ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้านบทที่ 5561 ไม่สำคัญขนาดนั้นแล้ว (1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5561 ไม่สำคัญขนาดนั้นแล้ว (1)
เย่เฉินไม่คิดว่า ที่คลอเดียโทรมาหาตัวเอง จะเป็นเพราะต้องการให้ตัวเองไปรักษาอาการปวดหัวของหลินหว่านเอ๋อร์
ทว่า เมื่อเขานึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งล่าสุดที่ได้เจอกับหลินหว่านเอ๋อร์ ได้ใช้ปราณทิพย์กับจุดสังเกตทางจิตวิทยาไปอย่างมากจริงๆ ดูท่าแล้วคงสร้างผลเสียหายให้กับหลินหว่านเอ๋อร์ไปไม่น้อยเลยทีเดียว
เพราะตัวเองนั้นใช้พลังมากเกินไป มาตอนนี้คลอเดียก็โทรมาหาตัวเอง ตัวเองก็ยากที่จะปฏิเสธได้
ดังนั้นเขาก็จึงพูดกับคลอเดียว่า“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รอกันสักเดี๋ยว พี่จะขับรถไปที่นั่นตอนนี้เลย”
คลอเดียพูดอย่างดีอกดีใจว่า“ได้เลยพี่เย่เฉิน มาถึงแล้วพี่โทรมานะ!”
“ได้”เย่เฉินรับคำ จากนั้นก็พูดกับเซียวชูหรันว่า “ที่รัก ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก จะรีบกลับมานะ”
เซียวชูหรันถามด้วยความแปลกใจ “นี่ก็สองทุ่มกว่าแล้ว ดึกป่านนี้ใครยังโทรมาหาคุณอีก?”
เย่เฉินไม่ได้ปิดบัง พูดไปตามตรง“คลอเดียโทรมา เพื่อนของเธอประสบปัญหาเล็กน้อย อยากให้ผมไปช่วยดูหน่อย”
เซียวชูหรันถามอย่างไม่เข้าใจ“ปัญหาอะไร? ร้ายแรงไหม?”
เย่เฉินยิ้มและพูดว่า“ร่างกายไม่ค่อยสบายนิดหน่อยบ เหมือนจะโดนของสกปรก ผมจะไปดูสักหน่อยว่าฮวงจุ้ยของห้องพักพวกเธอนั้นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
เซียวชูหรันพยักหน้า และพูดกำชับว่า“ถ้าอย่างนั้นคุณไปเถอะ อย่ากลับดึกแล้วกัน ”
“ได้”เย่เฉินยกยิ้ม หยิบเอากุญแจรถแล้วออกจากบ้านไป
ระหว่างทางที่ไปมหาวิทยาลัยจินหลิง ภายในใจของเย่เฉินก็ยังคงอดที่จะแอบคิดไม่ได้ ว่าหลินหว่านเอ๋อร์นั้นยังจำตัวเองได้หรือไม่
แม้เขาจะพิสูจน์ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไม ภายในใจของเขาก็ยังคงรู้สึกตงิดๆใจอยู่
แต่ทว่า สำหรับเย่เฉินแล้ว การจะพิสูจน์ว่าคนคนหนึ่งนั้นโกหกหรือไม่วิธีที่ดีที่สุดก็คือการใช้จุดสังเกตทางจิตวิทยา ดังนั้น หากหลินหว่านเอ๋อร์ยังจำเขาได้จริงๆ อย่างนั้นเขาก็ไม่มีวิธีที่จะพิสูจน์ไปได้มากกว่านี้แล้ว
ทว่า ภายในใจของเย่เฉินไม่ได้หมกมุ่นกับปัญหานี้มากนัก เพราะเขารู้สึกว่า ไม่ว่าหลินหว่านเอ๋อร์จะปกปิดความจริงไว้หรือไม่ก็ตาม ตัวเองกับเธอก็ไม่ใช่ศัตรูกันอย่างแน่นอน
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตัวเองเคยได้ช่วยเธอเอาไว้ มองแค่ในส่วนที่ทุกคนต่างก็มีความเคียดแค้นชิงชังกับองค์กรพั่วชิงแค่นี้ ทั้งสองคนก็น่าจะเป็นฝ่ายเดียวกัน
ดังนั้น ด้วยความเข้าใจที่มีนี้ หลินหว่านเอ๋อร์จะโกหกหรือไม่ สำหรับเย่เฉินแล้ว ก็ไม่ได้สลักสำคัญขนาดนั้นแล้ว
……
ในหอพักหญิงเวลานี้ คลอเดียได้เปลี่ยนชุดคลุมที่ใส่อยู่ในหอพัก แล้วทาลิปสติกสีอ่อนที่ตรงหน้ากระจก หลินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆเห็นเข้า อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มแล้วพูดว่า “คลอเดีย ดึกป่านนี้แล้วยังต้องทาลิปสติกอีกเหรอ?”
คลอเดียพูดอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า“ก็จะต้องออกไปรับพี่เย่เฉินไม่ใช่เหรอ?หากฉันไม่ไปรับเขา เขาก็จะขึ้นมาไม่ได้นะสิ”
หลินหว่านเอ๋อร์สำรวจมองเธอ แล้วพูดว่า“ เขาว่ากันว่าสตรีตั้งใจแต่งหน้าเพื่อคนที่รัก ดึกป่านนี้แล้วเธอออกไปรับคนยังต้องแต่งตัวแล้วทาลิปสติกแบบนี้ หรือพี่เย่เฉินคนนี้จะเป็นชายในฝันของเธออย่างนั้นเหรอ ?”
คลอเดียส่ายหน้าเป็นระวิง จัดแต่งทรงผมอย่างใจไม่เป็นสุข พูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติว่า“ไม่ใช่สักหน่อย……ฉันมองพี่เย่เฉินเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆของตัวเอง อีกอย่างเขาเองก็ช่วยฉันมาตั้งมากมาย ในใจของฉันรู้สึกขอบคุณเขาเป็นอย่างมากจริงๆ”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดอย่างจริงจัง“บางครั้งความรักก็แปรเปลี่ยนมาจากความรู้สึกดีๆที่มีขึ้นทีละเล็กละน้อยนี่แหละ นอกจากนี้ หากความรักเป็นดั่งต้นไม้ ความรู้สึกดีๆนี้ก็คือปุ๋ยที่ดีที่สุด”
คลอเดียพูดอย่างร้อนรน“เสี่ยวหว่านเธออย่าพูดไปเรื่อย พี่เย่เฉินเขาแต่งงานแล้ว พูดแบบนี้หากใครมาได้ยินเข้า มันจะส่งผลกระทบกับครอบครัวของคนอื่นเขาได้ อีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้เห็นเขาเป็นผู้ชายในฝันอะไรนั่นจริงๆ…”
หลินหว่านเอ๋อร์ยกยิ้มเล็กน้อย พูดอย่างพอเหมาะพอควร“เรื่องนี้เธอไม่จำเป็นต้องบอกฉัน แต่บอกตัวเธอเองให้ได้ก็พอ”
คลอเดียพูดอย่างเก็บความลนลานไม่ได้ว่า“ไม่พูดไร้สาระกับเธอแล้ว ฉันจะลงไปรอพี่เย่เฉิน รอเขามาถึงแล้วฉันจะพาเขาขึ้นมานะ”
หลินหว่านเอ๋อร์ถามเธอ “พี่เย่เฉินของเธอมาถึงแล้วเหรอ?”
Comments