ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้านบทที่ 5559 ฉันเชิญพี่เย่เฉินมา(1)

Now you are reading ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน Chapter บทที่ 5559 ฉันเชิญพี่เย่เฉินมา(1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5559 ฉันเชิญพี่เย่เฉินมา(1)

ในเวลาเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยจินหลิง

การรับนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยจินหลิง ได้เสร็จสิ้นขั้นตอนของการลงทะเบียน คัดแยกชั้นเรียนและการแบ่งผู้ฝึกสอนที่ปรึกษาเรียบร้อยแล้ว ในตอนบ่ายของวันนี้ทางมหาลัยได้แจกจ่ายชุดฝึกทหารให้กับนักศึกษาทุกคน ตั้งแต่พรุ่งนี้เช้า การฝึกทหารอย่างเป็นทางการก็จะเริ่มต้นขึ้นเป็นเวลาสองสัปดาห์

เพราะหลังการฝึกทหารเริ่มต้นขึ้น ก็จะเข้าสู่การดูแลจัดการแบบกึ่งทหาร ไม่ว่าจะเป็นหลินหว่านเอ๋อร์ หรือคลอเดีย ต่างก็เลือกที่จะพักอยู่ในมหาลัย การต้องตื่นหกโมงเช้าเพื่อมารวมพลในทุกๆวัน หากจะให้เดินทางไปกลับคงไม่ทันเวลาแน่

คนสองคนในขณะนี้ กำลังพูดคุยกันอยู่ในหอพัก และจัดที่นอนกับของใช้ส่วนตัวของตัวเองไปด้วย

คลอเดียหลังจากที่คนในครอบครัวถูกฆ่าตาย สำหรับเธอแล้วก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น เวลาปรกติก็มักจะไม่ชอบสุงสิงกับใคร ในตอนที่อยู่แคนาดา คนที่เธอเชื่อใจที่สุดเพียงสองคน ก็คือป้าหลี่กับหลี่เสี่ยวเฟิน

ทว่า เธอที่มีนิสัยเงียบขรึมอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป มีเรื่องคุยกับหลินหว่านเอ๋อร์อย่างไม่จบไม่สิ้น ไม่ว่าคนทั้งสองจะพูดถึงเรื่องอะไร การสนทนากันกับหลินหว่านเอ๋อร์นั้น ก็ให้ความรู้สึกว่าเกลียดที่ต้องมาเจอกันช้าไป

ในมุมมองของคลอเดีย หลินหว่านเอ๋อร์ไม่เพียงหน้าตาสะสวย มีความสง่างาม ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ คลอเดียพบว่า หลินหว่านเอ๋อร์ยังเป็นคนเยือกเย็นสุขุม เป็นเด็กสาวที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ไม่เพียงคำพูดและพฤติกรรมที่ดี แต่สติปัญญานั้นก็ดีเป็นเลิศ ทุกการขยับเคลื่อนไหวในชีวิตแต่ละวันนั้น ก็สง่างามอย่างที่สุด

ดังนั้นสำหรับคลอเดียแล้ว ภายในใจส่วนลึกของเธอนั้นก็ชื่นชมหลินหว่านเอ๋อร์ หรือแม้แต่ยังมองเธอเป็นต้นแบบอยู่ในใจอย่างไม่รู้ตัวอีกด้วย

ส่วนหลินหว่านเอ๋อร์เองก็เป็นมิตรกับคลอเดียมาก อย่ามองว่าเวลาปรกติแล้วคนรอบๆเธอนั้นปฏิบัติต่อเธอด้วยความเคารพราวกับคนใช้ ที่โรงเรียน ในหอพัก และต่อหน้าคลอเดีย เธอเป็นเหมือนพี่สาวคนโตคนหนึ่ง ดูแลและเอาใจใส่คลอเดียเป็นอย่างดี

ในส่วนนี้แน่นอนว่าหลินหว่านเอ๋อร์นั้นจงใจอยากที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับคลอเดีย แต่นอกเหนือจากนี้ หลินหว่านเอ๋อร์ก็รู้สึกว่า นิสัยใจคอของคลอเดียนั้น เข้ากับนิสัยของตัวเองมาก

แม้หลินหว่านเอ๋อร์อยากจะรู้เรื่องราวอีกมากของเย่เฉิน จากปากของคลอเดีย แต่ในความเป็นจริงเมื่อได้พูดคุยกับหญิงสาว เธอก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยพูดถึงเย่เฉินเลยแต่อย่างใด

แม้เธอจะตั้งตารอที่จะมีโอกาสได้พบเจอกับเย่เฉินอีกครั้ง แต่ในทางกลับกันภายในใจก็ค่อนข้างที่จะวิตกกังวลเล็กน้อย กลัวว่าเย่เฉินจะไม่ไว้ใจตัวเอง ครั้งต่อไปเมื่อได้เจอกับตัวเอง จะยังใช้ปราณทิพย์เพื่อทดสอบอีก

สำหรับเธอแล้ว แม้จุดสังเกตทางจิตวิทยาของเย่เฉินจะไม่เป็นผลในทางปฏิบัติ แต่ผลข้างเคียงของปราณทิพย์ที่ซึมผ่านเข้าสู่สมองนั้น จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้บรรเทาไปอย่างสมบูรณ์

เมื่อคลอเดียเห็นหลินหว่านเอ๋อร์พูดคุยอยู่ คิ้วก็ขมวดมุ่นอย่างไม่รู้ตัว จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเธอว่า“เสี่ยวหว่าน เป็นอะไรไป?ไม่สบายหรือเปล่า?”

หลินหว่านเอ๋อร์ฝืนยิ้มออกมา นวดคลึงไปที่ขมับแล้วพูดว่า“ไม่เป็นไร แค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย”

คลอเดียเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“รอบเดือนมาหรือเปล่า?วันนี้ผู้ฝึกสอนได้บอกแล้ว หากมีรอบเดือน สามารถจะแจ้งกับเขาได้ เขาจะช่วยเราขอลาหยุดกับอาจารย์ผู้สอนให้”

หลินหว่านเอ๋อร์ส่ายหน้า“ไม่ใช่รอบเดือน น่าจะเป็นไมเกรนมากกว่า ที่ตรงขมับเต้นตุบๆ ปวดรุนแรงมาก”

คลอเดียถามเธอ“ถ้าอย่างนั้นจะกินยาแก้ปวดหน่อยไหม?ตอนบ่ายพี่เสี่ยวเฟินได้ให้ยาสามัญที่ต้องใช้กับฉันมาบ้างบางส่วน ในนั้นมีไอบูโพรเฟนด้วย ”

หลินหว่านเอ๋อร์โบกมือและพูดว่า“ขอบใจนะ แต่ยาแก้ปวดนี้ฉันกินมาสองสามวันแล้ว ไม่เป็นผลอะไรเลย”

พูดจบ เธอหยิบเอาไอบูโพรเฟนออกมาจากกระเป๋าแผงหนึ่ง ไอบูโพรเฟนสิบสองเม็ด ในตอนนี้ได้หมดไปกว่าครึ่งแผงแล้ว

คลอเดียอุทาน“นี่เป็นยาที่กินในช่วงสองสามวันนี้เหรอ? ยานี้เหมือนจะกินในปริมาณที่มากเกินไปไม่ได้หรือเปล่า?”

หลินหว่านเอ๋อร์พูดอย่างจนใจ“ไม่มีทางเลือก ก็มันปวดมากนี่นา จึงต้องลองกินไปอีกสองเม็ด แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผลอะไรเลย”

คลอเดียพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง“แบบนี้ไม่ได้นะ ไม่งั้นก็ไปโรงพยาบาลดีกว่า ฉันจะไปเป็นเพื่อน!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *