกฎเกณฑ์ และข้อบังคับ เมื่อเป็นเรื่องระหว่างชายหญิงจะมีคนหนึ่ง ที่คิดอกุศลกับอีกคนหนึ่ง คิดจะแอบทำเรื่องไม่ดี กับนางหรือเขา!”

เกี๊ยวน้อยพยักหน้าอย่างเข้าใจเพียงครึ่งเดียว “เข้าใจแล้ว แต่ก็เหมือนไม่เข้าใจทั้งหมด”

ซาลาเปาน้อยก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

หนานหว่านเยียนเห็นเด็กๆ ทั้งสองคนฉงน ก็ไม่สอนความรู้ทั่วไปง่ายๆ อีก แต่เริ่มปลูกฝังการตระหนักของเด็กๆ แล้วสอนพวกนางว่าวิธีปกป้องตัวเองให้ดีต้องทำอย่างไร

“มนุษย์เราจะใช้ปฏิสัมพันธ์ทางร่างกายเพื่อแสดงความรัก ปกติพวกเราจะจูบและกอด เพื่อแสดงความสนิทสนมของพวกเรา ก็เหมือนที่แม่จะหอมแก้มน้อยๆ ของพวกเจ้า นั้นเป็นเพราะแม่ชอบพวกเจ้า”

“การปฏิสัมพันธ์ทางร่างกายเช่นนี้ จะทำให้พวกเรารับรู้ถึงความรักและการถูกรักได้ คือการสัมผัสที่ดี แต่ว่า หากมีใครมาแตะต้องจุดส่วนตัวในร่างกายของพวกเจ้า และก็เป็นจุดที่ต้องอยู่ใต้ร่มผ้า หากแตะต้องมันซ้ำๆ นั้นก็คือการสัมผัสที่ไม่ดี”

“ถึงตอนนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นชายหรือหญิง พวกเจ้าต้องรีบหาทาง ออกห่างจากคนคนนั้นอย่างปลอดภัยทันที แล้วเอาเรื่องนี้มาบอกกับแม่ เข้าใจหรือไม่”

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยล้วนเข้าใจ พยักหน้า “งั้นไม่ว่าใครก็ไม่อาจแตะต้องพวกเราใช่หรือไม่”

ดวงตาหนานหว่านเยียนสั่นไหว “แม่กับพี่เซียงอวี้ ของพวกเจ้าสัมผัสจุดส่วนตัวในร่างกายของพวกเจ้า ตอนที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พวกเจ้าได้ แต่ในเวลาอื่น ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ไม่ได้ทั้งนั้น”

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยมองหน้ากัน แล้วทั้งสองคนก็พูดขึ้นพร้อมเพรียงอย่างใจตรงกันว่า “งั้น หากเป็นท่านพ่อล่ะ”

เมื่อครู่คนเลวโอบกอดพวกนาง ทั้งจูบหน้าผากด้วย ก็ไม่ได้หรือ

“พ่อของเจ้าก็ไม่ได้ เขาเป็นบุรุษ ชายผู้หญิงมีความแตกต่างกัน อย่างมากที่สุดก็ตอนยังเด็กสามารถหอมแก้ม และกอดพวกเจ้าได้ กระทั่งอาบน้ำล้วนไม่อาจอาบแทนพวกเจ้าได้…” หนานหว่านพลันตกตะลึง

นางไม่คาดคิดว่า พวกเด็กๆ จะเอ่ยถึงพ่อของพวกนางกะทันหัน

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยมองหนานหว่านเยียนไม่พูดไม่จา

พวกนางมองกู้โม่หานที่สลบไป แล้วมองหนานหว่านเยียนอีกครั้ง เอ่ยถามอีกว่า “พวกนั้น เมื่อโตแล้วก็ไม่ได้ใช่หรือไม่”

เมื่อเห็นการกระทำเล็กๆ นี้ หนานหว่านเยียนก็มองเด็กทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ

“พวกเจ้า…” นางชะงัก สงสัยว่าเด็กสองคนนี้รู้นานแล้วว่า กู้โม่หานคือบิดาบังเกิดเกล้าของพวกนาง นางสงบสติอารมณ์ “พวกเจ้ารู้ว่าท่านอ๋องคือพ่อแท้ๆ ของพวกเจ้า มานานแล้วใช่หรือไม่”

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยลังเลอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดก็พยักหน้า

“จริงๆ พวกข้ารู้เรื่องนี้ มานานมากๆ แล้ว แต่พวกข้ารู้ว่าท่านแม่หมางเมินกับท่านพ่อคนเลว จึงไม่ได้พูดมาตลอด”

เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ความชอบของเด็กทั้งสองคนกับกู้โม่หานก็มีความคล้ายคลึงกันมาก สองคนพี่น้องก็ฉลาดมีไหวพริบอยู่เสมอ เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วก็คงรู้เข้า

เพียงแต่หนานหว่านเยียนปวดใจ พวกบุตรสาวของตนเองรู้ชัดเจนว่าใครคือพ่อแท้ๆ ของตนเอง แต่ยังต้องทนปิดบัง และใส่ใจความรู้สึกของนาง

คนเป็นแม่เช่นนางนี้ ไม่เอาใจใส่เกินไปแล้ว

ทันใดนั้น หนานหว่านเยียนขอบตาแดง รู้สึกละอายใจอย่างมาก

นางกอดเด็กทั้งสองคนไว้ในอ้อมแขนอย่างแผ่วเบา “ขอโทษนะ เป็นแม่ที่ละเลยความรู้สึกของพวกเจ้า ไม่ได้บอกความจริงกับพวกเจ้าตั้งเนิ่นนาน”

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเม้มริมฝีปาก ซาลาเปาน้อยยื่นมือออกมา เช็ดน้ำตาจากหางตาหนานหว่านเยียนเบาๆ

“ท่านแม่อย่าร้อง พวกข้ารู้ว่าท่านแม่ลำบากใจ อีกทั้ง…ที่ท่านพ่อทิ้งพวกข้าไว้ที่เรือนเย็นห้าปี ล้วนเป็นท่านแม่ที่ปกป้องพวกข้าอย่างลำบากลำบน โดยเฉพาะข้า ข้าร่างกายอ่อนแอป่วยกระเสาะกระแสะ ล้วนเป็นท่านแม่เฝ้าดูแลข้ามาตลอด ท่านพ่อเขาไม่เคยทำอะไรเลย ทั้งปฏิบัติกับท่านแม่ไม่ดี ท่านแม่ไม่บอกก็เป็นสมเหตุสมผลแล้ว”

เกี๊ยวน้อยก็จับมือหนานหว่านเยียน จ้องมองนางไม่วางตา “ท่านแม่วางใจ แม้ว่าพวกข้าจะรู้ว่าท่านพ่อคนเลวคือบิดาบังเกิดเกล้าของพวกข้า แต่มีเพียงท่านแม่พูดเท่านั้น พวกข้าถึงจะยอมรับเขา พวกข้าไม่มีทางทำเรื่องที่ทำให้ท่านแม่ไม่มีความสุขแน่”

พูดไปพูดมา หลักๆ คือท่านพ่อคนเลวน่าชิงชัง ทำไมเขาถึงไม่ได้ทำดีกับท่านแม่เสมอมา!

ไม่ง่ายเลยที่จะเอาอกเอาใจท่านแม่ คาดไม่ถึงว่าจะเริ่มรังแกท่านแม่อีกแล้ว ไม่มีทางที่จะยืนอยู่ฝั่งเขา แล้วพูดดีๆ แทนเขาได้จริงๆ ฮึ่ม

ความอบอุ่นในหัวใจเพิ่มขึ้นไม่หยุด หัวใจหนานหว่านเยียนแทบจะละลายแล้ว หอมแก้มของเด็กๆ ทั้งสองคน

“แม่รักพวกเจาจริงๆ แต่อันที่จริงนั่นก็ไม่ใช่เพราะเหตุผลทั้งหมด ที่ไม่บอกความจริงพวกเจ้า เพราะข้าเห็นแก่ตัว ตอนแรกข้าคิดว่ากู้โม่หานไม่สมควรเป็นพ่อของพวกเจ้า จึงไม่พูดออกไป”

“ต่อมาเห็นเขาปกป้องพวกเจ้าเช่นนั้น พวกเจ้าก็ชอบเขาขนาดนั้น อันที่จริงข้ากลัวนิดหน่อย ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านอ๋อง แตกหักไปนานแล้ว ไม่มีรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน มันถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะอยู่กันได้ไม่นาน หากพวกเจ้าไม่รู้เรื่องเลย แม่จะพาพวกเจ้าจากไปโดยไม่ลังเลสักนิด”

“แต่ข้ากลับละเลย โหยหาความรักของพ่อของพวกเจ้า โดยเฉพาะพวกเจ้ารู้มาตลอดว่า กู้โม่หานคือบิดาบังเกิดเกล้าของพวกเจ้า…”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *