ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้บทที่ 505 ผู้หญิงไม่บริสุทธิ์

Now you are reading ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ Chapter บทที่ 505 ผู้หญิงไม่บริสุทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 505 ผู้หญิงไม่บริสุทธิ์

กู้โม่หานกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่จริงๆหรือ?

ทันใดนั้นหนานหว่านเยียนก็หัวเราะอย่างเย็นชา ในใจรู้สึกทนไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

นางก็อยากดูเหมือนกัน ว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงอย่างไร

แต่สายตาของตงเสวี่ยกลับมีความไม่เข้าใจเล็กน้อย นางมองดูกู้โม่หาน ขยับริมฝีปาก “ท่านอ๋อง ท่านไม่รู้หรือเพคะ? ท่านน่าจะรู้มานานแล้วไม่ใช่หรือเพคะ?”

หากว่ากู้โม่หานไม่รู้ แล้วตอนนี้พระชายาจะมีชีวิตอยู่ดีๆแบบนี้ได้อย่างไร?

กู้โม่หานรู้?

งั้นก็เท่ากับว่า ข่าวลือเป็นเรื่องจริงหรือ?

หยุนอี่ว์โหรวรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากในพริบตา แต่บนใบหน้ากลับแสร้งมองไปทางกู้โม่หานด้วยความประหลาดใจ “อุ๊ย งั้นก็หมายความว่า เป็นคนเลี้ยงม้าผู้นั้นจริงๆหรือ?”

นางแอบหัวเราะเยาะในใจ หนานหว่านเยียนมีลูกแล้วจะยังไง เพียงแค่ตงเสวี่ยพูดถึงชายชู้ของหนานหว่านเยียนออกมา สุดท้ายกู้โม่หานก็ยังต้องเบื่อหน่ายและทิ้งหนานหว่านเยียนไป ไม่มีผู้ชายคนไหน สามารถทนรับภรรยาที่ไม่บริสุทธิ์ของตัวเองได้ ถึงเวลา โอกาสของนางก็มาแล้ว

พูดให้กระจ่างคือ หนานหว่านเยียนก็คือหญิงเสียบริสุทธิ์ที่มอบครั้งแรกให้คนชั่วไป และนาง อย่างน้อยที่สุดก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่ได้อยู่ค้างคืนกับกู้โม่หานคืนหนึ่งที่แท้จริง

ทันทีที่คำนี้โพล่งออกมา กลิ่นอายรอบตัวของกู้โม่หานก็ควบแน่นอย่างฉับพลัน บรรดาผู้คนที่อยู่ในเรือนเซียงหลินล้วนเหมือนดั่งอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง

สีหน้าของเซียงอวี้ซีดเผือด มองไปทางหนานหว่านเยียนด้วยความกังวลเป็นที่สุด

จบแล้ว วันนี้ท่านอ๋องจะต้องพิโรธเดือดดาลครั้งใหญ่เป็นแน่!

แต่ตงเสวี่ยกลับรีบส่ายหน้า น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นรีบร้อนขึ้นมาทันที

“ไม่ใช่แน่นอนเพคะ! คนเลี้ยงม้าต่ำต้อยเช่นนั้น จะ……กับคุณหนูได้อย่างไร แน่นอนว่าต้องเป็นบุคคลผู้มีความสามารถฐานะสูงศักดิ์ผู้หนึ่งถึงจะถูกเพคะ!”

หรือว่าท่านอ๋องไม่รู้เช่นนั้นหรือ?

เช่นนั้นนางพูดหรือไม่พูดถึงจะเหมาะสม ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ นี่…..นี่จะให้นางทำอย่างไร?

คิ้วของหนานหว่านเยียนขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

นางจำไม่ได้จริงๆว่าครั้งแรกของเจ้าของร่างเดิมให้ใครไปกันแน่ นั่นเป็นความทรงจำที่ว่างเปล่า ไม่ว่ายังไงก็นึกไม่ออก

หยุนอี่ว์โหรวก็แปลกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าจะไม่ใช่คนเลี้ยงม้า แต่เป็นคนที่ฐานะสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง?

แต่นางตอบสนองได้เร็วมาก มองไปทางกู้โม่หาน “เอ่อ……ท่านอ๋อง ทีแรกโหรวเอ๋อร์คิดว่า พระชายากับคนเลี้ยงม้า……..ตอนนี้ดูท่า หรืออาจจะมีคนอื่นเพคะ แต่ก็ไม่รู้ว่า ฐานะสูงศักดิ์นี่อยู่ที่ใด?”

พูดจบ นางสัมผัสถึงสายตาอันเฉียบคมของหนานหว่านเยียนที่ถาโถมเข้ามาหานางได้อย่างชัดเจน

แต่เวลานี้หยุนอี่ว์โหรวไม่ได้หวาดกลัวโดยสิ้นเชิง กลับกัน นางเชิดหน้าขึ้น จ้องมองไปทางหนานหว่านเยียนด้วยความดูถูกเล็กน้อย

ความคิดของกู้โม่หานไม่ได้อยู่บนตัวของทั้งสองคนโดยสิ้นเชิง เขามองดูตงเสวี่ย เสียงเย็นยะเยือกน่ากลัวกว่าปกติ: “เป็นผู้ใดกันแน่!”

ในที่สุด ตงเสวี่ยก็ทนอำนาจความกดดันไม่ไหว ร้องไห้เล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดออกมา

“ตอนนั้นครั้งแรกของพระชายาก็มอบให้ท่านไงล่ะเพคะท่านอ๋อง บ่าว บ่าวคิดมาตลอดว่า ท่านรู้!”

อะไร? !

ครั้งแรกของพระชายา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นท่านอ๋อง? !

ทุกคนตกตะลึงในทันที

นี่เกิดอะไรขึ้น? ท่าทางของท่านอ๋องดูเหมือนไม่รู้อะไรเลย……

ดวงตาอันเรียวยาวคมสวยของกู้โม่หานสั่นไหวอย่างรุนแรง ตะลึงอยู่กับที่โดยตรง “เจ้าพูดว่าอะไร เป็นข้ารึ?”

คนที่แย่งชิงความบริสุทธิ์ของหนานหว่านเยียนไป คือเขา?

นี่จะเป็นไปได้อย่างไร ในความทรงจำของเขา ครั้งแรกของเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นเมื่อห้าปีก่อนในคืนวันแต่งงานของเขากับหนานหว่านเยียน แต่คืนนั้นหนานหว่านเยียนก็ไม่ใช่……..

หรือจะเป็นเมื่อห้าปีก่อน ที่เขาถูกคนลอบทำร้ายครั้งนั้น?

ครั้งนั้นเขาโดนยาพิษ ต้องการผู้หญิงจริงๆ แต่คืนนั้นเขาไม่มีความทรงใดๆ เขาจำได้เพียงว่าไม่ได้ไปหาผู้หญิง ใช้กำลังภายในขับพิษอยู่ตลอด วันรุ่งขึ้นเขาก็คิดว่าอดทนผ่านมาได้อย่างราบรื่นด้วยตัวเองแล้ว ใครจะคิดได้ว่า กลับกลายเป็นหนานหว่านเยียนที่ช่วยเขาถอนพิษ…..

หนานหว่านเยียนก็ตะลึงแล้ว มองดูตงเสวี่ยที่อยู่เบื้องหน้า แยกแยะไม่ได้ชั่วขณะว่าที่พูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ

ไม่ว่าอย่างไรคำตอบนี้ก็อยู่นอกเหนือจากที่นางคาดการณ์ไว้

สีหน้าการแสดงออกของหยุนอี่ว์โหรวดูมีสีสันเหมือนแสดงละคร นางเบิกตาโพลงด้วยความเหลือเชื่อ “เจ้ากำลังพูดเพ้อเจ้ออะไร หากว่าพระชายาอยู่กับท่านอ๋อง พวกเขาจะจำไม่ได้ได้อย่างไร?”

แต่ตงเสวี่ยกลับส่ายหน้าด้วยความรีบร้อน ชูนิ้วมือขึ้น “ท่านอ๋อง เรื่องนี้เป็นความจริงแท้แน่นอนเพคะ! หากว่าบ่าวพูดปลดแม้สักคำ ก็ขอให้ตายไม่ดี! วันนั้น เดิมทีควรเป็นการปักปิ่นเมื่ออายุครบสิบห้าปีของพระชายา ทุกคนล้วนกำลังเลี้ยงฉลองกันอยู่ แต่การปักปิ่นเมื่ออายุครบสิบห้าปีในคืนนั้น พระชายากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเพคะ”

“คนทั้งจวนเฉิงเซี่ยงค้นหากันทั่วแต่ก็ไม่พบเงาของพระชายา บ่าวเป็นห่วงและหวาดกลัว จึงตามคนกลุ่มหนึ่งออกไปค้นหาพระชายา สุดท้ายก็พบพระชายาในชุดเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยที่ป่าไม้ตรงชานเมือง ตอนนั้นนาง นางกำลังต่อยตีผู้ชายที่นอนอยู่บนพื้นด้วยเสื้อผ้าอันยุ่งเหยิงอย่างบ้าคลั่ง ต่อยตีไปพลางและด่าว่าอะไรที่บ่าวฟังไม่รู้เรื่องไปพลาง”

“ตอนนั้นบ่าวหวาดกลัวเป็นที่สุด คิดจะลากพระชายาวิ่งไปด้านนอก อาศัยแสงไฟ ก็ยังจำได้ว่าคนที่ถูกต่อยผู้นั้นเป็นท่านอ๋องหก และก็คือี้ออ๋องเพคะ……บ่าว บ่าวก็ไม่รู้ว่าท่านอ๋องท่านอยู่กับพระชายาได้อย่างไร แต่ไม่ว่ายังไงก็คือพวกท่านอยู่ด้วยกันเพคะ!”

ตงเสวี่ยพูดฉอดๆอย่างต่อเนื่องออกมาเป็นกอง ใบหน้าล้วนแดงก่ำแล้ว

เซียงอวี้ฟังจนสับสนงุนงง แต่ก็ตีศีรษะและตอบสนองขึ้นมาได้ทันที สีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย “ดังนั้น ร่างกายของพระชายาก็ไม่เคยให้คนอื่นมาก่อน แต่ให้ท่านอ๋องไปแล้ว!”

“ถูกต้อง! แม้ว่าคุณหนูของข้าจะนิสัยแย่ แต่อย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของเฉิงเซี่ยง จะทำอะไรมั่วซั่วได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นความบริสุทธิ์เรื่องสำคัญขนาดนี้ ก็ยิ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนเลี้ยงม้าอะไรนั่นสักนิด!”

“แต่ว่า” อันที่จริงตงเสวี่ยก็ไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว แต่ถูกบีบคั้นจนถึงขั้นนี้แล้ว ก็ทำได้แค่พูดต่อไป “แต่คืนนั้นที่พระชายาเสียตัว บ่าวยังสังเกตพบว่าพระชายาแปลกไปเป็นที่สุด เหมือนว่าโดนมนต์ดำเช่นนั้น บุคลิกนิสัย ความประพฤติของคนทั้งคนก็เปลี่ยนไปจนเป็นอีกคนหนึ่ง”

“พระชายาไม่ยอมไปกับบ่าว ทั้งยังพูดพร่ำว่าต้องการให้คุณอาตำรวจอะไร มาจับท่านอ๋องเข้าคุก…….”

“บ่าวร้องไห้ไปพลางขออภัยต่อท่านอ๋องไปพลาง และก็คิดจะพาพระชายาจากไป ตอนนั้นท่านอ๋องท่านก็ยังละอายใจเป็นที่สุดยอมให้พระชายาทุบตี บอกว่าหลังจากนี้จะรับผิดชอบพระชายาอย่างแน่นอน จากนั้น จากนั้นพระชายาก็เป็นลมไปแล้ว บ่าวจึงพาพระชายากลับจวนเฉิงเซี่ยง…….ผลสุดท้ายวันรุ่งขึ้น พระชายาก็กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว ไม่ต่างไปจากเมื่อก่อน และไม่ได้มีความทรงจำกับเรื่องเสียตัวในการปักปิ่นเมื่ออายุครบสิบห้าปีแม้สักนิด”

กู้โม่หานฟังแล้ว ในดวงตาอันคมสวยที่ไร้ความรู้สึกนั้น เวลานี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความละอายใจ ดีใจ ขณะเดียวกัน ก็ยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยด้วย

เขาละอายใจ เพราะเขาจำเรื่องที่ผ่านมาในอดีตไม่ได้ โทษหนานหว่านเยียนด้วยความเข้าใจผิดมาตลอด และเพราะทุกคำพูดที่พูดว่า “ชายชู้” ใช้คำพูดที่รุนแรงเกินไปมากมายกับหนานหว่านเยียน กระทั่งมีช่วงหนึ่งที่ยังคิดว่าเจ้าตัวน้อยทั้งสองนั่นไม่ใช่ลูกของเขาอีก

ผลสุดท้ายวนกันไปมา เขากลับหึงตัวเองมาโดยตลอด…….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *