ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 458 ข้าพร้อมเสมอ

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 458 ข้าพร้อมเสมอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 458 ข้าพร้อมเสมอ

กู้โม่หานลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วเก็บผ้านวมบนพื้นให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไม่สนใจเส้นแบ่งเขตของหนานหว่านเยียน ขึ้นไปนั่งบนเตียงเลย แล้วคลี่ผ้าห่มออกมุมหนึ่ง และมุดเข้าไปนอนเลย

หนานหว่านเยียนสะลึมสะลือรู้สึกแต่เพียงด้านซ้ายมีลมรั่วเข้ามาเล็กน้อย จากนั้น ของที่แข็งทื่อและแข็งแกร่งก็เบียดเข้ามา

“อย่าเบียดซิ……” นางขมวดคิ้วขึ้น แล้วขยี้ตาที่สะลึมสะลือและหันหน้าไป พอเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาจนล่มเมืองของกู้โม่หาน ก็ตื่นตัวขึ้นมาเกือบครึ่ง

นางกรีดร้องขึ้นมาตามสัญชาตญาณ ก็ถูกมือยาวของชายหนุ่มปิดปากเอาไว้

กู้โม่หานขมวดคิ้วขึ้น “ชูว์ มีคนมา”

พอพูดจบ ตรงประตูก็มีเสียงของหลี่หมัวมัวร้องเรียกดังขึ้นมา “ท่านอ๋อง พระชายา?”

“ไทเฮาเหนียงเหนียงฟื้นแล้วเจ้าค่ะ และบอกให้พระชายาไปหาสักหน่อย”

นางรู้ว่าหนานหว่านเยียนน่าจะไม่ได้พักผ่อนดี ๆ จึงไม่ค่อยกล้าเสียงดังเท่าไหร่ แต่ก็กลัวว่าทั้งสองคนจะหลับสนิทไปจนไม่ได้ยิน แล้วทางด้านไทเฮาเหนียงเหนียง นางก็ไม่รู้ว่าควรจะไปรายงานอย่างไรดี

หนานหว่านเยียนลุกขึ้นมาอย่างกระฉับกระเฉง เรียวปากแตะผ่านมือกู้โม่หานไป จ้องเขม็งไปที่เขาแล้วพูดเสียงเบาขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “รอเดี๋ยว ข้าค่อยมาคิดบัญชีกับท่าน”

กู้โม่หานไม่พูดอะไร ในดวงตาราวหงส์สงบนิ่งไม่ถูกสิ่งใดกระทบกระเทือน “ข้าพร้อมเสมอ”

หนานหว่านเยียนจัดเสื้อผ้าไปง่าย ๆ ครู่หนึ่ง แล้วก็เดินออกประตูไปอย่างรวดเร็ว แกล้งทำเป็นพูดเสียงเบาขึ้นว่า “ท่านอ๋องยังนอนพักผ่อนอยู่ หลี่หมัวมัว ไปกันเถอะ”

หลี่หมัวมัวมองเข้าไปด้านในทีหนึ่งจากร่องประตู ก็เห็นกู้โม่หานกำลังนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ได้ พระชายาเชิญเจ้าค่ะ”

ความสัมพันธ์ของที่งสองคนยิ่งอยู่ก็ยิ่งดีมากขึ้นแล้ว นี่ถ้าไทเฮาเหนียงเหนียงรู้เข้า จะต้องดีใจมากแน่ ๆ

พอหนานหว่านเยียนกับหลี่หมัวมัวจากไปแล้ว กู้โม่หานที่อยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นมานั่ง มือเรียวยาวกำเข้าหากันแน่ สีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาทั้งคู่เฉียบแหลมและโหดร้าย

ไทเฮาฟื้นแล้ว ก้อนหินที่อยู่ในใจเขาก็วางลงได้สักที

แต่ว่าตรงนอกห้องของพวกเขาเมื่อกี้ มีคนอยากมาทำอะไรจริง ๆ แต่ถูกหลี่หมัวมัวขัดจังหวะไปพอดี

ดูท่าในตำหนักหลวนเฟิ่งนี้ ท่าจะไม่ปลอดภัยแล้วจริง ๆ

ในเมื่อคนคนนี้ไม่บรรลุเป้าหมายก็ไม่ยอมหยุด งั้นเขาก็ต้องทำอะไรสักหน่อยแล้ว ต้องแก้เผ็ดคืนให้ดี ๆ สักหน่อย……

หนานหว่านเยียนตามหลี่หมัวมัวไปถึงตำหนักกลาง ก็เห็นไทเฮากำลังพยายามลุกขึ้นมาพอดี

จมูกนางรู้สึกจี๊ดขึ้นมา แล้วรีบเข้าไปพยุงไทเฮาเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงฟังดูปวดใจมากว่า “เสด็จย่า ตอนนี้ร่างกายท่านค่อนข้างอ่อนแอ อย่าลุกขึ้นมานั่งเลย นอนพักผ่อนให้ดีเถอะ”

หลี่หมัวมัวรีบพูดขึ้นที่ด้านข้างว่า “ใช้เจ้าค่ะไทเฮาเหนียงเหนียง ท่านพักผ่อนให้ดีเถอะ ไม่งั้นท่านอ๋องกับพระชายาก็ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว”

ไทเฮาจ้องมองหนานหว่านเยียนทีหนึ่ง ในดวงตามีแววรักใคร่เมตตาเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน

ความรู้สึกที่รอดพ้นมาจากเคราะห์กรรมมาได้ยังทำให้นางรู้สึกเด่นชัดอยู่ หญิงชราที่น่าเกรงขามมีสีหน้าขาวซีด “เยียนเอ๋อร์ ข้าสามารถรอดชีวิตนี้มาได้ ก็เพราะเจ้าทั้งนั้น”

พูดแล้ว นางก็ส่งสายตาให้หลี่หมัวมัวทีหนึ่ง หลี่หมัวมัวจึงรีบถอยออกไปทันที

ในตำหนัก เหลือแค่หนานหว่านเยียนกับไทเฮาสองคน

ใจของหนานหว่านเยียนซับซ้อนไปหมด จ้องมองไทเฮาแล้วก็ถามเสียงต่ำขึ้นมาว่า “เสด็จย่าดีกับเยียนเอ๋อร์มากขนาดนี้ เยียนเอ๋อร์ทำทุกอย่างนี้ก็สมควรแล้ว”

“เมื่อก่อน ท่านไม่เคยคิดถึงตัวเองเลย เอาแต่ปกป้องพวกเราสุดชีวิต แล้วพวกเราจะยอมให้ท่านเป็นอะไรไปได้ยังไง”

ไทเฮาจ้องมองหนานหว่านเยียนอย่างซาบซึ้ง แล้วตบมือหนานหว่านเยียนเล็กน้อย และถอนหายใจยาวออกไปคำหนึ่ง “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถือได้ว่าทำให้ข้าคิดเรื่องราวหลาย ๆ อย่างได้”

“คนเราถ้าไม่มีที่พึ่ง ไม่ว่าจะไปถึงไหน ก็ไม่มีทางดีขึ้นมาได้ ที่จริงข้าก็อายุมากแล้ว อย่างมากก็แค่ตายไป ไม่มีอะไรให้กลัวหรอก แต่สิ่งเดียวที่ยังเป็นห่วงอยู่ ก็คือเจ้ากับเจ้าหก แล้วก็เหลนสาวทั้งสองของข้า”

“เยียนเอ๋อร์ มีบางคนถึงแม้ว่าปากจะทื่อไปหน่อย แต่จิตใจไม่ได้โหดร้าย ถ้าเจ้าสามารถให้เวลาได้มากหน่อย ก็จะต้องพบเห็นความดีของเขาแน่นอน”

ไทเฮาไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่หนานหว่านเยียนรู้ นี่คือต้องการให้นางให้โอกาสกู้โม่หานบ้าง

ใจของนางอัดอั้นจนหนักหน่วงและเยือกเย็น แต่บนใบหน้ากลับหัวเราะเบา ๆ ออกมาคำหนึ่ง แล้วพูดปลอบโยนอย่างอ่อนโยนขึ้นว่า “เสด็จย่าวางใจเถอะ ตอนนี้ข้ากับท่านอ๋องรักกันดี และท่านอ๋องก็ห่วงใยยัยหนูทั้งสองเหมือนเดิม ส่วนเสด็จแม่ก็อยู่ในจวนอ๋อง ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วง”

คราวนี้ไทเฮาถึงยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแบบวางใจ ในดวงตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ที่อ่อนโยน “งั้นก็ดี งั้นข้าก็วางใจแล้ว”

จ้องมองหญิงชราตรงหน้าคนนี้ที่คอยดูแลนางกับกู้โม่หานมา ในใจหนานหว่านเยียนก็เกิดความละอายใจขึ้นมาเล็กน้อย

นางมองไปที่ไทเฮา แล้วเปิดปากพูดขึ้นว่า “ท่านน่ะ อย่ามัวแต่มากังวลกับเรื่องของเราเลย ทุกคนต่างก็พูดว่าลูกหลานมีบุญวาสนาของลูกหลาน ข้ากับท่านอ๋อง จะช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องพึ่งความสามารถของตัวเองอยู่ต่อไป”

“แต่ว่าท่านเนี่ยซิ วันนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาขนาดนี้ ในใจท่านเคยคาดเดาไหม ว่าใครเป็นคนลงมือ?”

พอได้ยินแบบนี้ ดวงตาของไทเฮาก็เปลี่ยนเป็นแหลมคมขึ้นมาทันที

นางหึเสียงเย็นออกมาคำหนึ่ง “ข้าเองก็ไม่รู้ ใครนะช่างใจกล้าไม่เกรงกลัวฟ้าดินกล้ามาลงมือกับข้าได้ แต่ว่าเมื่อก่อนหน้านี้ข้าปกป้องพวกเจ้ามา ช่วยแย่งชิงตำแหน่งไท่จื่อให้อ๋องอี้ แล้วตอนนี้ก็มาถูกทำร้าย เห็นได้ชัดเลยว่ามีคนนั่งไม่ติดแล้ว”

“ตำแหน่งไท่จื่อมีคนต้องการมากมาย แย่งส่วนแบ่งของพวกเขามา พวกเขาก็ต้องไม่มีทางปล่อยข้าไปแน่นอน”

พวกเสือสิงห์กระทิงแรดพวกนั้น รอให้นางล้มลงอยู่ตั้งนานแล้ว

หนานหว่านเยียนเม้มปากไว้ บนใบหน้าเรียวมีความเย็นชาอยู่เล็กน้อย

นางครุ่นคิดความหมายที่แอบแฝงอยู่ในคำพูดของไทเฮา “เยียนเอ๋อร์เข้าใจแล้ว เรื่องนี้เสด็จพ่อได้สั่งให้คนลงไปตรวจสอบแล้ว เชื่อว่าอีกไม่กี่วันก็จะมีข้อสรุปแล้ว”

“ฮ่องเต้หรือ?” ไทเฮายังคิ้วขึ้นเล็กน้อย ท่าทีดูมีความสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่ไม่นานนางก็กลับมาเป็นปกติ ในใจกลับมีความโกรธเคืองและเย็นชาอยู่เล็กน้อย

“ช่างเถอะ ไม่ว่าคนพวกนี้จะคิดอะไรอยู่ ข้าก็ไม่เชื่อทั้งนั้น ไม่ว่าเรื่องจะใหญ่มากแค่ไหน ข้าก็ผ่านมาได้หมดแล้ว และที่สำคัญ ข้ายังมีหลานสะใภ้ที่จิตใจดีเช่นเจ้าแบบนี้ด้วย”

“เยียนเอ๋อร์เจ้าวางใจเถอะ ขอแค่ข้ายังไม่ตาย จะต้องไม่มีทางให้พวกเจ้าได้รับอันตรายอะไรแน่นอน!”

หลานและหลานสะใภ้ที่นางรัก ใครก็ห้ามมาแตะต้อง!

ในใจหนานหว่านเยียนรู้สึกอบอุ่นมาก

นางคิดไม่ถึงเลยว่าก่อนที่จะจากไป จะมาติดค้างหญิงชราคนนี้มากขนาดนี้ แล้วยิ้มและพูดขึ้นว่า“ ได้ ได้ ได้ ฟังที่เสด็จย่าว่าทั้งหมดเลย”

“แต่ว่าท่านจะต้องเป็นคนที่อายุยืนเป็นร้อยปีแน่นอน ต่อไปห้ามพูดคำพูดแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นข้ากับท่านอ๋อง แล้วก็เหลนทั้งสองของท่าน จะไม่มีความสุขทุกคนเลยนะ”

“ไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว ข้าไม่อยากให้เหลนที่เชื่อฟังทั้งสองของข้าต้องไม่มีความสุขหรอก” ในที่สุดไทเฮาก็หัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุข และพยักหน้าติด ๆ กัน ดวงตาทั้งคู่โค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว ทั้ง ๆ ที่เป็นคนแก่คนหนึ่ง แต่ในความดื้อดึงและความกระปรี้กระเปร่านั้น กลับเหมือนเป็นเด็กคนหนึ่ง

ยิ่งแก่ก็ยิ่งเด็ก คาดว่าคงจะเป็นแบบนี้แหละ

หนานหว่านเยียนยิ้มแฉ่ง ไทเฮาสั่งกำชับกับหนานหว่านเยียนไปอีกหลายประโยค คาดว่าน่าจะต้องการให้นางกับอ๋องอี้ระวังตัวในช่วงนี้ให้มาก ๆ

จากนั้น นางก็หลับตานอนพักผ่อนไป ภายใต้การปลอบประโลมของหนานหว่านเยียน

หนานหว่านเยียนนั่งอยู่ที่ข้างเตียง จ้องมองหญิงชรานอนหลับไป รอยยิ้มบนใบหน้าค่อย ๆ ลับหายไป

นางหรี่ตาลงและขมวดคิ้วไว้แน่น ครุ่นคิดไปเรื่อย ๆ

นางกำลังคิดว่า ถ้าพาลูก ๆ จากไปแล้ว หญิงชรา……

ไม่รู้ว่าจะเสียใจมากแค่ไหน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *