ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้านบทที่ 5223 ความแค้นจะไม่หายไปโดยไร้สาเหตุหรอก 3

Now you are reading ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน Chapter บทที่ 5223 ความแค้นจะไม่หายไปโดยไร้สาเหตุหรอก 3 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5223 ความแค้นจะไม่หายไปโดยไร้สาเหตุหรอก 3

“เอ่อ……” ซุนจือต้งตกอยู่ในการครุ่นคิดอยู่ในชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง

เขามึนงงจากการคาดคะเนชุดนี้อยู่หน่อย

หลินหว่านเอ๋อร์พูดเบา ๆ : “ตระกูลเย่มีแหล่งที่มากับสำนักว่านหลง ตระกูลซูร่วมลงมือทำบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดกับตระกูลอิโตะ พอมองพวกนี้แล้วดูไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหาคือ ตระกูลซูกับสำนักว่านหลงจะขุดสุสานบรรพบุรุษของตระกูลเย่ให้ราบ ทำไมเย่เฉินถึงไปพบหลิวเจียฮุยที่เกาะฮ่องกาง ด้วยสถานะของผู้บริหารระดับสูงของบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดด้วย ? !”

“นี่ก็เหมือนสามประเทศฝ่ายอักษะในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างพวกเขาผูกเป็นพันธมิตรอย่างไรนั้น และร่วมมืออย่างไรนั้นล้วนไม่มีปัญหา แต่เดิมทีสหรัฐอเมริกาสู้กับพวกเขาจนสะบักสะบอม ทำไมถึงได้จับมือดีกันกับพวกเขากะทันหันล่ะ ? ดังนั้น ฉันเลยอยากรู้ว่า เป็นอะไรกันที่ขจัดความแค้นระหว่างเย่เฉินกับตระกูลซู รวมทั้งสำนักว่านหลง ?”

ซุนจือต้งกับชิวอิงซานมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ตระกูลซู ตระกูลเย่ สำนักว่านหลง ตระกูลอิโตะ แล้วก็เย่เฉินนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ดูเหมือนสลับซับซ้อน ยากที่จะแยกแยะความจริง

คราวนี้ หลินหว่านเอ๋อร์พูดอีก : “ความแค้นจะไม่หายไปโดยไร้สาเหตุหรอกค่ะ การหายไปของความแค้นจะต้องมีฝ่ายหนึ่งเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งได้ ก็เหมือนที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูสองลูกที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1945 แต่ท้ายที่สุดประเทศญี่ปุ่นกลับกลายเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเหนียวแน่นที่สุดในทวีปเอเชียเลยเหมือนกัน หากว่าถูกเอาชนะแล้ว ก็จะไม่มีความแค้นอีก”

พูดถึงตรงนี้ หลินหว่านเอ๋อร์ก็พูดด้วยสายตาที่มั่นใจ : “และตระกูลซูและสำนักว่านหลงไม่มีทางที่จะเอาชนะเย่เฉิน ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว คือเย่เฉินเอาชนะตระกูลซูและสำนักว่านหลงได้แล้ว !”

“เย่เฉินเอาชนะตระกูลซูและสำนักว่านหลง ? !”

ซุนจือต้งได้ยินคำพูดนี้ เขาก็พูดด้วยความตกใจไม่หยุด : “คุณหนูครับ……นี่……นี่พูดเกินความจริงไปแล้วมั้งครับ กำลังของตระกูลซูแข็งแกร่งกว่าตระกูลเย่นะครับ อีกทั้งกำลังของสำนักว่านหลงก็ไม่สามารถใช้เงินมาเทียบได้เลยด้วย กองกำลังในบังคับบัญชาของเขามีทหารรับจ้างหลายล้านนาย ตอนนี้ลือว่าได้สร้างฐานถาวรของตัวเองที่ตะวันออกกลางแล้ว ทำไมองค์กรแบบนี้ถึงถูกเย่เฉินเอาชนะได้ล่ะครับ ?”

หลินหว่านเอ๋อร์พูดราบเรียบ : “กำลังของเย่เฉิน ไม่ใช่สิ่งที่สำนักว่านหลงเทียบได้เลย ไม่อย่างนั้นตอนที่ตระกูลซูกับสำนักว่านหลงเจอที่ภูเขาเย่หลิงซานพร้อมกัน ก็จะไม่ให้เย่เฉินได้รอดชีวิตหรอก แม้ว่าเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ภูเขาเย่หลิงซานในวันนั้นก็ตาม แต่เมื่อเราดูจากผลลัพธ์แล้ว เย่เฉินไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่า ตระกูลซูและสำนักว่านหลงพ่ายแพ้อย่างราบคาบที่ภูเขาเย่หลิงซานแล้ว”

หลินหว่านเอ๋อร์ชะงักไป แล้วบอก : “ฉันบอกไปเมื่อกี้แล้ว ศัตรูในสายตาของเย่เฉินคือองค์กรพั่วชิง เขามีความแค้นที่ไม่สามารถอยู่ร่วมใต้ผืนฟ้าเดียวกันกับองค์กรพั่วชิงเหมือนกับฉัน แต่เขาแกร่งกว่าฉันมาก ฉันยังหลบ ๆ ซ่อน ๆ จนเหน็ดเหนื่อยจากการไล่ฆ่าขององค์กรพั่วชิงอยู่เลย แต่เขากลับเริ่มการบุกโจมตีกับองค์กรพั่วชิงอย่างจริงจัง อยู่ลับ ๆ แล้ว เพียงมองจากประเด็นนี้ ลำพังแค่สำนักว่านหลงจะสามารถขวางเขาเอาไว้ได้ยังไงกัน ? หากว่าเขาเต็มใจ ก็สามารถกำจัดบุคคลหมายเลขหนึ่งของสำนักว่านหลงที่ภูเขาเย่หลิงซานได้เลย !”

ซุนจือต้งไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง แล้วขมวดคิ้วพูด : “เมื่อว่ามาเช่นนี้ ที่โลกภายนอกเล่าลือว่าตระกูลเย่ยกทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตัวเองให้สำนักว่านหลง อันที่จริงเป็นระเบิดควันที่ตระกูลเย่ปล่อยไว้ข้างนอก !”

หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า แล้วพูดจริงจัง : “พูดให้เหมาะสม น่าจะเป็นระเบิดควันที่เย่เฉินปล่อยไว้ข้างนอก !”

ว่าแล้ว หลินหว่านเอ๋อร์ก็นึกอะไรขึ้นได้กะทันหัน เลยถามทั้งสองคน : “จริงสิ หลังจากภูเขาเย่หลิงซาน ตระกูลซูกับสำนักว่านหลงมีข่าวลือหรือความเปลี่ยนแปลงพิเศษอะไรบ้างไหมคะ ?”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *