The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 323 ถูกล้อมบนภูเขาเทียนชู่

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 323 ถูกล้อมบนภูเขาเทียนชู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.323 ถูกล้อมบนภูเขาเทียนชู่

‘ตุบ!’

วัตถุแข็งตกลงบนใบหน้าหลินมู่อวี่ เขาคว้ามันไว้อย่างรวดเร็ว มันคือขนมปังแห้งแข็ง เมื่อมองไปยังคนที่โยนมาก็พบว่าเป็นเด็กอายุราวสิบปีโดยมีปู่ยืนอยู่ด้านข้าง เขากล่าวด้วยใบหน้าซีดเซียว “ทะ…ท่านแม่ทัพ…เด็กนี่โง่เขลา อย่าตำหนิเขาเลย…”

หลินมู่อวี่มองเขาอย่างเฉยเมยก่อนจะหันไปสบตากับเด็กคนนั้น “เหตุใดเจ้าจึงโยนขนมปังใส่ข้า?”

ดวงตาเด็กน้อยเต็มไปด้วยความเกลียดชังไม่สมกับอายุ “เจ้าสุนัขรับใช้จักรวรรดิ เหตุใดจึงไม่ให้ทหารจักรวรรดิอี้เหอเข้ามาในเมืองหลันเยี่ยน?! ตราบใดที่พวกเขาเข้ามา คุณปู่ก็จะได้ทำไร่นา และครอบครัวก็จะได้มีขนมปังอุ่นๆ กินทุกวัน!”

หลินมู่อวี่ยิ้มและขี่ม้าเข้ามาด้วยสายตาอ่อนโยน “เจ้าแน่ใจว่าเมื่อคนของจักรวรรดิอี้เหอเข้ามา พวกเขาจะแบ่งปันสิ่งของให้แก่เจ้าแทนที่จะนำสิ่งที่เจ้ามีไปหรือ?”

เด็กคนนั้นส่ายหัว “กองทัพจักรวรรดิอี้เหอเป็นคนดี!”

เว่ยโฉวด้านข้างเคลื่อนตัวเข้ามาพร้อมดาบและเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่ทัพ ตราบใดที่ท่านออกคำสั่ง ข้าน้อยจะสังหารสัตว์ร้ายตัวน้อยผู้โง่เขลานี้ด้วยความผิดฐานโจมตีทหารแห่งจักรวรรดิ”

ปู่ของเด็กคนนี้พลันคุกเข่าอย่างรวดเร็วและร้องขอความเมตตา “ได้โปรดเถิด เขายังเป็นเด็ก ได้โปรดอย่าฆ่าเขาเลยขอรับ”

หลินมู่อวี่ส่ายหัวและกล่าวว่า “ช่างเถิด แล้วไปกันได้แล้ว ให้ทุกคนได้พักผ่อน”

“ขอรับ!” เว่ยโฉวพยักหน้า

ทว่าขณะเดียวกัน ‘ตุบ!’ ก้อนอิฐเย็นกระแทกใบหน้าเซี้ยโหวซางจนมีเลือดออกจมูก เซี้ยโฮวซางได้รับบาดเจ็บปางตายอยู่ก่อนแล้ว เขาหันไปมองหน้าผู้ที่โยนอิฐนี้มาก็พบว่าเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบปี ชายผู้นั้นชักดาบยาวพร้อมตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไอ้สารเลว ไปตายซะ!”

ชายหนุ่มหมุนตัววิ่งกลับเข้าไปในตรอก

เซี้ยโหวซางต้องการไล่ตามไป ทว่าหลินมู่อวี่รีบพูดว่า “เซี้ยโหวกลับมา อย่าไล่ตาม อย่าทำให้ยุ่งยากไปมากกว่านี้เลย”

ใบหน้าเซี้ยโหวซางตกตะลึง ดวงตาของเขาแดงก่ำและมือที่ถือดาบสั่นเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพ เซี้ยโหวซางภักดีต่อจักรวรรดิมาตลอดชีวิต มิใช่ว่าเราต่อสู้เพื่อจักรวรรดิและเพื่อปกป้องชาวบ้านในเมืองหรือ? เหตุใดพวกเขาจึงปฏิบัติต่อเราเช่นนี้…ทั้งๆ ที่เซี้ยโหวไม่เคยทำเรื่องผิดพลาดมาก่อนในชีวิต…”

หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงแผ่วเบา “เจ้าและข้าต่างก็เป็นทหารของจักรวรรดิ นี่คือสิ่งที่เราต้องแบกรับ ปล่อยมันไปเถิด แล้วกลับค่ายของเรา”

“ขอรับ!”

ทันทีที่หลินมู่อวี่เข้าไปในค่ายรังอินทรี ทหารค่ายเขาเหินก็วิ่งเขามาอย่างรวดเร็วพร้อมหัวเราะอย่างร่าเริง “แม่ทัพหลินสำเร็จแล้ว! มันสำเร็จแล้ว!”

“อะไรสำเร็จ?”

“แผนการของพวกเราสำเร็จแล้ว! ทิศที่ตั้งเมืองฉิวเฟิ่งกำลังลุกเป็นไฟ!”

“โอ้?”

หลินมู่อวี่รีบวิ่งไปยังกำแพงทางตอนเหนือ เมื่อก้าวขึ้นไปบนกำแพงก็เห็นริ้วไฟลุกโชนที่ขอบฟ้าทิศตะวันออก แน่นอนว่านั่นคือเมืองฉิวเฟิ่งที่ทหารอาสาใช้กักตุนอาหารและหญ้า ดูเหมือนว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดจะทำสำเร็จ!

เสียงกระพือปีกดังขึ้นพร้อมนกส่งสารร่อนลงอย่างเชื่องช้า หลินมู่อวี่คว้าม้วนกระดาษและเปิดดูซึ่งมาจากหลัวอวี่ ‘ท่านผู้บัญชาการ ภารกิจเสร็จสมบูรณ์ ค่ายกักเก็บอาหารและหญ้าในเมืองฉิวเฟิ่งกลายเป็นเถ้าถ่าน ทหารอาสาส่งกองทหารคุ้มกันสี่หมื่นคน ทำให้กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดสูญเสียไปห้าพันคนและมีผู้บาดเจ็บอีกมาก ข้าน้อยขออภัยขอรับ’

หลินมู่อวี่โล่งอกและดีใจอีกครั้งก่อนจะตอบกลับไป ‘ทำดีมาก ปกป้องภูเขาหลงหยานต่อไป และรอคำสั่ง’

เมื่อหลินมู่อวี่หันกลับไปก็พบกลุ่มคนเดินกำลังเดินเข้ามา พวกเขาคือเฟิงจี้สิง จางเหว่ย หลัวเลี่ย และทหารคนอื่นๆ จากกองทัพองครักษ์ เฟิงจี้สิงเงยหน้าขึ้นและเห็นหลินมู่อวี่ในเมืองก็ตะโกนเสียงดัง “อาอวี่เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าได้ยินว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ”

“แผลเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรมาก พี่เฟิงสถานการณ์ของกองทัพองครักษ์เป็นอย่างไร?”

“ทหารสามพันนายได้รับบาดเจ็บ และกองกำลังหลักของศัตรูมิได้อยู่ที่ประตูทิศตะวันออก”

“โอ้ เป็นเช่นนั้นเอง”

เฟิงจี้สิงมองไปยังขอบฟ้าทิศตะวันออก “เนื่องจากยุ้งฉางกักเก็บอาหารและหญ้าของทหารอาสาถูกเผา พวกมันจะต้องล่าถอยอย่างแน่นอน พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว รีบไปให้คำตอบแก่ทุกคนในตำหนักเจ๋อเทียนกันเถิด”

“อือ”

มันสายเกินกว่าที่จะเปลี่ยนชุด หลินมู่อวี่พาเว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางไปยังตำหนักเจ๋อเทียน ขณะที่สภาพเฟิงจี้สิงนั้นไม่แตกต่างจากหลินมู่อวี่และทุกคน เสื้อคลุมถูกย้อมเป็นสีแดงเลือด แม้แต่ชุดจักรวรรดิสีน้ำเงินเข้มด้านในชุดเกราะก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

ด้านในโถงตำหนักเจ๋อเทียน เหล่าสาวใช้จุดตะเกียงขึ้นทีละดวง ขณะที่เหล่าข้าราชบริพารรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นเฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเดินเข้ามาในโถง

เหล่าข้าราชบริพารต่างส่งเสียงด้วยความตื่นเต้น “ผู้บัญชาการเฟิงจี้สิง ผู้บัญชาการฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน และผู้บัญชาการหลินมู่อวี่กลับมาแล้ว!”

ฉินอินกำลังนอนหลับโดยใช้มือวางเท้าแก้มชมพู นางลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง ก่อนจะรีบวิ่งออกไปและพบกับหลินมู่อวี่ “พี่อาอวี่ สำเร็จหรือไม่เจ้าคะ?”

“อื้ม”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “ข้าได้รับม้วนหนังสือจากนกส่งสารของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดว่า เสบียงของทหารอาสาถูกเผาไหม้เป็นจุณ”

“ดีเจ้าค่ะ!”

ฉินอินมีความสุขมาก ทว่าเมื่อสายตาเลื่อนลงมาเห็นร่างกายของหลินมู่อวี่ก็รู้สึกเป็นทุกข์ทันที “พะ…พี่ได้รับบาดเจ็บ?”

“ไม่เป็นไร บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ทุกคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บ”

หลินมู่อวี่ยิ้ม ฉินอินเป็นผู้ปกครองเมืองหลันเยี่ยนและองค์หญิงผู้เป็นดั่งที่พึ่งของทุกคนขณะนี้ ฉินอินเป็นของทุกคน มิใช่ของเขาคนเดียว หลินมู่อวี่รู้ดีว่าฉินอินรักเขาอย่างลึกซึ้ง ทว่าเวลานี้ไม่เหมาะสมนัก มิเช่นนั้นอาจทำให้ประชาชนสูญเสียความภักดีในจิตใจ

ฉินอินตระหนักถึงการกระทำของหลินมู่อวี่ จึงยิ้มอย่างเขินอาย “อื้ม ข้ารู้”

จากนั้นฉินอินหันกลับแล้วเดินขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์และกล่าวว่า “ทุกคนต่างทำงานอย่างหนักเพื่อทำลายแหล่งเสบียงของฉินอี้ ท่านเฟิงจี้สิงประสบความสำเร็จเป็นคนแรก จากนั้นเป็นท่านฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนและพี่อาอวี่ ข้าจะมีรางวัลตอบแทนให้อย่างแน่นอน! จริงสิ มีข่าวจากเมืองชีไห่และเมืองหยาดสายัณห์หรือไม่?”

ตู้ไห่กัดฟันและกล่าวว่า “มีข่าวจากเมืองหยาดสายัณห์พ่ะย่ะค่ะ หยุนกงเขียนกลับมาแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้มีหิมะตกหนักอีกครั้งหลังฤดูใบไม้ผลิในมณฑลอวิ้นจง และตกต่อเนื่องกว่าห้าวันแล้วจนปิดกั้นถนนสายเก่า แม้หยุนกงจะรวบรวมกองกำลังได้กว่าสองแสนนาย ทว่าก็ไม่สามารถเคลื่อนทัพมาสนับสนุนได้ กระนั้นองค์หญิงโปรดวางพระทัย เมื่อใดที่พวกเขากำจัดหิมะออกจากถนนได้ ก็จะเดินทางมาเป็นกำลังเสริมเราพ่ะย่ะค่ะ”

“หิมะตกหนักต่อเนื่องห้าวันอาจเป็นสาเหตุให้กองทัพทั้งสองแสนคนเคลื่อนทัพล่าช้าลง”

ใบหน้าเฟิงจี้สิงบิดเบี้ยวและกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้ออ้าง! มันเป็นเพียงข้ออ้าง ซูมู่หยุนเพียงต้องการแก้ตัว คงรอจนกว่าเมืองหลันเยี่ยนแตกพ่ายก่อนหิมะจึงจะละลายใช่หรือไม่?!”

“ผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงโปรดระวังคำพูดด้วย!” ชางชู่หลิงและหลัวซิ่งกล่าวอย่างเย้ยหยัน “หยุนกงเป็นพระอัยยิกาขององค์หญิงอิน เขาคงไม่ทนดูเมืองหลันเยี่ยนล่มสลาย เรื่องง่ายๆ เช่นนี้เจ้าก็ไม่เข้าใจหรือ?”

เฟิงจี้สิงยิ้ม “ข้ารู้เพียงกลยุทธ์ทางทหาร ทว่าไม่รู้ความซับซ้อนของผู้คน คงต้องขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์หลัวซิ่งแล้วขอรับ”

หลัวซิ่งพ่นลมออกจากจมูกอย่างเย็นชาและไม่พูดสิ่งใดอีก

ฉินอินเอ่ยถามต่อ “มีข่าวจากเมืองชีไห่หรือไม่? นี่ผ่านไปกี่วันแล้ว เสี่ยวซีควรจะถึงเมืองชีไห่แล้วใช่ไหม? เหตุใด…ยังไม่มีข่าวคราวเลย”

ตู้ไห่ประสานมือและกล่าวว่า “องค์หญิงอิน เนื่องจากอวี่เหวินเซี่ยประเมินศัตรูต่ำเกินไป ทำให้กองทัพเมืองชีไห่สูญเสียทหารกว่าหกหมื่นนายในสงคราม ณ เมืองอสูร และมีทหารบาดเจ็บสาหัสมากมาย บางทีอาจเป็นเหตุให้หลานกงไม่พอใจและไม่ต้องการส่งกองกำลังมา? กระหม่อมคิดว่าองค์หญิงอินควรเขียนสาส์นใหม่อีกครั้งเพื่อชี้แจงสถานการณ์วิกฤตของเมืองหลันเยี่ยนในปัจจุบัน กระหม่อมเชื่อว่าหลานกงจะส่งกองกำลังมาอย่างแน่นอน”

ฉินอินพยักหน้า “อืม นั่นเป็นความคิดที่ดี”

ขณะเดียวกันนายพลวัยกลางคนรีบเข้ามาในห้องโถงและประสานหมัดรายงาน “องค์หญิงอินสถานการณ์ไม่ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ เกิดหลุมขนาดใหญ่ทำลายกำแพงทางทิศตะวันออก และกองทัพจักรวรรดิอี้เหอบุกเข้ามาโจมตีพร้อมสังหารผู้คนด้านใน!”

“อะไรนะ!?”

ฉินอินลุกขึ้นยืนและถาม “ถูกฆ่ากี่คนแล้ว?”

“ประมาณสองพันคน และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พ่ะย่ะค่ะ ทว่าทหารกองทัพองครักษณ์พยายามสกัดพวกมันไว้”

“อืม…”

ฉินอินโบกมือและกล่าวว่า “ส่งกองกำลังเสริมออกไป และให้แน่ใจว่าขับไล่ทหารอาสาออกจากเมืองหลันเยี่ยนทั้งหมด จากนั้นซ่อมกำแพงเมืองให้เสร็จภายในหนึ่งวัน มิเช่นนั้นห้ามกลับมา”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง!” ทหารนายนั้นออกจากโถงด้วยใบหน้าซีดเซียว

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนประสานหมัด “องค์หญิงอิน กระหม่อมจะนำทหารค่ายเขาเหินออกไปสกัดทหารอาสาที่เข้ามาในเมืองพ่ะย่ะค่ะ”

“คงต้องลำบากท่านฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ไปเถิด!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

เฟิงจี้สิงมองตามหลังฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก่อนจะหันมองฉินอินและกล่าวว่า “องค์หญิงอิน เครื่องยิงหินของจักรวรรดิอี้เหอทรงพลังมาก กำแพงเมืองหลันเยี่ยนทั้งสี่ด้านได้รับความเสียหายรุนแรง กระหม่อมเกรงว่าจะไม่สามารถทนได้นาน”

“ข้ารู้…ข้ารู้…”

ฉินอินมองออกไปไกลด้วยความรู้สึกว่างเปล่าและพึมพำ “ไม่มีข่าวคราวจากเมืองชีไห่และเมืองหยาดสายัณห์ เราทำได้เพียงสิ่งที่เราสามารถทำได้และยอมรับชะตากรรม เมืองหลันเยี่ยนอาจยืนหยัดได้อีกระยะหนึ่ง!”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง!”

ขณะเดียวกัน จู่ๆ นายพลเลือดท่วมกายก็คลานเข้ามา เมื่อมาถึงโถงก็มีน้ำตาเอ่อล้นไหลอาบรวมกับเลือดบนใบหน้า

“นั่นใคร?” เฟิงจี้สิงตะโกน “หยาบคายยิ่งนัก!”

นายพลผู้นั้นเช็ดน้ำตาและกล่าวว่า “ข้าเองจางจง ผู้บัญชาการกองทหารม้าเหล็กแห่งกองทัพองครักษณ์ ท่านจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”

“ผู้บัญชาการจางจง?”

เฟิงจี้สิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “เหตุใดจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้? นักรบกองทัพองครักษณ์ต่างเป็นทหารของราชวงศ์ฉิน ทว่าเจ้ากลับอยู่ในสภาพน่าเวทนาเหลือเกิน!”

จางจงส่งเสียงร้องขณะที่ดึงกระดาษเปื้อนเลือดออกจากแขนด้วยมือสั่นเทา “กระหม่อมฉวยโอกาสคว้าม้วนหนังสือของนกส่งสารจักรวรรดิจากความโกลาหล มันเป็นม้วนหนังสือจากองค์จักรพรรดิ ฝะ…ฝ่าบาทยังไม่สิ้นพระชนม์พ่ะย่ะค่ะ…”

“อะไรนะ เสด็จพ่อยังไม่สิ้นพระชนม์!?”

ฉินอินยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและคว้าจดหมายจากมือจางจง เมื่อเห็นลายมือบนกระดาษ ก็รู้ได้ว่าเป็นลายมือของฉินจิ้น ‘ข้าและกองทัพเทียนฉงฝ่าวงล้อมศัตรู และถูกล้อมในภูเขาเทียนชู่ระหว่างทางกลับเมืองหลวง โปรดรีบส่งกองกำลังมาช่วยโดยเร็ว!’

ฝ่ามือฉินอินสั่นเล็กน้อยขณะถือจดหมาย น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาคู่งาม “สะ…เสด็จพ่อยังมีพระชนม์ชีพ…ฮือ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 323 ถูกล้อมบนภูเขาเทียนชู่

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 323 ถูกล้อมบนภูเขาเทียนชู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.323 ถูกล้อมบนภูเขาเทียนชู่

‘ตุบ!’

วัตถุแข็งตกลงบนใบหน้าหลินมู่อวี่ เขาคว้ามันไว้อย่างรวดเร็ว มันคือขนมปังแห้งแข็ง เมื่อมองไปยังคนที่โยนมาก็พบว่าเป็นเด็กอายุราวสิบปีโดยมีปู่ยืนอยู่ด้านข้าง เขากล่าวด้วยใบหน้าซีดเซียว “ทะ…ท่านแม่ทัพ…เด็กนี่โง่เขลา อย่าตำหนิเขาเลย…”

หลินมู่อวี่มองเขาอย่างเฉยเมยก่อนจะหันไปสบตากับเด็กคนนั้น “เหตุใดเจ้าจึงโยนขนมปังใส่ข้า?”

ดวงตาเด็กน้อยเต็มไปด้วยความเกลียดชังไม่สมกับอายุ “เจ้าสุนัขรับใช้จักรวรรดิ เหตุใดจึงไม่ให้ทหารจักรวรรดิอี้เหอเข้ามาในเมืองหลันเยี่ยน?! ตราบใดที่พวกเขาเข้ามา คุณปู่ก็จะได้ทำไร่นา และครอบครัวก็จะได้มีขนมปังอุ่นๆ กินทุกวัน!”

หลินมู่อวี่ยิ้มและขี่ม้าเข้ามาด้วยสายตาอ่อนโยน “เจ้าแน่ใจว่าเมื่อคนของจักรวรรดิอี้เหอเข้ามา พวกเขาจะแบ่งปันสิ่งของให้แก่เจ้าแทนที่จะนำสิ่งที่เจ้ามีไปหรือ?”

เด็กคนนั้นส่ายหัว “กองทัพจักรวรรดิอี้เหอเป็นคนดี!”

เว่ยโฉวด้านข้างเคลื่อนตัวเข้ามาพร้อมดาบและเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่ทัพ ตราบใดที่ท่านออกคำสั่ง ข้าน้อยจะสังหารสัตว์ร้ายตัวน้อยผู้โง่เขลานี้ด้วยความผิดฐานโจมตีทหารแห่งจักรวรรดิ”

ปู่ของเด็กคนนี้พลันคุกเข่าอย่างรวดเร็วและร้องขอความเมตตา “ได้โปรดเถิด เขายังเป็นเด็ก ได้โปรดอย่าฆ่าเขาเลยขอรับ”

หลินมู่อวี่ส่ายหัวและกล่าวว่า “ช่างเถิด แล้วไปกันได้แล้ว ให้ทุกคนได้พักผ่อน”

“ขอรับ!” เว่ยโฉวพยักหน้า

ทว่าขณะเดียวกัน ‘ตุบ!’ ก้อนอิฐเย็นกระแทกใบหน้าเซี้ยโหวซางจนมีเลือดออกจมูก เซี้ยโฮวซางได้รับบาดเจ็บปางตายอยู่ก่อนแล้ว เขาหันไปมองหน้าผู้ที่โยนอิฐนี้มาก็พบว่าเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบปี ชายผู้นั้นชักดาบยาวพร้อมตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไอ้สารเลว ไปตายซะ!”

ชายหนุ่มหมุนตัววิ่งกลับเข้าไปในตรอก

เซี้ยโหวซางต้องการไล่ตามไป ทว่าหลินมู่อวี่รีบพูดว่า “เซี้ยโหวกลับมา อย่าไล่ตาม อย่าทำให้ยุ่งยากไปมากกว่านี้เลย”

ใบหน้าเซี้ยโหวซางตกตะลึง ดวงตาของเขาแดงก่ำและมือที่ถือดาบสั่นเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพ เซี้ยโหวซางภักดีต่อจักรวรรดิมาตลอดชีวิต มิใช่ว่าเราต่อสู้เพื่อจักรวรรดิและเพื่อปกป้องชาวบ้านในเมืองหรือ? เหตุใดพวกเขาจึงปฏิบัติต่อเราเช่นนี้…ทั้งๆ ที่เซี้ยโหวไม่เคยทำเรื่องผิดพลาดมาก่อนในชีวิต…”

หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงแผ่วเบา “เจ้าและข้าต่างก็เป็นทหารของจักรวรรดิ นี่คือสิ่งที่เราต้องแบกรับ ปล่อยมันไปเถิด แล้วกลับค่ายของเรา”

“ขอรับ!”

ทันทีที่หลินมู่อวี่เข้าไปในค่ายรังอินทรี ทหารค่ายเขาเหินก็วิ่งเขามาอย่างรวดเร็วพร้อมหัวเราะอย่างร่าเริง “แม่ทัพหลินสำเร็จแล้ว! มันสำเร็จแล้ว!”

“อะไรสำเร็จ?”

“แผนการของพวกเราสำเร็จแล้ว! ทิศที่ตั้งเมืองฉิวเฟิ่งกำลังลุกเป็นไฟ!”

“โอ้?”

หลินมู่อวี่รีบวิ่งไปยังกำแพงทางตอนเหนือ เมื่อก้าวขึ้นไปบนกำแพงก็เห็นริ้วไฟลุกโชนที่ขอบฟ้าทิศตะวันออก แน่นอนว่านั่นคือเมืองฉิวเฟิ่งที่ทหารอาสาใช้กักตุนอาหารและหญ้า ดูเหมือนว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดจะทำสำเร็จ!

เสียงกระพือปีกดังขึ้นพร้อมนกส่งสารร่อนลงอย่างเชื่องช้า หลินมู่อวี่คว้าม้วนกระดาษและเปิดดูซึ่งมาจากหลัวอวี่ ‘ท่านผู้บัญชาการ ภารกิจเสร็จสมบูรณ์ ค่ายกักเก็บอาหารและหญ้าในเมืองฉิวเฟิ่งกลายเป็นเถ้าถ่าน ทหารอาสาส่งกองทหารคุ้มกันสี่หมื่นคน ทำให้กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดสูญเสียไปห้าพันคนและมีผู้บาดเจ็บอีกมาก ข้าน้อยขออภัยขอรับ’

หลินมู่อวี่โล่งอกและดีใจอีกครั้งก่อนจะตอบกลับไป ‘ทำดีมาก ปกป้องภูเขาหลงหยานต่อไป และรอคำสั่ง’

เมื่อหลินมู่อวี่หันกลับไปก็พบกลุ่มคนเดินกำลังเดินเข้ามา พวกเขาคือเฟิงจี้สิง จางเหว่ย หลัวเลี่ย และทหารคนอื่นๆ จากกองทัพองครักษ์ เฟิงจี้สิงเงยหน้าขึ้นและเห็นหลินมู่อวี่ในเมืองก็ตะโกนเสียงดัง “อาอวี่เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าได้ยินว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ”

“แผลเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรมาก พี่เฟิงสถานการณ์ของกองทัพองครักษ์เป็นอย่างไร?”

“ทหารสามพันนายได้รับบาดเจ็บ และกองกำลังหลักของศัตรูมิได้อยู่ที่ประตูทิศตะวันออก”

“โอ้ เป็นเช่นนั้นเอง”

เฟิงจี้สิงมองไปยังขอบฟ้าทิศตะวันออก “เนื่องจากยุ้งฉางกักเก็บอาหารและหญ้าของทหารอาสาถูกเผา พวกมันจะต้องล่าถอยอย่างแน่นอน พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว รีบไปให้คำตอบแก่ทุกคนในตำหนักเจ๋อเทียนกันเถิด”

“อือ”

มันสายเกินกว่าที่จะเปลี่ยนชุด หลินมู่อวี่พาเว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางไปยังตำหนักเจ๋อเทียน ขณะที่สภาพเฟิงจี้สิงนั้นไม่แตกต่างจากหลินมู่อวี่และทุกคน เสื้อคลุมถูกย้อมเป็นสีแดงเลือด แม้แต่ชุดจักรวรรดิสีน้ำเงินเข้มด้านในชุดเกราะก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

ด้านในโถงตำหนักเจ๋อเทียน เหล่าสาวใช้จุดตะเกียงขึ้นทีละดวง ขณะที่เหล่าข้าราชบริพารรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นเฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเดินเข้ามาในโถง

เหล่าข้าราชบริพารต่างส่งเสียงด้วยความตื่นเต้น “ผู้บัญชาการเฟิงจี้สิง ผู้บัญชาการฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน และผู้บัญชาการหลินมู่อวี่กลับมาแล้ว!”

ฉินอินกำลังนอนหลับโดยใช้มือวางเท้าแก้มชมพู นางลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง ก่อนจะรีบวิ่งออกไปและพบกับหลินมู่อวี่ “พี่อาอวี่ สำเร็จหรือไม่เจ้าคะ?”

“อื้ม”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “ข้าได้รับม้วนหนังสือจากนกส่งสารของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดว่า เสบียงของทหารอาสาถูกเผาไหม้เป็นจุณ”

“ดีเจ้าค่ะ!”

ฉินอินมีความสุขมาก ทว่าเมื่อสายตาเลื่อนลงมาเห็นร่างกายของหลินมู่อวี่ก็รู้สึกเป็นทุกข์ทันที “พะ…พี่ได้รับบาดเจ็บ?”

“ไม่เป็นไร บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ทุกคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บ”

หลินมู่อวี่ยิ้ม ฉินอินเป็นผู้ปกครองเมืองหลันเยี่ยนและองค์หญิงผู้เป็นดั่งที่พึ่งของทุกคนขณะนี้ ฉินอินเป็นของทุกคน มิใช่ของเขาคนเดียว หลินมู่อวี่รู้ดีว่าฉินอินรักเขาอย่างลึกซึ้ง ทว่าเวลานี้ไม่เหมาะสมนัก มิเช่นนั้นอาจทำให้ประชาชนสูญเสียความภักดีในจิตใจ

ฉินอินตระหนักถึงการกระทำของหลินมู่อวี่ จึงยิ้มอย่างเขินอาย “อื้ม ข้ารู้”

จากนั้นฉินอินหันกลับแล้วเดินขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์และกล่าวว่า “ทุกคนต่างทำงานอย่างหนักเพื่อทำลายแหล่งเสบียงของฉินอี้ ท่านเฟิงจี้สิงประสบความสำเร็จเป็นคนแรก จากนั้นเป็นท่านฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนและพี่อาอวี่ ข้าจะมีรางวัลตอบแทนให้อย่างแน่นอน! จริงสิ มีข่าวจากเมืองชีไห่และเมืองหยาดสายัณห์หรือไม่?”

ตู้ไห่กัดฟันและกล่าวว่า “มีข่าวจากเมืองหยาดสายัณห์พ่ะย่ะค่ะ หยุนกงเขียนกลับมาแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้มีหิมะตกหนักอีกครั้งหลังฤดูใบไม้ผลิในมณฑลอวิ้นจง และตกต่อเนื่องกว่าห้าวันแล้วจนปิดกั้นถนนสายเก่า แม้หยุนกงจะรวบรวมกองกำลังได้กว่าสองแสนนาย ทว่าก็ไม่สามารถเคลื่อนทัพมาสนับสนุนได้ กระนั้นองค์หญิงโปรดวางพระทัย เมื่อใดที่พวกเขากำจัดหิมะออกจากถนนได้ ก็จะเดินทางมาเป็นกำลังเสริมเราพ่ะย่ะค่ะ”

“หิมะตกหนักต่อเนื่องห้าวันอาจเป็นสาเหตุให้กองทัพทั้งสองแสนคนเคลื่อนทัพล่าช้าลง”

ใบหน้าเฟิงจี้สิงบิดเบี้ยวและกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้ออ้าง! มันเป็นเพียงข้ออ้าง ซูมู่หยุนเพียงต้องการแก้ตัว คงรอจนกว่าเมืองหลันเยี่ยนแตกพ่ายก่อนหิมะจึงจะละลายใช่หรือไม่?!”

“ผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงโปรดระวังคำพูดด้วย!” ชางชู่หลิงและหลัวซิ่งกล่าวอย่างเย้ยหยัน “หยุนกงเป็นพระอัยยิกาขององค์หญิงอิน เขาคงไม่ทนดูเมืองหลันเยี่ยนล่มสลาย เรื่องง่ายๆ เช่นนี้เจ้าก็ไม่เข้าใจหรือ?”

เฟิงจี้สิงยิ้ม “ข้ารู้เพียงกลยุทธ์ทางทหาร ทว่าไม่รู้ความซับซ้อนของผู้คน คงต้องขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์หลัวซิ่งแล้วขอรับ”

หลัวซิ่งพ่นลมออกจากจมูกอย่างเย็นชาและไม่พูดสิ่งใดอีก

ฉินอินเอ่ยถามต่อ “มีข่าวจากเมืองชีไห่หรือไม่? นี่ผ่านไปกี่วันแล้ว เสี่ยวซีควรจะถึงเมืองชีไห่แล้วใช่ไหม? เหตุใด…ยังไม่มีข่าวคราวเลย”

ตู้ไห่ประสานมือและกล่าวว่า “องค์หญิงอิน เนื่องจากอวี่เหวินเซี่ยประเมินศัตรูต่ำเกินไป ทำให้กองทัพเมืองชีไห่สูญเสียทหารกว่าหกหมื่นนายในสงคราม ณ เมืองอสูร และมีทหารบาดเจ็บสาหัสมากมาย บางทีอาจเป็นเหตุให้หลานกงไม่พอใจและไม่ต้องการส่งกองกำลังมา? กระหม่อมคิดว่าองค์หญิงอินควรเขียนสาส์นใหม่อีกครั้งเพื่อชี้แจงสถานการณ์วิกฤตของเมืองหลันเยี่ยนในปัจจุบัน กระหม่อมเชื่อว่าหลานกงจะส่งกองกำลังมาอย่างแน่นอน”

ฉินอินพยักหน้า “อืม นั่นเป็นความคิดที่ดี”

ขณะเดียวกันนายพลวัยกลางคนรีบเข้ามาในห้องโถงและประสานหมัดรายงาน “องค์หญิงอินสถานการณ์ไม่ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ เกิดหลุมขนาดใหญ่ทำลายกำแพงทางทิศตะวันออก และกองทัพจักรวรรดิอี้เหอบุกเข้ามาโจมตีพร้อมสังหารผู้คนด้านใน!”

“อะไรนะ!?”

ฉินอินลุกขึ้นยืนและถาม “ถูกฆ่ากี่คนแล้ว?”

“ประมาณสองพันคน และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พ่ะย่ะค่ะ ทว่าทหารกองทัพองครักษณ์พยายามสกัดพวกมันไว้”

“อืม…”

ฉินอินโบกมือและกล่าวว่า “ส่งกองกำลังเสริมออกไป และให้แน่ใจว่าขับไล่ทหารอาสาออกจากเมืองหลันเยี่ยนทั้งหมด จากนั้นซ่อมกำแพงเมืองให้เสร็จภายในหนึ่งวัน มิเช่นนั้นห้ามกลับมา”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง!” ทหารนายนั้นออกจากโถงด้วยใบหน้าซีดเซียว

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนประสานหมัด “องค์หญิงอิน กระหม่อมจะนำทหารค่ายเขาเหินออกไปสกัดทหารอาสาที่เข้ามาในเมืองพ่ะย่ะค่ะ”

“คงต้องลำบากท่านฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ไปเถิด!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

เฟิงจี้สิงมองตามหลังฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก่อนจะหันมองฉินอินและกล่าวว่า “องค์หญิงอิน เครื่องยิงหินของจักรวรรดิอี้เหอทรงพลังมาก กำแพงเมืองหลันเยี่ยนทั้งสี่ด้านได้รับความเสียหายรุนแรง กระหม่อมเกรงว่าจะไม่สามารถทนได้นาน”

“ข้ารู้…ข้ารู้…”

ฉินอินมองออกไปไกลด้วยความรู้สึกว่างเปล่าและพึมพำ “ไม่มีข่าวคราวจากเมืองชีไห่และเมืองหยาดสายัณห์ เราทำได้เพียงสิ่งที่เราสามารถทำได้และยอมรับชะตากรรม เมืองหลันเยี่ยนอาจยืนหยัดได้อีกระยะหนึ่ง!”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง!”

ขณะเดียวกัน จู่ๆ นายพลเลือดท่วมกายก็คลานเข้ามา เมื่อมาถึงโถงก็มีน้ำตาเอ่อล้นไหลอาบรวมกับเลือดบนใบหน้า

“นั่นใคร?” เฟิงจี้สิงตะโกน “หยาบคายยิ่งนัก!”

นายพลผู้นั้นเช็ดน้ำตาและกล่าวว่า “ข้าเองจางจง ผู้บัญชาการกองทหารม้าเหล็กแห่งกองทัพองครักษณ์ ท่านจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”

“ผู้บัญชาการจางจง?”

เฟิงจี้สิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “เหตุใดจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้? นักรบกองทัพองครักษณ์ต่างเป็นทหารของราชวงศ์ฉิน ทว่าเจ้ากลับอยู่ในสภาพน่าเวทนาเหลือเกิน!”

จางจงส่งเสียงร้องขณะที่ดึงกระดาษเปื้อนเลือดออกจากแขนด้วยมือสั่นเทา “กระหม่อมฉวยโอกาสคว้าม้วนหนังสือของนกส่งสารจักรวรรดิจากความโกลาหล มันเป็นม้วนหนังสือจากองค์จักรพรรดิ ฝะ…ฝ่าบาทยังไม่สิ้นพระชนม์พ่ะย่ะค่ะ…”

“อะไรนะ เสด็จพ่อยังไม่สิ้นพระชนม์!?”

ฉินอินยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและคว้าจดหมายจากมือจางจง เมื่อเห็นลายมือบนกระดาษ ก็รู้ได้ว่าเป็นลายมือของฉินจิ้น ‘ข้าและกองทัพเทียนฉงฝ่าวงล้อมศัตรู และถูกล้อมในภูเขาเทียนชู่ระหว่างทางกลับเมืองหลวง โปรดรีบส่งกองกำลังมาช่วยโดยเร็ว!’

ฝ่ามือฉินอินสั่นเล็กน้อยขณะถือจดหมาย น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาคู่งาม “สะ…เสด็จพ่อยังมีพระชนม์ชีพ…ฮือ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 323 ถูกล้อมบนภูเขาเทียนชู่

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 323 ถูกล้อมบนภูเขาเทียนชู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.323 ถูกล้อมบนภูเขาเทียนชู่

‘ตุบ!’

วัตถุแข็งตกลงบนใบหน้าหลินมู่อวี่ เขาคว้ามันไว้อย่างรวดเร็ว มันคือขนมปังแห้งแข็ง เมื่อมองไปยังคนที่โยนมาก็พบว่าเป็นเด็กอายุราวสิบปีโดยมีปู่ยืนอยู่ด้านข้าง เขากล่าวด้วยใบหน้าซีดเซียว “ทะ…ท่านแม่ทัพ…เด็กนี่โง่เขลา อย่าตำหนิเขาเลย…”

หลินมู่อวี่มองเขาอย่างเฉยเมยก่อนจะหันไปสบตากับเด็กคนนั้น “เหตุใดเจ้าจึงโยนขนมปังใส่ข้า?”

ดวงตาเด็กน้อยเต็มไปด้วยความเกลียดชังไม่สมกับอายุ “เจ้าสุนัขรับใช้จักรวรรดิ เหตุใดจึงไม่ให้ทหารจักรวรรดิอี้เหอเข้ามาในเมืองหลันเยี่ยน?! ตราบใดที่พวกเขาเข้ามา คุณปู่ก็จะได้ทำไร่นา และครอบครัวก็จะได้มีขนมปังอุ่นๆ กินทุกวัน!”

หลินมู่อวี่ยิ้มและขี่ม้าเข้ามาด้วยสายตาอ่อนโยน “เจ้าแน่ใจว่าเมื่อคนของจักรวรรดิอี้เหอเข้ามา พวกเขาจะแบ่งปันสิ่งของให้แก่เจ้าแทนที่จะนำสิ่งที่เจ้ามีไปหรือ?”

เด็กคนนั้นส่ายหัว “กองทัพจักรวรรดิอี้เหอเป็นคนดี!”

เว่ยโฉวด้านข้างเคลื่อนตัวเข้ามาพร้อมดาบและเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่ทัพ ตราบใดที่ท่านออกคำสั่ง ข้าน้อยจะสังหารสัตว์ร้ายตัวน้อยผู้โง่เขลานี้ด้วยความผิดฐานโจมตีทหารแห่งจักรวรรดิ”

ปู่ของเด็กคนนี้พลันคุกเข่าอย่างรวดเร็วและร้องขอความเมตตา “ได้โปรดเถิด เขายังเป็นเด็ก ได้โปรดอย่าฆ่าเขาเลยขอรับ”

หลินมู่อวี่ส่ายหัวและกล่าวว่า “ช่างเถิด แล้วไปกันได้แล้ว ให้ทุกคนได้พักผ่อน”

“ขอรับ!” เว่ยโฉวพยักหน้า

ทว่าขณะเดียวกัน ‘ตุบ!’ ก้อนอิฐเย็นกระแทกใบหน้าเซี้ยโหวซางจนมีเลือดออกจมูก เซี้ยโฮวซางได้รับบาดเจ็บปางตายอยู่ก่อนแล้ว เขาหันไปมองหน้าผู้ที่โยนอิฐนี้มาก็พบว่าเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบปี ชายผู้นั้นชักดาบยาวพร้อมตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไอ้สารเลว ไปตายซะ!”

ชายหนุ่มหมุนตัววิ่งกลับเข้าไปในตรอก

เซี้ยโหวซางต้องการไล่ตามไป ทว่าหลินมู่อวี่รีบพูดว่า “เซี้ยโหวกลับมา อย่าไล่ตาม อย่าทำให้ยุ่งยากไปมากกว่านี้เลย”

ใบหน้าเซี้ยโหวซางตกตะลึง ดวงตาของเขาแดงก่ำและมือที่ถือดาบสั่นเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพ เซี้ยโหวซางภักดีต่อจักรวรรดิมาตลอดชีวิต มิใช่ว่าเราต่อสู้เพื่อจักรวรรดิและเพื่อปกป้องชาวบ้านในเมืองหรือ? เหตุใดพวกเขาจึงปฏิบัติต่อเราเช่นนี้…ทั้งๆ ที่เซี้ยโหวไม่เคยทำเรื่องผิดพลาดมาก่อนในชีวิต…”

หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงแผ่วเบา “เจ้าและข้าต่างก็เป็นทหารของจักรวรรดิ นี่คือสิ่งที่เราต้องแบกรับ ปล่อยมันไปเถิด แล้วกลับค่ายของเรา”

“ขอรับ!”

ทันทีที่หลินมู่อวี่เข้าไปในค่ายรังอินทรี ทหารค่ายเขาเหินก็วิ่งเขามาอย่างรวดเร็วพร้อมหัวเราะอย่างร่าเริง “แม่ทัพหลินสำเร็จแล้ว! มันสำเร็จแล้ว!”

“อะไรสำเร็จ?”

“แผนการของพวกเราสำเร็จแล้ว! ทิศที่ตั้งเมืองฉิวเฟิ่งกำลังลุกเป็นไฟ!”

“โอ้?”

หลินมู่อวี่รีบวิ่งไปยังกำแพงทางตอนเหนือ เมื่อก้าวขึ้นไปบนกำแพงก็เห็นริ้วไฟลุกโชนที่ขอบฟ้าทิศตะวันออก แน่นอนว่านั่นคือเมืองฉิวเฟิ่งที่ทหารอาสาใช้กักตุนอาหารและหญ้า ดูเหมือนว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดจะทำสำเร็จ!

เสียงกระพือปีกดังขึ้นพร้อมนกส่งสารร่อนลงอย่างเชื่องช้า หลินมู่อวี่คว้าม้วนกระดาษและเปิดดูซึ่งมาจากหลัวอวี่ ‘ท่านผู้บัญชาการ ภารกิจเสร็จสมบูรณ์ ค่ายกักเก็บอาหารและหญ้าในเมืองฉิวเฟิ่งกลายเป็นเถ้าถ่าน ทหารอาสาส่งกองทหารคุ้มกันสี่หมื่นคน ทำให้กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดสูญเสียไปห้าพันคนและมีผู้บาดเจ็บอีกมาก ข้าน้อยขออภัยขอรับ’

หลินมู่อวี่โล่งอกและดีใจอีกครั้งก่อนจะตอบกลับไป ‘ทำดีมาก ปกป้องภูเขาหลงหยานต่อไป และรอคำสั่ง’

เมื่อหลินมู่อวี่หันกลับไปก็พบกลุ่มคนเดินกำลังเดินเข้ามา พวกเขาคือเฟิงจี้สิง จางเหว่ย หลัวเลี่ย และทหารคนอื่นๆ จากกองทัพองครักษ์ เฟิงจี้สิงเงยหน้าขึ้นและเห็นหลินมู่อวี่ในเมืองก็ตะโกนเสียงดัง “อาอวี่เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าได้ยินว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ”

“แผลเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรมาก พี่เฟิงสถานการณ์ของกองทัพองครักษ์เป็นอย่างไร?”

“ทหารสามพันนายได้รับบาดเจ็บ และกองกำลังหลักของศัตรูมิได้อยู่ที่ประตูทิศตะวันออก”

“โอ้ เป็นเช่นนั้นเอง”

เฟิงจี้สิงมองไปยังขอบฟ้าทิศตะวันออก “เนื่องจากยุ้งฉางกักเก็บอาหารและหญ้าของทหารอาสาถูกเผา พวกมันจะต้องล่าถอยอย่างแน่นอน พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว รีบไปให้คำตอบแก่ทุกคนในตำหนักเจ๋อเทียนกันเถิด”

“อือ”

มันสายเกินกว่าที่จะเปลี่ยนชุด หลินมู่อวี่พาเว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางไปยังตำหนักเจ๋อเทียน ขณะที่สภาพเฟิงจี้สิงนั้นไม่แตกต่างจากหลินมู่อวี่และทุกคน เสื้อคลุมถูกย้อมเป็นสีแดงเลือด แม้แต่ชุดจักรวรรดิสีน้ำเงินเข้มด้านในชุดเกราะก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

ด้านในโถงตำหนักเจ๋อเทียน เหล่าสาวใช้จุดตะเกียงขึ้นทีละดวง ขณะที่เหล่าข้าราชบริพารรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นเฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเดินเข้ามาในโถง

เหล่าข้าราชบริพารต่างส่งเสียงด้วยความตื่นเต้น “ผู้บัญชาการเฟิงจี้สิง ผู้บัญชาการฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน และผู้บัญชาการหลินมู่อวี่กลับมาแล้ว!”

ฉินอินกำลังนอนหลับโดยใช้มือวางเท้าแก้มชมพู นางลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง ก่อนจะรีบวิ่งออกไปและพบกับหลินมู่อวี่ “พี่อาอวี่ สำเร็จหรือไม่เจ้าคะ?”

“อื้ม”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “ข้าได้รับม้วนหนังสือจากนกส่งสารของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดว่า เสบียงของทหารอาสาถูกเผาไหม้เป็นจุณ”

“ดีเจ้าค่ะ!”

ฉินอินมีความสุขมาก ทว่าเมื่อสายตาเลื่อนลงมาเห็นร่างกายของหลินมู่อวี่ก็รู้สึกเป็นทุกข์ทันที “พะ…พี่ได้รับบาดเจ็บ?”

“ไม่เป็นไร บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ทุกคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บ”

หลินมู่อวี่ยิ้ม ฉินอินเป็นผู้ปกครองเมืองหลันเยี่ยนและองค์หญิงผู้เป็นดั่งที่พึ่งของทุกคนขณะนี้ ฉินอินเป็นของทุกคน มิใช่ของเขาคนเดียว หลินมู่อวี่รู้ดีว่าฉินอินรักเขาอย่างลึกซึ้ง ทว่าเวลานี้ไม่เหมาะสมนัก มิเช่นนั้นอาจทำให้ประชาชนสูญเสียความภักดีในจิตใจ

ฉินอินตระหนักถึงการกระทำของหลินมู่อวี่ จึงยิ้มอย่างเขินอาย “อื้ม ข้ารู้”

จากนั้นฉินอินหันกลับแล้วเดินขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์และกล่าวว่า “ทุกคนต่างทำงานอย่างหนักเพื่อทำลายแหล่งเสบียงของฉินอี้ ท่านเฟิงจี้สิงประสบความสำเร็จเป็นคนแรก จากนั้นเป็นท่านฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนและพี่อาอวี่ ข้าจะมีรางวัลตอบแทนให้อย่างแน่นอน! จริงสิ มีข่าวจากเมืองชีไห่และเมืองหยาดสายัณห์หรือไม่?”

ตู้ไห่กัดฟันและกล่าวว่า “มีข่าวจากเมืองหยาดสายัณห์พ่ะย่ะค่ะ หยุนกงเขียนกลับมาแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้มีหิมะตกหนักอีกครั้งหลังฤดูใบไม้ผลิในมณฑลอวิ้นจง และตกต่อเนื่องกว่าห้าวันแล้วจนปิดกั้นถนนสายเก่า แม้หยุนกงจะรวบรวมกองกำลังได้กว่าสองแสนนาย ทว่าก็ไม่สามารถเคลื่อนทัพมาสนับสนุนได้ กระนั้นองค์หญิงโปรดวางพระทัย เมื่อใดที่พวกเขากำจัดหิมะออกจากถนนได้ ก็จะเดินทางมาเป็นกำลังเสริมเราพ่ะย่ะค่ะ”

“หิมะตกหนักต่อเนื่องห้าวันอาจเป็นสาเหตุให้กองทัพทั้งสองแสนคนเคลื่อนทัพล่าช้าลง”

ใบหน้าเฟิงจี้สิงบิดเบี้ยวและกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้ออ้าง! มันเป็นเพียงข้ออ้าง ซูมู่หยุนเพียงต้องการแก้ตัว คงรอจนกว่าเมืองหลันเยี่ยนแตกพ่ายก่อนหิมะจึงจะละลายใช่หรือไม่?!”

“ผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงโปรดระวังคำพูดด้วย!” ชางชู่หลิงและหลัวซิ่งกล่าวอย่างเย้ยหยัน “หยุนกงเป็นพระอัยยิกาขององค์หญิงอิน เขาคงไม่ทนดูเมืองหลันเยี่ยนล่มสลาย เรื่องง่ายๆ เช่นนี้เจ้าก็ไม่เข้าใจหรือ?”

เฟิงจี้สิงยิ้ม “ข้ารู้เพียงกลยุทธ์ทางทหาร ทว่าไม่รู้ความซับซ้อนของผู้คน คงต้องขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์หลัวซิ่งแล้วขอรับ”

หลัวซิ่งพ่นลมออกจากจมูกอย่างเย็นชาและไม่พูดสิ่งใดอีก

ฉินอินเอ่ยถามต่อ “มีข่าวจากเมืองชีไห่หรือไม่? นี่ผ่านไปกี่วันแล้ว เสี่ยวซีควรจะถึงเมืองชีไห่แล้วใช่ไหม? เหตุใด…ยังไม่มีข่าวคราวเลย”

ตู้ไห่ประสานมือและกล่าวว่า “องค์หญิงอิน เนื่องจากอวี่เหวินเซี่ยประเมินศัตรูต่ำเกินไป ทำให้กองทัพเมืองชีไห่สูญเสียทหารกว่าหกหมื่นนายในสงคราม ณ เมืองอสูร และมีทหารบาดเจ็บสาหัสมากมาย บางทีอาจเป็นเหตุให้หลานกงไม่พอใจและไม่ต้องการส่งกองกำลังมา? กระหม่อมคิดว่าองค์หญิงอินควรเขียนสาส์นใหม่อีกครั้งเพื่อชี้แจงสถานการณ์วิกฤตของเมืองหลันเยี่ยนในปัจจุบัน กระหม่อมเชื่อว่าหลานกงจะส่งกองกำลังมาอย่างแน่นอน”

ฉินอินพยักหน้า “อืม นั่นเป็นความคิดที่ดี”

ขณะเดียวกันนายพลวัยกลางคนรีบเข้ามาในห้องโถงและประสานหมัดรายงาน “องค์หญิงอินสถานการณ์ไม่ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ เกิดหลุมขนาดใหญ่ทำลายกำแพงทางทิศตะวันออก และกองทัพจักรวรรดิอี้เหอบุกเข้ามาโจมตีพร้อมสังหารผู้คนด้านใน!”

“อะไรนะ!?”

ฉินอินลุกขึ้นยืนและถาม “ถูกฆ่ากี่คนแล้ว?”

“ประมาณสองพันคน และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พ่ะย่ะค่ะ ทว่าทหารกองทัพองครักษณ์พยายามสกัดพวกมันไว้”

“อืม…”

ฉินอินโบกมือและกล่าวว่า “ส่งกองกำลังเสริมออกไป และให้แน่ใจว่าขับไล่ทหารอาสาออกจากเมืองหลันเยี่ยนทั้งหมด จากนั้นซ่อมกำแพงเมืองให้เสร็จภายในหนึ่งวัน มิเช่นนั้นห้ามกลับมา”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง!” ทหารนายนั้นออกจากโถงด้วยใบหน้าซีดเซียว

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนประสานหมัด “องค์หญิงอิน กระหม่อมจะนำทหารค่ายเขาเหินออกไปสกัดทหารอาสาที่เข้ามาในเมืองพ่ะย่ะค่ะ”

“คงต้องลำบากท่านฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ไปเถิด!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

เฟิงจี้สิงมองตามหลังฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก่อนจะหันมองฉินอินและกล่าวว่า “องค์หญิงอิน เครื่องยิงหินของจักรวรรดิอี้เหอทรงพลังมาก กำแพงเมืองหลันเยี่ยนทั้งสี่ด้านได้รับความเสียหายรุนแรง กระหม่อมเกรงว่าจะไม่สามารถทนได้นาน”

“ข้ารู้…ข้ารู้…”

ฉินอินมองออกไปไกลด้วยความรู้สึกว่างเปล่าและพึมพำ “ไม่มีข่าวคราวจากเมืองชีไห่และเมืองหยาดสายัณห์ เราทำได้เพียงสิ่งที่เราสามารถทำได้และยอมรับชะตากรรม เมืองหลันเยี่ยนอาจยืนหยัดได้อีกระยะหนึ่ง!”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง!”

ขณะเดียวกัน จู่ๆ นายพลเลือดท่วมกายก็คลานเข้ามา เมื่อมาถึงโถงก็มีน้ำตาเอ่อล้นไหลอาบรวมกับเลือดบนใบหน้า

“นั่นใคร?” เฟิงจี้สิงตะโกน “หยาบคายยิ่งนัก!”

นายพลผู้นั้นเช็ดน้ำตาและกล่าวว่า “ข้าเองจางจง ผู้บัญชาการกองทหารม้าเหล็กแห่งกองทัพองครักษณ์ ท่านจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”

“ผู้บัญชาการจางจง?”

เฟิงจี้สิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “เหตุใดจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้? นักรบกองทัพองครักษณ์ต่างเป็นทหารของราชวงศ์ฉิน ทว่าเจ้ากลับอยู่ในสภาพน่าเวทนาเหลือเกิน!”

จางจงส่งเสียงร้องขณะที่ดึงกระดาษเปื้อนเลือดออกจากแขนด้วยมือสั่นเทา “กระหม่อมฉวยโอกาสคว้าม้วนหนังสือของนกส่งสารจักรวรรดิจากความโกลาหล มันเป็นม้วนหนังสือจากองค์จักรพรรดิ ฝะ…ฝ่าบาทยังไม่สิ้นพระชนม์พ่ะย่ะค่ะ…”

“อะไรนะ เสด็จพ่อยังไม่สิ้นพระชนม์!?”

ฉินอินยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและคว้าจดหมายจากมือจางจง เมื่อเห็นลายมือบนกระดาษ ก็รู้ได้ว่าเป็นลายมือของฉินจิ้น ‘ข้าและกองทัพเทียนฉงฝ่าวงล้อมศัตรู และถูกล้อมในภูเขาเทียนชู่ระหว่างทางกลับเมืองหลวง โปรดรีบส่งกองกำลังมาช่วยโดยเร็ว!’

ฝ่ามือฉินอินสั่นเล็กน้อยขณะถือจดหมาย น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาคู่งาม “สะ…เสด็จพ่อยังมีพระชนม์ชีพ…ฮือ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+