The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 121 พลังตีกลับของราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีป

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 121 พลังตีกลับของราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.121 พลังตีกลับของราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีป

“ใต้เท้าหลินจื้อ อาหารเย็นวางไว้ที่หน้าประตูนะขอรับ”

เสียงคนรับใช้ดังจากด้านนอก หลินมู่อวี่ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ประกายสดใสในดวงตาค่อยๆ หายไป ความแจ่มชัดในตอนแรกเริ่มฟื้นคืนกลับมา นี่เป็นวันที่สามแห่งการถูกขังให้สำนึกผิด ความจริงแล้วสามวันนี้ไม่ได้ผ่านไปอย่างสูญเปล่า เขาฝึกคัมภีร์หลอมกระดูกมังกรมิได้หยุด คัมภีร์เล่มนี้ช่างแปลกล้ำและน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ยิ่งฝึกฝนลึกซึ้ง หลินมู่อวี่ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงปราณยุทธ์ของตัวเองนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะชักช้า เพราะอย่างไรเสียการทดสอบเมื่อสามวันก่อนตนเองก็รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด จ้าวจิ้นพ่ายแพ้เพราะประมาทศัตรูเกินไป หลังจากถูกอัสนีคลื่นคลั่งโจมตีจนทวนหลีฮวากระเด็นปลิว เขาก็ยังประมาทศัตรูด้วยการใช้พลังการป้องกันของตนเองท้าทายพลังการทะลวงที่แข็งแกร่งที่สุดของหลินมู่อวี่ หากจ้าวจิ้นคุมเชิงอย่างอดทนแน่นหนาละก็ เกรงว่าคนที่ต้องตายคงจะเป็นหลินมู่อวี่ แค่ฝีมือการขี่ม้ากับเพลงทวนจ้าวจิ้นก็เหนือกว่าเขาแล้ว

ทักษะการขี่ม้ากับเพลงทวนนั้นค่อยๆ ศึกษาและเรียนรู้จากครูฝึกในวิหาร จะเร่งรีบมิได้ ตอนนี้เขาต้องการพละกำลังที่แข็งแกร่งเพื่อมาสู้กับศัตรูที่แอบซ่อนอยู่มากกว่า การต่อสู้ที่สุสานมังกรครั้งนั้น ทำให้หลินมู่อวี่เข้าใจความแตกต่างระหว่างตัวเองกับยอดฝีผือขอบเขตปราชญ์ ความแตกต่างราวฟ้ากับดิน ไม่มีทางที่จะใช้ความขยันในช่วงระยะเวลาอันสั้นเพื่อฝึกฝนชดเชยได้ มีเพียงการเข้าถึงพลังอำนาจของวิญญาณลึกลับนั้นเท่านั้น จึงจะสามารถทำให้ตัวเขาอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ

หลังจากกินมื้อค่ำเสร็จ เขาก็กลับไปยังห้องลับ นั่งสมาธิสงบจิตใจอีกครั้ง

เมื่อญาณสัมผัสค่อยๆ ก่อตัว เขาก็เข้าสู่สภาวะถอดจิต ญาณสัมผัสเปลี่ยนเป็นลำแสงสายหนึ่งเดินทางเข้าสู่ทะเลจิตของตัวเอง ในทะเลจิตนั้นสับสนอลหม่าน บางครั้งก็เป็นทะเลแห่งความโกรธที่เชี่ยวกราก บางครั้งเป็นภูเขาสูงชันที่สลับซับซ้อน บางครั้งก็เป็นโพรงที่มืดมิด เมื่อมองลงไป ความมืดนั้นก็กลายเป็นคลื่นยักษ์นับพันลูกในมหาสมุทร

“พรึ่บ!”

ญาณสัมผัสของหลินมู่อวี่เปลี่ยนเป็นรูปร่างจริงอย่างรวดเร็ว เขาสวมชุดศึกสีขาวของวิหารอยู่ในทะเลจิต นี่เป็นครั้งแรกที่เขาลองเปลี่ยนร่างจริงให้ปรากฏ ไม่คิดว่าจะทำสำเร็จ ในเมื่ออยู่ในทะเลจิต จึงรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน ร่างจริงมีพลังบินไปบินมาได้ด้วยตัวเอง ลมแรงเสียงดังหวีดหวิว พัดชุดศึกให้ปลิวสะบัดจนเกิดเสียง เขาหลับตาลง รู้สึกได้ถึงพลังที่ทรงอำนาจสายนั้นที่อยู่ด้านล่าง เขาจึงกระโดดลงไป ชักกระบี่เหลียวหยวนออกมา ร่างของเขาเหมือนกระบี่แหลมคมที่เจาะทะลุเข้าไปในทะเลจิต

“เปรี้ยง!”

เมื่อสัมผัสกับน้ำที่เย็นเยียบ เขาก็ลืมตาขึ้น แต่ในวินาทีที่ลืมตานั้นเอง ด้านล่างก็ได้เปลี่ยนเป็นกลุ่มภูเขา หลินมู่อวี่หล่นลงไปโดยที่ความเร็วไม่ลด แขนเขาสั่นเล็กน้อย  กระบี่เหลียวหยวนพร้อมพลังของปราณยุทธ์เกลียวอัคคีตรงปะทะเข้ากับพื้น แล้วทัศนียภาพป่าสวยน้ำใสบนพื้นนั้นก็ค่อยๆ บิดเบี้ยวเหยเก เขายังคงทะยานลงสู่ด้านล่างภายใต้การนำทางของกระบี่เหลียวหยวน

ทันใดนั้นเบื้องหน้าพลันมืดสนิท นี่เป็นพื้นที่ว่างดำมืดที่สับสนยุ่งเหยิง มีเพียงแสงสว่างน้อยๆ ที่สาดส่องลงมาจากด้านบน สะท้อนให้เห็นเงาร่างที่เลือนลางของคนผู้หนึ่ง หลินมู่อวี่ค่อยๆ ร่วงลงพื้น เขายืนอยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม และมองดูคนที่อยู่ตรงหน้า ร่างกายของคนผู้นี้ดูเหมือนกำลังลุกไหม้อยู่  เปลวไฟกำลังค่อยๆ แผดเผาร่างของเขาจนกลายเป็นลูกไฟ เปลวเพลิงหลายสายจากลูกไฟก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีป!

บาดแผลนี้น่าจะเป็นผลจากเพลิงของติ่งหลอมอาวุธ ดูท่าสามารถสร้างบาดแผลให้กับวิญญาณของราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปนั้นจะเป็นเรื่องจริง หลินมู่อวี่กระชับกระบี่เหลียวหยวนในมือแน่น

“ราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีป ความรู้สึกแบบนี้คงแย่สินะ ตอนนั้นเจ้าวางแผนจะยึดร่างของข้า แต่ตอนนี้ต้องกลายเป็นวิญญาณที่ถูกคุมขังอยู่ในร่างข้าแทน น่าสงสารเสียจริง”

ราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ใบหน้าของมันถูกติ่งหลอมอาวุธเผาไปเกือบครึ่ง ผิวหนังกำลังถูกเปลี่ยนให้เป็นเศษประกายไฟลอยขึ้นไปในอากาศ น่าสยดสยองเป็นที่สุด ทันใดนั้นปากที่ไหม้ไปหนึ่งในสามส่วนของมันก็แสยะยิ้มออกมา

“เจ้าเด็กน้อย เจ้ามาที่นี่ทำไมกัน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นฝ่ายชนะหรือ ฝันไปเถอะ ยังไม่ถึงตอนสุดท้ายเสียหน่อย! ข้าดูเจ้าผิดไปจริงๆ ที่แท้เจ้าก็มีพลังไฟที่มีอานุภาพรุนแรงอยู่แต่แรก แต่…ตราบที่เจ้ายังฆ่าข้าไม่ได้ ข้าก็ยังมีโอกาสที่จะแย่งร่างของเจ้าอีกครั้ง ถึงตอนนั้น…ข้าจะสอนให้เจ้ารู้ว่าตายทั้งเป็นเป็นเช่นไร!”

หลินมู่อวี่เลิกคิ้วขึ้น “ตอนนี้เจ้าอยู่ภายใต้การจองจำของข้า หากไม่อยากจะทรมานมากไปกว่านี้ ก็ตอบคำถามข้ามาตามตรง”

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ…”

ราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปเงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แล้วจึงก้มลงมองดูเขา “ว่ามาสิ เจ้าอยากจะถามอะไรข้า”

“เพราะเหตุใดข้าจึงมิอาจควบคุมพลังเจ็ดประทีปได้” หลินมู่อวี่ถาม

“เจ้า? เจ้าน่ะหรือ” ราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปหัวเราะครืนใหญ่อีกครั้ง เสียงหัวเราะของมันสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นที่ว่างในทะเลจิต “ข้าเหน็ดเหนื่อยพยายามมาชั่วชีวิต กว่าจะเข้าใจเคล็ดวิชาพลังเจ็ดประทีปได้อย่างทะลุปรุโปร่ง พลังนี้นั้นช่างล้ำหน้า ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรได้ แม้แต่ไอ้เฒ่าฉินอี้ก็ยังตายด้วยพลังเจ็ดประทีป แล้วอย่างเจ้ายังจะคิดควบคุมพลังเจ็ดประทีปน่ะหรือ”

หลินมู่อวี่แบมือซ้ายออกช้าๆ ไฟหลอมก็ปรากฏออกมาทันที และแผดเผาร่างของราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปต่อ

“ตอบคำถามข้ามา ไม่ต้องมาพูดเรื่องตัวข้า ไร้สาระ” เขากล่าวเรียบๆ

“อ้ากกก…”

ราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปผู้ยิ่งใหญ่กำลังร้องโหยหวนไม่หยุด เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ถึงได้พูดออกมา

“เจ้า…เจ้าเด็กบ้า ข้าจะบอกให้ก็ได้ พลังเจ็ดประทีปเป็นพลังที่ถือกำเนิดมาจากพลังวิญญาณ คิดจะควบคุมพลังเจ็ดประทีปจำเป็นต้องมีวิญญาณที่กล้าแข็งมากพอ วิญญาณอ่อนแอเยี่ยงไก่ตัวหนึ่งเช่นเจ้า อย่างมากที่สุดก็แค่ควบคุมพลังเจ็ดประทีปชั้นที่หนึ่งได้เท่านั้น นี่คือสาเหตุที่เจ้าฝืนใช้พลังชั้นที่สองระบำปีศาจ แต่กลับถูกพลังโจมตีย้อนกลับ”

“วิญญาณของข้าอ่อนแอมากนักหรือ”

“อ่อนแอเหมือนไก่…”

“หุบปาก!” หลินมู่อวี่ตัวสั่น กลัวว่าตัวเองจะได้รับฉายาว่า “หลินไก่อ่อน” เขาข่มความโกรธเอาไว้แล้วถามต่อ “แล้วต้องทำอย่างไรจึงจะเพิ่มความแข็งแกร่งของวิญญาณข้าได้”

ราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องเลิกจองจำข้า แล้วข้าจะพิจารณารับเจ้าเป็นศิษย์ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาเจ็ดประทีปทั้งหมดให้แก่เจ้า”

“อย่าฝันไปหน่อยเลย”

เสียงของหลินมู่อวี่เรียบสงบ “ถึงแม้ข้าจะปรารถนาพลังอำนาจ แต่ข้าจะไม่ยอมต่อรองกับคนชั่วช้าอย่างเด็ดขาด ชั่วชีวิตนี้เจ้าอย่าได้คิดก้าวออกไปจากทะเลจิตของข้าแม้แต่ครึ่งก้าว วางใจเถอะ ข้ามีวิธีที่จะทำให้เจ้ายอมศิโรราบ”

ขณะที่พูด เขาก็กระทืบเท้าในฉับพลัน ทั่วทั้งทะเลจิตก็แปรเปลี่ยนเป็นเตาหลอมของติ่งหลอมอาวุธ เปลวไฟโหมกระหน่ำมาจากทุกสารทิศ เผาไหม้ร่างของราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปอย่างรุนแรง

“อ้ากกก…”

ท่ามกลางเสียงร้องที่น่าอเนจอนาถ ร่างของราชันย์เจ็ดประทีปก็ถูกไฟเผาไม่หยุดจนกลายเป็นเถ้าธุลี แต่มันได้ฝึกยุทธ์จนกลายเป็นราชันย์ปีศาจที่มีร่างอมตะมานานแล้ว ดังนั้นจึงมีเลือดเนื้อเกิดขึ้นมาใหม่อยู่ตลอดเวลา เมื่อถูกเผาไหม้อีกครั้ง มันก็กลับคืนสภาพเช่นนี้ น่าเวทนาเสียจนไม่อาจจะทนมองดูได้

“ตอนนี้ มอบพลังเจ็ดประทีปทั้งหมดให้แก่ข้าซะ!” หลินมู่อวี่กล่าวด้วยสายตาอันเย็นเยียบ

ราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปคุกเข่าลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง น้ำเสียงอ่อนล้า “เจ้า…เจ้าทรมานข้าเช่นนี้ ไร้มนุษยธรรมนัก…”

“น่าขัน คนบ้าฆ่าคนเช่นเจ้ามาพูดถึงมนุษยธรรม ข้าเพียงแค่พิพากษาอย่างเป็นธรรมก็เท่านั้น” หลินมู่อวี่พูดโดยไม่รู้สึกละอาย เขาถือกระบี่เดินไปด้านหน้าทีละก้าว แล้วกล่าวเสียงเรียบ “แล้วยิ่งเจ้าคิดจะฆ่าข้าอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นไม่ว่าข้าจะทำอะไรกับเจ้าก็ไม่ถือว่าเกินเลยไปหรอก นี่เป็นวิธีการในแบบของข้า”

“งั้นหรอกหรือ”

ราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปค่อยๆ เงยหน้า พลันในดวงตาก็เกิดเปลวไฟไหลทะลักออกมาเป็นสาย พื้นดินค่อยๆ สั่นไหว พื้นดินใต้ฝ่าเท้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างรวดเร็ว ปรากฏให้เห็นเป็นดวงดาราสีน้ำเงินเป็นสาย ราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปหัวเราะยกใหญ่ มันยกฝ่ามือขึ้นในฉับพลัน แล้วดวงดาวที่สุกสกาวดวงหนึ่งก็โผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว มันหัวเราะอย่างหยิ่งผยอง

“เจ้าเป็นแค่ตัวอะไร กล้าเข้ามาท้าทายข้าในทะเลจิต เจ้านี่มันรนหาที่ตายจริงๆ เจ้าโง่เอ้ย!”

หลินมู่อวี่แอบโอดครวญอยู่เงียบๆ รีบร้อนถอยร่น ไฉนเลยจะรู้ว่าราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปที่อยู่ในติ่งหลอมอาวุธของเขาจะยังแว้งกัดเขาได้

“วิ้ง…”

พลังรุนแรงพรั่งพรูออกมา เป็นพลังสูงสุดของเจ็ดประทีปพลิกดารา!

หลินมู่อวี่รีบเรียกวิญญาณยุทธ์ให้ออกมา กระดองเต่าทมิฬกับปราการเกล็ดมังกรก่อตัวขึ้น ฝ่ามือควบคุมเกราะปราณห้าอันให้ป้องกันตัวเองไว้ แต่จู่ๆ เบื้องหน้าก็มีประกายแสงปรากฏขึ้น พลังของเจ็ดประทีปพลิกดารากำลังปะทุออกมา ราวกับดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนได้แตกระเบิดออกในฉับพลัน พลังทำลายล้างที่มีอานุภาพรุนแรงโจมตีเข้ามา คาดไม่ถึงว่ามันจะบดขยี้โล่ป้องกันอย่างกระดองเต่าทมิฬกับปราการเกล็ดมังกรในชั่วพริบตา

“เสร็จกัน ร่างของข้าจะถูกยึดครองแล้ว…” หลินมู่อวี่เย็บเยียบไปถึงขั้วหัวใจ

ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังลอยมาที่ข้างหู “พี่ชาย ท่านนี่ดื้อรั้นจริงๆ เลย!”

“พรึ่บ!”

ราวกับร่างกายถูกใครลากออกจากส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลจิต หลังจากผ่านการปะทะกับน้ำทะเลที่เย็นสดชื่นแล้ว เขาก็ทะยานออกนอกเขตโจมตีของพลังเจ็ดประทีปพลิกดารา หลินมู่อวี่หันไปมอง ภูตระบบลู่ลู่ที่งดงามกำลังกระพือปีก ลากตัวเองให้บินลอยออกไป

“ลู่ลู่ ฮ่ะ ฮ่ะ ลู่ลู่…” เขาดีใจที่หนีพ้นจากความตายมาได้

ลู่ลู่หันกลับมามองเขา เธอเม้มริมฝีปากน้อยๆ แล้วกล่าวตำหนิเขา “พลังวิญญาณของราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปแข็งแกร่งนัก มันสามารถยึดร่างกายของท่านตอนไหนก็ได้ ไม่คิดเลยว่าท่านยังจะกล้าใช้ฌาณสัมผัสเข้าสู่ทะเลจิตไปหาที่ตาย พี่ชาย ท่านนี่ช่างไม่เข้าใจสถานการณ์เอาซะเลยนะ…”

“เอาเถอะน่า ก็ข้าไม่รู้นี่”

“อือ รีบออกไปเร็วๆ เถอะ ฌาณสัมผัสเข้าสู่ทะเลจิตนานเกินไป จะเป็นอันตรายร้ายแรงต่อร่างกายได้”

“อืม”

หลินมู่อวี่กระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้า ฌาณสัมผัสกลับคืนสู่กายเนื้อ เขาค่อยๆ ลืมตา และพบว่าทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬไหลพลั่ก เพียงแค่ไม่กี่นาที แต่กลับรู้สึกเหมือนยาวนานหลายศตวรรษ

วิญญาณ แต่จะฝึกวิญญาณได้อย่างไรกันล่ะ

ความจริงหลินมู่อวี่ก็รู้ดีว่าราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปอยู่ในร่างของตนเอง พลังอำนาจของพลังเจ็ดประทีปสามารถใช้ติ่งหลอมอาวุธหลอมออกมาได้ สิ่งที่ตัวเขาจำเป็นต้องทำก็คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถเพิ่มพลังของวิญญาณได้ มิเช่นนั้นถึงจะหลอมพลังเจ็ดประทีปออกมาได้ แต่ก็มิอาจจะใช้มันได้ เขาไม่อยากจะต้องใช้ชีวิตตัวเองแลก เมื่อต้องใช้พลังเจ็ดประทีปนั่นอีกครั้ง

“ลู่ลู่ เจ้ารู้มั้ยว่าจะฝึกพลังวิญญาณได้อย่างไร” เขาเอ่ยถาม

ลู่ลู่บินออกมาจากร่างของเขาอย่างรวดเร็ว พลางส่ายหัว “ข้าไม่รู้…แต่พี่ชายลองไปถามเหลยหงสิ ตาเฒ่าผู้นี้อ่านหนังสือมาเยอะ น่าจะรู้อะไรบ้าง”

“อือ”

หลินมู่อวี่ลุกขึ้นพลางหันไปมองด้านข้าง ทวนหลีฮวาของจ้าวจิ้นยังวางอยู่ตรงนั้น ในความมืดมันยังคงสะท้อนให้เห็นเงามันเลื่อมจางๆ ทวนหลีฮวาด้ามนี้เป็นอาวุธระดับนิล เหล็กที่ใช้ทำตัวด้ามและใบมีดนั้นเป็นเหล็กที่หาได้ยากยิ่ง จัดเป็นโลหะที่พบได้น้อยมาก แต่ทวนเล่มนี้หลอมวิญญาณได้ไม่ดีนัก สัตว์วิญญาณที่อยู่ในทวนคงจะมีอายุไม่เกินสี่พันปี เปลืองโลหะชั้นดีนี่เสียจริง รอข้ามีเวลาว่างจะไปหาศิลาวิญญาณที่เหมาะสมแล้วหลอมใหม่ เช่นนี้ทวนหลีฮวาก็จะกลายเป็นอาวุธเทวะที่หาได้ยากยิ่งแล้ว

เมื่อเปิดประตูห้องลับออก ห่างออกไปมีทหารรักษาการณ์ของวิหารยืนเฝ้าอยู่ หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจว่า “ใต้เท้าหลินจื้อ ท่านยังอยู่ในช่วงเจ็ดวันแห่งการคุมขังสำนึกผิด ห้ามออกไปด้านนอกขอรับ”

“ข้ารู้แล้ว ข้าอยากจะขอร้องพวกเจ้า ให้ช่วยไปเชิญผู้ดูแลอาวุโสเหลยหงมาที บอกว่าข้ามีเรื่องอยากจะขอคำแนะนำสักหน่อย”

“ขอรับ ใต้เท้า!”

ทหารรักษาการณ์ของวิหารนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาน่าจะรู้เรื่องที่วิทยาลัยเทพสงครามที่หลินมู่อวี่สามารถเอาชนะจ้าวจิ้นได้ ในโลกนี้เคารพผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ในใจของคนเหล่านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลินมู่อวี่ได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่ควรค่าแก่การเคารพไปแล้ว

ผ่านไปสักพัก เหลยหงก็ผลักประตูเข้ามา เขายิ้มแย้ม “อาอวี่ เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีไหม”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด