ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้านบทที่ 5206 ถ่อมตน ถ่อมตน ถ่อมตนอีก 1

Now you are reading ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน Chapter บทที่ 5206 ถ่อมตน ถ่อมตน ถ่อมตนอีก 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5206 ถ่อมตน ถ่อมตน ถ่อมตนอีก 1

ขอเพียงระหว่างนี้มีคนที่อารมณ์ฉุนเฉียว เมื่อเห็นว่ารอซ้ายก็ไม่มา รอขวาก็ไม่มา ก็ฉีกภาพเหมือนของเมิ่งฉางเชิงทิ้งซะ เกรงว่าคงรู้ต้นสายปลายเหตุไปนานแล้ว

แต่บางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลก คนของตระกูลเจียงไม่ได้รอจนถึงผลลัพธ์นี้ กลับถูกตัวเองพบเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

ในขณะเดียวกันนี้ เย่เฉินก็แอบครุ่นคิดอยู่ในใจเหมือนกัน : “ไม่รู้ว่าเมิ่งฉางเชิงเจอวิธีอะไรเข้ากันแน่ สามารถทำให้อายุขัยของเขาบุกทะลวงข้อจำกัดช่วงแรกสองร้อยปีได้ และไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขามีชีวิตอยู่ได้กี่ปีกันแน่ หากว่ามีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ ก็หนึ่งพันสี่ร้อยกว่าปีเลยไม่ใช่เหรอ ?”

คิดถึงตรงนี้ เย่เฉินก็ส่ายหน้า แอบพูดด้วยความหนักแน่น : “บนโลกนี้ไม่มีทางที่จะมีคนสามารถมีชีวิตอยู่จนถึงหนึ่งพันสี่ร้อยปีหรอก คิดว่าผู้อาวุโสท่านนี้จะต้องถูกฝังร่างไว้ที่ไหนสักแห่งแล้ว !”

ตามการหายไปของภาพนั่น ปราณทิพย์เล็กน้อยนั่นที่อยู่ในม้วนภาพวาดก็หายไปแล้วด้วยเช่นเดียวกัน แต่ตอนที่เย่เฉินมองภาพนี้อีกที ในหัวก็อดไม่ได้ที่จะคิดโยงไปถึงภาพของเมิ่งฉางเชิง ก็รู้สึกว่าเมิ่งฉางเชิงในภาพนี้ เหมือนจะมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น ปรากฏอยู่บนแผ่นกระดาษอย่างเต็มไปด้วยพลังชีวิต

เขาอดไม่ได้ที่จะคาดคะเนอยู่ในใจ ชีวิตของเมิ่งฉางเชิงหลังจากออกไปจากหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในภูเขาแห่งนั้น เป็นท่วงทำนองแบบไหนกันแน่นะ

แม้ว่าได้รับการยืดอายุขัยแล้วก็ตาม แต่เหมือนไม่ได้มีคนสำคัญในชีวิตแล้ว ภรรยาและลูกก็จากไปนานแล้ว ลูกศิษย์เพียงคนเดียวก็ได้ฝังศพไปแล้วด้วยเช่นเดียวกัน เหลือเพียงเขาที่เหมือนคนวัยกลางคน

ด้วยความที่เขามีนิสัยหมกมุ่นการฝึกฝน แสวงหาความอายุยืนอย่างลำบากลำบน หรือว่าหลังจากที่เขาออกจากหมู่บ้านที่เขตภูเขาแล้ว ยังคงจะเลือกกลับไปที่ถ้ำของตัวเองที่ตั้งอยู่ที่แห่งหนึ่ง แล้วฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ คนเดียวต่อ นับจากนี้ก็รู้เพียงแค่พระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตก กลับไม่รู้ว่าโลกข้างนอกเป็นปีไหน เดือนไหน ยุคไหน สมัยไหน

ตอนที่ชีวิตเหลือเพียงการฝึกฝนวันแล้ววันเล่า ความรู้สึกดีใจ โกรธ โศกเศร้าและมีความสุขทั้งหมดของเขานั้นก็เหลือไว้ให้แค่ตัวเอง หาคนอื่นให้แบ่งปัน หรือแบ่งเบาไม่เจอเลยสักคน

ความรู้สึกพวกนั้น สำหรับเย่เฉินแล้ว ไม่ใช่การแสวงหาความอายุยืน แต่เป็นการแสวงหาการอยู่คนเดียว

เขาคิดว่า หากคนคนหนึ่งทิ้งอารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาแบบคนทั่วไปแล้ว และตกอยู่ในการอยู่ตัวคนเดียวอย่างไร้ที่สิ้นสุดแบบนั้น ต่อให้ชีวิตยืนยาว ก็ได้สูญเสียความหมายที่แท้จริงนั้นไปแล้ว

แต่เย่เฉินก็อดคิดไม่ได้เหมือนกัน ถ้าหากตามการล่วงไปของเวลา คนรอบข้างค่อย ๆ แก่ไป งั้นตัวเองจะเป็นอย่างไรนะ ?

แม้ว่ายาอายุวัฒนะจะดี แต่อายุยิ่งมาก ผลลัพธ์ก็จะยิ่งอ่อน มียาอายุวัฒนะ ทำให้คนทั่วไปมีชีวิตได้ถึงหนึ่งร้อยกว่าปีไม่ใช่ปัญหาอะไร มีชีวิตจนถึงเพดานอายุสองร้อยปี เกรงว่าจำเป็นต้องใช้ยาอายุวัฒนะจำนวนมากมาประคองเอาไว้

ต่อให้ตัวเองเต็มใจที่จะให้ยาอายุวัฒนะที่มีจำนวนเพียงพอแก่พวกเขา แต่พวกเขาถึงอายุนั่นแล้ว ยังเต็มใจที่จะใช้ยาอายุวัฒนะต่อชีวิตไหม ?

คนคนหนึ่ง มีชีวิตอยู่จนถึงหนึ่งร้อยปีไม่นับว่าหาได้ยาก แต่มีชีวิตอยู่จนถึงหนึ่งร้อยปีแต่กลับไม่แก่ ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในโลก

หากว่าตัวเองให้ยาอายุวัฒนะกับคนสนิทข้างกายอย่างต่อเนื่อง ให้พวกเขามีชีวิตอยู่ตลอดและจะไม่แก่ งั้นในช่วงเวลาสำคัญเวลาใดเวลาหนึ่งของพวกเขา จะต้องห่างไกลจากทุกคนที่รู้จักพวกเขา กับคนที่ไม่รู้เส้นสนกลในของพวกเขาอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะก่อให้เกิดข้อสงสัยจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน

นี่ก็หมายความว่า ทุกคนล้วนต้องไปหาสถานที่อำพรางในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเพื่อหลบเลี่ยงโลกปุถุชน ถึงตอนนั้น ตัวเองกับคนข้างกายตัวเองพวกนี้ ก็จะคิดหาทางหลบเลี่ยงความสนใจจากคนปกติ เหมือนมนุษย์หมาป่าหรือแวมไพร์อย่างในนิยายแมรี่ซูทางตะวันตกแบบนั้น

ชีวิตแบบนี้ เย่เฉินไม่จำเป็นต้องไปถามคนข้างกายเลย เขาเองก็เป็นคนแรกเลยที่ไม่ขอรับ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่เฉินก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะจิตตกอยู่หน่อย

แม้ว่าในอนาคตยี่สิบสามสิบปี ตัวเองยังไม่จำเป็นต้องยุ่งยากใจกับเรื่องนี้ แต่ท้ายที่สุดนี้คือ ขอเพียงมีชีวิตอยู่ ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงความยุ่งยากอันใหญ่โตได้

เย่เฉินถอนหายใจเฮือกหนึ่งเบา ๆ เก็บม้วนภาพวาด และไม่ได้นอนหลับตลอดทาง

……

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *