ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน 3102

Now you are reading ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน Chapter 3102 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจรจาสงบศึก?!” ทันทีที่เขาได้ยินว่าฮามิดต้องการเจรจาสงบศึก เฉินจงเหล่ยกล่าวด้วยความโมโหว่า “ไอ้สารเลวนั้นฆ่าทหารของสำนักว่านหลง 2,000 กว่าคน ทำให้พวกเราเสียหน้าต่อทหารรับจ้างนานาชาติ แล้วตอนนี้มาบอกว่าต้องการเจรจาสงบศึกกับผม!? ผมบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน! สำนักว่านหลงของพวกเราจะไม่ตกลงแน่นอน!” ผู้บัญชาการกองทัพของรัฐบาลถามกลับว่า “ไม่ยอมเจรจาสงบศึก แล้วยังไม่ยอมโจมตี หรือพวกคุณจะถ่วงเวลาเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ?” เฉินจงเหล่ยกล่าวอย่างเย็นชา “เรื่องที่ไม่เจรจาสงบศึก พวกเราบรรลุข้อตกลงเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนั้นความคิดเห็นของทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก นั่นคือต้องกำจัดกองกำลังติดอาวุธของฮามิดให้ได้ เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ตอนนี้พวกคุณเปลี่ยนใจแล้วหรือ?” อีกฝ่ายกล่าวว่า “สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ตอนแรกเหตุผลที่พวกเราบอกว่าไม่ยินยอมเจรจาสงบศึกนั้นเพราะพวกเรารู้สึกว่าฮามิดจะต่อต้านจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน และเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเจรจาสงบศึกกับพวกเรา แต่ตอนนี้พวกเขาแสดงเจตจำนงเรื่องนี้แล้ว ทำไมพวกเราไม่ใช้โอกาสนี้เจรจากับพวกเขาดี ๆ?” เฉินจงเหล่ยกล่าวอย่างเฉียบขาดว่า “พวกเราสำนักว่านหลงไม่มีอะไรจะเจรจากับเขา แม้ว่าพวกคุณต้องการเจรจาสงบศึกกับเขา พวกเราก็จะไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิมของพวกเรา จะสับฮามิดและลูกน้องของเขาเป็นหมื่นชิ้น!” อีกฝ่ายขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ถ้าคุณมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะฆ่าฮามิดเช่นนี้ ผมขอแนะนำให้คุณรีบออกรบอย่างรวดเร็ว อย่าปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าเช่นนี้ แม้ว่าพวกคุณจะยอมรับได้ แต่ผมจะทนไม่ไหวแล้ว!” หลังจากนั้น เขากล่าวอย่างหมดความอดทน “เอาล่ะ พวกเราจะถอนกำลังออกไปก่อน สำนักว่านหลงของพวกคุณล้อมฮามิดอยู่ที่นี่ต่อไป” เฉินจงเหล่ยขมวดคิ้วและดุด่า “แม่งฉิบหาย คุณหยอกล้อผมหรือ? พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยคุณสู้รบ แต่ปรากฏว่าคุณต้องการถอนกำลัง?” “ไม่งั้นล่ะ?” อีกฝ่ายถามกลับ “หรือว่าคุณต้องการให้ผมเสียเวลาเป็นเพื่อนคุณอยู่ที่นี่หนึ่งปี? คุณคิดว่าในประเทศของพวกเรามีฮามิดเป็นศัตรูเท่านั้นหรือ? พวกเรายังมีศัตรูที่เหมือนฮามิดอยู่อีกมากมายที่กำลังรอให้พวกเราไปกำจัด และพวกเราไม่มีอารมณ์ที่จะเสียเวลาไปกับฮามิดที่นี่ได้อีก” อีกฝ่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ทหารระดับสูงของพวกเราให้การชี้แนะที่ชัดเจนแล้ว หากยังไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างชัดเจนภายใน 5 วัน พวกเราจะถอนกำลังทหารทั้งหมดกลับไปพักฟื้น จากนั้นค่อยวางแผนการสู้รบอีกครั้ง ไม่ว่าพวกคุณจะเข้าร่วมรบหรือไม่ก็ตาม!” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดล้อเล่น เฉินจงเหล่ยรู้สึกประหม่าทันที เขาไม่ได้กลัวว่ากองกำลังของรัฐบาลจะถอนกำลังในเวลานี้ สิ่งสำคัญที่เขากลัวคือกองทัพของรัฐบาลจะคิดว่าสำนักว่านหลงสู้รบไม่ไหว จากนั้นพวกเขาจะละทิ้งทหารของสำนักว่านหลงแล้วออกรบเอง ถ้าเป็นเช่นนี้ ความพยายามและการเสียสละทั้งหมดของสำนักว่านหลงก่อนหน้านั้นจะสูญเปล่า ถ้าแตกคอกัน และถ้าอีกฝ่ายยุติการร่วมมือ งั้นเรื่องที่ดิน 100 ตารางกิโลเมตรจะอันตรธานหายไปอย่างแน่นอน! เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินจงเหล่ยรีบหว่านล้อม “ตอนนี้พวกคุณอย่าเพิ่งถอนกำลัง เหตุผลที่ฮามิดมาขอเจรจาสงบศึกในเวลานี้ ต้องเพราะพวกเขายืนหยัดไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงต้องการหาวิธีเอาตัวรอดผ่านการเจรจาสงบศึกก่อนที่พวกเขาจะล่มสลาย ถ้าหากพวกเรายืนหยัดอดทน บางทีอีกฝ่ายอาจล่มสลายไปเอง!” ผู้รับผิดชอบกองทัพของรัฐบาลกล่าวว่า “ตามข้อมูลที่พวกเราได้รับ ฮามิดน่าจะมีเสบียงสำรองจำนวนมาก ถ้าเป็นเวลานานนั้นไม่กล้าพูด แต่สามารถยืนหยัดได้หลายเดือนอย่างแน่นอน!” เฉินจงเหล่ยรีบกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้เป็นข่าวลือจากโลกภายนอก ไม่มีใครรู้ว่าฮามิดมีเสบียงสำรองไว้เท่าไร ถ้าฮามิดจงใจปล่อยข่าวลือเพื่อสร้างความสับสนให้แก่พวกเราล่ะ? ทำให้พวกเราเข้าใจผิดคิดว่าเขามีเสบียงมากมายแล้ว แล้วเจรจาสงบศึกกับเขา และพวกเราจะโดนเขาหลอก!” หลังจากนั้น เฉินจงเหล่ยกล่าวเสริมว่า “และคุณอย่าลืมว่า ก่อนหน้านั้นเขาได้รวบรวมทหารพลัดถิ่นไว้จำนวนมาก และตอนนี้จำนวนทหารของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เวลายิ่งนานการบริโภคเสบียงนั้นยิ่งเร็วขึ้น! ดีไม่ดี ตอนนี้อาจยืนหยัดไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ และสิ่งที่พวกเราต้องทำคืออดทนยืนหยัดอีกสักนิด และขณะเดียวกันพวกเราก็ต้องมีทัศนคติที่แน่วแน่ต่อฮามิดมากขึ้น ถ้าพวกเราไม่ให้โอกาสฮามิดไกล่เกลี่ย ฮามิดจะต้องเกิดความโกลาหลวุ่นวายอย่างแน่นอน!”

“เจรจาสงบศึก?!”

ทันทีที่เขาได้ยินว่าฮามิดต้องการเจรจาสงบศึก เฉินจงเหล่ยกล่าวด้วยความโมโหว่า “ไอ้สารเลวนั้นฆ่าทหารของสำนักว่านหลง 2,000 กว่าคน ทำให้พวกเราเสียหน้าต่อทหารรับจ้างนานาชาติ แล้วตอนนี้มาบอกว่าต้องการเจรจาสงบศึกกับผม!? ผมบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน! สำนักว่านหลงของพวกเราจะไม่ตกลงแน่นอน!”

ผู้บัญชาการกองทัพของรัฐบาลถามกลับว่า “ไม่ยอมเจรจาสงบศึก แล้วยังไม่ยอมโจมตี หรือพวกคุณจะถ่วงเวลาเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ?”

เฉินจงเหล่ยกล่าวอย่างเย็นชา “เรื่องที่ไม่เจรจาสงบศึก พวกเราบรรลุข้อตกลงเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนั้นความคิดเห็นของทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก นั่นคือต้องกำจัดกองกำลังติดอาวุธของฮามิดให้ได้ เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ตอนนี้พวกคุณเปลี่ยนใจแล้วหรือ?”

อีกฝ่ายกล่าวว่า “สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ตอนแรกเหตุผลที่พวกเราบอกว่าไม่ยินยอมเจรจาสงบศึกนั้นเพราะพวกเรารู้สึกว่าฮามิดจะต่อต้านจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน และเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเจรจาสงบศึกกับพวกเรา แต่ตอนนี้พวกเขาแสดงเจตจำนงเรื่องนี้แล้ว ทำไมพวกเราไม่ใช้โอกาสนี้เจรจากับพวกเขาดี ๆ?”

เฉินจงเหล่ยกล่าวอย่างเฉียบขาดว่า “พวกเราสำนักว่านหลงไม่มีอะไรจะเจรจากับเขา แม้ว่าพวกคุณต้องการเจรจาสงบศึกกับเขา พวกเราก็จะไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิมของพวกเรา จะสับฮามิดและลูกน้องของเขาเป็นหมื่นชิ้น!”

อีกฝ่ายขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ถ้าคุณมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะฆ่าฮามิดเช่นนี้ ผมขอแนะนำให้คุณรีบออกรบอย่างรวดเร็ว อย่าปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าเช่นนี้ แม้ว่าพวกคุณจะยอมรับได้ แต่ผมจะทนไม่ไหวแล้ว!”

หลังจากนั้น เขากล่าวอย่างหมดความอดทน “เอาล่ะ พวกเราจะถอนกำลังออกไปก่อน สำนักว่านหลงของพวกคุณล้อมฮามิดอยู่ที่นี่ต่อไป”

เฉินจงเหล่ยขมวดคิ้วและดุด่า “แม่งฉิบหาย คุณหยอกล้อผมหรือ? พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยคุณสู้รบ แต่ปรากฏว่าคุณต้องการถอนกำลัง?”

“ไม่งั้นล่ะ?” อีกฝ่ายถามกลับ “หรือว่าคุณต้องการให้ผมเสียเวลาเป็นเพื่อนคุณอยู่ที่นี่หนึ่งปี? คุณคิดว่าในประเทศของพวกเรามีฮามิดเป็นศัตรูเท่านั้นหรือ? พวกเรายังมีศัตรูที่เหมือนฮามิดอยู่อีกมากมายที่กำลังรอให้พวกเราไปกำจัด และพวกเราไม่มีอารมณ์ที่จะเสียเวลาไปกับฮามิดที่นี่ได้อีก”

อีกฝ่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ทหารระดับสูงของพวกเราให้การชี้แนะที่ชัดเจนแล้ว หากยังไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างชัดเจนภายใน 5 วัน พวกเราจะถอนกำลังทหารทั้งหมดกลับไปพักฟื้น จากนั้นค่อยวางแผนการสู้รบอีกครั้ง ไม่ว่าพวกคุณจะเข้าร่วมรบหรือไม่ก็ตาม!”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดล้อเล่น เฉินจงเหล่ยรู้สึกประหม่าทันที

เขาไม่ได้กลัวว่ากองกำลังของรัฐบาลจะถอนกำลังในเวลานี้

สิ่งสำคัญที่เขากลัวคือกองทัพของรัฐบาลจะคิดว่าสำนักว่านหลงสู้รบไม่ไหว จากนั้นพวกเขาจะละทิ้งทหารของสำนักว่านหลงแล้วออกรบเอง

ถ้าเป็นเช่นนี้ ความพยายามและการเสียสละทั้งหมดของสำนักว่านหลงก่อนหน้านั้นจะสูญเปล่า

ถ้าแตกคอกัน และถ้าอีกฝ่ายยุติการร่วมมือ งั้นเรื่องที่ดิน 100 ตารางกิโลเมตรจะอันตรธานหายไปอย่างแน่นอน!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินจงเหล่ยรีบหว่านล้อม “ตอนนี้พวกคุณอย่าเพิ่งถอนกำลัง เหตุผลที่ฮามิดมาขอเจรจาสงบศึกในเวลานี้ ต้องเพราะพวกเขายืนหยัดไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงต้องการหาวิธีเอาตัวรอดผ่านการเจรจาสงบศึกก่อนที่พวกเขาจะล่มสลาย ถ้าหากพวกเรายืนหยัดอดทน บางทีอีกฝ่ายอาจล่มสลายไปเอง!”

ผู้รับผิดชอบกองทัพของรัฐบาลกล่าวว่า “ตามข้อมูลที่พวกเราได้รับ ฮามิดน่าจะมีเสบียงสำรองจำนวนมาก ถ้าเป็นเวลานานนั้นไม่กล้าพูด แต่สามารถยืนหยัดได้หลายเดือนอย่างแน่นอน!”

เฉินจงเหล่ยรีบกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้เป็นข่าวลือจากโลกภายนอก ไม่มีใครรู้ว่าฮามิดมีเสบียงสำรองไว้เท่าไร ถ้าฮามิดจงใจปล่อยข่าวลือเพื่อสร้างความสับสนให้แก่พวกเราล่ะ? ทำให้พวกเราเข้าใจผิดคิดว่าเขามีเสบียงมากมายแล้ว แล้วเจรจาสงบศึกกับเขา และพวกเราจะโดนเขาหลอก!”

หลังจากนั้น เฉินจงเหล่ยกล่าวเสริมว่า “และคุณอย่าลืมว่า ก่อนหน้านั้นเขาได้รวบรวมทหารพลัดถิ่นไว้จำนวนมาก และตอนนี้จำนวนทหารของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เวลายิ่งนานการบริโภคเสบียงนั้นยิ่งเร็วขึ้น! ดีไม่ดี ตอนนี้อาจยืนหยัดไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ และสิ่งที่พวกเราต้องทำคืออดทนยืนหยัดอีกสักนิด และขณะเดียวกันพวกเราก็ต้องมีทัศนคติที่แน่วแน่ต่อฮามิดมากขึ้น ถ้าพวกเราไม่ให้โอกาสฮามิดไกล่เกลี่ย ฮามิดจะต้องเกิดความโกลาหลวุ่นวายอย่างแน่นอน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน 3102

Now you are reading ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน Chapter 3102 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจรจาสงบศึก?!” ทันทีที่เขาได้ยินว่าฮามิดต้องการเจรจาสงบศึก เฉินจงเหล่ยกล่าวด้วยความโมโหว่า “ไอ้สารเลวนั้นฆ่าทหารของสำนักว่านหลง 2,000 กว่าคน ทำให้พวกเราเสียหน้าต่อทหารรับจ้างนานาชาติ แล้วตอนนี้มาบอกว่าต้องการเจรจาสงบศึกกับผม!? ผมบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน! สำนักว่านหลงของพวกเราจะไม่ตกลงแน่นอน!” ผู้บัญชาการกองทัพของรัฐบาลถามกลับว่า “ไม่ยอมเจรจาสงบศึก แล้วยังไม่ยอมโจมตี หรือพวกคุณจะถ่วงเวลาเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ?” เฉินจงเหล่ยกล่าวอย่างเย็นชา “เรื่องที่ไม่เจรจาสงบศึก พวกเราบรรลุข้อตกลงเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนั้นความคิดเห็นของทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก นั่นคือต้องกำจัดกองกำลังติดอาวุธของฮามิดให้ได้ เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ตอนนี้พวกคุณเปลี่ยนใจแล้วหรือ?” อีกฝ่ายกล่าวว่า “สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ตอนแรกเหตุผลที่พวกเราบอกว่าไม่ยินยอมเจรจาสงบศึกนั้นเพราะพวกเรารู้สึกว่าฮามิดจะต่อต้านจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน และเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเจรจาสงบศึกกับพวกเรา แต่ตอนนี้พวกเขาแสดงเจตจำนงเรื่องนี้แล้ว ทำไมพวกเราไม่ใช้โอกาสนี้เจรจากับพวกเขาดี ๆ?” เฉินจงเหล่ยกล่าวอย่างเฉียบขาดว่า “พวกเราสำนักว่านหลงไม่มีอะไรจะเจรจากับเขา แม้ว่าพวกคุณต้องการเจรจาสงบศึกกับเขา พวกเราก็จะไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิมของพวกเรา จะสับฮามิดและลูกน้องของเขาเป็นหมื่นชิ้น!” อีกฝ่ายขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ถ้าคุณมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะฆ่าฮามิดเช่นนี้ ผมขอแนะนำให้คุณรีบออกรบอย่างรวดเร็ว อย่าปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าเช่นนี้ แม้ว่าพวกคุณจะยอมรับได้ แต่ผมจะทนไม่ไหวแล้ว!” หลังจากนั้น เขากล่าวอย่างหมดความอดทน “เอาล่ะ พวกเราจะถอนกำลังออกไปก่อน สำนักว่านหลงของพวกคุณล้อมฮามิดอยู่ที่นี่ต่อไป” เฉินจงเหล่ยขมวดคิ้วและดุด่า “แม่งฉิบหาย คุณหยอกล้อผมหรือ? พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยคุณสู้รบ แต่ปรากฏว่าคุณต้องการถอนกำลัง?” “ไม่งั้นล่ะ?” อีกฝ่ายถามกลับ “หรือว่าคุณต้องการให้ผมเสียเวลาเป็นเพื่อนคุณอยู่ที่นี่หนึ่งปี? คุณคิดว่าในประเทศของพวกเรามีฮามิดเป็นศัตรูเท่านั้นหรือ? พวกเรายังมีศัตรูที่เหมือนฮามิดอยู่อีกมากมายที่กำลังรอให้พวกเราไปกำจัด และพวกเราไม่มีอารมณ์ที่จะเสียเวลาไปกับฮามิดที่นี่ได้อีก” อีกฝ่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ทหารระดับสูงของพวกเราให้การชี้แนะที่ชัดเจนแล้ว หากยังไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างชัดเจนภายใน 5 วัน พวกเราจะถอนกำลังทหารทั้งหมดกลับไปพักฟื้น จากนั้นค่อยวางแผนการสู้รบอีกครั้ง ไม่ว่าพวกคุณจะเข้าร่วมรบหรือไม่ก็ตาม!” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดล้อเล่น เฉินจงเหล่ยรู้สึกประหม่าทันที เขาไม่ได้กลัวว่ากองกำลังของรัฐบาลจะถอนกำลังในเวลานี้ สิ่งสำคัญที่เขากลัวคือกองทัพของรัฐบาลจะคิดว่าสำนักว่านหลงสู้รบไม่ไหว จากนั้นพวกเขาจะละทิ้งทหารของสำนักว่านหลงแล้วออกรบเอง ถ้าเป็นเช่นนี้ ความพยายามและการเสียสละทั้งหมดของสำนักว่านหลงก่อนหน้านั้นจะสูญเปล่า ถ้าแตกคอกัน และถ้าอีกฝ่ายยุติการร่วมมือ งั้นเรื่องที่ดิน 100 ตารางกิโลเมตรจะอันตรธานหายไปอย่างแน่นอน! เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินจงเหล่ยรีบหว่านล้อม “ตอนนี้พวกคุณอย่าเพิ่งถอนกำลัง เหตุผลที่ฮามิดมาขอเจรจาสงบศึกในเวลานี้ ต้องเพราะพวกเขายืนหยัดไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงต้องการหาวิธีเอาตัวรอดผ่านการเจรจาสงบศึกก่อนที่พวกเขาจะล่มสลาย ถ้าหากพวกเรายืนหยัดอดทน บางทีอีกฝ่ายอาจล่มสลายไปเอง!” ผู้รับผิดชอบกองทัพของรัฐบาลกล่าวว่า “ตามข้อมูลที่พวกเราได้รับ ฮามิดน่าจะมีเสบียงสำรองจำนวนมาก ถ้าเป็นเวลานานนั้นไม่กล้าพูด แต่สามารถยืนหยัดได้หลายเดือนอย่างแน่นอน!” เฉินจงเหล่ยรีบกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้เป็นข่าวลือจากโลกภายนอก ไม่มีใครรู้ว่าฮามิดมีเสบียงสำรองไว้เท่าไร ถ้าฮามิดจงใจปล่อยข่าวลือเพื่อสร้างความสับสนให้แก่พวกเราล่ะ? ทำให้พวกเราเข้าใจผิดคิดว่าเขามีเสบียงมากมายแล้ว แล้วเจรจาสงบศึกกับเขา และพวกเราจะโดนเขาหลอก!” หลังจากนั้น เฉินจงเหล่ยกล่าวเสริมว่า “และคุณอย่าลืมว่า ก่อนหน้านั้นเขาได้รวบรวมทหารพลัดถิ่นไว้จำนวนมาก และตอนนี้จำนวนทหารของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เวลายิ่งนานการบริโภคเสบียงนั้นยิ่งเร็วขึ้น! ดีไม่ดี ตอนนี้อาจยืนหยัดไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ และสิ่งที่พวกเราต้องทำคืออดทนยืนหยัดอีกสักนิด และขณะเดียวกันพวกเราก็ต้องมีทัศนคติที่แน่วแน่ต่อฮามิดมากขึ้น ถ้าพวกเราไม่ให้โอกาสฮามิดไกล่เกลี่ย ฮามิดจะต้องเกิดความโกลาหลวุ่นวายอย่างแน่นอน!”

“เจรจาสงบศึก?!”

ทันทีที่เขาได้ยินว่าฮามิดต้องการเจรจาสงบศึก เฉินจงเหล่ยกล่าวด้วยความโมโหว่า “ไอ้สารเลวนั้นฆ่าทหารของสำนักว่านหลง 2,000 กว่าคน ทำให้พวกเราเสียหน้าต่อทหารรับจ้างนานาชาติ แล้วตอนนี้มาบอกว่าต้องการเจรจาสงบศึกกับผม!? ผมบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน! สำนักว่านหลงของพวกเราจะไม่ตกลงแน่นอน!”

ผู้บัญชาการกองทัพของรัฐบาลถามกลับว่า “ไม่ยอมเจรจาสงบศึก แล้วยังไม่ยอมโจมตี หรือพวกคุณจะถ่วงเวลาเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ?”

เฉินจงเหล่ยกล่าวอย่างเย็นชา “เรื่องที่ไม่เจรจาสงบศึก พวกเราบรรลุข้อตกลงเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนั้นความคิดเห็นของทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก นั่นคือต้องกำจัดกองกำลังติดอาวุธของฮามิดให้ได้ เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ตอนนี้พวกคุณเปลี่ยนใจแล้วหรือ?”

อีกฝ่ายกล่าวว่า “สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ตอนแรกเหตุผลที่พวกเราบอกว่าไม่ยินยอมเจรจาสงบศึกนั้นเพราะพวกเรารู้สึกว่าฮามิดจะต่อต้านจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน และเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเจรจาสงบศึกกับพวกเรา แต่ตอนนี้พวกเขาแสดงเจตจำนงเรื่องนี้แล้ว ทำไมพวกเราไม่ใช้โอกาสนี้เจรจากับพวกเขาดี ๆ?”

เฉินจงเหล่ยกล่าวอย่างเฉียบขาดว่า “พวกเราสำนักว่านหลงไม่มีอะไรจะเจรจากับเขา แม้ว่าพวกคุณต้องการเจรจาสงบศึกกับเขา พวกเราก็จะไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิมของพวกเรา จะสับฮามิดและลูกน้องของเขาเป็นหมื่นชิ้น!”

อีกฝ่ายขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ถ้าคุณมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะฆ่าฮามิดเช่นนี้ ผมขอแนะนำให้คุณรีบออกรบอย่างรวดเร็ว อย่าปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าเช่นนี้ แม้ว่าพวกคุณจะยอมรับได้ แต่ผมจะทนไม่ไหวแล้ว!”

หลังจากนั้น เขากล่าวอย่างหมดความอดทน “เอาล่ะ พวกเราจะถอนกำลังออกไปก่อน สำนักว่านหลงของพวกคุณล้อมฮามิดอยู่ที่นี่ต่อไป”

เฉินจงเหล่ยขมวดคิ้วและดุด่า “แม่งฉิบหาย คุณหยอกล้อผมหรือ? พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยคุณสู้รบ แต่ปรากฏว่าคุณต้องการถอนกำลัง?”

“ไม่งั้นล่ะ?” อีกฝ่ายถามกลับ “หรือว่าคุณต้องการให้ผมเสียเวลาเป็นเพื่อนคุณอยู่ที่นี่หนึ่งปี? คุณคิดว่าในประเทศของพวกเรามีฮามิดเป็นศัตรูเท่านั้นหรือ? พวกเรายังมีศัตรูที่เหมือนฮามิดอยู่อีกมากมายที่กำลังรอให้พวกเราไปกำจัด และพวกเราไม่มีอารมณ์ที่จะเสียเวลาไปกับฮามิดที่นี่ได้อีก”

อีกฝ่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ทหารระดับสูงของพวกเราให้การชี้แนะที่ชัดเจนแล้ว หากยังไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างชัดเจนภายใน 5 วัน พวกเราจะถอนกำลังทหารทั้งหมดกลับไปพักฟื้น จากนั้นค่อยวางแผนการสู้รบอีกครั้ง ไม่ว่าพวกคุณจะเข้าร่วมรบหรือไม่ก็ตาม!”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดล้อเล่น เฉินจงเหล่ยรู้สึกประหม่าทันที

เขาไม่ได้กลัวว่ากองกำลังของรัฐบาลจะถอนกำลังในเวลานี้

สิ่งสำคัญที่เขากลัวคือกองทัพของรัฐบาลจะคิดว่าสำนักว่านหลงสู้รบไม่ไหว จากนั้นพวกเขาจะละทิ้งทหารของสำนักว่านหลงแล้วออกรบเอง

ถ้าเป็นเช่นนี้ ความพยายามและการเสียสละทั้งหมดของสำนักว่านหลงก่อนหน้านั้นจะสูญเปล่า

ถ้าแตกคอกัน และถ้าอีกฝ่ายยุติการร่วมมือ งั้นเรื่องที่ดิน 100 ตารางกิโลเมตรจะอันตรธานหายไปอย่างแน่นอน!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินจงเหล่ยรีบหว่านล้อม “ตอนนี้พวกคุณอย่าเพิ่งถอนกำลัง เหตุผลที่ฮามิดมาขอเจรจาสงบศึกในเวลานี้ ต้องเพราะพวกเขายืนหยัดไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงต้องการหาวิธีเอาตัวรอดผ่านการเจรจาสงบศึกก่อนที่พวกเขาจะล่มสลาย ถ้าหากพวกเรายืนหยัดอดทน บางทีอีกฝ่ายอาจล่มสลายไปเอง!”

ผู้รับผิดชอบกองทัพของรัฐบาลกล่าวว่า “ตามข้อมูลที่พวกเราได้รับ ฮามิดน่าจะมีเสบียงสำรองจำนวนมาก ถ้าเป็นเวลานานนั้นไม่กล้าพูด แต่สามารถยืนหยัดได้หลายเดือนอย่างแน่นอน!”

เฉินจงเหล่ยรีบกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้เป็นข่าวลือจากโลกภายนอก ไม่มีใครรู้ว่าฮามิดมีเสบียงสำรองไว้เท่าไร ถ้าฮามิดจงใจปล่อยข่าวลือเพื่อสร้างความสับสนให้แก่พวกเราล่ะ? ทำให้พวกเราเข้าใจผิดคิดว่าเขามีเสบียงมากมายแล้ว แล้วเจรจาสงบศึกกับเขา และพวกเราจะโดนเขาหลอก!”

หลังจากนั้น เฉินจงเหล่ยกล่าวเสริมว่า “และคุณอย่าลืมว่า ก่อนหน้านั้นเขาได้รวบรวมทหารพลัดถิ่นไว้จำนวนมาก และตอนนี้จำนวนทหารของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เวลายิ่งนานการบริโภคเสบียงนั้นยิ่งเร็วขึ้น! ดีไม่ดี ตอนนี้อาจยืนหยัดไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ และสิ่งที่พวกเราต้องทำคืออดทนยืนหยัดอีกสักนิด และขณะเดียวกันพวกเราก็ต้องมีทัศนคติที่แน่วแน่ต่อฮามิดมากขึ้น ถ้าพวกเราไม่ให้โอกาสฮามิดไกล่เกลี่ย ฮามิดจะต้องเกิดความโกลาหลวุ่นวายอย่างแน่นอน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน 3102

Now you are reading ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน Chapter 3102 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจรจาสงบศึก?!”
ทันทีที่เขาได้ยินว่าฮามิดต้องการเจรจาสงบศึก เฉินจงเหล่ยกล่าวด้วยความโมโหว่า “ไอ้สารเลวนั้นฆ่าทหารของสำนักว่านหลง 2,000 กว่าคน ทำให้พวกเราเสียหน้าต่อทหารรับจ้างนานาชาติ แล้วตอนนี้มาบอกว่าต้องการเจรจาสงบศึกกับผม!? ผมบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน! สำนักว่านหลงของพวกเราจะไม่ตกลงแน่นอน!”
ผู้บัญชาการกองทัพของรัฐบาลถามกลับว่า “ไม่ยอมเจรจาสงบศึก แล้วยังไม่ยอมโจมตี หรือพวกคุณจะถ่วงเวลาเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ?”
เฉินจงเหล่ยกล่าวอย่างเย็นชา “เรื่องที่ไม่เจรจาสงบศึก พวกเราบรรลุข้อตกลงเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนั้นความคิดเห็นของทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก นั่นคือต้องกำจัดกองกำลังติดอาวุธของฮามิดให้ได้ เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ตอนนี้พวกคุณเปลี่ยนใจแล้วหรือ?”
อีกฝ่ายกล่าวว่า “สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ตอนแรกเหตุผลที่พวกเราบอกว่าไม่ยินยอมเจรจาสงบศึกนั้นเพราะพวกเรารู้สึกว่าฮามิดจะต่อต้านจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน และเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเจรจาสงบศึกกับพวกเรา แต่ตอนนี้พวกเขาแสดงเจตจำนงเรื่องนี้แล้ว ทำไมพวกเราไม่ใช้โอกาสนี้เจรจากับพวกเขาดี ๆ?”
เฉินจงเหล่ยกล่าวอย่างเฉียบขาดว่า “พวกเราสำนักว่านหลงไม่มีอะไรจะเจรจากับเขา แม้ว่าพวกคุณต้องการเจรจาสงบศึกกับเขา พวกเราก็จะไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิมของพวกเรา จะสับฮามิดและลูกน้องของเขาเป็นหมื่นชิ้น!”
อีกฝ่ายขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ถ้าคุณมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะฆ่าฮามิดเช่นนี้ ผมขอแนะนำให้คุณรีบออกรบอย่างรวดเร็ว อย่าปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าเช่นนี้ แม้ว่าพวกคุณจะยอมรับได้ แต่ผมจะทนไม่ไหวแล้ว!”
หลังจากนั้น เขากล่าวอย่างหมดความอดทน “เอาล่ะ พวกเราจะถอนกำลังออกไปก่อน สำนักว่านหลงของพวกคุณล้อมฮามิดอยู่ที่นี่ต่อไป”
เฉินจงเหล่ยขมวดคิ้วและดุด่า “แม่งฉิบหาย คุณหยอกล้อผมหรือ? พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยคุณสู้รบ แต่ปรากฏว่าคุณต้องการถอนกำลัง?”
“ไม่งั้นล่ะ?” อีกฝ่ายถามกลับ “หรือว่าคุณต้องการให้ผมเสียเวลาเป็นเพื่อนคุณอยู่ที่นี่หนึ่งปี? คุณคิดว่าในประเทศของพวกเรามีฮามิดเป็นศัตรูเท่านั้นหรือ? พวกเรายังมีศัตรูที่เหมือนฮามิดอยู่อีกมากมายที่กำลังรอให้พวกเราไปกำจัด และพวกเราไม่มีอารมณ์ที่จะเสียเวลาไปกับฮามิดที่นี่ได้อีก”
อีกฝ่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ทหารระดับสูงของพวกเราให้การชี้แนะที่ชัดเจนแล้ว หากยังไม่มีวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างชัดเจนภายใน 5 วัน พวกเราจะถอนกำลังทหารทั้งหมดกลับไปพักฟื้น จากนั้นค่อยวางแผนการสู้รบอีกครั้ง ไม่ว่าพวกคุณจะเข้าร่วมรบหรือไม่ก็ตาม!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดล้อเล่น เฉินจงเหล่ยรู้สึกประหม่าทันที
เขาไม่ได้กลัวว่ากองกำลังของรัฐบาลจะถอนกำลังในเวลานี้
สิ่งสำคัญที่เขากลัวคือกองทัพของรัฐบาลจะคิดว่าสำนักว่านหลงสู้รบไม่ไหว จากนั้นพวกเขาจะละทิ้งทหารของสำนักว่านหลงแล้วออกรบเอง
ถ้าเป็นเช่นนี้ ความพยายามและการเสียสละทั้งหมดของสำนักว่านหลงก่อนหน้านั้นจะสูญเปล่า
ถ้าแตกคอกัน และถ้าอีกฝ่ายยุติการร่วมมือ งั้นเรื่องที่ดิน 100 ตารางกิโลเมตรจะอันตรธานหายไปอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินจงเหล่ยรีบหว่านล้อม “ตอนนี้พวกคุณอย่าเพิ่งถอนกำลัง เหตุผลที่ฮามิดมาขอเจรจาสงบศึกในเวลานี้ ต้องเพราะพวกเขายืนหยัดไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงต้องการหาวิธีเอาตัวรอดผ่านการเจรจาสงบศึกก่อนที่พวกเขาจะล่มสลาย ถ้าหากพวกเรายืนหยัดอดทน บางทีอีกฝ่ายอาจล่มสลายไปเอง!”
ผู้รับผิดชอบกองทัพของรัฐบาลกล่าวว่า “ตามข้อมูลที่พวกเราได้รับ ฮามิดน่าจะมีเสบียงสำรองจำนวนมาก ถ้าเป็นเวลานานนั้นไม่กล้าพูด แต่สามารถยืนหยัดได้หลายเดือนอย่างแน่นอน!”
เฉินจงเหล่ยรีบกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้เป็นข่าวลือจากโลกภายนอก ไม่มีใครรู้ว่าฮามิดมีเสบียงสำรองไว้เท่าไร ถ้าฮามิดจงใจปล่อยข่าวลือเพื่อสร้างความสับสนให้แก่พวกเราล่ะ? ทำให้พวกเราเข้าใจผิดคิดว่าเขามีเสบียงมากมายแล้ว แล้วเจรจาสงบศึกกับเขา และพวกเราจะโดนเขาหลอก!”
หลังจากนั้น เฉินจงเหล่ยกล่าวเสริมว่า “และคุณอย่าลืมว่า ก่อนหน้านั้นเขาได้รวบรวมทหารพลัดถิ่นไว้จำนวนมาก และตอนนี้จำนวนทหารของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เวลายิ่งนานการบริโภคเสบียงนั้นยิ่งเร็วขึ้น! ดีไม่ดี ตอนนี้อาจยืนหยัดไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ และสิ่งที่พวกเราต้องทำคืออดทนยืนหยัดอีกสักนิด และขณะเดียวกันพวกเราก็ต้องมีทัศนคติที่แน่วแน่ต่อฮามิดมากขึ้น ถ้าพวกเราไม่ให้โอกาสฮามิดไกล่เกลี่ย ฮามิดจะต้องเกิดความโกลาหลวุ่นวายอย่างแน่นอน!”

บทที่ 3102

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+