ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้านบทที่ 5139 โคตรไม่เป็นที่นิยม 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5139 โคตรไม่เป็นที่นิยม 1
เมื่อพูดจบ เฉินจื๋อข่ายจึงถาม: “คุณเห็นพวกเขาแขวนป้ายหน้าประตูทางเข้าแล้วใช่ไหม? ตอนที่ผมมาพวกเขากำลังรื้ออยู่ พอถามแล้วผมถึงจะทราบว่าชิวอิงซานจะมาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยจินหลิง”
จู่ ๆ เย่เฉินก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วเอ่ยปากถาม: “ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยจินหลิง เหมือนเคยได้ยินชื่อคนดังกล่าวมาก่อน เล่ากันว่าเขาบริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยจินหลิงไม่น้อยเลยใช่ไหม?”
เฉินจื๋อข่ายพยักหน้าแล้วตอบกลับ: “ใช่แล้วครับ หลังจากเปิดประเทศแล้ว เขาคือชาวจีนโพ้นทะเลกลุ่มแรกที่กลับมาพัฒนาบ้านเกิด ในยุค 90 ก็บริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยจินหลิงห้าร้อยล้านแล้ว ซึ่งเมื่อปีนั้นเงินก้อนนี้ถือเป็นจำนวนตัวเลขที่เยอะมาก ๆ เลยนะครับ”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”เย่เฉินพยักหน้าเบา ๆ รู้สึกแค่ว่าอาจจะเป็นเพราะคุณท่านวางแผนจะกลับมาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยจินหลิง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนัก
ในขณะเดียวกัน
เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งที่ถูกปรับแก้มาจากแอร์บัส A330 ก็แลนด์ดิ้งลงบนสนามบินจินหลิงอย่างปลอดภัย
ซึ่งหลินหว่านเอ๋อร์และคู่สามีภรรยาชิวอิงซาน ก็อยู่บนเครื่องบินลำนี้นั่นเอง
เนื่องจากมาเลเซียก็ตั้งอยู่บนเขตเวลาที่เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าเวลาสากลเชิงพิกัด 8 ชั่วโมงเช่นกัน ซึ่งเวลาในมาเลเซียจึงไม่แตกต่างจากจินหลิง ดังนั้นเดิมทีหลินหว่านเอ๋อร์กะจะออกเดินทางบินจากปีนังมาหัวเซี่ยพรุ่งนี้แปดโมงเช้า เมื่อเป็นแบบนี้ละก็ เวลาประมาณบ่ายสองโมงก็บินถึงจินหลิงแล้ว ซึ่งจะไม่ทำให้เวลาสมัครเรียนล่าช้า
แต่เมื่อคืนหลังจากทิ้งตัวนอนลงบนเตียง เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง กระทั่งประมาณตีสี่ตีห้าก็ยังนอนไม่หลับ
หลินหว่านเอ๋อร์พยายามทำให้จิตใจตัวเองสงบลง แต่ไม่ว่าเธอจะใช้ทุกวิถีทางแล้ว ก็รู้สึกเหมือนหัวใจลุกลี้ลุกลนมาโดยตลอด เหมือนจะมีท่าทีที่จิตใจหวาดหวั่นลาง ๆ
ภายใต้สถานการณ์ที่จนปัญญา เธอจึงทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง บอกกับตัวเองว่าพรุ่งนี้เช้าก็จะออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังจินหลิงแล้ว มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เย่เฉินหายตัวไปตอนแรก บางทีตัวเองอาจจะสมความปรารถนาจริง ๆ ได้พบหน้าเขาในจินหลิง
เมื่อนึกถึงตรงนี้ สภาพจิตใจของหลินหว่านเอ๋อร์ก็สบายขึ้นมาเยอะมาก ๆ แต่ทว่าสิ่งที่เข้ามาทดแทนกลับเป็นความรู้สึกคับขันอย่างหนึ่งที่ต้องแข่งกับเวลา
ภายใต้ความร้อนรน เธอจึงทำได้เพียงเชิญชิวอิงซานรีบเตรียมเครื่องบินเพื่อออกเดินทางตั้งแต่คืนนั้น มาถึงจินหลิงก่อนกำหนดหลายชั่วโมง
เพื่อเป็นการไม่ให้การยื่นสมัครเรียนของหลินหว่านเอ๋อร์ล่าช้า ชิวอิงซานจึงให้คนประสานกับผู้อำนวยการของทางมหาวิทยาลัยจินหลิงล่วงหน้า แต่ทว่าเขาไม่ได้ให้ลูกน้องของตัวเองเปิดเผยจุดประสงค์ของการมามหาวิทยาลัยจินหลิงในครั้งนี้ของตัวเอง แค่แจ้งกับฝ่ายตรงข้ามว่าตัวเองอยากกลับมาเยี่ยมชมที่มหาวิทยาลัยจินหลิง
ทางมหาวิทยาลัยต้องให้ความสำคัญกับแขกผู้มีเกียรติคนนี้มากเป็นธรรมดาอยู่แล้ว จึงรีบเร่งให้คนไปผลิตป้ายตั้งแต่คืนนั้น แม้แต่ผู้อำนวยการยังเตรียมพร้อมที่จะมาต้อนรับด้วยตนเอง มาพาเที่ยวชมดูงานด้วยตนเอง รองผู้อำนวยการคนอื่น ๆ รวมไปถึงคณบดีจำนวนมากก็รีบหยุดช่วงวันหยุดชั่วคราว รีบเร่งเดินทางกลับมารอต้อนรับที่มหาวิทยาลัย
เฉินจื๋อข่ายพาเย่เฉินและคลอเดีย เข้าไปในอาคารวิชาการแล้วมาถึงฝ่ายรับสมัครนักศึกษา
วินาทีนี้ หัวหน้าฝ่ายรับสมัครนักศึกษาก็รอคอยอยู่ที่นี่แล้วเหมือนกัน
เมื่อเห็นว่าเฉินจื๋อข่ายมาถึง หัวหน้าคนนั้นจึงพูดอย่างเกรงใจมาก ๆ ว่า: “โอ๊ะผู้จัดการทั่วไปเฉิน ไม่ได้เจอกันนานเลย คุณยังหล่อเหลาผ่าเผยเหมือนเดิมเลยนะครับ!”
เฉินจื๋อข่ายอมยิ้มทีหนึ่งแล้วตอบกลับ: “หัวหน้าหลิว เรื่องในครั้งนี้ต้องรบกวนคุณด้วยนะครับ”
หัวหน้าหลิวนั่นยิ้มพลางตอบกลับว่า: “ผู้จัดการทั่วไปเฉินไม่ต้องเกรงใจกับผมขนาดนี้ก็ได้ครับ เป็นเรื่องที่ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากเลย มิหนำซ้ำการรับนักศึกษาต่างชาติได้มาก ๆ ก็เป็นภารกิจที่ฝ่ายรับสมัครนักศึกษาของเราให้ความสนใจมาก ๆ จะว่าไปผู้จัดการทั่วไปเฉินก็กำลังช่วยทำให้ผมผ่านการประเมินผลสัมฤทธิ์อยู่นะครับ”
เฉินจื๋อข่ายหัวเราะฮ่า ๆ ก่อนจะแนะนำคลอเดียให้เขารู้จัก: “หัวหน้าหลิว คนนี้คือคลอเดีย ญาติห่าง ๆ ของผมที่ผมพูดถึง เธอเกิดและเติบโตในประเทศแคนาดา และเรียนหนังสือที่ประเทศแคนาดาเช่นกัน ส่วนคนที่อยู่ข้าง ๆ นี้ก็คือญาติห่าง ๆ ของผมเช่นกัน เป็นลูกพี่ลูกน้องของคลอเดีย”
Comments