ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 786 พวกนางแม่ลูกไม่ต้องการเขา

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 786 พวกนางแม่ลูกไม่ต้องการเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 786
ดวงตาของหนานหว่านเยียนหดเกร็งทันที หัวใจแทบกระดอนออกมา ยังดีที่ซาลาเปาน้อยกลับตัวหยุดเอาไว้ได้ทัน เปลี่ยนคำเรียกว่า “พี่สาวใหญ่คล้ายกับท่านแม่มาก! ข้าคิดถึงท่านยิ่ง!”

กู้โม่หานมองเด็กน้อยยกยิ้มโดยไม่รู้ตัว

แต่หยุนเหิงได้ยิน หัวใจก็หล่นไปอยู่ตาตุ่ม ตกใจแทบตาย!

หนานหว่านเยียนก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่ง อุ้มซาลาเปาน้อยขึ้นมาด้วยความรักใคร่ วางไว้บนตักนางอย่างมั่นคง ยิ้มงดงามดุงดอกไม้

“อาผานเด็กดี พี่สาวก็คิดถึงเจ้ามากเช่นกัน”

“ไม่กี่วันมานี้อยู่ที่จวนแม่ทัพเป็นอย่างไรบ้าง สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นหรือเปล่า”

ซาลาเปาน้อยกะพริบตาใส่หนานหว่านเยียน ส่ายหัวอย่างเชื่อฟัง “อาผานเชื่อฟังมาก ไม่ได้สร้างปัญหาให้พี่หยุนเหิงแม้แต่น้อย!”

พูดจบ นางยังลอบเมียงมองกู้โม่หาน แต่กลับคาดไม่ถึงว่า กู้โม่หานจะจ้องตรงมาที่นางอยู่

ซาลาเปาน้อยรีบก้มหน้าลงอย่างลนลาน รู้สึกประหม่ายิ่ง

ไม่ได้เจอเสด็จพ่อมานาน ข้างกายก็ไม่มีพี่สาวอยู่ ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกหวาดกลัวอยู่หน่อย

กู้โม่หานก็จ้องมองเด็กตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนหนานหว่านเยียนตาไม่กะพริบ ฝืนแรงกระตุ้นในใจ แสร้งทำเป็นไม่รู้จักแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คาดไม่ถึงว่า เด็กคนนี้จะหน้าตาดีทีเดียว”

พูดจบ เขาก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะของซาลาเปาน้อย แทบจะซ่อนความเร่าร้อนและความตื่นเต้นในดวงตา เอาไว้ไม่ได้แล้ว

“อาผาน ตอนนี้พี่สาวกำลังตั้งครรภ์ ข้าอุ้มเจ้าเอง ว่าอย่างไร”

เมื่อเห็นกู้โม่หานรักใคร่เด็กแปลกหน้าคนหนึ่งเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่กับฮูหยินแม่ทัพก็อดเดาะลิ้นไม่ได้

ฝ่าบาทเคยรักลูกคนอื่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน

ต้องรู้ว่า มีเพียงองค์หญิงสองพระองค์ของราชวงศ์ปัจจุบันเท่านั้น ที่ได้เสพสุขกับท่าทางเช่นนี้!

แต่จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ สองสามีภรรยาสบตากัน แล้วมองอาผานกับกู้โม่หาน ร่างกายพลันสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก รู้สึกหวาดกลัว

หรือว่า…นี่คือองค์หญิงอานเล่อที่หายตัวไปหลายวัน?!

คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ในจวนของบุตรชายพวกเขา

เมื่อได้ยิน ซาลาเปาน้อยพลันกำเสื้อหนานหว่านเยียนแน่น “ข้า…”

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว เริ่มระแวดระวังกู้โม่หานมากขึ้น “อาผานกลัวคนแปลกหน้า ช่างมันไปเถอะ”

ใครจะรู้ว่ากู้โม่หานไม่ได้ขอความคิดเห็นจากหนานหว่านเยียนสักนิด แล้วก็อุ้มอาผานจากตักหนานหว่านเยียน เข้าอ้อมแขนตนเองโดยไม่พูดไม่จา

แม้สีหน้าจะเคร่งขรึม แต่การกระทำของชายหนุ่มกลับนุ่มนวลยิ่ง ราวกับกลัวว่าจะทำให้เด็กเจ็บ

เมื่อเห็นหนานหว่านเยียนยังคิดจะพูดอะไรอีก กู้โม่หานก็เอ่ยปากดักคำของนางก่อน “ตอนนี้เจ้าตั้งครรภ์อยู่ไม่สะดวก เมื่อครู่ก็เสียแรงรักษาให้ฮูหยินแม่ทัพ”

“อาผานก็ไม่เล็กแล้ว เจ้าอุ้มเดี๋ยวเหนื่อย ให้ข้าอุ้มเถอะ”

จริงอยู่ที่รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย แต่หนานหว่านเยียนมองดูซาลาเปาน้อย ยังอยากอุ้มอีกหน่อย นางไม่ได้อุ้มเด็กน้อยที่รักมานานมากแล้ว

“พี่สาว ท่านท้องอยู่ ไม่ต้องอุ้มข้าหรอก ข้าสบายมาก!” ซาลาเปาน้อยไม่อยากให้หนานหว่านเยียนเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งเมื่อครู่เสด็จพ่อก็พูดว่า ท่านแม่เพิ่งช่วยคนมา จะต้องลำบากมากแน่

หนานหว่านเยียนเม้มริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไรอีก ซาลาเปาน้อยช้อนตาเหลือบมองกู้โม่หาน อย่างระมัดระวังอีกครั้งแต่ในสายตา กลับตื่นเต้นมีความสุขหลายส่วน

ไม่ได้ถูกเสด็จพ่ออุ้มมานานแล้ว คิดไม่ถึงว่าอ้อมกอดของเสด็จพ่อจะยังอบอุ่นขนาดนี้ ทำให้นางรู้สึกสบายใจมาก

กู้โม่หานยกยิ้มมองซาลาเปาน้อย ความรักในดวงตาเหนือพรรณนา น้ำเสียงก็อ่อนโยนกว่าเมื่อครู่ไม่รู้เท่าไร “เจ้าอายุเท่าใดแล้ว มาเมืองหวงตั้งแต่เมื่อไร”

“บ้านอยู่ที่ไหน”

เขาจงใจส่งเสียงหยอกล้อซาลาเปาน้อย พูดไม่ออก ทำให้เด็กน้อยพูดไม่ออกจริงๆ กะพริบตากลมโตน่ามอง พูดไม่ออกเป็นเวลานาน

ใจหนานหว่านเยียนกระตุกขึ้นมา ยังดีที่หยุนเหิงตอบสนองว่องไว รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฝ่าบาท อาผานยังเล็ก จึงจำอะไรมากมายไม่ได้นักพ่ะย่ะค่ะ”

“หากเทียบกันแล้ว ตอนนี้มันก็ยังเช้าอยู่ พระองค์กับฮองเฮาเหนียงเหนียงรั้งอยู่เสยพระกระยาหารดีไหมพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าน้อยก็ไม่รู้ว่าควรตอบแทนบุญคุณฮองเฮาเหนียงเหนียงอย่างไร ได้แต่ใช้อาหารธรรมดาๆ มาต้อนรับแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเอ่ยจบ ฮูหยินแม่ทัพก็รีบเอ่ยคล้อยตามว่า “ใช่แล้วเพคะ ข้างนอกอากาศร้อนระอุ ไม่สู้ทั้งสองพระองค์รั้งอยู่เสวยพระกระยาหารก่อนแล้วคอยไปเถอะเพคะ”

แม้ในใจหนานหว่านเยียนจะซาบซึ้งกับความช่วยเหลือของหยุนเหิง แต่ตอนนี้นางยังไม่มีเวลามาทานอาหาร จึงยิ้มอ่อนตอบปฏิเสธอย่างสุภาพว่า “ที่ข้าช่วยคนวันนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงอาหารหรอก”

“อีกเดี๋ยวข้าก็ต้องไปติดต่อครอบครัวดีๆ ที่จะรับเลี้ยงอาผานได้ก่อนหน้านี้ ไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่ได้นานนัก”

เมื่อหนานหว่านเยียนกล่าวเช่นนี้ หยุนเหิงกับฮูหยินแม่ทัพก็ไม่รั้งเอาไว้อีกต่อไป

หยุนเหิงกลับไม่เต็มใจ ทั้งรู้สึกขอบคุณหนานหว่านเยียนมาก มักคิดว่าช่วยอะไรไม่ได้เลย กลับกันยังรบกวนนางอีกครั้งแล้ว

“ฮองเฮาเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ…”

หนานหว่านเยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร กู้โม่หานก็อุ้มอาผานเอาไว้อย่างมั่นคง มืออีกข้างหนึ่งก็โอบเอวหนานหว่านเยียนอย่างแรง

เขาจ้องมองหยุนเหิงอย่างเย็นชา “เจ้ายังมีอะไรที่อยากพูดอีกไหม”

สายตาของกู้โม่หานเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก หยุนเหิงรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น ยังจะกล้าพูดอะไรอีกได้ที่ไหนกัน รีบส่ายหน้าอย่างลนลาน

ล้อเล่นแล้ว ฝ่าบาทไม่พอใจเขามาก หากพูดอะไรกับฮองเฮาเหนียงเหนียงอีก คนที่จะน่าเวทนาคนต่อไปก็ต้องเป็นเขาแล้ว!

……

ตอนหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานกำลังจะจากไป ทุกคนในจวนคุกเข่าลงด้วยความนอบน้อม เอ่ยตะโกนเสียงดังพร้อมเพรียงกัน “น้อมส่งเสด็จฝ่าบาท น้อมส่งเสด็จฮองเฮาเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ!”

เมื่อฮ่องเต้และฮองเฮาเดินออกไป เฟิงยางเดินตามหนานหว่านเยียน กู้โม่หานก็อุ้มซาลาเปาน้อย เดินตามหลังไปอย่างสบายใจเฉิบ พลางยื่นมือไปจิ้มใบหน้าตุ้ยนุ้ยของบุตรสาวเป็นระยะๆ

เขาถอนหายใจ สองเดือนที่ไม่ได้เจอกันนี้ ซาลาเปาน้อยเหมือนสูงขึ้นนิดหน่อย ร่างกายก็มีเนื้อหนังมากขึ้นกว่าเดิม

สองคนแม่ลูกคู่นี้ ไม่มีเขา ก็ใช้ชีวิตสุขสบายขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ…

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *