The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 295 แผนการลับ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 295 แผนการลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.295 แผนการลับ

เสียงเกือกม้าดังขึ้นพร้อมถังปินนำกลุ่มทหารม้าหนักของเมืองชีไห่มายังลานกว้างขนาดใหญ่ มีซากต้นไม้กระจัดกระจายถูกถอนออกด้วยพลังโจมตีที่รุนแรง และมีหลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นสามแห่งจากการการปะทะกันของชายทั้งสอง ภายใต้ก้อนหินขนาดใหญ่มีร่างเย็นยะเยือกของซือหม่าจิงนอนแน่นิ่งพร้อมศีรษะที่หล่นอยู่อีกทาง

“อา…”

ถังปินตัวสั่นเทิ้มขณะที่ลงจากหลังม้า ภายใต้แสงคบเพลิง เขามองไปร่างของซือหม่าจิงด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวและตาแดงก่ำ “ใครเป็นคนทำ?”

ทหารอายุน้อยนายหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “นอกจากหลินมู่อวี่ที่มีฝีมือในการใช้ดาบและความสามารถในการสังหารจิงเหลา ศีรษะของเฒ่าจิงถูกตัดออกอย่างเฉียบขาด เช่นนั้นจะเป็นใครได้อีก?”

ทหารอีกนายขบฟันแน่นและพูดว่า “หลินมู่อวี่ไอ้สัตว์ร้าย เมืองชีไห่ของเราปฏิบัติต่อมันเช่นนี้ ม…มันกลับฆ่าเฒ่าจิงเช่นนี้”

ร่างกายของถังปินสั่นเล็กน้อยและรู้สึกหดหู่ เมื่อสูญเสียซือหม่าจิง เขารู้สึกราวกับว่าสูญเสียแขนไป พลังของซือหม่าจิงเป็นที่ประจักษ์สำหรับขอบเขตนภาชั้นที่สอง และตราบใดที่เขาเปลี่ยนร่างเป็นอสุรกายก็จะอยู่ขอบเขตนภาชั้นที่สามเป็นอย่างน้อย ไม่ว่าป่าล่ามังกรจะอันตรายเพียงใด ถังปินปฏิญาณว่าจะต้องฆ่าอสูรจิ้งจอกเก้าหางให้ได้หลังจากสูญเสียซือหม่าจิงไป…

หลังจากนั้นไม่นานถังปินก็กล่าวขึ้น “ช่วยกันฝังเขาไว้ที่นี่เถิด”

“ทว่าองค์ชาย…” ทหารนายหนึ่งพูดขึ้น “จิงเหลาติดตามองค์ชายมานานหลายสิบปีและสร้างคุณงามความดีมากมาย…ก่อนที่จะมาจบชีวิตวันนี้ พวกเราขนย้ายร่างจิงเหลากลับเมืองชีไห่ได้หรือไม่? กลับไปที่บ้านเกิดของเขา…”

“ไม่”

ถังปินกล่าวอย่างเย็นชา “ภารกิจการเดินทางครานี้คือการตามหาเสี่ยวซี แม้ว่าจิงเหลาจะทำคุณงามความดีเพื่อเมืองชีไห่ แต่มันสำคัญกว่าเสี่ยวซีหรือ? อีกทั้งจิงเหลาเสียชีวิตในสนามรบ และสนามรบก็เป็นเหมือนบ้านของเขา เช่นนั้นฝังศพเขาที่นี่เถิด แล้วออกตามหาเสี่ยวซีต่อไป”

“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย…”

ในเวลาเช้ามืดหลินมู่อวี่วิ่งทะลุผืนป่าอย่างบ้าคลั่งขณะที่สูญเสียพลังกายมหาศาล เขาพลันปล่อยหมัดออกไป ก่อนที่พลังมิติที่สี่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าบังคับเปิดช่องว่างมิติยาวสิบสี่เมตร มังกรผลึกโลหิตส่งเสียงร้องจากรอยแยกและคลานออกมาอย่างรวดเร็ว มันรับรู้ได้ว่าพลังของเจ้านายสามารถเปิดรอยแยกได้เพียงสิบนาที และมังกรน้อยก็ไม่ต้องการให้รอยแยกหายไปก่อน

‘โฮก…’

มังกรน้อยวิ่งไปคลอเคลียที่ขาของหลินมู่อวี่และกลิ้งลงไปกับพื้นอย่างสนุกสนาน

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มและรู้สึกอบอุ่นหัวใจ จากนั้นก็นึกถึงถังเสี่ยวซีที่ชอบเจ้ามังกรผลึกโลหิตตัวนี้มากเพียงใดเมื่อครั้งที่อยู่ที่ลานล่าสัตว์ด้วยกัน ทว่าตอนนี้นางหายไปและไม่รู้ว่าอยู่แห่งหนใด จิ้งจอกเก้าหาง…หลินมู่อวี่พลันรู้สึกไม่สบายใจก่อนจะนั่งลงที่ใต้ต้นไม้พร้อมกอดมังกรน้อยไว้ ร่างกายของมันสั่นเล็กน้อย

หลังจากนั้นไม่นานสถานะที่อ่อนแอของฝีเท้าดาวตกก็หายไป หลินมู่อวี่ลุกขึ้นและหยิบไม้แห้งจากรอบบริเวณมาเพื่อก่อกองไฟ ขณะเดียวกันก็ปามีดเสียงปีศาจใส่กระต่าย เขาทำความสะอาดและเสียบไม้กับกระต่ายเพื่อนำไปย่าง ขณะที่รอกระต่ายสุกเขาก็หยิบถุงมิติที่ฉวยมาจากจิงเหลาออกจากแขน พื้นที่จัดเก็บของถุงมิติไม่ใหญ่นัก แต่ยังห่างไกลจากถุงสรรพสิ่งมากโข

สิ่งของที่เก็บไว้ภายในค่อนข้างแปลก พวกมันล้วนเป็นเหรียญทอง เหรียญเพชร และสมบัติอื่นๆ รวมทั้งโฉนดที่ดินและรายการขายที่ดินในเมืองชีไห่อีกหลายแผ่น เมื่อพิจารณาอย่างใกล้ชิดก็พบว่ามีโฉนดที่ดินเจ็ดแผ่น ซึ่งแสดงถึงความมั่งคั่งและสถานะของจิงเหลาในเมืองชีไห่ได้เป็นอย่างดี มีคฤหาสน์เจ็ดหลังบนถนนวงแหวนรอบที่สามในเมืองเหลวงของมณฑลชีไห่ โฉนดอีกสี่ใบเป็นสัญญาทาสเด็กสาวสี่คนซึ่งมีอายุสิบหก สิบแปด ยี่สิบ และยี่สิบสองปี แม้ว่าเฒ่าจิงจะมีอายุไม่มาก ทว่าความหยิ่งยโสและตัณหาราคะไม่ต่างจากเหล่าขุนนางในเมืองหลันเยี่ยนเลย

หลินมู่อวี่ยังคงนั่งนิ่งก่อนจะโยนสัญญาทาสเข้าสู่กองไฟ ทันทีที่เฒ่าจิงตายเด็กสาวทั้งสี่ก็จะเป็นอิสระอีกครั้งตราบใดที่ไม่มีสัญญาทาส ส่วนโฉนดที่ดินทั้งเจ็ดนี้…หลินมู่อวี่โยนเข้าถุงสรรพสิ่ง หากวันใดเขาตกอับ อย่างน้อยก็มีทรัพย์สินทั้งเจ็ดแห่งนี้ในเมืองชีไห่ และในภายภาคหน้า…หากได้แต่งงานกับเสี่ยวซี ก็จะได้ใช้สิ่งนี้เป็นสินสอด

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลินมู่อวี่ก็อดไม่ได้ที่จะทุกข์ใจ การแต่งงานกับถังเสี่ยวซี…ช่างเป็นประโยคที่ไร้สาระ เสียวซีกลายเป็นอสูรจิ้งจอกเก้าหางที่คนทั้งแผ่นดินเหยียดหยาม…เช่นนั้นทั้งสองจะแต่งงานกันได้อย่างไร? หลินมู่อวี่พลันก้มลงขยับกระต่ายที่ย่างไว้ท่ามกลางลมหนาว ไม่ว่าผู้คนจะระเบิดพลังออกมามากเพียงใด สิ่งที่เหลืออยู่หลังจากนั้นมีเพียงความอ่อนแอเท่านั้น

ทว่าเมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง แม้ว่าผู้คนจะไม่สามารถยอมรับอสูรจิ้งจอกเก้าหางได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวันยอมรับ อสูรจิ้งจอกเก้าหางถูกกำหนดให้เป็นสัญลักษณ์ของสาวงามทรงเสน่ห์ อีกทั้งเสี่ยวซีก็เป็นคนดีมาก เช่นนั้นคงไม่แปลกอะไรที่จะแต่งงานกับนาง? กระนั้นเรื่องเหล่านี้ฉินอินจะทนรับได้หรือไม่…

หลินมู่อวี่ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉินอินกับเขาดี และรู้ว่าฉินอินเป็นหญิงสาวที่เขามอบหัวใจให้ ทว่าสถานะทั้งสองแตกต่างกันเกินไป เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็ตบหน้าผากอย่างอดไม่ได้ที่จะคิดมาก หลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี…ท้ายที่สุดเขาอาจมิได้ลงเอยกับหญิงสาวทั้งสองเลย

มังกรน้อยรอกระต่ายย่างอย่างใจจดใจจ่อ มันหันมากะพริบตาใส่หลินมู่อวี่เพื่อขอกินกระต่ายย่างที่ยังมีเลือดซึมอยู่ ทว่าหลินมู่อวี่ไม่สนใจมัน เนื่องจากหากให้มังกรน้อยกินของดิบอาจส่งผลต่อการย่อยอาหารของมันเอง อีกทั้งยังไม่ดีต่อกระเพาะอาหารอีกด้วย

หลังจากย่างเนื้อกระต่ายเสร็จ หลินมู่อวี่กินไปเพียงครึ่งเดียวเพื่อฟื้นฟูพลัง เขาให้ส่วนที่เหลือแก่มังกรน้อย และให้มันไปล่าเหยื่อเอง จากนั้นมังกรน้อยก็ไม่ทำให้หลินมู่อวี่ผิดหวัง มันออกไปล่าหมูป่าและลากกลับมาได้ หมูป่าตัวนั้นน้ำหนักอย่างน้อยสองร้อยกิโลกรัมซึ่งหนักกว่ามังกรน้อยมาก มันลากซากหมูป่ามาวางตรงหน้าและเริ่ม ‘พูดคุย’ ด้วยปากพะงาบๆ และกรงเล็บที่กวัดแกว่งไปมา แม้หลินมู่อวี่จะไม่รู้ว่ามันพูดอะไร ทว่าก็พอเข้าใจได้ว่ามังกรน้อยกำลังชวนเขากินอาหาร

“ไม่เป็นไร เจ้ากินเถิด” หลินมู่อวี่ยิ้มและลูบหัวมังกรน้อย

จากนั้นหลินมู่อวี่นำแผนที่ป่าล่ามังกรออกมาศึกษาอย่างรอบคอบ ถังเสี่ยวซีจะไปที่ไหนนะ? เมื่อมองแผนที่ตรงหน้า หัวใจของหลินมู่อวี่พลันเปล่งประกาย มีสุสานมังกรอยู่ในป่าลึกทางตอนใต้ของป่าล่ามังกร นี่เป็นสถานที่ที่หลินมู่อวี่ ถังเสี่ยวซี และฉินอินเคยไปเยือนด้วยกัน อีกทั้งชวีฉู่เป็นผู้ปกป้องสถานที่นี้ ถังเสี่ยวซีอาจไปที่นี่หรือไม่?

เมื่อนึกได้เช่นนี้ ก้นบึ้งหัวใจของหลินมู่อวี่ก็ส่งเสียงเห็นด้วย “ใช่ เสี่ยวซีจะต้องไปสุสานมังกร นางรู้ดีว่า…หากเสี่ยวอินและข้าออกตามหานาง จะต้องไปที่สุสานมังกรอย่างแน่นอน ข้านี่มันโง่เง่ายิ่งนักที่ใช้เวลานานถึงเพียงนี้กว่าจะตระหนักได้ว่าเสี่ยวซีจะต้องอยู่ที่สุสานมังกร”

เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าหมูป่าถูกมังกรน้อยจัดการเกือบทั้งหมดแล้ว เขาพลันลูบหัวมันและกล่าวว่า “รีบกินซะ เราจะออกเดินทางต่อ”

ทันทีที่มังกรน้อยกินอาหารเสร็จ หลินมู่อวี่ก็โยนมันเข้าสู่ช่องว่างมิติ ก่อนจะใช้ฝีเท้าดาวตกวิ่งออกไปผ่านส่วนลึกของป่าล่ามังกร หลังจากเสียม้าไป หลินมู่อวี่จำเป็นต้องพึ่งพาทักษะฝีเท้าดาวตกเพื่อเดินทางต่อไป เขาเดาว่าถังเสี่ยวซีอยู่ที่สุสานมังกร ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนอื่นอาจไม่คาดคิด เนื่องจากมีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักสุสานมังกรแห่งนี้

กระนั้นหลินมู่อวี่ก็ไม่ทราบว่ามีคนมากเท่าใดที่ต้องการสังหารถังเสี่ยวซีในเหตุการณ์ครานี้

ณ ทางใต้ของป่าล่ามังกร

ทหารม้ากว่าห้าร้อยนายเคลื่อนผ่านป่าอย่างเชื่องช้า ด้านหน้ากองทหารมีชายชราในชุดเกราะเบาและเสื้อคลุมปักลายงูหลามพร้อมมีตราดอกจื่อยินสีทองแวววาวอยู่บนหน้าอก ทหารด้านหลังล้วนสวมตราแห่งจักรวรรดิและถือธงขนาดใหญ่ที่โบกสะบัดตามสายลม กลางธงปักตัวอักษรคำว่า ‘เจิ้ง’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจวนเสินโหว

ท่ามกลางกองทหาร ผู้บัญชาการสี่กงหนานถือดาบยาวก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ท่านเสินโหว นกส่งสารกลับมาแล้ว ด้านหน้าเป็นอาณาเขตของหมาป่าหนามอายุกว่าเจ็ดพันสองร้อยปี เราควรหลีกเลี่ยงเส้นทางหรือไม่ขอรับ?”

เจิ้งอี้ฝานส่ายหัว “ไม่ หากเกิดการปะทะก็ฆ่ามันซะ”

“ขอรับ”

สี่กงหนานแสดงความเคารพและเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ท่านเสินโหว หากเราพบถังเสี่ยวซี…ควรทำอย่างไรขอรับ? ข้าถามท่านเสินโหวเพื่อความชัดเจน มิเช่นนั้นเหล่าพี่น้องของเราคงเต็มไปด้วยความสับสน”

“ขึ้นอยู่กับว่าเป็นถังเสี่ยวซีคนไหน” เจิ้งอี้ฝานหรี่ตาลงและยิ้ม

“หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ?” สี่กงหนานเป็นคนหยาบกระด้าง เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ซับซ้อน

เจิ้งอี้ฝานยิ้ม “หากเป็นถังเสี่ยวซีแบบปกติ ข้าจะพานางกลับเมืองหลันเยี่ยน แต่หากเป็นถังเสี่ยวซีในร่างของอสูรจิ้งจอกเก้าหาง…เช่นนั้นข้าจะสังหารนางซะ ก่อนจะทิ้งกองทัพองครักษ์และสัญลักษณ์บางอย่างไว้และหนีไป”

“นี่…”

สี่กงหนานตอบกลับ “หากกล่าวเช่นนั้น เหตุใดเราจึงไม่ฉวยโอกาสฆ่าถังเสี่ยวซีเลย นางเป็นสหายคนสนิทขององค์หญิงอิน อีกทั้งการมีชีวิตอยู่ของถังเสี่ยวซีก็หมายถึงข้อผูกมัดและพันธะสัญญาระหว่างเมืองหลวงและเมืองชีไห่”

เจิ้งอี้ฝานกล่าวเสียงนิ่ง “เจ้ารู้เรื่องนี้เพียงด้านเดียว มิได้รู้ถึงผลประโยชน์ด้านอื่นๆ หากจวนเสินโหวเป็นผู้สังหารถังเสี่ยวซี จะต้องทำให้ถังหลานขุ่นเคืองเป็นแน่ เช่นนั้นเราจะได้ประโยชน์อันใด? ดังนั้นหากถังเสี่ยวซียังเป็นปกติ แล้วเราพานางกลับไป ถังหลานจะต้องซาบซึ้งถึงคุณงามความดีของจวนเสินโหว ทว่าหากนางกลายเป็นอสูรจิ้งจอกเก้าหาง เมื่อเราสังหารนางและทิ้งสัญลักษณ์กองทัพองครักษ์ไว้เบื้องหลัง สิ่งนี้จะต้องทำให้เมืองชีไห่คิดว่าเฟิงจี้สิงเป็นผู้สังหารถังเสี่ยวซีแน่ ดังนั้น…พันธสัญญาระหว่างเมืองหลันเยี่ยนและเมืองชีไห่จะต้องหักสะบั้น ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เราต้องการมิใช่หรือ?”

สี่กงหนานคิดตามและรีบประสานหมัดทันที “ท่านเสินโหวช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก!”

ดวงตาเจิ้งอี้ฝานหรี่ลงและกล่าวว่า “มันเป็นเพียงความคิดที่ปรารถนา มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ถังเสี่ยวซีอาจถูกสัตว์วิญญาณฆ่าตายอยู่ในป่า หรืออาจจะทนพลังของจิ้งจอกเก้าหางไม่ได้จนระเบิดตัวเองตาย กระนั้นเราก็ต้องทำตามขั้นตอนไปก่อน จำไว้ว่าอย่าผลีผลามเด็ดขาด อีกทั้งห้ามต่อต้านกองทัพขององค์หญิงอิน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะลงมือ”

“ขอรับท่านเสินโหว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 295 แผนการลับ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 295 แผนการลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.295 แผนการลับ

เสียงเกือกม้าดังขึ้นพร้อมถังปินนำกลุ่มทหารม้าหนักของเมืองชีไห่มายังลานกว้างขนาดใหญ่ มีซากต้นไม้กระจัดกระจายถูกถอนออกด้วยพลังโจมตีที่รุนแรง และมีหลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นสามแห่งจากการการปะทะกันของชายทั้งสอง ภายใต้ก้อนหินขนาดใหญ่มีร่างเย็นยะเยือกของซือหม่าจิงนอนแน่นิ่งพร้อมศีรษะที่หล่นอยู่อีกทาง

“อา…”

ถังปินตัวสั่นเทิ้มขณะที่ลงจากหลังม้า ภายใต้แสงคบเพลิง เขามองไปร่างของซือหม่าจิงด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวและตาแดงก่ำ “ใครเป็นคนทำ?”

ทหารอายุน้อยนายหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “นอกจากหลินมู่อวี่ที่มีฝีมือในการใช้ดาบและความสามารถในการสังหารจิงเหลา ศีรษะของเฒ่าจิงถูกตัดออกอย่างเฉียบขาด เช่นนั้นจะเป็นใครได้อีก?”

ทหารอีกนายขบฟันแน่นและพูดว่า “หลินมู่อวี่ไอ้สัตว์ร้าย เมืองชีไห่ของเราปฏิบัติต่อมันเช่นนี้ ม…มันกลับฆ่าเฒ่าจิงเช่นนี้”

ร่างกายของถังปินสั่นเล็กน้อยและรู้สึกหดหู่ เมื่อสูญเสียซือหม่าจิง เขารู้สึกราวกับว่าสูญเสียแขนไป พลังของซือหม่าจิงเป็นที่ประจักษ์สำหรับขอบเขตนภาชั้นที่สอง และตราบใดที่เขาเปลี่ยนร่างเป็นอสุรกายก็จะอยู่ขอบเขตนภาชั้นที่สามเป็นอย่างน้อย ไม่ว่าป่าล่ามังกรจะอันตรายเพียงใด ถังปินปฏิญาณว่าจะต้องฆ่าอสูรจิ้งจอกเก้าหางให้ได้หลังจากสูญเสียซือหม่าจิงไป…

หลังจากนั้นไม่นานถังปินก็กล่าวขึ้น “ช่วยกันฝังเขาไว้ที่นี่เถิด”

“ทว่าองค์ชาย…” ทหารนายหนึ่งพูดขึ้น “จิงเหลาติดตามองค์ชายมานานหลายสิบปีและสร้างคุณงามความดีมากมาย…ก่อนที่จะมาจบชีวิตวันนี้ พวกเราขนย้ายร่างจิงเหลากลับเมืองชีไห่ได้หรือไม่? กลับไปที่บ้านเกิดของเขา…”

“ไม่”

ถังปินกล่าวอย่างเย็นชา “ภารกิจการเดินทางครานี้คือการตามหาเสี่ยวซี แม้ว่าจิงเหลาจะทำคุณงามความดีเพื่อเมืองชีไห่ แต่มันสำคัญกว่าเสี่ยวซีหรือ? อีกทั้งจิงเหลาเสียชีวิตในสนามรบ และสนามรบก็เป็นเหมือนบ้านของเขา เช่นนั้นฝังศพเขาที่นี่เถิด แล้วออกตามหาเสี่ยวซีต่อไป”

“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย…”

ในเวลาเช้ามืดหลินมู่อวี่วิ่งทะลุผืนป่าอย่างบ้าคลั่งขณะที่สูญเสียพลังกายมหาศาล เขาพลันปล่อยหมัดออกไป ก่อนที่พลังมิติที่สี่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าบังคับเปิดช่องว่างมิติยาวสิบสี่เมตร มังกรผลึกโลหิตส่งเสียงร้องจากรอยแยกและคลานออกมาอย่างรวดเร็ว มันรับรู้ได้ว่าพลังของเจ้านายสามารถเปิดรอยแยกได้เพียงสิบนาที และมังกรน้อยก็ไม่ต้องการให้รอยแยกหายไปก่อน

‘โฮก…’

มังกรน้อยวิ่งไปคลอเคลียที่ขาของหลินมู่อวี่และกลิ้งลงไปกับพื้นอย่างสนุกสนาน

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มและรู้สึกอบอุ่นหัวใจ จากนั้นก็นึกถึงถังเสี่ยวซีที่ชอบเจ้ามังกรผลึกโลหิตตัวนี้มากเพียงใดเมื่อครั้งที่อยู่ที่ลานล่าสัตว์ด้วยกัน ทว่าตอนนี้นางหายไปและไม่รู้ว่าอยู่แห่งหนใด จิ้งจอกเก้าหาง…หลินมู่อวี่พลันรู้สึกไม่สบายใจก่อนจะนั่งลงที่ใต้ต้นไม้พร้อมกอดมังกรน้อยไว้ ร่างกายของมันสั่นเล็กน้อย

หลังจากนั้นไม่นานสถานะที่อ่อนแอของฝีเท้าดาวตกก็หายไป หลินมู่อวี่ลุกขึ้นและหยิบไม้แห้งจากรอบบริเวณมาเพื่อก่อกองไฟ ขณะเดียวกันก็ปามีดเสียงปีศาจใส่กระต่าย เขาทำความสะอาดและเสียบไม้กับกระต่ายเพื่อนำไปย่าง ขณะที่รอกระต่ายสุกเขาก็หยิบถุงมิติที่ฉวยมาจากจิงเหลาออกจากแขน พื้นที่จัดเก็บของถุงมิติไม่ใหญ่นัก แต่ยังห่างไกลจากถุงสรรพสิ่งมากโข

สิ่งของที่เก็บไว้ภายในค่อนข้างแปลก พวกมันล้วนเป็นเหรียญทอง เหรียญเพชร และสมบัติอื่นๆ รวมทั้งโฉนดที่ดินและรายการขายที่ดินในเมืองชีไห่อีกหลายแผ่น เมื่อพิจารณาอย่างใกล้ชิดก็พบว่ามีโฉนดที่ดินเจ็ดแผ่น ซึ่งแสดงถึงความมั่งคั่งและสถานะของจิงเหลาในเมืองชีไห่ได้เป็นอย่างดี มีคฤหาสน์เจ็ดหลังบนถนนวงแหวนรอบที่สามในเมืองเหลวงของมณฑลชีไห่ โฉนดอีกสี่ใบเป็นสัญญาทาสเด็กสาวสี่คนซึ่งมีอายุสิบหก สิบแปด ยี่สิบ และยี่สิบสองปี แม้ว่าเฒ่าจิงจะมีอายุไม่มาก ทว่าความหยิ่งยโสและตัณหาราคะไม่ต่างจากเหล่าขุนนางในเมืองหลันเยี่ยนเลย

หลินมู่อวี่ยังคงนั่งนิ่งก่อนจะโยนสัญญาทาสเข้าสู่กองไฟ ทันทีที่เฒ่าจิงตายเด็กสาวทั้งสี่ก็จะเป็นอิสระอีกครั้งตราบใดที่ไม่มีสัญญาทาส ส่วนโฉนดที่ดินทั้งเจ็ดนี้…หลินมู่อวี่โยนเข้าถุงสรรพสิ่ง หากวันใดเขาตกอับ อย่างน้อยก็มีทรัพย์สินทั้งเจ็ดแห่งนี้ในเมืองชีไห่ และในภายภาคหน้า…หากได้แต่งงานกับเสี่ยวซี ก็จะได้ใช้สิ่งนี้เป็นสินสอด

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลินมู่อวี่ก็อดไม่ได้ที่จะทุกข์ใจ การแต่งงานกับถังเสี่ยวซี…ช่างเป็นประโยคที่ไร้สาระ เสียวซีกลายเป็นอสูรจิ้งจอกเก้าหางที่คนทั้งแผ่นดินเหยียดหยาม…เช่นนั้นทั้งสองจะแต่งงานกันได้อย่างไร? หลินมู่อวี่พลันก้มลงขยับกระต่ายที่ย่างไว้ท่ามกลางลมหนาว ไม่ว่าผู้คนจะระเบิดพลังออกมามากเพียงใด สิ่งที่เหลืออยู่หลังจากนั้นมีเพียงความอ่อนแอเท่านั้น

ทว่าเมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง แม้ว่าผู้คนจะไม่สามารถยอมรับอสูรจิ้งจอกเก้าหางได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวันยอมรับ อสูรจิ้งจอกเก้าหางถูกกำหนดให้เป็นสัญลักษณ์ของสาวงามทรงเสน่ห์ อีกทั้งเสี่ยวซีก็เป็นคนดีมาก เช่นนั้นคงไม่แปลกอะไรที่จะแต่งงานกับนาง? กระนั้นเรื่องเหล่านี้ฉินอินจะทนรับได้หรือไม่…

หลินมู่อวี่ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉินอินกับเขาดี และรู้ว่าฉินอินเป็นหญิงสาวที่เขามอบหัวใจให้ ทว่าสถานะทั้งสองแตกต่างกันเกินไป เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็ตบหน้าผากอย่างอดไม่ได้ที่จะคิดมาก หลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี…ท้ายที่สุดเขาอาจมิได้ลงเอยกับหญิงสาวทั้งสองเลย

มังกรน้อยรอกระต่ายย่างอย่างใจจดใจจ่อ มันหันมากะพริบตาใส่หลินมู่อวี่เพื่อขอกินกระต่ายย่างที่ยังมีเลือดซึมอยู่ ทว่าหลินมู่อวี่ไม่สนใจมัน เนื่องจากหากให้มังกรน้อยกินของดิบอาจส่งผลต่อการย่อยอาหารของมันเอง อีกทั้งยังไม่ดีต่อกระเพาะอาหารอีกด้วย

หลังจากย่างเนื้อกระต่ายเสร็จ หลินมู่อวี่กินไปเพียงครึ่งเดียวเพื่อฟื้นฟูพลัง เขาให้ส่วนที่เหลือแก่มังกรน้อย และให้มันไปล่าเหยื่อเอง จากนั้นมังกรน้อยก็ไม่ทำให้หลินมู่อวี่ผิดหวัง มันออกไปล่าหมูป่าและลากกลับมาได้ หมูป่าตัวนั้นน้ำหนักอย่างน้อยสองร้อยกิโลกรัมซึ่งหนักกว่ามังกรน้อยมาก มันลากซากหมูป่ามาวางตรงหน้าและเริ่ม ‘พูดคุย’ ด้วยปากพะงาบๆ และกรงเล็บที่กวัดแกว่งไปมา แม้หลินมู่อวี่จะไม่รู้ว่ามันพูดอะไร ทว่าก็พอเข้าใจได้ว่ามังกรน้อยกำลังชวนเขากินอาหาร

“ไม่เป็นไร เจ้ากินเถิด” หลินมู่อวี่ยิ้มและลูบหัวมังกรน้อย

จากนั้นหลินมู่อวี่นำแผนที่ป่าล่ามังกรออกมาศึกษาอย่างรอบคอบ ถังเสี่ยวซีจะไปที่ไหนนะ? เมื่อมองแผนที่ตรงหน้า หัวใจของหลินมู่อวี่พลันเปล่งประกาย มีสุสานมังกรอยู่ในป่าลึกทางตอนใต้ของป่าล่ามังกร นี่เป็นสถานที่ที่หลินมู่อวี่ ถังเสี่ยวซี และฉินอินเคยไปเยือนด้วยกัน อีกทั้งชวีฉู่เป็นผู้ปกป้องสถานที่นี้ ถังเสี่ยวซีอาจไปที่นี่หรือไม่?

เมื่อนึกได้เช่นนี้ ก้นบึ้งหัวใจของหลินมู่อวี่ก็ส่งเสียงเห็นด้วย “ใช่ เสี่ยวซีจะต้องไปสุสานมังกร นางรู้ดีว่า…หากเสี่ยวอินและข้าออกตามหานาง จะต้องไปที่สุสานมังกรอย่างแน่นอน ข้านี่มันโง่เง่ายิ่งนักที่ใช้เวลานานถึงเพียงนี้กว่าจะตระหนักได้ว่าเสี่ยวซีจะต้องอยู่ที่สุสานมังกร”

เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าหมูป่าถูกมังกรน้อยจัดการเกือบทั้งหมดแล้ว เขาพลันลูบหัวมันและกล่าวว่า “รีบกินซะ เราจะออกเดินทางต่อ”

ทันทีที่มังกรน้อยกินอาหารเสร็จ หลินมู่อวี่ก็โยนมันเข้าสู่ช่องว่างมิติ ก่อนจะใช้ฝีเท้าดาวตกวิ่งออกไปผ่านส่วนลึกของป่าล่ามังกร หลังจากเสียม้าไป หลินมู่อวี่จำเป็นต้องพึ่งพาทักษะฝีเท้าดาวตกเพื่อเดินทางต่อไป เขาเดาว่าถังเสี่ยวซีอยู่ที่สุสานมังกร ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนอื่นอาจไม่คาดคิด เนื่องจากมีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักสุสานมังกรแห่งนี้

กระนั้นหลินมู่อวี่ก็ไม่ทราบว่ามีคนมากเท่าใดที่ต้องการสังหารถังเสี่ยวซีในเหตุการณ์ครานี้

ณ ทางใต้ของป่าล่ามังกร

ทหารม้ากว่าห้าร้อยนายเคลื่อนผ่านป่าอย่างเชื่องช้า ด้านหน้ากองทหารมีชายชราในชุดเกราะเบาและเสื้อคลุมปักลายงูหลามพร้อมมีตราดอกจื่อยินสีทองแวววาวอยู่บนหน้าอก ทหารด้านหลังล้วนสวมตราแห่งจักรวรรดิและถือธงขนาดใหญ่ที่โบกสะบัดตามสายลม กลางธงปักตัวอักษรคำว่า ‘เจิ้ง’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจวนเสินโหว

ท่ามกลางกองทหาร ผู้บัญชาการสี่กงหนานถือดาบยาวก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ท่านเสินโหว นกส่งสารกลับมาแล้ว ด้านหน้าเป็นอาณาเขตของหมาป่าหนามอายุกว่าเจ็ดพันสองร้อยปี เราควรหลีกเลี่ยงเส้นทางหรือไม่ขอรับ?”

เจิ้งอี้ฝานส่ายหัว “ไม่ หากเกิดการปะทะก็ฆ่ามันซะ”

“ขอรับ”

สี่กงหนานแสดงความเคารพและเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ท่านเสินโหว หากเราพบถังเสี่ยวซี…ควรทำอย่างไรขอรับ? ข้าถามท่านเสินโหวเพื่อความชัดเจน มิเช่นนั้นเหล่าพี่น้องของเราคงเต็มไปด้วยความสับสน”

“ขึ้นอยู่กับว่าเป็นถังเสี่ยวซีคนไหน” เจิ้งอี้ฝานหรี่ตาลงและยิ้ม

“หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ?” สี่กงหนานเป็นคนหยาบกระด้าง เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ซับซ้อน

เจิ้งอี้ฝานยิ้ม “หากเป็นถังเสี่ยวซีแบบปกติ ข้าจะพานางกลับเมืองหลันเยี่ยน แต่หากเป็นถังเสี่ยวซีในร่างของอสูรจิ้งจอกเก้าหาง…เช่นนั้นข้าจะสังหารนางซะ ก่อนจะทิ้งกองทัพองครักษ์และสัญลักษณ์บางอย่างไว้และหนีไป”

“นี่…”

สี่กงหนานตอบกลับ “หากกล่าวเช่นนั้น เหตุใดเราจึงไม่ฉวยโอกาสฆ่าถังเสี่ยวซีเลย นางเป็นสหายคนสนิทขององค์หญิงอิน อีกทั้งการมีชีวิตอยู่ของถังเสี่ยวซีก็หมายถึงข้อผูกมัดและพันธะสัญญาระหว่างเมืองหลวงและเมืองชีไห่”

เจิ้งอี้ฝานกล่าวเสียงนิ่ง “เจ้ารู้เรื่องนี้เพียงด้านเดียว มิได้รู้ถึงผลประโยชน์ด้านอื่นๆ หากจวนเสินโหวเป็นผู้สังหารถังเสี่ยวซี จะต้องทำให้ถังหลานขุ่นเคืองเป็นแน่ เช่นนั้นเราจะได้ประโยชน์อันใด? ดังนั้นหากถังเสี่ยวซียังเป็นปกติ แล้วเราพานางกลับไป ถังหลานจะต้องซาบซึ้งถึงคุณงามความดีของจวนเสินโหว ทว่าหากนางกลายเป็นอสูรจิ้งจอกเก้าหาง เมื่อเราสังหารนางและทิ้งสัญลักษณ์กองทัพองครักษ์ไว้เบื้องหลัง สิ่งนี้จะต้องทำให้เมืองชีไห่คิดว่าเฟิงจี้สิงเป็นผู้สังหารถังเสี่ยวซีแน่ ดังนั้น…พันธสัญญาระหว่างเมืองหลันเยี่ยนและเมืองชีไห่จะต้องหักสะบั้น ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เราต้องการมิใช่หรือ?”

สี่กงหนานคิดตามและรีบประสานหมัดทันที “ท่านเสินโหวช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก!”

ดวงตาเจิ้งอี้ฝานหรี่ลงและกล่าวว่า “มันเป็นเพียงความคิดที่ปรารถนา มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ถังเสี่ยวซีอาจถูกสัตว์วิญญาณฆ่าตายอยู่ในป่า หรืออาจจะทนพลังของจิ้งจอกเก้าหางไม่ได้จนระเบิดตัวเองตาย กระนั้นเราก็ต้องทำตามขั้นตอนไปก่อน จำไว้ว่าอย่าผลีผลามเด็ดขาด อีกทั้งห้ามต่อต้านกองทัพขององค์หญิงอิน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะลงมือ”

“ขอรับท่านเสินโหว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+