ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้านบทที่ 5189 พูดอย่างตรงไปตรงมา 3
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5189 พูดอย่างตรงไปตรงมา 3
เย่เฉินหยิบกำไลเถากระดูกวิหคที่ใช้ไปหนึ่งในสิบออกจากในกระเป๋า แล้วกล่าวกับนายหญิงใหญ่ว่า: “คุณย่าเจียง นี่คือกำไลที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของท่าน หากท่านไม่รู้จะอธิบายกับบรรพบุรุษของท่านอย่างไรดี กำไลนี้ท่านก็สามารถรับกลับไปได้ทุกเมื่อครับ”
นายหญิงใหญ่ชำเลืองมองกำไลที่สร้างจากเถากระดูกวิหควงนี้แล้ว หลังจากที่เธอพบว่ากำไลได้ขาดไปส่วนหนึ่ง จึงกล่าวถามด้วยความตกใจทันทีว่า: “เอ่อ…..กำไลนี้……ผู้มีพระคุณท่าน……ท่านใช้ไปแล้วเหรอ?”
เย่เฉินพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างสบายใจว่า: “เพื่อช่วยชีวิตคน จึงใช้ไปเล็กน้อยครับ”
ในแววตาของนายหญิงใหญ่เต็มไปด้วยความเคารพยำเกรงทันที เธอถามพึมพำว่า: “ผู้มีพระคุณเป็นคนที่มีพลังวิเศษจริง……บรรพอาจารย์เมิ่งเคยบอกกับบรรพบุรุษของตระกูลฉันเอาไว้ว่า ถ้าหากในอนาคตมีคนที่สามารถใช้เถากระดูกวิหคนี้ได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีพลังวิเศษ หรือในตัวมีปราณทิพย์!”
เมื่อเย่เฉินได้ยินคำว่า”ในตัวมีปราณทิพย์” คนจึงตกตะลึงอยู่ไม่น้อย เขาจึงระงับความตกใจภายในใจเอาไว้ และเอ่ยปากกล่าวถามว่า: “คุณย่าเจียง ท่านรู้เกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไรกัน?”
นายหญิงใหญ่ชี้ไปยังรูปภาพตรงกลางจากทั้งสามภาพ คือผู้อาวุโสผู้สง่าผ่าเผยคนนั้น แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า: “ท่านนี้ที่อยู่ในรูปภาพ ก็คือบรรพอาจารย์เมิ่ง เป็นผู้มีพระคุณอย่างสูงต่อตระกูลเจียงของพวกเรา เขาและผู้มีพระคุณเหมือนกัน คือมีพลังวิเศษ และในตัวมีปราณทิพย์!”
รูม่านตาของเย่เฉินหดแคบลงทันที แล้วรีบซักถามว่า: “คุณย่าเจียง ท่านสามารถเล่าเรื่องราวของบรรพอาจารย์เมิ่งผู้นี้ให้ฟังอย่างละเอียดสักหน่อยได้หรือไม่?”
นายหญิงใหญ่ชำเลืองมองเย่เฉิน แล้วก็มองเฉินจื๋อข่าย แล้วกล่าวอย่างลังเลใจเล็กน้อยว่า: “ผู้มีพระคุณ ขออภัยที่ฉันไร้มารยาท แต่เรื่องบางเรื่อง ฉันเล่าฝห้คุณฟังได้เพียงคนเดียวเท่านั้น…………”
เพียงเฉินจื๋อข่ายได้ฟังคำพูดนี้ ก็ลุกขึ้นยืนทันที แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า: “คุณย่าเจียงครับ ท่านค่อยๆ พูดคุยกับคุณชายของฉันเถอะ ฉันจะไปรอลูกชายของท่านที่ด้านนอกครับ”
คำพูดของเฉินจื๋อข่าย ทำให้นายหญิงใหญ่ตกตะลึงขึ้นมาทันที
เธอไม่คาดคิดว่า ชายหนุ่มที่เพิ่งจะอายุได้สามสิบผู้นี้ คาดไม่ถึงว่าจะมีสายตาที่แยกแยะเช่นนี้
ตนเองไม่อยากเอ่ยถึงความลับของวงศ์ตระกูลต่อหน้าเขา เขาไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังรู้ว่าคำพูดเหล่านี้เธอกระทั่งลูกชายก็ไม่อยากให้รู้ จึงเริ่มบอกว่าต้องการออกไปรอลูกชายของตัวเองด้านนอก ความหมายนั้นชัดเจนอย่างมาก เขาไม่เพียงแต่หลีกเลี่ยงออกไปทันที อีกทั้งถ้าหากลูกชายของตนเองกลับมาล่วงหน้า เขาก็จะคิดหาวิธีขัดขวาง
ด้วยเหตุนี้ นายหญิงใหญ่จึงคำนับด้วยความเคารพอย่างมาก: “ลำบากคุณแล้ว!”
เฉินจื๋อข่ายก็กล่าวอย่างเคารพนบนอบว่า: “คุณย่าเจียงสิต้องลำบาก ท่านพูดคุยกับคุณชายของฉันไปก่อนเถอะ ฉันขอตัวออกไปข้างนอกก่อน!”
พูดจบ ก็เดินออกจากประตูไปทันที แล้วอยู่ด้านนอกบ้านโดยตลอด
นายหญิงใหญ่จึงกล่าวกับเย่เฉินว่า: “คนข้างกายของผู้มีพระคุณ ช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
“ขอบคุณคุณย่าเจียงที่ชมครับ” เย่เฉินยิ้มๆ อย่างถ่อมตัว ทันใดจึงกล่าวถามเธอว่า: “คุณย่าเจียง ท่านบอกได้ไหมว่า บรรพอาจารย์เมิ่งเป็นใครเหรอครับ?”
นายหญิงใหญ่มองผู้อาวุโสในรูปภาพนั้น แล้วกล่าวว่า: “ชื่อของบรรพบุรุษของเมิ่งเชิงชื่อฉางหมิง เป็นคนของฉางอาน เกิดในยุคแรกของต้าถังหลินเต๋อ ในปีคริสต์ศักราชหกร้อยหกสิบสี่ ต่อมาเขาได้เริ่มแสวงหาการมีอายุยืนยาว แต่ต้องการจะทำยาอายุวัฒนะ จึงเปลี่ยนชื่อเป็นเมิ่งฉางเชิง บรรพอาจารย์เมิ่งจึงเป็นชื่อที่คนตระกูลเจียงเคารพนับถือ”
“เมิ่งฉางเชิง…….” เย่เฉินพูดเบาๆ ว่า ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่เขาก็ไม่ได้แปลกใจจนเกินไป
รูปภาพนี้มองดูแล้วเป็นยุคสมัยที่เก่าแก่อย่างมาก อีกทั้งวงศ์ตระกูลของนายหญิงใหญ่ก็ถ่ายทอดกันมาหนึ่งพันหกร้อยปีแล้ว คนในรูปภาพนี้ก็เป็นคนในยุคราชวงศ์ถัง นี่จึงไม่ทำให้คนรู้สึกแปลกใจมากนัก
Comments