ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 428 สงสัยหยุนอี่ว์โหรว

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 428 สงสัยหยุนอี่ว์โหรว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 428 สงสัยหยุนอี่ว์โหรว

“พบเบาะแสของคนที่ลอบสังหารท่านกับพระชายาในคืนนั้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

เซียวลี่เอ่ยว่า “เป็นองค์กรนักฆ่าที่มีชื่อว่าสำนักอู๋หยิ่งพ่ะย่ะค่ะ เป็นอิทธิพลที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จัดการได้สะอาดหมดจด และนักฆ่าเหล่านั้นก็ปากแข็งมากเช่นกัน ทุกคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดาพ่ะย่ะค่ะ!”

สำนักอู๋หยิ่ง?

คิ้วงามละออของกู้โม่หานขมวดขึ้นมา

เขาเคยได้ยินเรื่ององค์กรนี้ แต่ไม่ได้ติดต่อกันจริงๆ

หากจ้างมือสังหารมาจริงๆ คนที่อยู่เบื้องหลังองค์กรนี้ก็กล้าที่จะโจมตีเขา ตัวตนต้องไม่เรียบง่ายแน่นอน

ดวงตาเย็นชาของกู้โม่หานค่อยๆ ฉายความดุดัน ริมฝีปากบางแนบชิด “เพิ่มกำลัง ค้นหาอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังสำนักอู๋หยิ่งโดยเร็วที่สุด เข้าใกล้ทางราชวงศ์ได้”

ดวงตาของเซียวลี่เต็มไปด้วยความดุดัน “ข้าน้อยรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”

“คนที่ลอบสังหารเสิ่นอี่ว์ล่ะ”

เซียวลี่หนักใจครู่หนึ่ง “ท่านอ๋อง ข้าน้อยทำตามที่ท่านบอก สืบสวนมือสังหารที่ลอบสังหารองครักษ์เสิ่นที่จวนอ๋องวันนั้น แต่กลับไม่พบเบาะแสใดๆ เลย ราวกับว่ามือสังหารเหล่านั้นไม่เคยมีอยู่จริง นี่… ข้าน้อยมิทราบว่าควรจัดการอย่างไรดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

นัยน์ตาเย็นชาของกู้โม่หานสับสน “สืบไม่เจอ?”

เสิ่นอี่ว์บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำออกมาเอง แต่ถ้าหากสืบหามือสังหารไม่เจอ บางทีคนที่ลงมือกับเสิ่นอี่ว์อาจไม่ใช่มือสังหารตั้งแต่แรก…

กู้โม่หานคิดถึงจุดที่ลึกกว่าเดิม เสิ่นอี่ว์บาดเจ็บที่ศีรษะกับหลัง ไม่พ่อบ้านกาวก็หยุนอี่ว์โหรวหนึ่งในสองคนนี้ต้องมีปัญหาแน่นอน

แต่คำให้การของพวกเขาเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด คงไม่ใช่ว่าทั้งสองคนล้วนเป็นคนที่ทำร้ายเสิ่นอี่ว์…

เซียวลี่ก็รู้สึกแปลกใจ กำลังจะถามว่าจะทำอย่างไร ก็ได้ยินกู้โม่หานเอ่ยเสียงเข้ม “เรื่องมือสังหารของเสิ่นอี่ว์เจ้ากับพวกพี่น้องตามสืบสวนต่อไป นอกจากนั้น เจ้าจัดคนสองสามคน ลอบจับตาดูพระชายารองหยุนเอาไว้ ทุกการเคลื่อนไหวอย่าได้ทิ้งร่องรอย!”

เขาคิดว่าพ่อบ้านกาวเป็นไปไม่ค่อยได้ที่จะหักหลังเขา ถึงอย่างไรสิบกว่าปีมานี้ พ่อบ้านกาวปกป้องเขามาตลอด ทำงานให้เขา ความสัมพันธ์กับเสิ่นอี่ว์เหมือนกับพ่อลูก จะลงมือโหดร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร

กลับกันเขายิ่งสงสัยหยุนอี่ว์โหรว

“ข้าน้อยรับทราบพ่ะย่ะค่ะ!” เซียวลี่ประสานมือ ก้าวเท้ายาวเดินออกไป ปิดประตูลง

ภายในห้อง ก็กลับมาเงียบเชียบอีกครั้ง

จิตใจกู้โม่หานที่แต่เดิมสงบนิ่ง กลับถูกระลอกคลื่นปั่นป่วน

เขาผลักประตูเดินออกจากห้อง ไปห้องของเสิ่นอี่ว์

เสิ่นอี่ว์บนเตียง ยังคงหน้าซีดเซียวไม่ได้สติ กู้โม่หานนั่งข้างเตียง สีหน้าเย็นชา สายตาเจ็บปวด

“หนานหว่านเยียนบอกว่าเจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว แต่เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ฟื้นเล่า”

เมื่อเอ่ยถึงหนานหว่านเยียน เขาก็คิดถึงท่าทางที่นางกับเด็กทั้งสองห่างเหิน และไม่สนใจกับเขาเป็นพิเศษ

กู้โม่หานพลันจิตใจว้าวุ่นขึ้นมากะทันหัน เปิดเหยือกสุราในห้อง ดื่มสุราเพียงลำพัง

สุราแรงแผดเผากระเพาะที่ว่างเปล่าของเขา แสงแดดยามอัสดงสาดส่องผ่านหน้าต่าง สะท้อนลงบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา ซึ่งทำให้บุคลิกทั้งหมดของเขาสูงส่งสง่างาม ไม่มีใครเทียบได้

เขาพูดอย่างผิดหวังว่า “เสิ่นอี่ว์หากเจ้าฟื้นเร็วกว่านี้ก็คงจะดี”

เมื่อเสิ่นอี่ว์ฟื้นขึ้น เขาก็จะได้รู้ว่าวันนั้น เกิดอะไรขึ้นที่เรือนจู๋หลานกันแน่ และใครกันที่เป็นทำร้ายเขา

เขาจะต้องแก้แค้นให้เสิ่นอี่ว์ให้ได้

ใบหน้ากู้โม่หานแดงก่ำ บาดแผลบนร่างเจ็บปวดแสบปวดร้อน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยิ่งดื่มสุรานี่ก็ยิ่งสติแจ่มแจ้งขึ้น

ในหัวเหมือนขี่ม้าชมดอกไม้1 ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ฉายชัดขึ้นมา

โดยเฉพาะหนานหว่านเยียน นางไม่เหมือนกับเมื่อก่อน แข็งแกร่งมั่นใจ บางครั้งก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องคืนนั้นในวัง เขาดีดฉินให้หนานหว่านเยียน พร้อมฉากหิ่งห้อยที่โบยบินไปทั่ว

แม้ว่าใบหน้าของหนานหว่านเยียนในตอนนั้นจะสงบนิ่ง แต่เขารู้ว่า นางมีความสุข และเด็กทั้งสองก็รู้สึกตื่นเต้นระคนดีใจ

อันที่จริงในคืนนั้น ก็เป็นคืนที่สงบและอบอุ่นที่สุด ในรอบหลายปีของเขา ราวกับขอเพียงได้อยู่กับหนานหว่านเยียนพวกนางสามคนแม่ลูก เขาก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ และสงบสุขมาก…

สิ่งเดียวที่ทำให้เขาไม่พอใจ ก็คือความรักของหนานหว่านเยียนที่มีต่อเขา มันจางหายไปหมดแล้ว และมีดอกท้อเน่า2เสียมากมายอยู่รอบกายเขาที่เด็ดออกไปไม่ได้…

กู้โม่หานเหมือนจะคิดอะไรได้ สีหน้ามืดลงทันที เขาพลันลุกพรวดขึ้น ร่างสูงใหญ่ซวนเซ จากนั้น ตรงไปที่เรือนเซียงหลิน

ขณะนั้นเอง ภายในห้องแสงเทียนส่องสลัว นิ้วมือเสิ่นอี่ว์กระตุกแผ่วเบา…

ขณะเดียวกันภายในเรือนเซียงหลินหนานหว่านเยียนก็ตรวจบัญชีของตนเอง

พลบค่ำเมื่อวาน ฮูหยินกั๋วกงได้ให้คนส่งเงินสองแสนตำลึงนั้นมาให้ ตอนนั้นดึกมากก็ไม่ได้ใส่ใจการตรวจนับ

วันนี้นางเล่นกับบุตรสาวสองคนทั้งวัน ไม่ง่ายเลยที่จะหาเวลาว่างมา จึงวางแผนเพื่อดูว่า ช่วงนี้นางเก็บเงินทุนหนีภัยได้เท่าไรแล้ว

หนานหว่านเยียนนั่งอยู่ใต้แสงเทียน แววตาตั้งอกตั้งใจ

รูปร่างหน้าตาวิจิตรบรรจง ริมฝีปากแดงกระจุ๋มกระจิ๋ม นัยน์ตาทอประกาย

เซียงอวี้ที่อยู่ข้างๆ มองนางอดทอดถอนในใจอีกครั้งไม่ได้ พระชายาช่างงดงามยิ่งนัก

เป็นสตรีที่งดงามจนหาที่เปรียบมิได้ ช่างเป็นคู่สร้างคู่สมกับท่านอ๋องผู้หล่อเหลางามตา

แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนไม่ลงรอยกัน นางรู้สึกเสียดาย ทั้งหวังว่าทั้งสองจะกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง และอยู่ด้วยกันอย่างสมานฉันท์

คิดไปคิดมา นางก็ถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว สีหน้าลังเลเล็กน้อย

“เป็นอะไร” หนานหว่านเยียนที่ตรวจบัญชีไม่ได้เงยหน้าขึ้น เอ่ยปากถามขึ้นมาส่งๆ

เซียงอวี้ได้สติกลับมา มองหนานหว่านเยียน อึกอักครู่หนึ่ง แล้วเล่าเรื่องที่อวี๋เฟิงบอกกับนางวันนี้ ให้หนานหว่านเยียนฟัง

“พระชายาเพคะ บ่าวได้ยินมาว่า เรื่องที่ฮูหยินเฉิงเซี่ยงกับบุตรภริยาเอกของท่านมหาบัณฑิตคบชู้ที่จวนกั๋วกงเมื่อคืน ถึงพระกรรณฝ่าบาทแล้วเพคะ ฝ่าบาททรงกริ้วหนักมาก ฮูหยินเฉิงเซี่ยงก็ถูกเฉิงเซี่ยงแทงทะลุหัวใจโดยตรง แล้วเสียชีวิตทันทีเพคะ”

“อีกทั้งพระชายาเฉิง…เหมือนจะถูกฝ่าบาทตำหนิ หลังกลับจวนอ๋องเฉิงก็ป่วยหนัก ลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ ส่วนท่านมหาบัณฑิตกับบุตรชายของเขา แต่ละคนต่างถูกโทษสถานหนักเพคะ!”

คาดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะถึงหูพระกรรณฮ่องเต้แล้ว

ทั้งฮูหยินเฉิงเซี่ยงก็ถูกเฉิงเซี่ยงฆ่าตายแล้ว

ดวงตาหนานหว่านเยียนสั่นไหว ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ แต่กลับตอบอย่างสงบนิ่ง

“คนชั่วย่อมกรรมตามสนอง หากพวกนางไม่ปองร้ายข้า จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร แต่ว่าฮูหยินเฉิงเซี่ยงตายแล้ว เจ้าจะถอนหายใจทำไม”

หนานหว่านเยียนรู้สึกประหลาดใจมากกว่าดีใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรนางก็คิดว่าเรื่องนี้ น่าจะจบที่จวนกั๋วกง ไม่คาดคิดว่าจะไปถึงหูพระกรรณฝ่าบาทเข้า และไม่รู้ว่าใครคอยผสมโรง วิธีการปราดเปรื่อง

แต่ว่า ฮูหยินเฉิงเซี่ยงกับหนานชิงชิงโหดร้ายกับร่างเดิม และนางมาก หลายครั้งหลายคราคิดอยากจะฆ่านาง นางจำได้ในใจเสมอ และจุดจบในตอนนี้ นางไม่มีความเห็นอกเห็นใจทั้งนั้น

เซียงอวี้เห็นท่าทีหนานหว่านเยียนไม่แยแสเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วอย่างกังวลใจ ก็เปลี่ยนมาพูดเร็วขึ้น

“ที่บ่าวถอนหายใจไม่ใช่เรื่องนี้เพคะ แต่เป็น…โอ๊ย พระชายา เห็นอยู่ว่าเรื่องนี้เป็นท่านอ๋องออกหน้าทำเพื่อท่าน ท่านมองไม่ออกหรือเพคะ”

(1) ขี่ม้าชมดอกไม้ หมายถึง การกระทำที่สะเพร่าเลินเล่อไม่ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน

(2) ดอกท้อเน่า หมายถึง โชคชะตารักที่พบเจอคนที่ไม่เหมาะสม ไม่น่าไว้ใจ หรือไม่ชอบใจ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *