ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้านบทที่ 5130 พาแกไปเฟี้ยว 2

Now you are reading ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน Chapter บทที่ 5130 พาแกไปเฟี้ยว 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5130 พาแกไปเฟี้ยว 2

ไม่นานนัก หม่าหลันก็เดินออกมาจากระเบียงของชั้นสามพร้อมกับใต้ตาหมีแพนด้า ตั้งแต่เมื่อคืนกระทั่งถึงตอนนี้ เธอยังไม่เคยได้นอนหลับเลย เล่นโทรศัพท์จนตาใกล้จะบอดแล้ว

เมื่อหนึ่งนาทีก่อนเพิ่งเริ่มรู้สึกง่วง กะจะนอนพักแป๊บหนึ่งค่อยว่ากันอีก นึกไม่ถึงเลยว่าความง่วงทั้งหมดจะสลายหายไปเพราะเสียงแตรที่น่ารำคาญของเฉียนหงเย่น

เมื่อได้ยินเฉียนหงเย่นตะโกนเรียกชื่อตัวเองแล้ว หม่าหลันก็รู้สึกหงุดหงิดมาก หยิบไม้เท้ายืดหยุ่นที่ทำมาจากเส้นใยคาร์บอนที่โรงพยาบาลตระกูลเฟ่ยจัดสรรให้เธอมา แล้วเดินขากระเผลกออกมาถามด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด: “มีอะไร มาเร่งตั้งแต่เช้าแบบนี้ห่าเหวอะไร? แกไม่นอนแต่คนอื่นต้องนอนนะ!”

เฉียนหงเย่นหัวเราะฮ่า ๆ โน้มตัวเอนยู่ขอบหน้าต่างรถยนต์พลางยิ้มพลางโบกมือให้หม่าหลัน: “จะนอนไปทำไม เดี๋ยวพี่สะใภ้พาแกออกไปเฟี้ยว ฉันเพิ่งนัดกับเคมปินสกี้โรงแรมสปาที่ดีที่สุดในจินหลิง ดีเลิศกว่าสถาบันเสริมความงามที่แกเคยไปมาก ๆ เลยล่ะ เดี๋ยวสักพักถ้าไปถึงแล้วก็ไปกินบุฟเฟ่ต์ระดับ 5 ดาวก่อน จากนั้นค่อยนอนแช่อยู่ในศูนย์สปาสักครึ่งวัน ตอนบ่ายถ้าไม่มีเรื่องอะไรค่อยหาอะไรกินรองท้องในโรงแรม ตอนเย็นยังต้องทำเทอมาร์จ เรียนโยคะ แกจะไปพร้อมกันไหม? เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”

เมื่อหม่าหลันได้ยินเธอพูดอย่างได้ใจต่อหน้าตัวเอง ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากแขวะเธออยู่นั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินเฉียนหงเย่นบอกว่าจะเลี้ยง ดังนั้นหม่าหลันจึงถามอย่างสงสัย: “แกแน่ใจเหรอว่าแกจะเลี้ยง?”

เฉียนหงเย่นตอบกลับอย่างจริงจังมาก ๆ: “เราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้ว เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ฉันยังต้องโกหกแกด้วยเหรอ?”

หม่าหลันเบะปากแล้วถามลองหยั่งเชิง: “ฉันแค่กลัวว่าหลังจากทำเสร็จแล้ว แกจะแอบชิ่งหนีในช่วงจังหวะที่ฉันไม่ทันได้ระวัง ปล่อยให้ฉันจ่ายบิลอยู่ที่นั่นคนเดียว”

“พูดเล่นอะไรอยู่เนี่ย”เฉียนหงเย่นหัวเราะเยาะทีหนึ่ง แล้วหยิบบัตรโกลด์การ์ดของเคมปินสกี้ออกมาพูดกับหม่าหลันว่า: “ฉันฝากเงินไว้ในเคมปินสกี้ห้าแสน เป็นแขกผู้มีเกียรติของที่นั่น ถ้าเกิดฉันไปใช้บริการที่นั่น ฉันจะเซ็นชื่อแล้วหักเงินในบัญชีโดยตรงเลย ฉันไม่จำเป็นต้องออกแรงไปจ่ายบิลเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมีทางให้แกจ่ายเงินได้ยังไงล่ะ?”

หลังจากพูดจบ เธอก็มองหน้าหม่าหลันพลางยักคิ้วพลางถาม: “ตกลงแกจะไปไหมเนี่ย? ฉันขอบอกกับแกไว้ก่อนนะ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในวันนี้ ไม่ต่ำกว่าสองหมื่นหยวนต่อคน ต่อให้มีบัตรโกลด์การ์ดก็ได้ส่วนลดแค่ 25% เท่านั้น พอคำนวณดูแล้วก็ตกที่คนละหมื่นห้ากว่า ถ้าเกิดแกไม่ไปละก็ ถึงตอนนั้นอย่ารู้สึกเสียใจทีหลังเชียวนะ!”

เมื่อหม่าหลันได้ยินแบบนี้ จึงด่ากราดทั้งโคตรเหง้าตระกูลของเฉียนหงเย่นในใจรอบหนึ่ง พลางอดไม่ได้ที่จะนึกคิดในใจ: “แม่งเอ๊ย เจ๊ยังไม่เคยสัมผัสกับสปาที่สูงส่งขนาดนั้นของเคมปินสกี้มาก่อนเลย นังตัวดีเฉียนหงเย่นนี่ถึงขั้นยอมจ่ายห้าแสนเพื่อทำบัตร แถมไปครั้งหนึ่งยังต้องเสียหมื่นห้าอีก แม่งผลาญเงินเก่งจริง ๆ!”

ชาตินี้ช่วงเวลาที่สง่าผ่าเผยมากที่สุดของหม่าหลันก็คือช่วงเวลาที่ได้พักอยู่ในคฤหาสน์หรูจินหลิงคนเดียว ขับรถหรูและมีเงินฝากในบัญชีหกหลัก

แต่ทว่าขณะที่หม่าหลันมีเงินฝากในบัญชีหกหลัก เธอไม่กล้าใช้เงินฟุ่มเฟือยอย่างเฉียนหงเย่นหรอกนะ ทำสปาครั้งหนึ่งก็หมื่นกว่าหยวนแล้ว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือแนวคิดการใช้จ่ายของหม่าหลันแล้ว

เธอรู้สึกว่าการที่ตัวเองเติมเงินสองสามหมื่นในสถาบันเสริมความงาม ไปทำหน้าบำรุงรักษารูปร่างครั้งละพันสองพันหยวน ก็ถือเป็นหญิงวัยกลางคนค่าใช้จ่ายสูงคนหนึ่งแล้ว จะกล้าเอาเงินห้าแสนเพื่อไปทำสปาอย่างเฉียนหงเย่นได้ยังไง

อีกอย่างเธอก็ไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นด้วย

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จิตใจของหม่าหลันก็รู้สึกโหยหามาก ๆ ดังนั้นจึงทำได้เพียงฝืนระงับความอิจฉาและความโกรธในใจลงไป พูดกับเฉียนหงเย่นว่า: “โอ๊ย ในเมื่อแกมีไมตรีจิตขนาดนี้ งั้นฉันก็จะไปเปิดประสบการณ์กับแกครั้งหนึ่งก็แล้วกัน”

หลังจากพูดจบ เธอยังจงใจพูดอย่างทอดถอนใจอีกด้วยว่า: “ก่อนฉันจะไปอเมริกา ฉันก็พาแกไปเลี้ยงเที่ยวกินมานานขนาดนี้แล้ว ตอนนี้แกยังไม่ลืมที่จะเลี้ยงฉันกลับ ถือว่าแกยังมีคุณธรรมอยู่!”

เฉียนหงเย่นยิ้มพลางส่ายหน้า ทว่ากลับไม่ได้แขวะหม่าหลันกลับ แต่เป็นการโบกมือให้เธอแล้วพูดว่า: “งั้นก็รีบลงมาเถอะ ฉันอุตส่าห์ไม่กินอะไรเพื่อไปกินอาหารเช้าที่นั่นเลยนะ!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *