ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้านบทที่ 5044 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกคุณไม่ต้องเป็นทาสอีกแล้ว3

Now you are reading ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน Chapter บทที่ 5044 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกคุณไม่ต้องเป็นทาสอีกแล้ว3 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5044 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกคุณไม่ต้องเป็นทาสอีกแล้ว3

เย่เฉินอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ : “ถ้าหากมีคนเป็นโรคที่รุนแรง ปกติแล้วจะจัดการอย่างไร?”

ซ่าจิ่วหลิงคิดแล้วจึงเอ่ยขึ้น : “ดูเหมือนพวกเราจะไม่เคยเจอกับโรคที่รุนแรง เพราะสาเหตุที่พวกเราใช้ยาถอนพิษในทุกๆสัปดาห์ ร่างกายของพวกเราจึงค่อนข้างอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างแข็งแรง อีกทั้งยาถอนพิษแบบนี้ก็จะสามารถเพิ่มคุณสมบัติทางร่างกายของพวกเราให้สูงขึ้นด้วย ทำให้ความสามารถของพวกเราแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

เย่เฉินเข้าใจขึ้นมาทันที

ตอนนั้นทหารหน่วยกล้าตายเหล่านั้นของห้าสี่เจ็ด ถึงแม้จะไม่ใช่นักบู๊ที่แท้จริง แต่คุณสมบัติของร่างกายก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านักบู๊เลยด้วยเช่นกัน ประกอบกับอาวุธที่มีความเป็นสมัยใหม่ และกลยุทธ์ที่รัดกุม ทำให้ระดับความสามารถในการสู้รบที่แท้จริงนั้นมีสูงมาก ต่อให้เป็นนักบู๊แปดดาวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา

คิดแล้ว ร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ เป็นเพราะสาเหตุจากการใช้ยาถอนพิษนี้ตามกำหนดเวลา

เวลานี้ซ่าจิ่วหลิงก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง : “ถึงแม้ว่ายาถอนพิษจะสามารถทำให้สมรรถภาพของพวกเรามีสูงขึ้น แต่ดูเหมือนกับจะมีผลกระทบกับอายุขัยต่อคนของพวกเรามาก การใช้ยาถอนพิษเป็นเวลานาน ทำให้อายุขัยเฉลี่ยของพวกเราอยู่ได้ไม่เกินหกสิบปี มีบันทึกของทหารหน่วยกล้าตายนายหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ได้นานที่สุดก็คือห้าสิบแปดปี ส่วนมากแล้วตอนที่อายุประมาณห้าสิบก็จะตายไปเองโดยไม่มีโรคภัย”

เย่เฉินพยักหน้าลง : “ยาชนิดนั้นไม่ใช่จะอาศัยฤทธิ์ยามาเพิ่มสมรรถภาพของร่างกายพวกคุณ มันเพียงแค่เพิ่มความเร็วในการเผาไหม้พลังชีวิตของร่างกายพวกคุณเท่านั้น เพื่อที่จะให้พวกคุณได้ระเบิดศักยภาพออกมาได้มากยิ่งขึ้น ดูในระยะเวลาอันสั้น ความสามารถก็มีการพัฒนาขึ้นมากจริงๆ แต่ความจริงแล้วเป็นการใช้ชีวิตหลังจากนี้ของคุณอย่างเกินกำลัง”

ว่าแล้ว เย่เฉินก็เอ่ยถามเขาขึ้น : “ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้วครับ?”

ซ่าจิ่วหลิงเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม : “ผู้ใต้บังคับบัญชาปีนี้อายุสี่สิบห้าแล้วครับ”

ว่าแล้ว เขาก็อดที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆไม่ได้ แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างดูถูกตัวเอง : “ผู้ใต้บังคับบัญชาเองก็ยังอยู่ได้อีกสิบปี หวังว่าในสิบปีนี้ จะสามารถขุดรากถอนโคนองค์กรพั่วชิงไปกับท่านได้!”

เย่เฉินมองเขา แล้วเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง : “วางใจเถอะ การขุดรากถอนโคนองค์กรพั่วชิง ไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนี้อยู่แล้ว อีกทั้ง พวกคุณเองก็ไม่ได้จะมีอายุอยู่ถึงแค่ห้าสิบหรือหกสิบหรอกครับ ตอนนี้พิษที่อยู่ในร่างกายของพวกคุณก็ถูกถอนออกไปแล้ว ผมจะทำให้พวกคุณมีอายุขัยเหมือนกับคนทั่วไป”

ซ่าจิ่วหลิงรู้ว่าเย่เฉินไม่ได้พูดไปอย่างไม่คิด จึงเอ่ยขึ้นด้วยความซาบซึ้งใจ : “ขอบคุณในบุญคุณของท่านอีกครั้ง!”

ว่าแล้วก็ชันเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อแสดงความเคารพเลื่อมใส

เย่เฉินเห็นเขาชันเข่าข้างหนึ่งแล้ว จึงหัวเราะขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

ก่อนหน้านี้เพิ่งจะบอกไปว่าไม่อนุญาตให้คุกเข่าแสดงความเคารพ เขาก็เปลี่ยนจากการคุกเข่าทั้งสองข้างเป็นคุกเข่าเพียงข้างเดียวแทน

เย่เฉินส่ายหน้า แล้วใช้มือข้างหนึ่งดึงเขาขึ้นมา มองเวลาแล้วเอ่ยขึ้น : “ดูแล้วฟ้าจะสว่างแล้ว คุณไปให้เด็กๆที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเตรียมตัวกัน เดี๋ยวขึ้นไปชื่นชมพระอาทิตย์ขึ้นครั้งแรกในชีวิตของพวกเขากัน!”

“ชื่นชมพระอาทิตย์ขึ้น?!”

ซ่าจิ่วหลิงรู้สึกตกตะลึง ในขณะเดียวกันก็เอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น : “ท่านพูดจริงใช่ไหมครับ?!”

เย่เฉินพยักหน้า : “เมื่อกี้ผมบอกแล้ว ต่อไปรับประกันว่าหน่วยทหารกล้าตายจะสามารถผลัดกันขึ้นไปทางด้านบนได้ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ตาม ตอนนี้นี่คือครั้งแรก ก็เอาให้พวกเด็กๆที่ยังไม่เคยเห็นเดือนเห็นตะวันเหล่านั้น”

ซ่าจิ่วหลิงรู้สึกตื่นเต้น แต่จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วเอ่ยถามเย่เฉินขึ้น : “ท่านครับ เวลานี้ข้างนอกคือกลางคืนหรือครับ?”

“ใช่” เย่เฉินเอ่ยขึ้น : “อีกครึ่งชั่วโมงฟ้าก็จะสว่างแล้ว”

ซ่าจิ่วหลิงมองดูแสงไฟที่ปกคลุมอย่างแน่นหนาอยู่บนเพดาน แล้วอุทานขึ้น : “ดูแล้วเวลากลางวันและกลางคืนในนี้ของพวกเราจะตรงกันข้ามกับข้างนอกโดยสิ้นเชิง”

เย่เฉินหัวเราะออกมาเล็กน้อย : “พวกเขาไม่อยากให้พวกคุณนับวันเวลาในการใช้ชีวิตจริงๆ แน่นอนว่าต้องบิดเบือนเวลาในนี้กับความเป็นจริงให้ตรงข้ามกันอยู่แล้ว”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *