ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 493 ทำความผิดอย่างกำเริบเสิบสาน

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 493 ทำความผิดอย่างกำเริบเสิบสาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 493 ทำความผิดอย่างกำเริบเสิบสาน

คำพูดของนางกระตุ้นเข้าที่กลางหัวใจของเขาอย่างรุนแรง ทำให้เขาไม่รู้ว่าควรจะคล้อยตามดีหรือไม่ ความโกรธที่เก็บกดอยู่ในใจมาเป็นเวลานานค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความโหดเหี้ยม

กู้โม่หานกำหมัดที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อจนแน่น ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า: “อีกครู่หนึ่งข้าจะมารับเจ้าไปเที่ยวชมทะเลสาบ อย่าลืมกินมื้อเช้าด้วยล่ะ”

พูดจบเขาก็ผลักประตูแล้วเดินออกไปด้วยดวงตาคล้ำทะมึน เสื้อคลุมสีดำปลิวไสวไปตามสายลม

เขายอมรับว่า ความรู้สึกชอบใครสักคนเป็นสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้ เมื่ออยู่กับหนานหว่านเยียน การควบคุมตัวเองของเขาก็ดูเหมือนจะย่ำแย่ลงอย่างมาก

แต่เพราะเมื่อคืนเขาไม่อยากทำอะไรบุ่มบ่าม เขาคิดเผื่อหนานหว่านเยียนด้วยซ้ำ เพราะรู้ว่านางรังเกียจเขา รู้ว่านางจะไม่มีความสุข ดังนั้นเมื่อคืนในระหว่างที่เขายังมีสติไตร่ตรองเหตุผลได้อยู่ เขาจึงไม่กล้าไปหานาง จนกระทั่งเขาอดทนต่อไปไม่ไหว

หากเขารู้ว่าทั้งหัวใจของนางเต็มไปด้วยคำว่าอยู่แบบร่วมมือกัน แล้วทำไมเมื่อคืนนี้เขาถึงยังต้องพิจารณาถึงความรู้สึกของหนานหว่านเยียนด้วยล่ะ? ถ้าเขาบังคับหลับนอนกับนางไปเลยตรง ๆ มันจะทำไมรึ?

นางเป็นผู้หญิงของเขา เป็น…. ผู้ให้ความร่วมมือ เป็นคนที่ช่วยเหลือเขา เป็นยาแก้พิษให้เขา ไม่ว่านางจะยินดีหรือไม่ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่หรือ?

เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็คงไม่รอจนตัวเองไร้สติ คงไม่ยอมเปิดโอกาสให้หนานหว่านเยียนวิ่งหนีไปได้กลางคัน ยิ่งไม่มีทางมองผิดว่าหยุนอี่ว์โหรวเป็นหนานหว่านเยียน….

แววตาของกู้โม่หานเป็นประกายเย็นเยียบดุจใบมีดคมกริบ ทั้งลุ่มลึกและน่าสะพรึงกลัว เซียงอวี้ที่ยกมื้อเช้ากลับมาได้เห็นเข้า ก็ยังอดตัวสั่นสะท้านไม่ได้

นางต้องใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง รีบผลุบเข้าไปในเรือน แล้วปิดประตูตามทันที

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหนานหว่านเยียนดูน่าเกลียดขึ้นมาไม่น้อย นางก็วางอาหารเช้าลงบนโต๊ะ แล้วพูดเกลี้ยกล่อมด้วยท่าทางระมัดระวังว่า

“พระชายา เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว ท่านก็อย่าโกรธเคืองอีกเลยนะเจ้าคะ โกรธมากไปจนส่งผลร้ายต่อร่างกายของท่านมันไม่คุ้มหรอกเจ้าค่ะ นอกจากนี้เมื่อครู่ข้าน้อยได้เห็นปฏิกิริยาของท่านอ๋อง เขาก็คงคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะไปอยู่กับชายารองหยุนได้….”

“บางทีเรื่องนี้อาจมีบางอย่างซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ท่านอ๋องก็คงไม่ไล่ตะเพิดชายารองหยุนออกจากเรือนตั้งแต่เช้า แล้วก็ยิ่งไม่มีทางรีบร้อนตรงมาหาท่านเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ”

หนานหว่านเยียนมีท่าทางเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย ท้าวข้อศอกลงบนโต๊ะ ขมวดคิ้วพลางนวดคลึงที่ขมับเบา ๆ

“ข้าไม่ได้โกรธ ไม่มีอะไรต้องโกรธสักหน่อย แต่ข้าอยากให้เจ้าช่วยข้าสืบสาวเรื่องนี้ให้เข้าใจกระจ่าง ว่าสรุปแล้วเมื่อคืนหยุนอี่ว์โหรวปีนขึ้นเตียงของกู้โม่หานได้ยังไงกันแน่”

“หา?” เซียงอวี้ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง กระพริบตาด้วยท่าทางประหลาดใจน้อย ๆ “พระชายา ท่าน….. ข้าน้อยเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ! ข้าน้อยจะรีบไปสืบมาให้ท่านเดี๋ยวนี้เลย!”

หลังจากปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา นางก็มีท่าทางกระเหี้ยนกระหือรืออย่างเห็นได้ชัด หันหลังแล้วถอยออกไปทำตามคำสั่งทันที

นี่พระชายากำลังจะประกาศศักดาต่อหน้าเมียน้อยแล้วสินะ!

ครั้งนี้ ผู้หญิงไร้ยางอายอย่างหยุนอี่ว์โหรวนั่นคงจะโดนสั่งสอนหนัก ๆ ให้สาสมกับสิ่งที่ควรได้รับจนกระอักแน่!

เซียงอวี้คิดเองเออเองเสร็จสรรพ แต่หนานหว่านเยียนกลับไม่ได้ต้องการสื่อความหมายว่าอย่างนั้น

นางแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างน่าเคลือบแคลงสงสัย ทัศนคติของกู้โม่หานวันนี้ดูชัดเจนมาก ว่าเรื่องร่วมหอที่ว่า มันเหนือความคาดหมายของเขาไปมากจริง ๆ

แล้วหยุนอี่ว์โหรวทำสำเร็จได้ยังไง? มีใครที่ลอบให้ข้อมูลสร้างความร่วมมือกับนาง?

ยิ่งไปกว่านั้น หยุนอี่ว์โหรวเคยวางแผนใส่ร้ายนาง ทั้งหมดนั้นยังไม่ทันได้คิดบัญชีเลย นางจะปล่อยให้หยุนอี่ว์โหรวระริกระรี้เป็นปลากระดี่ได้น้ำอยู่แบบนี้ไม่ได้ ก่อนที่นางจะไป นางจะต้องถลกหนังของหยุนอี่ว์โหรวให้เหี้ยน ให้นางอยู่ไม่สู้ตายให้ได้!

……………………

หลังยามเฉิน (เวลาช่วง 7 – 9โมงเช้า) อารมณ์ของหนานหว่านเยียนก็ดีขึ้นมาบ้าง ทั้งยังกินมื้อเช้าแล้วเรียบร้อย

นางจัดแจงตัวเองเรียบร้อยก็ผลักประตูเปิดออก จึงเห็นว่ากู้โม่หานมารออยู่ในสวนแล้ว ทั้งกำลังกวัดแกว่งปิ่นปักผมสีแดงในมือเล่นด้วย เขาหลุบสองตาลงต่ำ ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่

อีกทั้งข้าง ๆ เขา ยังมีเซียงเหลียนยืนอยู่อีกคน

ทันทีที่เซียงเหลียนเห็นหนานหว่านเยียนออกมา นางก็ก้าวขาขึ้นมาข้างหน้าทันที แล้วพูดว่า “พระชายา ท่านอ๋องมารอท่านอยู่นานแล้วเจ้าค่ะ”

“อื้ม” หนานหว่านเยียนแค่ส่งเสียงตอบรับเรียบ ๆ เสียงหนึ่ง แล้วเดินตรงดิ่งออกจากจวนไปทันที

กู้โม่หานเงยหน้าขึ้นมองหนานหว่านเยียน เก็บปิ่นปักผมในมือกลับ แล้วเดินตามหลังนางไปติด ๆ

ดวงตาที่คมกริบดุจพญานกที่พร้อมจะออกล่าเหยื่อ มองตามเงาแผ่นหลังของหญิงสาวแบบไม่กะพริบ สีหน้าเริ่มจะเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ

ทั้งสองขึ้นรถม้าตามกันไป หนานหว่านเยียนนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับกู้โม่หานเงียบ ๆ สายตาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างตลอด ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

ในเมื่อหาหยกพกไม่เจอ ถ้าวันนี้มีใครถาม นางค่อยเล่นอุบายหลอกล่ออะไรสักอย่าง เพื่อปัดเรื่องนี้ไปให้พ้นตัวก็พอ

กู้โม่หานก็เบนสายตามองออกไปอย่างเฉยเมยเช่นกัน

ภารกิจของวันนี้ส่วนใหญ่คือ พาคณะทูตของแคว้นเทียนเซิ่งไปเยี่ยมชมชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงขนบประเพณีของแคว้นซีเหย่ ฮ่องเต้ไม่ได้เสด็จมา แต่ให้เขาจัดการเรื่องทั้งหมดเอง

ฉินอี้หรานสองพี่น้อง ต่างก็เป็นพวกเจ้าเล่ห์ถนัดวางแผนการลึกล้ำซับซ้อน โดยเฉพาะฉินมู่ไป๋ ทั้งที่อายุยังน้อยแต่กลับมีความคิดจิตใจที่ชั่วร้ายต่ำช้า ถึงขั้นกล้าลอบวางกู่พิษใส่เขา!

เรื่องนี้ เขาไม่มีวันยอมปล่อยให้มันจบไปง่าย ๆ แค่นี้แน่

รถม้าขับช้า ๆ ตรงไปทางทะเลสาบเนี่ย อีกด้านหนึ่ง ราชองครักษ์ประจำราชวงศ์ต่างก็วางกำลังคุ้มครองรอบ ๆ ทะเลสาบเนี่ย ณ.เวลานี้ พวกเขาทั้งหมดล้วนเข้าประจำการอยู่รอบทะเลสาบ พร้อมข้าสู่การต่อสู้ได้ตลอดเวลา

กู้โม่หานยังได้ส่งกำลังทหารบางส่วนของค่ายเสินเชื่อ ให้ล่วงหน้าไปตั้งแต่เมื่อวานด้วย เพื่ออุดรอยรั่วในทุก ๆ จุดอับ ในหมู่ทหาร เซียวลี่ทำสีหน้าขึงขังนำกองกำลังทหารฝีมือชั้นยอดกลุ่มหนึ่ง ไปคอยเฝ้าระวังอยู่อีกด้านของชายฝั่ง

ในตอนที่หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานมาถึงทะเลสาบเนี่ย ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่บริเวณริมทะเลสาบจากระยะไกล ๆ แล้ว ในหมู่พวกเขา กู้โม่หลิงกับคู่พี่น้องฉินอี้หรานดูโดดเด่นดึงดูดสายตาของผู้คนเป็นพิเศษ

ใบหน้าหล่อเหลาของกู้โม่หานแสดงสีหน้าผิดแปลกเล็กน้อย ยกเท้าขึ้นได้ก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“ไม่คิดว่าวันนี้ทุกท่านจะมากันเร็วขนาดนี้ นี่ข้ากับพระชายามาสายแล้วสินะ”

เขากวาดตามองทุกคนโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน สายตาไปหยุดที่ฉินมู่ไป๋ครู่หนึ่ง แล้วฝืนระงับอารมณ์โกรธเกรี้ยวของตัวเองลงไป

หนานหว่านเยียนตามอยู่ข้างหลังเขา ท่าทางดูเป็นธรรมชาติมาก แต่ดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นกลับมองไปที่ฉินมู่ไป๋ด้วยแววตาไม่เป็นมิตร

กู้โม่หลิงยิ้มให้กู้โม่หานด้วยท่าทางเปิดเผยตรงไปตรงมา โบกพัดลายดอกท้อเอื่อย ๆ “ไม่สายเลย ๆ พี่หกกับพี่สะใภ้หกมาได้เวลาพอดี พวกเราเองก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน”

กู้โม่หานปรายตามองกู้โม่หลิงแวบหนึ่ง แววตามืดทะมึน จากนั้นค่อยมองไปที่คู่พี่น้องฉินมู่ไป๋

“ในเมื่อทุกท่านต่างก็มาถึงแล้ว เช่นนั้นก็เชิญขึ้นเรือกันเถอะ วันนี้ข้าขอเป็นตัวแทนเสด็จพ่อเชิญคณะทูตทั้งหมดของแคว้นเทียนเซิ่ง เข้าร่วมงานเลี้ยงบนเรือเหนือทะเลสาบ หากมีการต้อนรับส่วนใดที่บกพร่องไปหรือไม่ทั่วถึง ก็ขออภัยทุกท่านไว้ ณ. ที่นี้ด้วย”

ฉินอี้หรานยิ้มแย้มเต็มใบหน้า

“ได้ยินมานานแล้วว่า ทะเลสาบเนี่ยแห่งแคว้นซีเหย่งดงามดั่งสวรรค์บนดิน วันนี้ได้มาเห็นกับตา เรียกได้ว่าช่างสมคำร่ำลือจริง ๆ ทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ จะเรียกว่ามีข้อบกพร่องได้อย่างไรกัน?”

ฉินมู่ไป๋ไม่พูดอะไร แค่ลอบสังเกตกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนโดยละเอียด จึงพบว่าท่วงท่าการเดินของหนานหว่านเยียนดูจะผิดปกติไปเล็กน้อย

แม้ว่านางจะไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างชายหญิง แต่เมื่อคิดถึงกู่พิษนั่น นางก็พอจะเดาได้แล้วว่าเมื่อคืนนี้ หนานหว่านเยียนคงจะถูกรังแกมาไม่ใช่น้อยแน่ ๆ

เฮอะ! ให้หนานหว่านเยียนอวดดีไปเถอะ วันนี้นางทรมานขนาดนี้ก็ยังต้องไปล่องเรือชมทะเลสาบกับพวกเขาอีก คงทรมานแทบตายเลยล่ะสิ!….

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของฉินมู่ไป๋ก็อดรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นไม่ได้

นางมองไปที่กู้โม่หานอีกครั้ง วันนี้เขาสวมกวานสีทองมัดรวบเส้นผม สวมเสื้อคลุมลายพญางูสีทองอร่าม ซึ่งขับเน้นให้เขาดูสูงส่งงามสง่าอย่างเป็นธรรมชาติ เรือนร่างกำยำสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาได้รูป แค่เห็นแวบเดียวก็ทำให้รู้สึกหลงใหลได้ในพริบตาแล้ว

ผู้ชายดี ๆ แบบนี้กลับไม่ยอมเลือกนาง ช่างน่าโกรธแค้นเสียจริง! แต่ถึงยังไงก็ลงโทษเขาหนัก ๆ ไปแล้ว ก็ถือเสียว่าบัญชีนี้สะสางได้หมดแล้วไปซะเถอะ

วันนี้ นางจะโปรยเสน่ห์ให้เต็มที่ ต้องทำให้เขาเสียสมาธิจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแน่

ทุกคนต่างค่อย ๆ ทยอยขึ้นเรือไปทีละคน ๆ

หนานหว่านเยียนก้าวเดินเชื่องช้า กู้โม่หลิงสังเกตมองหนานหว่านเยียน แววตาทอประกายลึกล้ำ อดถามไม่ได้ว่า: “พี่สะใภ้หก นี่ท่านรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่สบายใช่หรือไม่….. ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *