ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 784 บุญคุณ

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 784 บุญคุณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 784
หนานหว่านเยียนยังไม่ทันได้เห็น ดวงตากู้โม่หานก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา พลันปิดตาหนานหว่านเยียนไว้ เหมือนกลัวว่านางจะเห็นของสกปรกอย่างไรอย่างนั้น

สีหน้าหยุนเหิงเปลี่ยนไปทันที ตรวจสอบอาการของหลีเต๋อ เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ฝ่าบาท เขากัดลิ้นฆ่าตัวตายพ่ะย่ะค่ะ!”

น่าโมโห ยังไม่ได้ถามอะไรออกมาเลย จะตายแล้วได้อย่างไร

ตายไปแล้ว?!

ก่อนตายยังจะเล่นงานแคว้นต้าเซี่ย ช่างไม่เลิกราจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายจริงๆ!

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วแน่น เอื้อมมือไปจับมือใหญ่ของกู้โม่หานที่ปิดตาออก เพื่อมองดูสถานการณ์ แต่กู้โม่หานกลับไม่ขยับ เอ่ยเสียงเย็นให้คนลากศพออกไป ถึงจะปล่อยมือออก

หยุนเหิงกลับรู้สึกงงงวยกับสถานการณ์นี้ โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่องครักษ์คนนี้พูดจริงหรือโกหกกันแน่

ฮองเฮาเหนียงเหนียงมั่นใจว่าเขามาจากแคว้นเทียนเซิ่ง แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ยอมรับ ยอมตายก็เปลี่ยนคำพูด น่าสับสนมึนงง

อยากจะถามแต่ก็ไม่กล้าถาม กลัวว่าจะพูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง

ส่วนแม่ทัพใหญ่เห็นเช่นนี้ ก็รู้ว่าเรื่องที่ฮูหยินของเขาโดนพิษในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องในครอบครัวธรรมดาสามัญ แต่พัวพันไปยังความขัดแย้งระหว่างแคว้น งั้นก็เป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญยิ่ง!

เขารีบผลักคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป โค้งคำนับให้กู้โม่หานด้วยสีหน้าจริงจัง

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ! โปรดประทานอภัยหากข้าน้อยพูดตรงๆ ตอนนี้สถานการณ์วุ่นวาย ไม่อาจนั่งเฉยต่อไปได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ว่าคนผู้นี้จะเป็นใครส่งมา ล้วนมีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่ พยายามก่อกวนแคว้นซีเหย่ ยุยงให้เกิดความขัดแย้งพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็ชะงักเล็กน้อย เหลือบมองหนานหว่านเยียน แต่ท่าทางโปรดปรานของกู้โม่หาน จึงยังพูดตรงๆ ว่า “การเคลื่อนไหวของแคว้นเทียนเซิ่งพระองค์ก็ทรงทราบ ตอนนี้พวกเขาโห่ร้องส่งกองกำลังไปโจมตีแคว้นต้าเซี่ย และไม่พอใจแคว้นซีเหย่มากเช่นกัน บัดนี้คณะทูตของแคว้นต้าเซี่ยมาว่าการทูตยังแคว้นซีเหย่ ข้าน้อยคิดว่าจุดประสงค์ของพวกเขาน่าจะชัดเจนแล้ว คือคิดจะร่วมมือกัน!”

“ด้วยเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางการทูต ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ พวกเราต้องสร้างมาตรการตอบโต้ เพื่อไม่ให้คนมีเจตนาแฝงกวนน้ำให้ขุ่นได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

หยุนเหิงพยักหน้าอย่างแรง คล้อยตามพ่อตนเอง “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท คนพวกนี้เก่งเรื่องลับหลัง ดังนั้นพวกเราจะปล่อยปละไม่สนไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เพียงแต่ข้าน้อยสับสนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าคนในวันนี้มาจากแคว้นต้าเซี่ย หรือแคว้นเทียนเซิ่งกันแน่ พวกเราควรรับมืออย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยิน หนานหว่านเยียนก็ขมวดคิ้วทันที พูดอย่างหนักแน่นดังก้องว่า “เขาไม่มีทางใช่คนของแคว้นต้าเซี่ย”

“เรื่องเป็นเรื่องไม่พูด ตอนนี้แคว้นต้าเซี่ยก็กำลังส่งคณะทูตมา เห็นชัดว่าต้องการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต คงไม่โง่ถึงขนาดวางยาพิษ ตอนตนเองกำลังมาเยือนแคว้นซีเหย่หรอก!”

“วิธีการเช่นนี้ ไม่เพียงผลักตนเองเข้ากองไฟ ยังเป็นการเติมความเกลียดชัง ถูกศัตรูขนาบทั้งหน้าหลัง ได้ไม่คุ้มเสีย!”

เมื่อหยุนเหิงได้ยิน ก็เข้าใจในทันที แล้วด่าทอด้วยความโกรธ “รู้ตั้งนานแล้วว่านักรบแคว้นเทียนเซิ่งพวกนั้นป่าเถื่อนโหดเหี้ยมอำมหิต วันนี้ดูท่า จะเป็นเช่นนั้นจริง! มีเจตนาร้ายแอบแฝง ช่างชั่วช้าเสียจริง!”

กู้โม่หานมองดูหนานหว่านเยียนปกป้องแคว้นต้าเซี่ยอย่างเต็มกำลัง นัยน์ตาสวยงามกระจ่างใสน่ามองซ่อนความนัย แล้วกวาดตามองหยุนเหิงกับแม่ทัพใหญ่ที่กำลังโกรธแค้น ใบหน้าสงบนิ่ง ทุกท่วงท่าแผ่รัศมีจักรพรรดิออกมาเป็นธรรมชาติ

“เรื่องวันนี้ห้ามแพร่งพราย ให้คนมากำจัดศพของสายลับอย่างลับๆ อย่าให้รั่วไหลออกไปแม้แต่น้อย นอกจากนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพิ่มการป้องกันจวนแม่ทัพให้แน่นหนาขึ้น”

“ฮองเฮาเพิ่งกล่าวว่า หากเป็นชาวเทียนเซิ่ง บนกายจะมีกลิ่นตะไคร้ติดตัว แม่ทัพใหญ่ เจ้าจัดการลงไป ให้พวกทหารกับทั้งขุนนางที่ประจำอยู่ที่ต่างๆ เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น ป้องกันสายสืบปะปนเข้ามา”

แม่ทัพใหญ่เห็นกู้โม่หานเต็มใจคุยเรื่องการเมือง ต่อหน้าหนานหว่านเยียน นอกเหนือจากการตกใจเล็กน้อย กลับประสานมือคำนับให้กู้โม่หานอย่างอ่อนน้อม

“พ่ะย่ะค่ะ! ข้าน้อยเข้าใจแล้ว! ข้าน้อยจะกวดขันป้องกันสุดชีวิต ไม่มีทางปล่อยให้โจรเหล่านั้นมีโอกาสแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ!”

บรรยากาศในห้องโถงเคร่งเครียดมาก ขณะนั้นเอง ฮูหยินแม่ทัพกลับถูกคนประคองเดินออกมา สีหน้าขาวซีด แต่เมื่อเห็นกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนจากไกลๆ ก็กลั้นหายใจ เดินไปตรงหน้าพวกเขา

นางน้ำตาคลอเบ้า โน้มตัวคุกเข่าลง “หม่อมฉัน ถวายพระพรฝ่าบาท ฮองเฮาเหนียงเหนียงเพคะ!”

หยุนเหิงกับแม่ทัพใหญ่เห็นดังนี้ พลันรู้สึกยินดี หยุนเหิงรีบรุดหน้าไปประคอง “ท่านแม่ ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!”

กู้โม่หานสีหน้าของเฉยเมย “ฮูหยินแม่ทัพไม่ต้องพิธีรีตอง”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ฮูหยินแม่ทัพกลับไม่ได้ลุกขึ้น แต่โขกศีรษะให้หนานหว่านเยียนอย่างแรง “หม่อมฉัน ขอบพระทัยฮองเฮาเหนียงเหนียงที่ยื่นมือช่วยเหลือยิ่งเพคะ!”

“บุญคุณนี้ของพระองค์ หม่อมฉันจะไม่มีวันลืม! หากวันนี้ไม่มีพระองค์อยู่ หม่อมฉันคงไปเฝ้ายมบาลนานแล้ว”

เมื่อครู่หมัวมัวเล่ารายละเอียดทั้งหมด ที่หนานหว่านเยียนช่วยนางให้ฟัง นางรู้สึกขอบคุณหนานหนานหว่านเยียนมากยิ่งนัก!

หนานหว่านเยียน รีบช่วยประคองฮูหยินแม่ทัพขึ้นมา “ฮูหยินไม่ต้องมากพิธี ท่านกับหยุนเหิงถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของข้า เรื่องที่ข้าช่วยท่านมันก็สมเหตุสมผลแล้ว เพียงแต่อาการท่านในวันนี้อันตรายมากจริงๆ ข้าช่วยกลับมาได้ก็เพราะโชคช่วย วันหน้าเรื่องการกิน ยังต้องระวังให้มาก”

“เพคะ ต่อไปหม่อมฉันจะระมัดระวังแน่นอนเพคะ!” ฮูหยินแม่ทัพลุกขึ้น มองหนานหว่านเยียนอย่างซาบซึ้งยิ่ง ก่อนหน้านี้นางยังนึกว่าหนานหว่านเยียนจะมาเป็นลูกสะใภ้นางในอนาคต ไม่เคยคิดว่า จะเป็นฮองเฮา

ลูกชายนางผู้นี้ก็ช่างเลอะเลือนเสียจริง อาจหาญกล้าร่วมมือกับฮองเฮาปิดบังฝ่าบาท ทั้งทำให้นางมีความสุขเก้อ

คิดจบ ฮูหยินแม่ทัพก็เหลือบมองกู้โม่หานอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะถูกลงโทษ

โชคดีที่สีหน้าของกู้โม่หานเรียบสงบ ท่าทางดูไม่เหมือนโกรธเคือง

ฮูหยินแม่ทัพลอบถอนหายใจโล่งอก แล้วมองทางแม่ทัพใหญ่ “แม่ทัพ ได้ยินว่าสืบออกมาได้แล้วว่าใครกระทำ เหตุใดเขาถึงต้องวางยาหม่อมฉันด้วย”

เรื่องนี้พัวพันกับบ้านเมือง ย่อมไม่กล้าพูดมากความ หยุนเหิงรีบประคองฮูหยินแม่ทัพนั่งลง เอ่ยหัวเราะ “ก็แค่คนร้ายคนหนึ่งอิจฉาท่านแม่ และอิจฉาสถานะสูงส่งของจวนแม่ทัพพวกเราในตอนนี้ จึงมีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ขึ้นมา คิดจะทำร้ายท่านแม่ ถือโอกาสทำให้จวนแม่ทัพของพวกเราพังทลาย! แต่ท่านวางใจได้ ฝ่าบาทจัดการคนร้ายนั้นเรียบร้อยแล้วขอรับ!”

เมื่อฮูหยินแม่ทัพได้ยิน ก็สยบทันที ถึงอย่างไรจวนแม่ทัพสถานะสูงส่งทรงพลังอำนาจ จะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ รู้สึกโกรธเคืองคนร้ายนั้นมากในใจ แต่ใบหน้ากลับรู้สึกขอบคุณกู้โม่หานมาก จึงทำความเคารพด้วยความอ่อนน้อม

“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาท หากไม่ใช่เพราะหม่อมฉันตะกละ คงไม่มีทางถูกคนร้ายนั้นปองร้าย ต่อไป คงมิกล้ากินเห็ดพิษนั้นอีกแล้วเพคะ!”

“เรื่องนี้ต้องโทษหม่อมฉัน หากหม่อมฉันไม่ตะกละกิน คงไม่มีทางถูกเจ้าคนร้ายนั้นปองร้ายได้ จากนี้ คงไม่กล้ากินเห็นพิษนั้นอีกแล้วเพคะ!”

หนานหว่านเยียนกลับคิดว่าไม่จำเป็นต้องตื่นตูมขนาดนั้น และกลัวว่าผู้คนจะแยกประเภทของเห็ดไม่ได้ จึงทำเกร็ดความรู้ง่ายๆ เพื่อไม่ให้ต่อไปมีใครกินเห็ดพิษ แล้ววายชนม์อีก

“ใครๆ ต่างก็แสวงหาอาหารเลิศรส ไม่จำเป็นต้องเข้มงวดกับตนเองขนาดนั้น ข้าจะสอนเกร็ดความรู้ง่ายๆ แยกแยะว่าเห็ดมีพิษหรือไม่…”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *