ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้านบทที่ 5725 ปล่อยวาง(3)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5725
ไม่เหมือนคนหยาบอย่างหงห้าแบบนี้ ตัวเองให้โอสถเขา เขาก็คุกเข่าบนพื้น สองแขนชูเหนือศีรษะ หลังจากรับยาไป ก็โขกหัวบนพื้น บอกว่าขอบคุณอาจารย์เย่ที่มอบยาไว้ เรื่องนี้ก็เป็นอันจบไป
หลังจากทอดถอนใจ เย่เฉินก็พูดกับทั้งสองคน : “คุณตา คุณยายครับ รีบทานโอสถไปหน่อยนะครับ จากนั้นเราไปกินข้าวกันเถอะครับ คุยกันนานขนาดนี้ ท้องผมหิวแล้วครับ !”
ทั้งสองคนสบตากัน เมื่อกี้รับโอสถไป จากนั้นต่างฝ่ายต่างมองกัน มองโอสถ แล้วมองเย่เฉินกับลูกหลานทั้งสี่คน จากนั้นทั้งสองคนหยิบโอสถขึ้นมาพร้อมกัน แล้วค่อย ๆ วางลงในปาก
นอกเหนือจากเย่เฉิน ตระกูลอานคนอื่น ๆ รวมทั้งหลี่ญ่าหลิน ต่างเบิกตาโพลง มองผู้สูงอายุทั้งสองคนโดยไม่กะพริบตา อยากเห็นประสิทธิภาพของยาอายุวัฒนะกับตาตัวเองสักหน่อย
ต่อให้เป็นอานโฉงชิวน้าชายใหญ่ของเย่เฉิน ในตอนนั้นเห็นเพียงประสิทธิภาพที่คนอื่นทานหนึ่งในสี่ส่วนของยาอายุวัฒนะหนึ่งเม็ด ที่งานประมูลเท่านั้น ไม่เคยเห็นฉากที่กินยาอายุวัฒนะไปทั้งเม็ด
และผู้สูงอายุทั้งสองคน ต่างฝ่ายต่างเหล่มองกันอยู่ตลอด พวกเขาอยากเห็นประสิทธิภาพของยาอายุวัฒนะที่เวลาไหลย้อนกลับนั่นที่เล่าลือกัน จากใบหน้าของอีกฝ่าย
และยาอายุวัฒนะ ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง
พอฤทธิ์ยาได้ผล ก็ราวกับภาพสไลด์ที่เล่นย้อนด้วยความเร็วทันที
ผมขาวโพลนของผู้อายุทั้งสองคนโผล่สีดำแซมอยู่บ้างอย่างรวดเร็ว รอยย่นลึกพวกนั้นบนหน้า ราวกับถูกเติมให้เต็มในชั่วพริบตาด้วยเหมือนกัน ใบหน้าหย่อนยาน เห็นได้ชัดว่ามีความสามารถต่อต้านแรงโน้มถ่วง
ทั้งสองคนมองคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมาค่อนชีวิต และเห็นคู่ชีวิตที่อีกฝ่ายแก่ลงทีละน้อย ๆ กับตาตัวเอง จู่ ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเยาว์วันอย่างรวดเร็ว จึงทั้งรู้สึกตกใจและดีใจ ประสบการณ์ที่มหัศจรรย์นี้ ทำให้ความรู้สึกที่พวกเขามีต่ออีกฝ่ายสูงขึ้นอีกครั้ง
และความเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่กว่านั้น อยู่ที่ร่างกายของทั้งสองคน
สมองใหญ่โตของคุณท่านที่ทรมานจากโรคอัลไซเมอร์มาเต็มอิ่มนั่น ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นยิ่งแจ่มชัด
เดิมทีเขาก็เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม ความคิดฉับไวคนหนึ่ง แต่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ความเร็วก็ช้าลงเรื่อย ๆ และกำลังก็อ่อนลงเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน เหมือนเป็นเครื่องยนต์ของรถสปอร์ตตำนานเกิดปัญหาที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้
แต่เขาในตอนนี้ สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ความรู้สึกที่สมองใหญ่โตทำงานด้วยความเร็วสูงแบบนั้น กลับมาอีกครั้งแล้ว ความทรงจำที่ก่อนหน้านี้ที่จะยังไงก็จับเอาไว้ไม่ได้ ชั่วพริบตาก็พรั่งพรูเหมือนกระแสน้ำแบบนั้น แต่เขาไม่ได้รู้สึกว่ารับไม่หวาดไม่ไหว แต่รู้สึกว่าทุกอย่างที่พังลงมาก่อนหน้านี้ สร้างขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็วในสมองอันใหญ่โต
ส่วนนายหญิงใหญ่ รู้สึกว่าสภาพร่างกายมีการยกระดับสูงขึ้น ทำให้เธอมีความรู้สึกของเมื่อยี่สิบปีก่อนกลับมาภายในเวลาอันสั้น
ความรู้สึกที่เวลาย้อนกลับพวกนี้ทำให้เธอตื่นเต้นดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง แต่วินาทีถัดมา จู่ ๆ เธอกลับปิดหน้าแล้วร้องไห้
เนื่องจาก เมื่อยี่สิบปีก่อน ก็คือปีนั้นที่ลูกสาวคนโตสุดที่รักของเธอกับลูกเขยถูกฆ่าตาย
คุณท่านเองก็เหมือนกับเธอ หลังจากที่ประสบความรู้สึกเยาว์วัยเมื่อยี่สิบปีด้วยตัวเอง ก็นึกถึงการตายของลูกสาวกับลูกเขย ความรู้สึกก็พังทลายไปเลยทันที เริ่มร้องไห้แบบไร้เสียง
คนอื่นไม่ได้ตระหนักด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่รู้ว่าพวกเขาร้องได้น้ำตานองหน้าทำไม ยังนึกว่าพวกเขาแค่ดีใจ เลยร้องไห้ด้วยความดีใจ
ครั้นแล้ว พากันเข้าไปปลอบใจ
อานโฉงชิวบอก : “พ่อครับ แม่ครับ ทำไมทั้งสองคนยังร้องไห้ล่ะ ดูสิพวกคุณอายุน้อยลงขนาดนี้ภายในเวลาอันสั้น เราดีใจก็ยังไม่ทันด้วยซ้ำ !”
“นั่นสิคะ ! ” อานโยวโยวพูดไม่ขาดปาก : “พ่อคะ แม่คะ ใบหน้าของพวกคุณ อายุน้อยลงไม่เพียงแค่สิบกว่าปีภายในเวลาอันสั้นจริง ๆ ! วิเศษจริง ๆ !”
คู่สามีภรรยาสูงอายุสบตากันแวบหนึ่ง ต่างมองออกว่าทำไมอีกฝ่ายร้องไห้
คุณท่านเช็ดน้ำตาให้แห้งก่อน แล้วกอดนายหญิงใหญ่ไว้ในอ้อมกอดเบา ๆ พูดปลอบใจเหมือนโอ๋เด็ก : “เอาล่ะ ๆ ไม่ร้องไห้แล้วนะ ไม่ร้อง วันนี้เป็นวันมงคล เราสองคนอย่าร้องไห้ต่อหน้าเฉินเอ๋ออีกเลย !”
นายหญิงใหญ่ปาดน้ำตาไปด้วย และพยักหน้าซ้ำ ๆ พร้อมกันพูดฝืนยิ้มไปด้วย : “ไม่ร้องแล้ว ไม่ร้องแล้ว เฉินเอ๋อหิวแล้ว เรารีบไปกินข้าวกัน ! อาหารมื้อนี้ ฉันคอยมายี่สิบปี หนึ่งนาทีก็รออีกไม่ได้แล้ว !”
Comments