The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 305 อสูรหริณะ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 305 อสูรหริณะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ep.305 อสูรหริณะ

หนึ่งวันหนึ่งคืนต่อมา หลินมู่อวี่ ฉือหยิง เว่ยโฉวและคนอื่นๆ มาถึงเมืองหน้าด่านอสูร บริเวณรอบเมืองเต็มไปด้วยหมอกหนาและทหารที่กำลังขนเสบียงกันอย่างขะมักเขม้น ค่ายของกองทัพอวี้หลินตั้งอยู่หลังกำแพงเมือง เมื่อประตูเปิด…มีทหารม้าส่งเสียงร้องเดินถือหอกออกมา

“นั่นใช่ท่านหลินมู่อวี่หรือไม่?” ทหารม้าหน้าโชกเลือดเอ่ยถาม

หลินมู่วี่พยักหน้า “พวกเราเอง…สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

ทหารม้าเช็ดคราบเลือดบนในหน้าก่อนจะกล่าว “พวกเผ่าอสูรโจมตีได้ดุเดือดมาก ครั้งนี้ก็เป็นรอบที่สองของวันแล้ว ทัพอวี้หลินของเราได้รับบาดเจ็บล้มตายอย่างมาก อดีตผู้บัญชาการกองทัพอวี่เหวินเซี่ยรอส่งมอบกองกำลังให้ท่านอยู่ เชิญทางนี้ขอรับ!”

“ได้”

หลินมู่อวี่เร่งควบม้าตามเข้าเมืองไป ทันทีที่ผ่านแนวป้องกันเขาได้ยินเสียงคล้ายกับพื้นดินสั่นสะเทือน ค่ายของกองทัพจักรวรรดิทั้งหมดที่อยู่หลังกำแพงตอนนี้กลายเป็นค่ายรักษาคนเจ็บเสียส่วนใหญ่ มีทหารนอนรอการรักษาอยู่เกลื่อนพื้นที่ ณ ลานกว้างใกล้ๆ กันทหารกว่าร้อยคนที่ถูกธนูยิงกำลังนอนอยู่

นักรบร่างโชกเลือดวิ่งมาที่ค่ายพร้อมดาบยาวในมือพลันรั้งแขนทหารพลาธิการนายหนึ่งและตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “หน่วยพยาบาล! หน่วยพยาบาลไปตายที่ได้กันหมด มารักษาพี่ของข้าเดี๋ยวนี้!”

ทหารพลาธิการหน้าซีดตอบ “แม่ทัพถัง เรา…เรามีหน่วยพยาบาลไม่พอขอรับ…”

“แล้วคนจากสมาพันธ์โอสถอยู่ที่ใด?!” แม่ทัพถังตะคอกถาม

ทหารพลาธิการตอบด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว “คนจากสมาพันธ์โอสถทั้งหนึ่งร้อยคนถูกส่งไปยังแนวหน้าเพื่อช่วยรักษาทหารกองทัพเทียนฉงที่บาดเจ็บขอรับ!”

“บัดซบ!”

แม่ทัพถังตบหน้านายทหารพลางตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “กองทัพเทียนฉงเป็นทหารของจักรวรรดิ แล้วทหารชีไห่อย่างพวกข้าไม่ใช่คนของจักรวรรดิรึ? เหตุใดจึงเลือกปฏิบัติเยี่ยงนี้!?”

“เราไม่ได้เลือกปฏิบัตินะขอรับท่านแม่ทัพ ม…มันเป็นคำสั่งของแม่ทัพอวี่เหวินเซี่ยขอรับ!”

เป็นเวลาเดียวกับที่หลินมู่อวี่และคนอื่นๆ มาถึง ฉือหยิงขมวดคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้นกัน?”

แม่ทัพถังขมวดคิ้วตอบด้วยความโมโห “พวกเจ้าเป็นใครกัน?”

“เสียมารยาท!”

ฉิอหยิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เราได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิให้มารับช่วงต่อประตูเมืองอสูรแห่งนี้ ท่านนี้คือหลินมู่อวี่ผู้บัญชาการใหญ่ และข้า…ฉือหยิงเป็นรองผู้บัญชาการ แล้วเจ้าเป็นใคร?”

“ข…ข้าคือแม่ทัพถังเจิ้นแห่งเมืองชีไห่…”

ถังเจิ้นเงยหน้ามองหลินมู่อวี่พลางเช็ดเลือดตรงมุมปาก “ท่านแม่ทัพ หากท่านเป็นผู้บัญชาการที่มารับช่วงต่อ ได้โปรดสั่งการให้หน่วยพยาบาลช่วยรักษาพี่ของข้าโดยทันทีด้วยเถิด เขาคงรอดได้อีกไม่นาน…ฝีมือยิงธนูของอสูรหริณะนั่นน่ากลัวยิ่ง เรา…”

หลินมู่วี่หยักหน้า “แม่ทัพถังเจิ้น โปรดสงบใจก่อน อีกเดี๋ยวจะมีหน่วยพยาบาลมา”

“ขอบพระคุณท่านแม่ทัพ!”

“ตามมาทางนี้”

“ขอรับ!”

กระโจมของกองทัพอวี้หลินอยู่กลางเมืองหน้าด่านอสูรที่ถูกอารักขาโดยกองพันทหาร เมืองนี้สามารถรองรับทหารได้สองพันนาย ขณะนี้ภายในกระโจมหลักกำลังเคร่งเครียดกันอย่างมาก แม่ทัพพิทักษ์เมืองอวี่เหวินเซี่ยนั่งหน้าซีดอยู่ข้างลูกชายอวี่เวินเหลี่ยน ชุดเกราะที่สวมอยู่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ในการรบครั้งนี้ฝั่งจักรวรรดิได้รับความเสียหายอย่างมาก หลังจากกลับเมืองหลวง อวี่เหวินเซี่ยคงต้องสูญเสียยศแม่ทัพพิทักษ์เมืองเป็นแน่

หลินมู่อวี่เดินเข้าไปในกระโจมก่อนจะล้วงพระกฤษฎีกาจากจักรพรรดิออกมา “แม่ทัพอวี่เหวินเซี่ย ข้าได้รับมอบหมายให้มารับช่วงต่อเมืองหน้าด่านแห่งนี้และแจ้งคำสั่งแก่ท่านให้นำองครักษ์กลับเมืองหลันเยี่ยนแล้วเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิในทันที”

อวี่เหวินเซี่ยรีบลุกขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “แม่ทัพหลวง เรา…พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว ทว่าเผ่าอสูรช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก…”

“ท่านไม่ต้องพูดสิ่งใดกับข้า องค์จักรพรรดิจะส่งตัดสินเรื่องนี้เอง”

“อืม…”

อวี่เหวินเซี่ยส่งมอบเหรียญตราพยัคฆ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อำนาจทั้งหมดให้หลินมู่อวี่ก่อนจะถอนกำลังองครักษ์ของตนออกจากกองทัพ อวี่เหวินเหลี่ยนหยิบชุดเกราะพอดีตัวอันใหม่พลางหันมามองหลินมู่อวี่ “ตอนนี้ทั้งเมืองนี้เป็นของเจ้าอย่างที่ต้องการแล้ว…หึ! คอยดูเถิด…เผ่าอสูรจะทำให้เจ้ารู้สึกถึงความแข็งแกร่งของพวกมัน”

หลินมู่อวี่ไม่ตอบสิ่งใดนอกจากมองด้วยสายตาเย็นชา

รอบๆ มีแม่ทัพระดับผู้บัญชาการกองหมื่นหลายคนนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ ส่วนใหญ่เป็นแม่ทัพที่มาจากเมืองชีไห่ ก่อนหลินมู่อวี่จะได้กล่าวสิ่งใด ชายผมหงอกคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพหลวง อวี่เหวินเซี่ยนั้นสมควรได้รับโทษ เขาเลือกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมในการส่งหน่วยพยาบาลเกือบทั้งหมดไปรักษากองทัพเทียนฉงที่อยู่แนวหน้า ในขณะที่กองทัพชีไห่ของเราต่อสู้อย่างหนักและตายไปกว่าพันคนโดยไม่ได้รับการรักษา…”

หลินมู่อวี่ประสานกำปั้นคำนับ “ท่านผู้เฒ่าอย่ากังวลไปเลยขอรับ ข้าจะสั่งการให้ทหารหน่วยพยาบาลส่วนหนึ่งไปยังค่ายคนเจ็บเมืองชีไห่เดี๋ยวนี้!”

“รับทราบขอรับ!” คนจากสมาพันธ์โอสถคำนับก่อนจะรับคำสั่ง

ผู้บัญชาการกองหมื่นแห่งเมืองชีไห่หลายคนต่างมองหลินมู่อวี่เป็นตาเดียว ด้วยคำสั่งของเขาช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารชีไห่อย่างมาก แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าหลินมู่อวี่สังหารถังปิน ทว่าแม่ทัพส่วนใหญ่ที่นี่ล้วนเป็นทหารปลายแถว ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับถังปินจริงไม่มีใครเกลียดชังหลินมู่อวี่อย่างที่คาด

ขณะเดียวก็มีทหารอีกนายโพล่งขึ้น “ท่านแม่ทัพหลวง เรากำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและเสบียง เช้าวันนี้เราใช้ธนูไปมากจนเหลือไม่ถึงแสนดอกแล้ว ที่แย่กว่าคือยายาสมานแผลกำลังจะหมดในไม่ช้า เราได้ส่งสาส์นขอความช่วยเหลือจากเมืองหลันเยี่ยนแล้วทว่าติดปัญหาขอรับ”

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “เกิดปัญหาอะไรขึ้น สมาพันธ์โอสถก็คอยดูแลอยู่ เหตุใดจึงล่าช้า?”

ฉือหยิงยิ้มมุมปาก “ต้องเป็นเพราะหลัวปินลูกชายของหลัวซิ่งแน่ มันเป็นคนดูแลแผนกสมาพันธ์โอสถกว่าครึ่ง อีกทั้งหลัวซิ่งและอวี่เหวินเซี่ยไม่ลงรอยกัน จึงเป็นเหตุให้ทางนั้นชะลอการส่งยามาให้คงหมายจะให้เราพ่ายแพ้ศึกกับอสูรครั้งนี้”

หลินมู่อวี่สูดหายใจลึกเพื่อข่มอารมณ์

ทันใดนั้นเหล่าผู้บัญชาการกองหมื่นต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นคำนับ “ท่านแม่ทัพหลวงโปรดเรียกหาความรับผิดชอบให้เราด้วย! เราเป็นทหารแนวหน้าต้องคอยเสี่ยงชีวิตโจมตี ในขณะที่พวกขุนนางแห่งหลันเยี่ยนเอาแต่ดื่มไวน์เสวยสุขและปฏิเสธจะส่งยาเพียงเล็กน้อยให้เรา หากเป็นเช่นนี้เหตุใดเราจึงไม่ปล่อยให้เผ่าอสูรบุกเมืองหน้าด่านและเข้าพังเมืองหลันเยี่ยนเสียเล่า!”

หลินมู่อวี่รีบปรามเหล่าแม่ทัพเบื้องหน้า “พวกท่านโปรดอย่ากังวล ทำใจให้สงบ ข้าจะเป็นคนจัดการเรื่องเสบียงและสัมภาระเอง” หลินมู่อวี่หันไปกล่าวกับเว่ยโฉวต่อ “เว่ยโฉว นำสารจากข้าไปแจ้งแก่ผู้บัญชาการกองทัพองครักษ์เฟิงจี้สิง บอกว่าข้าขอให้ช่วยดูแลเรื่องโอสถ อาหารและอาวุธต่างๆ และจะเป็นการดีอย่างยิ่งหากได้จางเหว่ยไปช่วยคุ้มกันเสบียงเหล่านี้ บอกให้เขาทราบว่ามันคือของยังชีพ”

เว่ยโฉวคำนับ “ขอรับท่านแม่ทัพ!”

หลินมู่อวี่มองโดยรอบ “สถานการณ์ล่าสุดเป็นอย่างไร?”

ถังเจิ้นตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “กำลังรบของเผ่าอสูรทั้งห้ากลุ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่าสองแสนตน หากไม่เป้นเพราะประตูเมืองที่แข็งแรงนี้ค่ายของเราคงพ่ายยับไปนานแล้ว ก่อนหน้านี้ที่แม่ทัพอวี่เหวินเซี่ยควบคุม เขาทำเพียงยืนอยู่ตรงโต๊ะวางกลยุทธ์และสั่งการ ท่านแม่ทัพหลวงคงไม่เป็นแบบเดียวกันใช่หรือไม่?”

หลินมู่อวี่ยิ้มก่อนจะชักกระบี่วิญญาณมังกรออก “เว่ยโฉว ฉือหยิง ไปแนวหน้ากับข้า ข้าอยากจะรู้นักว่าเผ่าอสูรในตำนานที่ว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด!”

ถังเจิ้นชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรีบเอ่ยเตือน “แม่ทัพหลวงโปรดระวัง…ในเผ่าอสูรนั้นมีอสูรหริณะซึ่งดุร้ายอย่างมาก แล้วก็ระวังพลธนูของพวกมันด้วยนะขอรับ”

“อืม ข้าทราบแล้ว”

ฉือหยิงขมวดคิ้วจริงจัง “จงสั่งรวมพลโล่เพื่อป้องกันแม่ทัพหลวง”

“ขอรับ!”

ทางเดินหินที่ทอดไปสู่ประตูเมืองสึกหรอและได้รับความเสียหายอย่างมาก ทั่วบริเวณเกลื่อนกลาดไปด้วยคราบเลือดและศพทหาร หลินมู่อวี่เดินบนกำแพงเมืองกับเว่ยโฉวและฉือหยิง จากป้อมปราการทมิฬ แนวทัพของทหารจักรวรรดิกำลังทำการป้องกันอาณาเขตอยู่ นอกกำแพงเมืองปรากฏกองทัพอสูรรวมตัวหนาแน่นอย่างน่าหวาดหวั่นพยายามบุกเข้ากำแพงเมืองมา กองกำลังหลักของพวกมันคือกลุ่มที่มีเกล็ดหุ้ม มันไม่ใช่มนุษย์ เพราะส่วนล่างของร่างกายเป็นหางสีดำเลื้อยไปมา มือข้างหนึ่งถือหอก อีกข้างถือขวานศึกมุ่งตรงมายังกำแพงเมืองหน้าด่านอสูร ใบหน้าของพวกมันดูน่าเกลียดน่ากลัวปากนั้นเปิดกว้างแลบลิ้นยาวออกมา

ไกลออกไปมีเผ่าอสูรรูปร่างข้างบนดูงดงามส่วนข้างล่างนั้นเป็นขากวาง ในมือถือคันธนูยาวเล็งไปที่ทหารในเมืองจากระยะไกล “ฟิ้ว!” ธนูที่ถูกยิงออกไปหากจะพูดว่าแม่นยำมากก็คงไม่เกินจริง สิ้นเสียงแหวกอากาศนายทหารในเมืองก็ถูกยิงตายในทันที

ฉือหยิงบนลงไปเบื้องล่างด้วยสายตาจริงจัง “ทัพบุกคือครึ่งอสรพิษ เผ่าพันธุ์ผิดมนุษย์ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างคนกับงู ส่วนมือธนูคืออสูรหริณะที่มีต้นกำหนดมาจากกวาง ในบรรดาเผาอสูรทั้งห้ากลุ่ม พวกครึ่งอสรพิษมีจำนวนมากและมีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุด อสูรหริณะมีทักษะธนูแม่นยำสูง ครึ่งหมีมีพลังร่างกายมากสุด ส่วนครึ่งกิ้งก่าสามารถต่อสู้ในที่มืดได้อย่างชำนาญ ทว่าผู้นำที่แท้จริงของพวกมันคืออสูรครึ่งจิ้งจอก”

“ครึ่งจิ้งจอกอย่างนั้นหรือ?” หลินมู่อวี่สงสัย

“หมายความว่าเป็นครึ่งคนครึ่งจิ้งจอกอย่างนั้นรึ?”

“อสูรครึ่งจิ้งจอกเป็นอสูรที่มีหาง หู และความเจ้าเล่ห์ของหมาจิ้งจอก พวกมันสามารถควบคุมไฟได้ ทั้งยังถือว่าเป็นอสูรที่ฉลาดที่สุดในบรรดาห้ากลุ่ม การที่เผ่าอสูรออกจากรังและเข้าโจมตีดินแดนมนุษย์ต้องเป็นแผนของมันเป็นแน่ หึ! น่ารังเกียจเสียจริง!”

ฉือหยิงเป็นทหารผ่านศึกที่เคยติดตามฉินจิ้นเมื่อครั้งสงครามทางเหนือ เผ่าอสูรต้องพ่ายแพ้อย่างแสนสาหัสในการรบครั้งก่อนเป็นแน่ มิเช่นนั้นคงไม่มีความเคียดแค้นถึงเพียงนี้

ผู้บัญชาการแห่งชีไห่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพหลวงระวัง! อสูรหริณะกำลังเล็งท่านอยู่!”

“หืม?”

หลินมู่อวี่หันไปมองก่อนจะพบว่าอสูรหริณะกว่ายี่สิบตนกำลังเล็งธนูมาที่ตัวเองจากระยะกว่าสองร้อยเมตร พวกมันคงรู้ถึงตำแหน่งของเขาจึงเตรียมการสังหาร

“ฟิ้ว!”

ลูกธนูอันแม่นยำพุ่งแหว่งอากาศมาในพริบตา เหล่าแม่ทัพข้างหลังต่างตกตะลึง “แม่ทัพหลวงระวัง!”

“ฮ่า!”

แสงสีทองเปล่งประกายก่อนกำแพงน้ำเต้าจะปรากฏ น้ำเต้าทองขยายตัวออกเป็นวงกลมรัศมีหลายเมตรห่อหุ้มกำแพงเมืองส่วนหนึ่งไว้จนฝนธนูทะลุผ่านไม่ได้ บรรดาแม่ทัพต่างตกตะลึง แม่ทัพเหล่านี้ล้วนเป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมือกันทั้งสิ้น ทว่าความแข็งแกร่งนั้นกลับเทียบหลินมู่อวี่ปรมาจารย์แห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เลยสักนิด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 305 อสูรหริณะ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 305 อสูรหริณะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ep.305 อสูรหริณะ

หนึ่งวันหนึ่งคืนต่อมา หลินมู่อวี่ ฉือหยิง เว่ยโฉวและคนอื่นๆ มาถึงเมืองหน้าด่านอสูร บริเวณรอบเมืองเต็มไปด้วยหมอกหนาและทหารที่กำลังขนเสบียงกันอย่างขะมักเขม้น ค่ายของกองทัพอวี้หลินตั้งอยู่หลังกำแพงเมือง เมื่อประตูเปิด…มีทหารม้าส่งเสียงร้องเดินถือหอกออกมา

“นั่นใช่ท่านหลินมู่อวี่หรือไม่?” ทหารม้าหน้าโชกเลือดเอ่ยถาม

หลินมู่วี่พยักหน้า “พวกเราเอง…สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

ทหารม้าเช็ดคราบเลือดบนในหน้าก่อนจะกล่าว “พวกเผ่าอสูรโจมตีได้ดุเดือดมาก ครั้งนี้ก็เป็นรอบที่สองของวันแล้ว ทัพอวี้หลินของเราได้รับบาดเจ็บล้มตายอย่างมาก อดีตผู้บัญชาการกองทัพอวี่เหวินเซี่ยรอส่งมอบกองกำลังให้ท่านอยู่ เชิญทางนี้ขอรับ!”

“ได้”

หลินมู่อวี่เร่งควบม้าตามเข้าเมืองไป ทันทีที่ผ่านแนวป้องกันเขาได้ยินเสียงคล้ายกับพื้นดินสั่นสะเทือน ค่ายของกองทัพจักรวรรดิทั้งหมดที่อยู่หลังกำแพงตอนนี้กลายเป็นค่ายรักษาคนเจ็บเสียส่วนใหญ่ มีทหารนอนรอการรักษาอยู่เกลื่อนพื้นที่ ณ ลานกว้างใกล้ๆ กันทหารกว่าร้อยคนที่ถูกธนูยิงกำลังนอนอยู่

นักรบร่างโชกเลือดวิ่งมาที่ค่ายพร้อมดาบยาวในมือพลันรั้งแขนทหารพลาธิการนายหนึ่งและตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “หน่วยพยาบาล! หน่วยพยาบาลไปตายที่ได้กันหมด มารักษาพี่ของข้าเดี๋ยวนี้!”

ทหารพลาธิการหน้าซีดตอบ “แม่ทัพถัง เรา…เรามีหน่วยพยาบาลไม่พอขอรับ…”

“แล้วคนจากสมาพันธ์โอสถอยู่ที่ใด?!” แม่ทัพถังตะคอกถาม

ทหารพลาธิการตอบด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว “คนจากสมาพันธ์โอสถทั้งหนึ่งร้อยคนถูกส่งไปยังแนวหน้าเพื่อช่วยรักษาทหารกองทัพเทียนฉงที่บาดเจ็บขอรับ!”

“บัดซบ!”

แม่ทัพถังตบหน้านายทหารพลางตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “กองทัพเทียนฉงเป็นทหารของจักรวรรดิ แล้วทหารชีไห่อย่างพวกข้าไม่ใช่คนของจักรวรรดิรึ? เหตุใดจึงเลือกปฏิบัติเยี่ยงนี้!?”

“เราไม่ได้เลือกปฏิบัตินะขอรับท่านแม่ทัพ ม…มันเป็นคำสั่งของแม่ทัพอวี่เหวินเซี่ยขอรับ!”

เป็นเวลาเดียวกับที่หลินมู่อวี่และคนอื่นๆ มาถึง ฉือหยิงขมวดคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้นกัน?”

แม่ทัพถังขมวดคิ้วตอบด้วยความโมโห “พวกเจ้าเป็นใครกัน?”

“เสียมารยาท!”

ฉิอหยิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เราได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิให้มารับช่วงต่อประตูเมืองอสูรแห่งนี้ ท่านนี้คือหลินมู่อวี่ผู้บัญชาการใหญ่ และข้า…ฉือหยิงเป็นรองผู้บัญชาการ แล้วเจ้าเป็นใคร?”

“ข…ข้าคือแม่ทัพถังเจิ้นแห่งเมืองชีไห่…”

ถังเจิ้นเงยหน้ามองหลินมู่อวี่พลางเช็ดเลือดตรงมุมปาก “ท่านแม่ทัพ หากท่านเป็นผู้บัญชาการที่มารับช่วงต่อ ได้โปรดสั่งการให้หน่วยพยาบาลช่วยรักษาพี่ของข้าโดยทันทีด้วยเถิด เขาคงรอดได้อีกไม่นาน…ฝีมือยิงธนูของอสูรหริณะนั่นน่ากลัวยิ่ง เรา…”

หลินมู่วี่หยักหน้า “แม่ทัพถังเจิ้น โปรดสงบใจก่อน อีกเดี๋ยวจะมีหน่วยพยาบาลมา”

“ขอบพระคุณท่านแม่ทัพ!”

“ตามมาทางนี้”

“ขอรับ!”

กระโจมของกองทัพอวี้หลินอยู่กลางเมืองหน้าด่านอสูรที่ถูกอารักขาโดยกองพันทหาร เมืองนี้สามารถรองรับทหารได้สองพันนาย ขณะนี้ภายในกระโจมหลักกำลังเคร่งเครียดกันอย่างมาก แม่ทัพพิทักษ์เมืองอวี่เหวินเซี่ยนั่งหน้าซีดอยู่ข้างลูกชายอวี่เวินเหลี่ยน ชุดเกราะที่สวมอยู่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ในการรบครั้งนี้ฝั่งจักรวรรดิได้รับความเสียหายอย่างมาก หลังจากกลับเมืองหลวง อวี่เหวินเซี่ยคงต้องสูญเสียยศแม่ทัพพิทักษ์เมืองเป็นแน่

หลินมู่อวี่เดินเข้าไปในกระโจมก่อนจะล้วงพระกฤษฎีกาจากจักรพรรดิออกมา “แม่ทัพอวี่เหวินเซี่ย ข้าได้รับมอบหมายให้มารับช่วงต่อเมืองหน้าด่านแห่งนี้และแจ้งคำสั่งแก่ท่านให้นำองครักษ์กลับเมืองหลันเยี่ยนแล้วเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิในทันที”

อวี่เหวินเซี่ยรีบลุกขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “แม่ทัพหลวง เรา…พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว ทว่าเผ่าอสูรช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก…”

“ท่านไม่ต้องพูดสิ่งใดกับข้า องค์จักรพรรดิจะส่งตัดสินเรื่องนี้เอง”

“อืม…”

อวี่เหวินเซี่ยส่งมอบเหรียญตราพยัคฆ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อำนาจทั้งหมดให้หลินมู่อวี่ก่อนจะถอนกำลังองครักษ์ของตนออกจากกองทัพ อวี่เหวินเหลี่ยนหยิบชุดเกราะพอดีตัวอันใหม่พลางหันมามองหลินมู่อวี่ “ตอนนี้ทั้งเมืองนี้เป็นของเจ้าอย่างที่ต้องการแล้ว…หึ! คอยดูเถิด…เผ่าอสูรจะทำให้เจ้ารู้สึกถึงความแข็งแกร่งของพวกมัน”

หลินมู่อวี่ไม่ตอบสิ่งใดนอกจากมองด้วยสายตาเย็นชา

รอบๆ มีแม่ทัพระดับผู้บัญชาการกองหมื่นหลายคนนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ ส่วนใหญ่เป็นแม่ทัพที่มาจากเมืองชีไห่ ก่อนหลินมู่อวี่จะได้กล่าวสิ่งใด ชายผมหงอกคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพหลวง อวี่เหวินเซี่ยนั้นสมควรได้รับโทษ เขาเลือกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมในการส่งหน่วยพยาบาลเกือบทั้งหมดไปรักษากองทัพเทียนฉงที่อยู่แนวหน้า ในขณะที่กองทัพชีไห่ของเราต่อสู้อย่างหนักและตายไปกว่าพันคนโดยไม่ได้รับการรักษา…”

หลินมู่อวี่ประสานกำปั้นคำนับ “ท่านผู้เฒ่าอย่ากังวลไปเลยขอรับ ข้าจะสั่งการให้ทหารหน่วยพยาบาลส่วนหนึ่งไปยังค่ายคนเจ็บเมืองชีไห่เดี๋ยวนี้!”

“รับทราบขอรับ!” คนจากสมาพันธ์โอสถคำนับก่อนจะรับคำสั่ง

ผู้บัญชาการกองหมื่นแห่งเมืองชีไห่หลายคนต่างมองหลินมู่อวี่เป็นตาเดียว ด้วยคำสั่งของเขาช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารชีไห่อย่างมาก แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าหลินมู่อวี่สังหารถังปิน ทว่าแม่ทัพส่วนใหญ่ที่นี่ล้วนเป็นทหารปลายแถว ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับถังปินจริงไม่มีใครเกลียดชังหลินมู่อวี่อย่างที่คาด

ขณะเดียวก็มีทหารอีกนายโพล่งขึ้น “ท่านแม่ทัพหลวง เรากำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและเสบียง เช้าวันนี้เราใช้ธนูไปมากจนเหลือไม่ถึงแสนดอกแล้ว ที่แย่กว่าคือยายาสมานแผลกำลังจะหมดในไม่ช้า เราได้ส่งสาส์นขอความช่วยเหลือจากเมืองหลันเยี่ยนแล้วทว่าติดปัญหาขอรับ”

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “เกิดปัญหาอะไรขึ้น สมาพันธ์โอสถก็คอยดูแลอยู่ เหตุใดจึงล่าช้า?”

ฉือหยิงยิ้มมุมปาก “ต้องเป็นเพราะหลัวปินลูกชายของหลัวซิ่งแน่ มันเป็นคนดูแลแผนกสมาพันธ์โอสถกว่าครึ่ง อีกทั้งหลัวซิ่งและอวี่เหวินเซี่ยไม่ลงรอยกัน จึงเป็นเหตุให้ทางนั้นชะลอการส่งยามาให้คงหมายจะให้เราพ่ายแพ้ศึกกับอสูรครั้งนี้”

หลินมู่อวี่สูดหายใจลึกเพื่อข่มอารมณ์

ทันใดนั้นเหล่าผู้บัญชาการกองหมื่นต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นคำนับ “ท่านแม่ทัพหลวงโปรดเรียกหาความรับผิดชอบให้เราด้วย! เราเป็นทหารแนวหน้าต้องคอยเสี่ยงชีวิตโจมตี ในขณะที่พวกขุนนางแห่งหลันเยี่ยนเอาแต่ดื่มไวน์เสวยสุขและปฏิเสธจะส่งยาเพียงเล็กน้อยให้เรา หากเป็นเช่นนี้เหตุใดเราจึงไม่ปล่อยให้เผ่าอสูรบุกเมืองหน้าด่านและเข้าพังเมืองหลันเยี่ยนเสียเล่า!”

หลินมู่อวี่รีบปรามเหล่าแม่ทัพเบื้องหน้า “พวกท่านโปรดอย่ากังวล ทำใจให้สงบ ข้าจะเป็นคนจัดการเรื่องเสบียงและสัมภาระเอง” หลินมู่อวี่หันไปกล่าวกับเว่ยโฉวต่อ “เว่ยโฉว นำสารจากข้าไปแจ้งแก่ผู้บัญชาการกองทัพองครักษ์เฟิงจี้สิง บอกว่าข้าขอให้ช่วยดูแลเรื่องโอสถ อาหารและอาวุธต่างๆ และจะเป็นการดีอย่างยิ่งหากได้จางเหว่ยไปช่วยคุ้มกันเสบียงเหล่านี้ บอกให้เขาทราบว่ามันคือของยังชีพ”

เว่ยโฉวคำนับ “ขอรับท่านแม่ทัพ!”

หลินมู่อวี่มองโดยรอบ “สถานการณ์ล่าสุดเป็นอย่างไร?”

ถังเจิ้นตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “กำลังรบของเผ่าอสูรทั้งห้ากลุ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่าสองแสนตน หากไม่เป้นเพราะประตูเมืองที่แข็งแรงนี้ค่ายของเราคงพ่ายยับไปนานแล้ว ก่อนหน้านี้ที่แม่ทัพอวี่เหวินเซี่ยควบคุม เขาทำเพียงยืนอยู่ตรงโต๊ะวางกลยุทธ์และสั่งการ ท่านแม่ทัพหลวงคงไม่เป็นแบบเดียวกันใช่หรือไม่?”

หลินมู่อวี่ยิ้มก่อนจะชักกระบี่วิญญาณมังกรออก “เว่ยโฉว ฉือหยิง ไปแนวหน้ากับข้า ข้าอยากจะรู้นักว่าเผ่าอสูรในตำนานที่ว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด!”

ถังเจิ้นชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรีบเอ่ยเตือน “แม่ทัพหลวงโปรดระวัง…ในเผ่าอสูรนั้นมีอสูรหริณะซึ่งดุร้ายอย่างมาก แล้วก็ระวังพลธนูของพวกมันด้วยนะขอรับ”

“อืม ข้าทราบแล้ว”

ฉือหยิงขมวดคิ้วจริงจัง “จงสั่งรวมพลโล่เพื่อป้องกันแม่ทัพหลวง”

“ขอรับ!”

ทางเดินหินที่ทอดไปสู่ประตูเมืองสึกหรอและได้รับความเสียหายอย่างมาก ทั่วบริเวณเกลื่อนกลาดไปด้วยคราบเลือดและศพทหาร หลินมู่อวี่เดินบนกำแพงเมืองกับเว่ยโฉวและฉือหยิง จากป้อมปราการทมิฬ แนวทัพของทหารจักรวรรดิกำลังทำการป้องกันอาณาเขตอยู่ นอกกำแพงเมืองปรากฏกองทัพอสูรรวมตัวหนาแน่นอย่างน่าหวาดหวั่นพยายามบุกเข้ากำแพงเมืองมา กองกำลังหลักของพวกมันคือกลุ่มที่มีเกล็ดหุ้ม มันไม่ใช่มนุษย์ เพราะส่วนล่างของร่างกายเป็นหางสีดำเลื้อยไปมา มือข้างหนึ่งถือหอก อีกข้างถือขวานศึกมุ่งตรงมายังกำแพงเมืองหน้าด่านอสูร ใบหน้าของพวกมันดูน่าเกลียดน่ากลัวปากนั้นเปิดกว้างแลบลิ้นยาวออกมา

ไกลออกไปมีเผ่าอสูรรูปร่างข้างบนดูงดงามส่วนข้างล่างนั้นเป็นขากวาง ในมือถือคันธนูยาวเล็งไปที่ทหารในเมืองจากระยะไกล “ฟิ้ว!” ธนูที่ถูกยิงออกไปหากจะพูดว่าแม่นยำมากก็คงไม่เกินจริง สิ้นเสียงแหวกอากาศนายทหารในเมืองก็ถูกยิงตายในทันที

ฉือหยิงบนลงไปเบื้องล่างด้วยสายตาจริงจัง “ทัพบุกคือครึ่งอสรพิษ เผ่าพันธุ์ผิดมนุษย์ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างคนกับงู ส่วนมือธนูคืออสูรหริณะที่มีต้นกำหนดมาจากกวาง ในบรรดาเผาอสูรทั้งห้ากลุ่ม พวกครึ่งอสรพิษมีจำนวนมากและมีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุด อสูรหริณะมีทักษะธนูแม่นยำสูง ครึ่งหมีมีพลังร่างกายมากสุด ส่วนครึ่งกิ้งก่าสามารถต่อสู้ในที่มืดได้อย่างชำนาญ ทว่าผู้นำที่แท้จริงของพวกมันคืออสูรครึ่งจิ้งจอก”

“ครึ่งจิ้งจอกอย่างนั้นหรือ?” หลินมู่อวี่สงสัย

“หมายความว่าเป็นครึ่งคนครึ่งจิ้งจอกอย่างนั้นรึ?”

“อสูรครึ่งจิ้งจอกเป็นอสูรที่มีหาง หู และความเจ้าเล่ห์ของหมาจิ้งจอก พวกมันสามารถควบคุมไฟได้ ทั้งยังถือว่าเป็นอสูรที่ฉลาดที่สุดในบรรดาห้ากลุ่ม การที่เผ่าอสูรออกจากรังและเข้าโจมตีดินแดนมนุษย์ต้องเป็นแผนของมันเป็นแน่ หึ! น่ารังเกียจเสียจริง!”

ฉือหยิงเป็นทหารผ่านศึกที่เคยติดตามฉินจิ้นเมื่อครั้งสงครามทางเหนือ เผ่าอสูรต้องพ่ายแพ้อย่างแสนสาหัสในการรบครั้งก่อนเป็นแน่ มิเช่นนั้นคงไม่มีความเคียดแค้นถึงเพียงนี้

ผู้บัญชาการแห่งชีไห่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพหลวงระวัง! อสูรหริณะกำลังเล็งท่านอยู่!”

“หืม?”

หลินมู่อวี่หันไปมองก่อนจะพบว่าอสูรหริณะกว่ายี่สิบตนกำลังเล็งธนูมาที่ตัวเองจากระยะกว่าสองร้อยเมตร พวกมันคงรู้ถึงตำแหน่งของเขาจึงเตรียมการสังหาร

“ฟิ้ว!”

ลูกธนูอันแม่นยำพุ่งแหว่งอากาศมาในพริบตา เหล่าแม่ทัพข้างหลังต่างตกตะลึง “แม่ทัพหลวงระวัง!”

“ฮ่า!”

แสงสีทองเปล่งประกายก่อนกำแพงน้ำเต้าจะปรากฏ น้ำเต้าทองขยายตัวออกเป็นวงกลมรัศมีหลายเมตรห่อหุ้มกำแพงเมืองส่วนหนึ่งไว้จนฝนธนูทะลุผ่านไม่ได้ บรรดาแม่ทัพต่างตกตะลึง แม่ทัพเหล่านี้ล้วนเป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมือกันทั้งสิ้น ทว่าความแข็งแกร่งนั้นกลับเทียบหลินมู่อวี่ปรมาจารย์แห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เลยสักนิด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+