ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 822 ใครขัดขวาง ฆ่าทิ้งให้หมด

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 822 ใครขัดขวาง ฆ่าทิ้งให้หมด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 822
“ท่านน้า!” หนานหว่านเยียนมองดูแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยเลือดของโม่หวิ่นหมิง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ

นางไม่มีกระทะแล้ว ก็เลยหยิบเอาหน้าไม้ที่โม่หวิ่นหมิงเคยมอบให้นาง สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจัง “ท่านน้า ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านปกป้องข้าอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่อไป ข้าเองก็สามารถปกป้องท่านได้ ท่านบาดเจ็บอยู่ ถอยมันหลบอยู่หลังข้าก่อน”

“มีคนออกไปเรียกคนมาเราช่วยแล้ว อดทนต่ออีกสักหน่อย!”

“สตรีที่ไหนปกป้องผู้ชายกัน” โม่หวิ่นหมิงดึงนางกลับไปอยู่ด้านหลังเหมือนเดิม “ช่วยได้ แต่ห้ามออกไปสู้อยู่ด้านหน้าเป็นอันขาด!”

ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ ทว่าโม่หวิ่นหมิงเองก็รู้ดี ว่าเขาเป็นเพียงแค่ขุนนางในราชสำนักเท่านั้น แม้ว่าฝีมือจะเก่งกาจแค่ไหน แต่เวลานี้ก็ไม่มีแผนอะไรในหัวเลย และก็ไม่มีกับดักที่วางไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ อีกด้วย

อีกอย่างนักฆ่าเหล่านี้โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก ฝีมือการต่อสู้ก็ไม่ธรรมดา อาศัยแค่ดาบและขาที่อาจจะอดทนยืนได้ไม่นานของเขา มาเผชิญหน้ากับการโจมตีที่โหดเหี้ยมเหล่านี้ เขาคงจะต้านทานได้ไม่นานเท่าไหร่นัก

ทว่า ก็ไม่ใช่คราวของนางที่ต้องมาปกป้องเขา นางคือคนที่จะต้องปกป้องแม้ตัวตายก็ตาม

หนานหว่านเยียนไม่ไปแข็งขืนกับโม่หวิ่นหมิง เพียงแต่คอยยิงหน้าไม้อยู่ข้างๆ เขาเท่านั้น นางและโม่หวิ่นหมิงร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี คนหนึ่งถือหน้าไม้ อีกคนถือดาบยาวที่แหลมคม กลุ่มชายชุดดำจึงไม่สามารถเข้าใกล้ได้

แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ พวกเขามีกันแค่สองคน คนหนึ่งตั้งครรภ์ ส่วนอีกคนคือคนพิการที่เพิ่งจะกลับมายืนได้ไม่นาน ในใจของหนานหว่านเยียนร้อนรนราวกับถูกเพลิงไฟเผาผลาญ แต่ยังต้องแบ่งสมาธิคอยมองสังเกตการณ์ว่ามีกองกำลังเสริมมาช่วยหรือไม่ ต้านทานเพียงหนึ่งนาทีราวกับผ่านวันเหมือนผ่านปี

หนานหว่านเยียนหายใจหอบเล็กน้อย นางถอยไปประชิดหลังชนหลังกับโม่หวิ่นหมิง พลางพูดขึ้นเสียงเบา “ท่านน้า คนพวกนี้พุ่งเป้ามาที่ข้า ท่านไปตามหากองกำลังช่วยเหลือ แล้วค่อยกลับมาช่วยข้า!”

หากเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าทั้งสองคงจะเกิดเรื่องเป็นแน่

แต่โม่หวิ่นหมิงยังคงปกป้องนางไม่ห่าง ตาดอกท้อปะทุไปด้วยความดุร้ายและความเกรี้ยวกราดอย่างไม่เคยมีมาก่อน

“ไม่ได้!”

“ข้าเคยบอกแล้วว่าจะปกป้องเจ้า สิบปีที่แล้วข้าปกป้องดูแลเจ้าได้ ตอนนี้ ก็ทำได้เช่นกัน!”

เขาแค่รู้สึกเกลียด เกลียดที่ฝีมือวรยุทธ์ของเขาสู้กู้โม่หานไม่ได้ เกลียดที่เขาพิการนานขนาดนี้ ในเวลาที่วิกฤตเช่นนี้ กลับยังต้องลำบากให้หว่านหว่านมาต่อสู้ร่วมกับเขา

“ท่านน้า…” หนานหว่านเยียนหัวใจสั่นเทา ความอบอุ่นที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่ซ่านไปยังก้นบึ้งหัวใจของนาง

นางติดค้างท่านน้ามากจริงๆ รอให้กลับไปที่ต้าเซี่ยแล้ว นางจะต้องปฏิบัติต่อท่านน้าของนางเป็นอย่างดี ชดเชยในสิ่งที่นางติดค้างเขาตลอดสิบปีที่ผ่านมา!

เมื่อเห็นหนานหว่านเยียนและโม่หวิ่นหมิงยังคงสู้ไม่ถอย ชายชุดดำที่สวมหน้ากากก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้าย “ชายคนนี้ช่างเป็นอุปสรรคเสียจริง ฆ่าเพิ่มอีกคนก็ไม่เสียหายอะไร ฆ่าพวกมันให้หมด!”

ถึงแม้ว่าคนผู้นั้นจะสั่งให้ฆ่าแค่หนานหว่านเยียนคนเดียว แต่เขาเคยพูดไว้ว่า ‘ใครขัดขวาง ฆ่าทิ้งให้หมด!’

ชายคนนี้มารนหาที่ตายเอง ฉะนั้นก็อย่ามาโทษพวกเขา!

เวลานี้เอง กู้โม่หานกำลังเดินทางมาด้วยความเร่งรีบ เดิมทีเขาอยู่ที่ห้องทรงพระอักษร แต่กลับได้ยินว่าในห้องบรรทมของเขามีนักฆ่าเข้ามาลอบสังหาร

ในช่วงเวลาที่สำคัญเป็นพิเศษ วังหลวงกลับมีนักฆ่า เห็นได้ชัดว่ามีการสมรู้ร่วมคิด ห้องบรรทมของเขาถูกดูแลอารักขาโดยเสิ่นอี่ว์และหยุนเหิง ดังนั้นไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องกับเกี๊ยวน้อยอยู่แล้ว

เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับหนานหว่านเยียนมากกว่า จึงพุ่งตรงไปที่ตำหนักอู๋ขู่ทันที แต่คาดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะได้ยินเสียงดาบปะทะกันดังขึ้น

แววตาของเขาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เขารีบเงยหน้าขึ้นมาดู ก็เห็นกลุ่มชายชุดดำสวมหน้ากากอยู่กำลังรุมล้อมหนานหว่านเยียนกับโม่หวิ่นหมิง

แต่เพราะระยะที่ค่อนข้างไกล กู้โม่หานจึงไม่สามารถอ่านสถานการณ์ของทั้งสองได้อย่างชัดเจน เพียงชั่วอึดใจ ก็เห็นชายชุดดำที่สวมหน้ากากมุดเข้าจากด้านข้าง พลางง้างดาบจะฟันหนานหว่านเยียน

“หว่านเยียน!”

เสี้ยวเวลานั้น ในใจของกู้โม่หานตกใจกลัวเป็นอย่างมาก เขารีบคว้าธนูขององครักษ์ ง้างคันธนูตั้งลูกศร เล็งไปยังนักฆ่าที่กำลังจะฟันหนานหว่านเยียน

ความโกรธท่วมท้นไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ลูกธนูดอกนี้ ใช้พละกำลังทั้งหมดของเขา ไร้ซึ่งความปรานีใดๆ ความเคียดแค้นและแรงอาฆาตพุ่งตรงไปยังมือสังหารคนนั้น

แต่คาดไม่ถึงว่าเสี้ยวเวลาที่ลูกธนูของกู้โม่หานกำลังพุ่งออกไปนั้น โม่หวิ่นหมิงเองก็หันไปสังเกตเห็นนักฆ่าที่กำลังจะฟันหนานหว่านเยียนเข้าพอดี เขารีบเข้าไปจัดการนักฆ่าคนนั้นโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น “หว่านหว่าน ระวัง!”

ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาเดียว ศรยาวพุ่งทะลุแผ่นหลังและหัวใจของมือสังหาร เสี้ยววินาทีต่อมา ลูกศรยาวก็จมเข้าไปในร่างกายของโม่หวิ่นหมิง ทะลุผ่านช่องท้องของเขาไป

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเป็นอย่างมาก ไม่ทันจะได้ตั้งตัว โม่หวิ่นหมิงรู้สึกตัวเย็นวาบขึ้นมา เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะโต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น

ฟิ้ว…

ส่วนหนานหว่านเยียนพอได้ยินเสียง ก็รีบหันไปดู เริ่มจากเห็นชายชุดดำล้มลงไปกองกับพื้นก่อน จากนั้นก็เห็นลูกธนูปักอยู่กลางท้องของโม่หวิ่นหมิงที่ยืนข้างๆ นาง เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาไม่หยุด

“ท่านน้า!” รูม่านตาของหนานหว่านเยียนหดตัวลงทันใด ในหัวของนางขาวโพลน ใบหน้าขาวซีดไปหมด

ริมฝีปากของโม่หวิ่นหมิงเลอะไปด้วยคราบเลือด เขาจ้องมองไปยังหนานหว่านเยียน ไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป ร่างกายของเขาค่อยๆ เซไปยังทิศทางที่นางยืนอยู่

“หว่านหว่าน…”

“ท่าน…ท่านน้า!” หนานหว่านเยียนรีบเข้าไปรับเขาไว้ หัวใจของนางสั่นสะท้านไปหมด เสี้ยวเวลาที่โม่หวิ่นหมิงล้มลง หนานหว่านเยียนก็มองเห็นกู้โม่หานที่กำลังถือคันธนูอยู่ไกลออกไปพอดี!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *