ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้านบทที่ 5576 ชอบเป็นอย่างมาก (1)

Now you are reading ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน Chapter บทที่ 5576 ชอบเป็นอย่างมาก (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5576 ชอบเป็นอย่างมาก (1)

แม้ว่าหลาย ๆ ศาสนามีโลกทัศน์แตกต่างกัน แต่จะเอ่ยถึงแนวคิดหนึ่งอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย นั่นก็คือยุคธรรมปลาย

พูดอย่างง่าย ๆ ศาสนาพวกนี้ต่างคิดว่า มนุษย์พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ กับโลก รวมทั้งจักรวาลค่อย ๆ น้อยลง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ระยะห่างระหว่างมนุษย์กับเทพไกลขึ้นเรื่อย ๆ

จากมุมมองของลัทธิเต๋า เดิมทีโลกมีปราณทิพย์กระจายอยู่เต็ม ขอเพียงเข้าใจวิธีการรับและเปลี่ยนแปลงปราณทิพย์ เดิมทีมนุษย์สามารถเป็นเซียนด้วยการขึ้นสู่สวรรค์ แต่ตอนนี้ปราณทิพย์ในธรรมชาติแทบจะแห้งขอด มนุษย์เลยสูญเสียความเป็นไปได้ที่จะขึ้นสู่สวรรค์เป็นเซียน ดังนั้นนี่เลยเป็นยุคธรรมปลายในสายตาของพวกเขา

และไม่ถกว่าการพูดนี้จริงหรือเปล่า แต่สำหรับคนที่เข้าใจปราณทิพย์ในช่วงเวลานี้ พวกเขาสัมผัสด้วยตัวเองได้ว่าธรรมชาติไม่มีปราณทิพย์อยู่แล้ว อยากจะได้ปราณทิพย์ ทำได้แต่ผ่านโอสถ หรือว่าของวิเศษอย่างอื่นที่แฝงไว้ด้วยปราณทิพย์

ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งพึ่งพาโอสถที่ผู้มีพระคุณให้ จึงจะค่อย ๆ เรียนรู้ปราณทิพย์ หลายปีมานี้ วิธีที่เขาได้รับปราณทิพย์ นอกเหนือจากโอสถที่ผู้มีพระคุณให้ ยังมีค่ายกลพิเศษที่ผู้มีพระคุณวางไว้ที่ส่วนในของฐานองค์กรพั่วชิง

เมื่อค่ายกลนี้เริ่มทำงาน จะผลิตปราณทิพย์อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย แม้ว่าปราณทิพย์ที่ผลิตออกมาไม่นับว่ามากนัก แต่เมื่อหลายเดือนติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี ก็นับว่าพอดูทีเดียว

สี่ท่านเอิร์ลผู้ยิ่งใหญ่ในองค์กรพั่วชิง ก็โชคดีได้รับโอกาสเก็บตัวฝึกฝนในค่ายกล เมื่อหลายปีมานี้ที่ผ่านมาด้วยเช่นเดียวกัน เพียงแต่เวลาส่วนใหญ่ของค่ายกลนั้น จะให้บริการเพียงผู้มีพระคุณคนเดียว

และด้วยภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สี่ท่านเอิร์ลผู้ยิ่งใหญ่ขององค์กรพั่วชิง จึงมีความรู้สึกไวเป็นอย่างยิ่ง ต่อร่องรอยของปราณทิพย์บริเวณโดยรอบ

มีความรู้สึกไวต่อกลิ่นของอาหาร เหมือนหนูที่หิวจนท้องร้องอย่างไรอย่างนั้น

ชั่วชีวิตของท่านเอิร์ลฉางเซิ่งผู้นี้ มีเครื่องมือทางธรรมชิ้นหนึ่งที่เป็นของตัวเอง นั่นก็คือดาบไม้หนึ่งเล่มที่ผู้มีพระคุณประทานให้เขา มีค่ายกลที่สามารถโจมตีได้ อยู่ในดาบไม้นี้

นอกเหนือจากสิ่งนี้ ก็นับว่าเขาไม่มีของดีมีค่าอะไร

ดังนั้น ตอนที่เขารู้สึกได้ว่า บนมือของผู้ชายคนนั้นที่มารับที่สนามบินถึงกับมีเครื่องมือทางธรรมอยู่ชิ้นหนึ่ง หัวใจของเขายังคงเต้นจนกระดอนมาถึงลำคออย่างตื่นเต้น

ครั้นแล้ว ร่างกายของเขาจึงหยุดชะงัก และเริ่มสังเกตอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ

จ้าวเหล่าซื่อในขณะนี้ ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่า มีตาเฒ่าคนหนึ่งกำลังจ้องตัวเองอย่างไม่ละสายตาอยู่ไม่ไกลนัก

เขากำลังฮึกเหิมในการทำงานอยู่มากในตอนนี้ เนื่องจากขอเพียงชูป้ายเฝ้าที่สนามบินหนึ่งวัน ก็สามารถหาเงินค่าเหนื่อยจากจางเอ้อเหมาถึงสามพันเหรียญ รายได้นี้เยอะกว่าที่ตัวเองวางซุ้มขายของตลาดของโบราณมากโขเลย

และประโยคที่ว่า “รับเฉินเจียเหว่ยนักธุรกิจเกาะฮ่องกาง” ที่เขียนในป้ายที่เขาชูอยู่ในมือนั้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฉินเจียเหว่ยเป็นใคร ถึงขนาดที่ไม่อยากให้เฉินเจียเหว่ยมาเร็วเกินไป หากว่าธุรกิจในครั้งนี้สามารถทำต่อเป็นเวลาหนึ่งเดือน งั้นสี่เดือนจากนี้ของปีนี้ก็พักอยู่บ้านได้แล้ว

ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งสังเกตจ้าวเหล่าซื่ออยู่สักพัก ก็ได้ข้อสรุป : คนผู้นี้ไม่เชี่ยวชาญปราณทิพย์ นี่ไม่ได้เป็นเพียงเพราะตัวเองไม่พบการผันแปรของปราณทิพย์ใด ๆ จากตัวอีกฝ่าย ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ จ้าวเหล่าซื่อคนนี้ธรรมดาเกินไป หน้าตาและสีหน้าของเขา ล้วนเป็นกลิ่นอายธรรมดาที่ดั้งเดิมบนตัวชาวเมือง คนที่เชี่ยวชาญปราณทิพย์ ไม่มีทางที่จะมีกลิ่นอายตลาดล่วงพวกนี้ได้อย่างเด็ดขาด

ดังนั้น ท่านเอิร์ลฉางเซิ่งคาดคะเน คนผู้นี้น่าจะไม่รู้ว่าแหวนปานจื่อในมือของตัวเขาเองนั้น อันที่จริงเป็นเครื่องมือทางธรรมชิ้นหนึ่ง !

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ เขาก็เริ่มสนใจแหวนปานจื่อวงนี้

ครั้นแล้ว เขาแสร้งทำเป็นมองซ้ายแลขวาแล้วมาที่ข้างหน้าจ้าวเหล่าซื่อ จากนั้นจึงจะเอ่ยปากถามเขา : “น้องชาย รบกวนถามหน่อยว่า หากว่าฉันอยากไปใจกลางเมือง ควรจะไปยังไงดี ?”

จ้าวเหล่าซื่อหันหน้ามาเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เห็นเป็นตาเฒ่าที่ไม่เตะตา เลยพูดอย่างไร้มารยาท : “นี่ยังจะต้องถามอีกเหรอ ? นั่งแท็กซี่ รถไฟฟ้าใต้ดิน รถบัสสนามบิน คันไหนบ้างที่ไม่ถึงเขตเมือง ?”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *