The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 243 ศรเศวตรมณี

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 243 ศรเศวตรมณี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อออกจากภูเขาขวานไฟมาแล้ว หลินมู่อวี่ให้กองทัพทหารทั้งหลายปักหลักอยู่นอกเมืองหยินซาน ก่อนจะสั่งให้เฟิงสี่นำทหารรับจ้างมังกรผงาดห้าร้อยคนเข้าไปในเมือง เพื่อไปสืบหาข้อมูลศัตรูและพักผ่อนไปในตัว แม้จะไม่ใช่เมืองใหญ่มากก็คงพอมีอาหารเพียงให้กินอยู่ กระทั่งพลบค่ำ แสงรำไรก่อนลับขอบฟ้าของดวงอาทิตย์พาดผ่านค่ายทหาร สมาพันธ์โอสถได้ทำสตูเนื้อพร้อมกับเล่าปิ่งให้บรรดาทหารได้กินอย่างเอร็ดอร่อย ในกระโจมหลังใหญ่ หลัวอวี่ ฉuหยิง เว่ยโฉว และคนอื่นๆ ยืนล้อมโต๊ะวางกลยุทธ์กันอยู่ เป็นบนโต๊ะจะเป็นแผนที่อย่างง่าย แต่ก็พอให้เห็นพื้นที่มณลชางหนานทั้งหมดได้ เว่ยโฉววางธงสีฟ้าไว้บนโต๊ะก่อนจะเอ่ยขึ้น “ในศูนย์บัญชาการใหญ่มณฑลชางหนานมีสมาชิกสำนักอัศวินห้าร้อยคนซ฿่งถูกเรากำจัดไปแล้ว ทั้งนี้ยังเหลืออีกสี่สิบเจ็ดสาขา หากว่าตามระยะทาง สาขเมืองอวิ้นจงนั้นอยู่ใกล้ที่สุดและมีสมาชิกอยู่ห้าร้อยห้าสิบคน ถัดไปเป็นสาขาเมืองหยินซานตะวันออกมีสมาชิกสี่ร้อยคน จำนวนเท่านี้เราแทบไม่ต้องกังวลเลย” เซี่ยโหวซางกล่าว “หากเราค่อยๆ จัดการพวกมันทีละสาขาจะทำให้เปลืองเวลาไปมาก ข้าขอแนะนำให้แบ่งกองกำลังออกเป็นสิบหน่วยและเข้าโจมตีสองสาขาพร้อมกัน ท่านคิดว่าอย่างไรขอรับ?” “อืม” หลินมู่อวี่พยักหน้า “เช่นนั้นก็จัดหาผู้บัญชาการกองพันที่แข็งแกร่งและหลักแหลมให้เรียบร้อย แต่ทุกคนจงจำไว้ว่าให้เกลี้ยกล่อมก่อนเข้าโจมตี พยายามลดจำนวนการสูญเสียที่จะเกิดจากการปะทะให้ได้มากที่สุด” “รับทราบขอรับท่านผู้บัญชาการ!” หลินมุ่อวี่หันมองเว่ยโฉวก่อนจะเอ่ยขึ้น “การจัดตั้งกลุ่มคันศรเทวะเป็นอย่างไรบ้าง?” เว่ยโฉวยิ้มตอบ “ข้าขอรายงานขอรับ! ข้าได้เลือกทหารรับจ้างหนึ่งร้อยคนจากกลุ่มมังกรผงาดที่มีทักษะธนูชั้นยอด ณ ตอนนี้พวกเขาสามารถยิงระยะร้อยเมตรได้อย่างแม่นยำแล้วขอรับ!” “เยี่ยมมาก” หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “ทุกคนคงเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้ไปพักผ่อนเสียเถิด เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า แล้วก็สั่งให้หน่วยสอดแนมเพิ่มระยะการสังเกตและคอยจับตาดูกองกำลังห้าหุบเขาอย่างใกล้ชิด!” “ขอรับ!” หลังจากทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อน หลินมู่อวี่นั่งลงบนเตียงพร้อมกับใช้ตำราหลอมกระดูกมังกรเพื่อฟื้นฟูพละกำลังและปราณยุทธ์ก่อนเข้านอน เขาหยิบแร่เพชรสีขาวจากถุงสรรพสิ่งออกมาดู มันมีลักษณะยาวหนึ่งกว้างสิบเซนติเมตร ถูกเจียระไนมาอย่างดีและมีแสงประกายระยิบระยับ เขาหันไปตะโกนสั่งการยามเฝ้าประตู “หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด” “ขอรับ!” ทหารยามตอบรับทันที หลินมู่อวี่ทำการเรียกติ่งหลอมออกมา ถึงเวลาพิสูจน์แล้ว…ว่าตำนานเพชรสีขาวสามารถตัดเกราะปราณได้นั้นเป็นจริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริงแสดงว่าสิ่งได้มาจากภูเขาขวานไฟเป็นของดีอย่างมาก แต่หากเป็นแค่เรื่องเล่าคงน่าผิดหวังไม่น้อย “พรึบ…พรึบ… เพลิงสวรรค์ผลาญพิภพโอบล้อมแร่เพชรและเริ่มหลอมมัน ฌานสัมผัสของหลินมู่อวี่ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในแร่เพชรแต่ละชั้นและวิเคราะห์ส่วนประกอบ เพลิงสวรรค์เผาผลาญและหล่อหลอมมันอย่างรวดเร็ว ไม่นานรูปร่างที่แท้จริงของเพชรสีขาวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นเป็นแก่นแร่สีขาว หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว เพิ่มความแรงของเพลิงสวรรค์ผลาญพิภพ ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถหลอมแก่นของมันได้แม้จะพยายามมากเพียงไหน ช่างเป็นแร่ที่แข็งอย่างเหลือเชื่อ หลินมู่อวี่ทำได้เพียงปรับเปลี่ยนรูปร่างของมันเท่านั้น กระทั่งเขาคิดบางอย่างออก บาง…แก่นแร่นี้อาจสามารถนำไปผสานกับกระบี่และเพิ่มความคมได้! หลินมู่อวี่นำกระบี่วิญญาณมังกรใส่ไปในติ่งหลอม งูมังกรส่งเสียงคำรามลั่น! หลินมู่อวี่กางนิ้วเพื่อควบคุมแก่นเพชรสีขาวไปยังใบมีดอย่างรวดเร็ว มันสามารถเพิ่มความคมของกระบี่ได้จริงๆ! แร่เพชรสีขาวทั้งก้อนสามารถหลอมจนได้ขนาดเท่ากำปั้น ซึ่งครึ่งหนึ่งของมันถูกนำไปหลอมรวมกับกระบี่วิญญาณมังกรแล้ว ยังเหลืออีกครึ่งที่หลินมู่อวี่ตั้งใจเอาไปทำอย่างอื่น “วิ้ง!” หลินมู่อวี่ถือกระบี่วิญญาณมังกรหลอมใหม่ไว้ในมือ มันมีลักษณะเหมือนชั้นแสงแวววาวคอยเคลือบใบมีดอยู่ เขาปีติเป็นอย่างมากเช่นเดียวกันกับจิตของดาบที่เขาสัมผัสได้ ความแข็งแกร่งของกระบี่วิญญาณมังกรที่หลอมใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก! หลินมู่อวี่เก็บกระบี่วิญญาณมังกรเข้าฝังแล้วมองดูมันอย่างมีความสุข เขาหันไปหยิบลูกธนูเหล็กกล้ามา มันคมมากก็จริง ทว่ายังไม่มากพอจะเจาะทะลวงเครื่องป้องกันได้นอกจากทหารที่สวมเกราะบาง ต่อเมื่อได้เจอกับทหารม้สอย่างค่ายเขาเหินมันก็แทบไม่มีประโยชน์อันใด ต้องลองเปลี่ยนมัน… “ซ่า…” หลินมู่อวี่โยนธนูดอกแรกเข้าไปในติ่งหลอม เพลิงร้อนโหมกระหน่ำจนด้ามไม้กลายเป็นธุลีในพริบตา หัวลูกศรเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและละลายอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่รีบใช้ปราณยุทธ์เข้าควบคุมแก่นเพชรสีขาวให้ไปผสานรวมกับหัวลูกศร ฌานสัมผัสค่อยๆ แทรกซึมไปตามขอบคมของมัน ไม่นานหัวลูกศรสีเงินก็ปรากฏขึ้น “ของเด็กเล่นนี่เจาะทะลวงเกราะปราณได้จริงหรือ?” หลินมู่อวี่จับหัวลูกศรที่ยังร้อนมาดูด้วยความสงสัย ไม่จำเป็นต้องคิดให้เหนื่อย หลินมู่อวี่ใช้มือซ้ายรวบรวมปราณยุทธ์และสร้างเป็นเกราะปราณขึ้น ก่อนจะใช้มือขวาจับลูกศรแล้วแทงมือซ้ายของตน! ทันใดนั้นปลายเหล็กคมก็สามารถเจาะทะลวงเกราะปราณและสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดให้เขาได้! ชัดเจนแล้วว่ามันได้ผลอย่างที่ร่ำลือ “พระเจ้า…” หลินมู่อวี่ตกตะลึงอย่างมาก ตั้งแต่บรรลุสู่ของเขตนภาขั้นสอง เขาไม่เคยคิดเลยว่าอาวุธธรรมดาจะสามารถสร้างบาดแผลให้ตนได้ ความคิดเช่นนั้นช่างน่าขันสิ้นดี ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนสัมพันธ์กัน แร่เพชรสีขาวนี้คือเกราะปราณที่สร้างโดยธรรมชาติ เช่นเดียวกับน้ำที่ดับไฟได้ ลูกศรที่หลอมจากเพชรสีขาวนี้ก็สามารถทำลายเกราะปราณได้เช่นกัน! หลินมู่อวี่รวมปราณยุทธ์ห้ามเลือด เขาวางหัวลูกศรที่หลอมแล้วไว้ด้านข้าง ก่อนจะเริ่มหลอมลูกศรด้วยเพชรสีขาวทีละอัน มีลูกศรกว่าร้อยดอกซึ่งใช้เพชรสีขาวเพียงห้าสิบก้อนก็เพียงพอแล้ว กระทั่งเหลือสองก้อนสุดท้าย หลินมู่อวี่จึงตัดสินใจหลอมมันเข้ากันทวนหลีฮวาและมีดเสียงปีศาจ หากต้องได้เจอกับยอดฝีมือขอบเขตนภาขั้นสองมันจะสามารถช่วยเขาได้อย่างมาก อันที่จริงสาเหตุที่หลินมู่อวี่ต้องรีบหลอมอาวุธเช่นนี้เพราะเขาต้องได้เจอกับยอดฝีมือระดับปรมาจารย์สงคราม! หลังจากที่เจิ้งอี้ฝานสังหารซ่งหยวนในตำนักเจ๋อเทียน ใครบ้างจะไม่กลัวพลังของปรมาจารย์สงครามเช่นเขา? แม้แต่ฉินเหลย เฟิงจี้สิงและยอดฝีมือคนอื่นๆ ยังเอาชนะเขาได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครรู้ว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเจิ้งอี้ฝานอยู่อีกเท่าไร นอกจากชวีฉูและเล่นหงที่อยู่ระดับเดียวกันแล้วไม่มีใครรู้เลย… หลินมู่อวี่ได้สั่งการให้เว่ยโฉวก่อตั้งกลุ่มคันศรเทวะขึ้นเพื่อเป็นกำลังหลักในการเอาชนะปรมาจารย์สงครามโดยเฉพาะ! ใช่แล้ว เมื่อต้องปะทะกับพลธนูที่มีลูกศรหลอมด้วยเพชรสีขาว ต่อให้อยู่ระดับไหนก็ตกที่นั่งลำบาก! เมื่อทำการหลอมลูกศรทั้งหมดเสร็จหลินมู่อวี่ก็หลับไปทันที หลายวันมาแล้วที่จ้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางวงล้อมกองทัพหมื่นคน กระทั่งถึงตอนนี้เขาคงได้จะหลับอย่างสบายใจเสียที จากค่ำคืนเปลี่ยนเป็นรุ่งเช้าอย่างรวดเร็ว เสียงกีบม้ากระทบพื้นด้านนอกปลุกหลินมู่อวี่ให้ตื่นจากภวังค์ เว่ยโฉวมาพร้อมกับคันศรกลืนปีศาจเอ่ยถามขึ้น “หลับสบายดีหรือไม่ขอรับ?” “สบายมาก” หลินมู่อวี่ยิ้ม “เว่ยโฉว เอาลูกศรพวกนี้ไปลานฝึกแล้วลองยิงเสีย” เว่ยโฉวแบกลูกศรทั้งหมดไว้โดยไม่ได้ถามสิ่งใดมาก กระทั้งเมื่อได้เห็นประกายแวววับบนหัวลูกศรเขาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ท่านลูกศรพวกนี้…ข้าสัมผัสได้ถึงความคมของมันอย่างน่าประหลาด…” “ไปลองดูเถิด” เมื่อมาถึงลานฝึก ก็พบว่าทหารกลุ่มคันศรเทวะมารออยู่ก่อนแล้ว รอบบริเวณมีเป้ายิงเต็มที่ไปด้วยลูกศรปักอยู่อย่างอัดแน่น ม้าที่วิ่งควบไปทั่ว และกลุ่มของทหารทะลวงนภายืนพูดคุยกันอยู่ ฉีหยิงที่จับหอกอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่สำคัญว่าทักษะการยิงธนูจะดีแค่ไหน ถึงอย่างไรก็มิอาจทะลวงเกราะของทหารม้าได้…” เว่ยโฉวกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ “ไม่เป็นความจริงเลย ตราบใดที่ยิงอย่างแม่นยำ เพียงศรเดียวก็ฆ่าคนได้” ฉีหยิงหัวเราะ “เช่นนั้นคงไม่มีใครมีทักษะธนูเก่งกาจทัดเทียมท่านเว่ยโฉวได้แล้วใช่หรือไม่? ท่านแม่ทัพหลินคิดเห็นเช่นไรขอรับ?” “เจ้าคงอยากรู้สิท่า” หลินมู่อวี่เผยรอยยิ้มชวนขนหัวลุก “ฉีหยิง วางโล่ทะลวงนภาของเจ้าไว้เป็นเป้ายิง เว่ยโฉว…เจ้าลองยิงดูว่ามันทะลวงได้หรือไม่” “มาดูกัน!” ฉีหยิงเดินไปวางโล่สีดำไว้ก่อนจะยิ้มขึ้น “โล่หินทมิฬของทหารทะลวงนภามีน้ำหนักร้อยปอนด์และหนากว่าสามเซนติเมตร ท่านไม่มีทางยิงทะลุมันได้อย่างแน่นอน!” เว่ยโฉวไม่กล่าวสิ่งใดตอบนอกจากตั้งท่าง้างศรเพชรสีขาวด้วยคันศรกลืนปีศาจ “ฟิ้ว!” ลูกศรถูกยิงออกกระทั่งมันสามาถทะลวงโล่เหล็กได้! “ฉึก!” ฉีหยางอ้าปากค้างยืนนิ่ง “เป็น…เป็นไปได้อย่างไรกัน? อาจเป็นเพราะกำลังแขนอันทรงพลังของท่านเว่ยโฉว หากเป็นคนอื่นคงทำไม่ได้แน่นอน!” เว่ยโฉวยิ้มย่องเพราะรู้ความลับของลูกศรแล้ว “ลองเปลี่ยนคนดูไหมเล่า…ซุนหูออกมายิงให้เขาดูหน่อย!” เมื่อพูดจบเว่บโฉวก็ยื่นลูกศรเพชรสีขาวให้เขา ทหารรับจ้างมังกรผงาดรับลูกศรไปและยิง “ฉึก!” ลูกศรทะลวงโล่เหล็กได้อีกครา! ฉีหยิงตกตะลึงเป็นอย่างมาก “นี่…นี่ต้องเป็นกลยุทธ์บางอย่างแน่นอน! อุปกรณ์ของทหารทะลวงนภาไม่ได้ทำขึ้นมาลวกๆ เป็นไปได้อย่างไรกัน?” เว่ยโฉวแตะบ่าฉีหยิงและกล่าว “ไปเตรียมตัวทำภารกิจตอนเช้ากันดีกว่า!” ……………………

เมื่อออกจากภูเขาขวานไฟมาแล้ว หลินมู่อวี่ให้กองทัพทหารทั้งหลายปักหลักอยู่นอกเมืองหยินซาน ก่อนจะสั่งให้เฟิงสี่นำทหารรับจ้างมังกรผงาดห้าร้อยคนเข้าไปในเมือง เพื่อไปสืบหาข้อมูลศัตรูและพักผ่อนไปในตัว แม้จะไม่ใช่เมืองใหญ่มากก็คงพอมีอาหารเพียงให้กินอยู่

กระทั่งพลบค่ำ แสงรำไรก่อนลับขอบฟ้าของดวงอาทิตย์พาดผ่านค่ายทหาร สมาพันธ์โอสถได้ทำสตูเนื้อพร้อมกับเล่าปิ่งให้บรรดาทหารได้กินอย่างเอร็ดอร่อย

ในกระโจมหลังใหญ่ หลัวอวี่ ฉuหยิง เว่ยโฉว และคนอื่นๆ ยืนล้อมโต๊ะวางกลยุทธ์กันอยู่ เป็นบนโต๊ะจะเป็นแผนที่อย่างง่าย แต่ก็พอให้เห็นพื้นที่มณลชางหนานทั้งหมดได้ เว่ยโฉววางธงสีฟ้าไว้บนโต๊ะก่อนจะเอ่ยขึ้น “ในศูนย์บัญชาการใหญ่มณฑลชางหนานมีสมาชิกสำนักอัศวินห้าร้อยคนซ฿่งถูกเรากำจัดไปแล้ว ทั้งนี้ยังเหลืออีกสี่สิบเจ็ดสาขา หากว่าตามระยะทาง สาขเมืองอวิ้นจงนั้นอยู่ใกล้ที่สุดและมีสมาชิกอยู่ห้าร้อยห้าสิบคน ถัดไปเป็นสาขาเมืองหยินซานตะวันออกมีสมาชิกสี่ร้อยคน จำนวนเท่านี้เราแทบไม่ต้องกังวลเลย”

เซี่ยโหวซางกล่าว “หากเราค่อยๆ จัดการพวกมันทีละสาขาจะทำให้เปลืองเวลาไปมาก ข้าขอแนะนำให้แบ่งกองกำลังออกเป็นสิบหน่วยและเข้าโจมตีสองสาขาพร้อมกัน ท่านคิดว่าอย่างไรขอรับ?”

“อืม”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “เช่นนั้นก็จัดหาผู้บัญชาการกองพันที่แข็งแกร่งและหลักแหลมให้เรียบร้อย แต่ทุกคนจงจำไว้ว่าให้เกลี้ยกล่อมก่อนเข้าโจมตี พยายามลดจำนวนการสูญเสียที่จะเกิดจากการปะทะให้ได้มากที่สุด”

“รับทราบขอรับท่านผู้บัญชาการ!”

หลินมุ่อวี่หันมองเว่ยโฉวก่อนจะเอ่ยขึ้น “การจัดตั้งกลุ่มคันศรเทวะเป็นอย่างไรบ้าง?”

เว่ยโฉวยิ้มตอบ “ข้าขอรายงานขอรับ! ข้าได้เลือกทหารรับจ้างหนึ่งร้อยคนจากกลุ่มมังกรผงาดที่มีทักษะธนูชั้นยอด ณ ตอนนี้พวกเขาสามารถยิงระยะร้อยเมตรได้อย่างแม่นยำแล้วขอรับ!”

“เยี่ยมมาก”

หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “ทุกคนคงเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้ไปพักผ่อนเสียเถิด เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า แล้วก็สั่งให้หน่วยสอดแนมเพิ่มระยะการสังเกตและคอยจับตาดูกองกำลังห้าหุบเขาอย่างใกล้ชิด!”

“ขอรับ!”

หลังจากทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อน หลินมู่อวี่นั่งลงบนเตียงพร้อมกับใช้ตำราหลอมกระดูกมังกรเพื่อฟื้นฟูพละกำลังและปราณยุทธ์ก่อนเข้านอน เขาหยิบแร่เพชรสีขาวจากถุงสรรพสิ่งออกมาดู มันมีลักษณะยาวหนึ่งกว้างสิบเซนติเมตร ถูกเจียระไนมาอย่างดีและมีแสงประกายระยิบระยับ

เขาหันไปตะโกนสั่งการยามเฝ้าประตู “หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด”

“ขอรับ!” ทหารยามตอบรับทันที

หลินมู่อวี่ทำการเรียกติ่งหลอมออกมา ถึงเวลาพิสูจน์แล้ว…ว่าตำนานเพชรสีขาวสามารถตัดเกราะปราณได้นั้นเป็นจริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริงแสดงว่าสิ่งได้มาจากภูเขาขวานไฟเป็นของดีอย่างมาก แต่หากเป็นแค่เรื่องเล่าคงน่าผิดหวังไม่น้อย

“พรึบ…พรึบ…

เพลิงสวรรค์ผลาญพิภพโอบล้อมแร่เพชรและเริ่มหลอมมัน ฌานสัมผัสของหลินมู่อวี่ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในแร่เพชรแต่ละชั้นและวิเคราะห์ส่วนประกอบ เพลิงสวรรค์เผาผลาญและหล่อหลอมมันอย่างรวดเร็ว ไม่นานรูปร่างที่แท้จริงของเพชรสีขาวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นเป็นแก่นแร่สีขาว

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว เพิ่มความแรงของเพลิงสวรรค์ผลาญพิภพ ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถหลอมแก่นของมันได้แม้จะพยายามมากเพียงไหน ช่างเป็นแร่ที่แข็งอย่างเหลือเชื่อ หลินมู่อวี่ทำได้เพียงปรับเปลี่ยนรูปร่างของมันเท่านั้น กระทั่งเขาคิดบางอย่างออก บาง…แก่นแร่นี้อาจสามารถนำไปผสานกับกระบี่และเพิ่มความคมได้!

หลินมู่อวี่นำกระบี่วิญญาณมังกรใส่ไปในติ่งหลอม งูมังกรส่งเสียงคำรามลั่น! หลินมู่อวี่กางนิ้วเพื่อควบคุมแก่นเพชรสีขาวไปยังใบมีดอย่างรวดเร็ว มันสามารถเพิ่มความคมของกระบี่ได้จริงๆ!

แร่เพชรสีขาวทั้งก้อนสามารถหลอมจนได้ขนาดเท่ากำปั้น ซึ่งครึ่งหนึ่งของมันถูกนำไปหลอมรวมกับกระบี่วิญญาณมังกรแล้ว ยังเหลืออีกครึ่งที่หลินมู่อวี่ตั้งใจเอาไปทำอย่างอื่น

“วิ้ง!”

หลินมู่อวี่ถือกระบี่วิญญาณมังกรหลอมใหม่ไว้ในมือ มันมีลักษณะเหมือนชั้นแสงแวววาวคอยเคลือบใบมีดอยู่ เขาปีติเป็นอย่างมากเช่นเดียวกันกับจิตของดาบที่เขาสัมผัสได้ ความแข็งแกร่งของกระบี่วิญญาณมังกรที่หลอมใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก!

หลินมู่อวี่เก็บกระบี่วิญญาณมังกรเข้าฝังแล้วมองดูมันอย่างมีความสุข เขาหันไปหยิบลูกธนูเหล็กกล้ามา มันคมมากก็จริง ทว่ายังไม่มากพอจะเจาะทะลวงเครื่องป้องกันได้นอกจากทหารที่สวมเกราะบาง ต่อเมื่อได้เจอกับทหารม้สอย่างค่ายเขาเหินมันก็แทบไม่มีประโยชน์อันใด

ต้องลองเปลี่ยนมัน…

“ซ่า…”

หลินมู่อวี่โยนธนูดอกแรกเข้าไปในติ่งหลอม เพลิงร้อนโหมกระหน่ำจนด้ามไม้กลายเป็นธุลีในพริบตา หัวลูกศรเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและละลายอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่รีบใช้ปราณยุทธ์เข้าควบคุมแก่นเพชรสีขาวให้ไปผสานรวมกับหัวลูกศร ฌานสัมผัสค่อยๆ แทรกซึมไปตามขอบคมของมัน ไม่นานหัวลูกศรสีเงินก็ปรากฏขึ้น

“ของเด็กเล่นนี่เจาะทะลวงเกราะปราณได้จริงหรือ?”

หลินมู่อวี่จับหัวลูกศรที่ยังร้อนมาดูด้วยความสงสัย ไม่จำเป็นต้องคิดให้เหนื่อย หลินมู่อวี่ใช้มือซ้ายรวบรวมปราณยุทธ์และสร้างเป็นเกราะปราณขึ้น ก่อนจะใช้มือขวาจับลูกศรแล้วแทงมือซ้ายของตน! ทันใดนั้นปลายเหล็กคมก็สามารถเจาะทะลวงเกราะปราณและสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดให้เขาได้! ชัดเจนแล้วว่ามันได้ผลอย่างที่ร่ำลือ

“พระเจ้า…”

หลินมู่อวี่ตกตะลึงอย่างมาก ตั้งแต่บรรลุสู่ของเขตนภาขั้นสอง เขาไม่เคยคิดเลยว่าอาวุธธรรมดาจะสามารถสร้างบาดแผลให้ตนได้ ความคิดเช่นนั้นช่างน่าขันสิ้นดี ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนสัมพันธ์กัน แร่เพชรสีขาวนี้คือเกราะปราณที่สร้างโดยธรรมชาติ เช่นเดียวกับน้ำที่ดับไฟได้ ลูกศรที่หลอมจากเพชรสีขาวนี้ก็สามารถทำลายเกราะปราณได้เช่นกัน!

หลินมู่อวี่รวมปราณยุทธ์ห้ามเลือด เขาวางหัวลูกศรที่หลอมแล้วไว้ด้านข้าง ก่อนจะเริ่มหลอมลูกศรด้วยเพชรสีขาวทีละอัน มีลูกศรกว่าร้อยดอกซึ่งใช้เพชรสีขาวเพียงห้าสิบก้อนก็เพียงพอแล้ว กระทั่งเหลือสองก้อนสุดท้าย หลินมู่อวี่จึงตัดสินใจหลอมมันเข้ากันทวนหลีฮวาและมีดเสียงปีศาจ หากต้องได้เจอกับยอดฝีมือขอบเขตนภาขั้นสองมันจะสามารถช่วยเขาได้อย่างมาก

อันที่จริงสาเหตุที่หลินมู่อวี่ต้องรีบหลอมอาวุธเช่นนี้เพราะเขาต้องได้เจอกับยอดฝีมือระดับปรมาจารย์สงคราม!

หลังจากที่เจิ้งอี้ฝานสังหารซ่งหยวนในตำนักเจ๋อเทียน ใครบ้างจะไม่กลัวพลังของปรมาจารย์สงครามเช่นเขา? แม้แต่ฉินเหลย เฟิงจี้สิงและยอดฝีมือคนอื่นๆ ยังเอาชนะเขาได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครรู้ว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเจิ้งอี้ฝานอยู่อีกเท่าไร นอกจากชวีฉูและเล่นหงที่อยู่ระดับเดียวกันแล้วไม่มีใครรู้เลย…

หลินมู่อวี่ได้สั่งการให้เว่ยโฉวก่อตั้งกลุ่มคันศรเทวะขึ้นเพื่อเป็นกำลังหลักในการเอาชนะปรมาจารย์สงครามโดยเฉพาะ! ใช่แล้ว เมื่อต้องปะทะกับพลธนูที่มีลูกศรหลอมด้วยเพชรสีขาว ต่อให้อยู่ระดับไหนก็ตกที่นั่งลำบาก!

เมื่อทำการหลอมลูกศรทั้งหมดเสร็จหลินมู่อวี่ก็หลับไปทันที หลายวันมาแล้วที่จ้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางวงล้อมกองทัพหมื่นคน กระทั่งถึงตอนนี้เขาคงได้จะหลับอย่างสบายใจเสียที

จากค่ำคืนเปลี่ยนเป็นรุ่งเช้าอย่างรวดเร็ว เสียงกีบม้ากระทบพื้นด้านนอกปลุกหลินมู่อวี่ให้ตื่นจากภวังค์ เว่ยโฉวมาพร้อมกับคันศรกลืนปีศาจเอ่ยถามขึ้น “หลับสบายดีหรือไม่ขอรับ?”

“สบายมาก”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “เว่ยโฉว เอาลูกศรพวกนี้ไปลานฝึกแล้วลองยิงเสีย”

เว่ยโฉวแบกลูกศรทั้งหมดไว้โดยไม่ได้ถามสิ่งใดมาก กระทั้งเมื่อได้เห็นประกายแวววับบนหัวลูกศรเขาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ท่านลูกศรพวกนี้…ข้าสัมผัสได้ถึงความคมของมันอย่างน่าประหลาด…”

“ไปลองดูเถิด”

เมื่อมาถึงลานฝึก ก็พบว่าทหารกลุ่มคันศรเทวะมารออยู่ก่อนแล้ว รอบบริเวณมีเป้ายิงเต็มที่ไปด้วยลูกศรปักอยู่อย่างอัดแน่น ม้าที่วิ่งควบไปทั่ว และกลุ่มของทหารทะลวงนภายืนพูดคุยกันอยู่ ฉีหยิงที่จับหอกอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่สำคัญว่าทักษะการยิงธนูจะดีแค่ไหน ถึงอย่างไรก็มิอาจทะลวงเกราะของทหารม้าได้…”

เว่ยโฉวกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ “ไม่เป็นความจริงเลย ตราบใดที่ยิงอย่างแม่นยำ เพียงศรเดียวก็ฆ่าคนได้”

ฉีหยิงหัวเราะ “เช่นนั้นคงไม่มีใครมีทักษะธนูเก่งกาจทัดเทียมท่านเว่ยโฉวได้แล้วใช่หรือไม่? ท่านแม่ทัพหลินคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”

“เจ้าคงอยากรู้สิท่า”

หลินมู่อวี่เผยรอยยิ้มชวนขนหัวลุก “ฉีหยิง วางโล่ทะลวงนภาของเจ้าไว้เป็นเป้ายิง เว่ยโฉว…เจ้าลองยิงดูว่ามันทะลวงได้หรือไม่”

“มาดูกัน!” ฉีหยิงเดินไปวางโล่สีดำไว้ก่อนจะยิ้มขึ้น “โล่หินทมิฬของทหารทะลวงนภามีน้ำหนักร้อยปอนด์และหนากว่าสามเซนติเมตร ท่านไม่มีทางยิงทะลุมันได้อย่างแน่นอน!”

เว่ยโฉวไม่กล่าวสิ่งใดตอบนอกจากตั้งท่าง้างศรเพชรสีขาวด้วยคันศรกลืนปีศาจ “ฟิ้ว!” ลูกศรถูกยิงออกกระทั่งมันสามาถทะลวงโล่เหล็กได้! “ฉึก!”

ฉีหยางอ้าปากค้างยืนนิ่ง “เป็น…เป็นไปได้อย่างไรกัน? อาจเป็นเพราะกำลังแขนอันทรงพลังของท่านเว่ยโฉว หากเป็นคนอื่นคงทำไม่ได้แน่นอน!”

เว่ยโฉวยิ้มย่องเพราะรู้ความลับของลูกศรแล้ว “ลองเปลี่ยนคนดูไหมเล่า…ซุนหูออกมายิงให้เขาดูหน่อย!”

เมื่อพูดจบเว่บโฉวก็ยื่นลูกศรเพชรสีขาวให้เขา

ทหารรับจ้างมังกรผงาดรับลูกศรไปและยิง “ฉึก!” ลูกศรทะลวงโล่เหล็กได้อีกครา!

ฉีหยิงตกตะลึงเป็นอย่างมาก “นี่…นี่ต้องเป็นกลยุทธ์บางอย่างแน่นอน! อุปกรณ์ของทหารทะลวงนภาไม่ได้ทำขึ้นมาลวกๆ เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

เว่ยโฉวแตะบ่าฉีหยิงและกล่าว “ไปเตรียมตัวทำภารกิจตอนเช้ากันดีกว่า!”

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 243 ศรเศวตรมณี

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 243 ศรเศวตรมณี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อออกจากภูเขาขวานไฟมาแล้ว หลินมู่อวี่ให้กองทัพทหารทั้งหลายปักหลักอยู่นอกเมืองหยินซาน ก่อนจะสั่งให้เฟิงสี่นำทหารรับจ้างมังกรผงาดห้าร้อยคนเข้าไปในเมือง เพื่อไปสืบหาข้อมูลศัตรูและพักผ่อนไปในตัว แม้จะไม่ใช่เมืองใหญ่มากก็คงพอมีอาหารเพียงให้กินอยู่ กระทั่งพลบค่ำ แสงรำไรก่อนลับขอบฟ้าของดวงอาทิตย์พาดผ่านค่ายทหาร สมาพันธ์โอสถได้ทำสตูเนื้อพร้อมกับเล่าปิ่งให้บรรดาทหารได้กินอย่างเอร็ดอร่อย ในกระโจมหลังใหญ่ หลัวอวี่ ฉuหยิง เว่ยโฉว และคนอื่นๆ ยืนล้อมโต๊ะวางกลยุทธ์กันอยู่ เป็นบนโต๊ะจะเป็นแผนที่อย่างง่าย แต่ก็พอให้เห็นพื้นที่มณลชางหนานทั้งหมดได้ เว่ยโฉววางธงสีฟ้าไว้บนโต๊ะก่อนจะเอ่ยขึ้น “ในศูนย์บัญชาการใหญ่มณฑลชางหนานมีสมาชิกสำนักอัศวินห้าร้อยคนซ฿่งถูกเรากำจัดไปแล้ว ทั้งนี้ยังเหลืออีกสี่สิบเจ็ดสาขา หากว่าตามระยะทาง สาขเมืองอวิ้นจงนั้นอยู่ใกล้ที่สุดและมีสมาชิกอยู่ห้าร้อยห้าสิบคน ถัดไปเป็นสาขาเมืองหยินซานตะวันออกมีสมาชิกสี่ร้อยคน จำนวนเท่านี้เราแทบไม่ต้องกังวลเลย” เซี่ยโหวซางกล่าว “หากเราค่อยๆ จัดการพวกมันทีละสาขาจะทำให้เปลืองเวลาไปมาก ข้าขอแนะนำให้แบ่งกองกำลังออกเป็นสิบหน่วยและเข้าโจมตีสองสาขาพร้อมกัน ท่านคิดว่าอย่างไรขอรับ?” “อืม” หลินมู่อวี่พยักหน้า “เช่นนั้นก็จัดหาผู้บัญชาการกองพันที่แข็งแกร่งและหลักแหลมให้เรียบร้อย แต่ทุกคนจงจำไว้ว่าให้เกลี้ยกล่อมก่อนเข้าโจมตี พยายามลดจำนวนการสูญเสียที่จะเกิดจากการปะทะให้ได้มากที่สุด” “รับทราบขอรับท่านผู้บัญชาการ!” หลินมุ่อวี่หันมองเว่ยโฉวก่อนจะเอ่ยขึ้น “การจัดตั้งกลุ่มคันศรเทวะเป็นอย่างไรบ้าง?” เว่ยโฉวยิ้มตอบ “ข้าขอรายงานขอรับ! ข้าได้เลือกทหารรับจ้างหนึ่งร้อยคนจากกลุ่มมังกรผงาดที่มีทักษะธนูชั้นยอด ณ ตอนนี้พวกเขาสามารถยิงระยะร้อยเมตรได้อย่างแม่นยำแล้วขอรับ!” “เยี่ยมมาก” หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “ทุกคนคงเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้ไปพักผ่อนเสียเถิด เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า แล้วก็สั่งให้หน่วยสอดแนมเพิ่มระยะการสังเกตและคอยจับตาดูกองกำลังห้าหุบเขาอย่างใกล้ชิด!” “ขอรับ!” หลังจากทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อน หลินมู่อวี่นั่งลงบนเตียงพร้อมกับใช้ตำราหลอมกระดูกมังกรเพื่อฟื้นฟูพละกำลังและปราณยุทธ์ก่อนเข้านอน เขาหยิบแร่เพชรสีขาวจากถุงสรรพสิ่งออกมาดู มันมีลักษณะยาวหนึ่งกว้างสิบเซนติเมตร ถูกเจียระไนมาอย่างดีและมีแสงประกายระยิบระยับ เขาหันไปตะโกนสั่งการยามเฝ้าประตู “หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด” “ขอรับ!” ทหารยามตอบรับทันที หลินมู่อวี่ทำการเรียกติ่งหลอมออกมา ถึงเวลาพิสูจน์แล้ว…ว่าตำนานเพชรสีขาวสามารถตัดเกราะปราณได้นั้นเป็นจริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริงแสดงว่าสิ่งได้มาจากภูเขาขวานไฟเป็นของดีอย่างมาก แต่หากเป็นแค่เรื่องเล่าคงน่าผิดหวังไม่น้อย “พรึบ…พรึบ… เพลิงสวรรค์ผลาญพิภพโอบล้อมแร่เพชรและเริ่มหลอมมัน ฌานสัมผัสของหลินมู่อวี่ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในแร่เพชรแต่ละชั้นและวิเคราะห์ส่วนประกอบ เพลิงสวรรค์เผาผลาญและหล่อหลอมมันอย่างรวดเร็ว ไม่นานรูปร่างที่แท้จริงของเพชรสีขาวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นเป็นแก่นแร่สีขาว หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว เพิ่มความแรงของเพลิงสวรรค์ผลาญพิภพ ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถหลอมแก่นของมันได้แม้จะพยายามมากเพียงไหน ช่างเป็นแร่ที่แข็งอย่างเหลือเชื่อ หลินมู่อวี่ทำได้เพียงปรับเปลี่ยนรูปร่างของมันเท่านั้น กระทั่งเขาคิดบางอย่างออก บาง…แก่นแร่นี้อาจสามารถนำไปผสานกับกระบี่และเพิ่มความคมได้! หลินมู่อวี่นำกระบี่วิญญาณมังกรใส่ไปในติ่งหลอม งูมังกรส่งเสียงคำรามลั่น! หลินมู่อวี่กางนิ้วเพื่อควบคุมแก่นเพชรสีขาวไปยังใบมีดอย่างรวดเร็ว มันสามารถเพิ่มความคมของกระบี่ได้จริงๆ! แร่เพชรสีขาวทั้งก้อนสามารถหลอมจนได้ขนาดเท่ากำปั้น ซึ่งครึ่งหนึ่งของมันถูกนำไปหลอมรวมกับกระบี่วิญญาณมังกรแล้ว ยังเหลืออีกครึ่งที่หลินมู่อวี่ตั้งใจเอาไปทำอย่างอื่น “วิ้ง!” หลินมู่อวี่ถือกระบี่วิญญาณมังกรหลอมใหม่ไว้ในมือ มันมีลักษณะเหมือนชั้นแสงแวววาวคอยเคลือบใบมีดอยู่ เขาปีติเป็นอย่างมากเช่นเดียวกันกับจิตของดาบที่เขาสัมผัสได้ ความแข็งแกร่งของกระบี่วิญญาณมังกรที่หลอมใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก! หลินมู่อวี่เก็บกระบี่วิญญาณมังกรเข้าฝังแล้วมองดูมันอย่างมีความสุข เขาหันไปหยิบลูกธนูเหล็กกล้ามา มันคมมากก็จริง ทว่ายังไม่มากพอจะเจาะทะลวงเครื่องป้องกันได้นอกจากทหารที่สวมเกราะบาง ต่อเมื่อได้เจอกับทหารม้สอย่างค่ายเขาเหินมันก็แทบไม่มีประโยชน์อันใด ต้องลองเปลี่ยนมัน… “ซ่า…” หลินมู่อวี่โยนธนูดอกแรกเข้าไปในติ่งหลอม เพลิงร้อนโหมกระหน่ำจนด้ามไม้กลายเป็นธุลีในพริบตา หัวลูกศรเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและละลายอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่รีบใช้ปราณยุทธ์เข้าควบคุมแก่นเพชรสีขาวให้ไปผสานรวมกับหัวลูกศร ฌานสัมผัสค่อยๆ แทรกซึมไปตามขอบคมของมัน ไม่นานหัวลูกศรสีเงินก็ปรากฏขึ้น “ของเด็กเล่นนี่เจาะทะลวงเกราะปราณได้จริงหรือ?” หลินมู่อวี่จับหัวลูกศรที่ยังร้อนมาดูด้วยความสงสัย ไม่จำเป็นต้องคิดให้เหนื่อย หลินมู่อวี่ใช้มือซ้ายรวบรวมปราณยุทธ์และสร้างเป็นเกราะปราณขึ้น ก่อนจะใช้มือขวาจับลูกศรแล้วแทงมือซ้ายของตน! ทันใดนั้นปลายเหล็กคมก็สามารถเจาะทะลวงเกราะปราณและสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดให้เขาได้! ชัดเจนแล้วว่ามันได้ผลอย่างที่ร่ำลือ “พระเจ้า…” หลินมู่อวี่ตกตะลึงอย่างมาก ตั้งแต่บรรลุสู่ของเขตนภาขั้นสอง เขาไม่เคยคิดเลยว่าอาวุธธรรมดาจะสามารถสร้างบาดแผลให้ตนได้ ความคิดเช่นนั้นช่างน่าขันสิ้นดี ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนสัมพันธ์กัน แร่เพชรสีขาวนี้คือเกราะปราณที่สร้างโดยธรรมชาติ เช่นเดียวกับน้ำที่ดับไฟได้ ลูกศรที่หลอมจากเพชรสีขาวนี้ก็สามารถทำลายเกราะปราณได้เช่นกัน! หลินมู่อวี่รวมปราณยุทธ์ห้ามเลือด เขาวางหัวลูกศรที่หลอมแล้วไว้ด้านข้าง ก่อนจะเริ่มหลอมลูกศรด้วยเพชรสีขาวทีละอัน มีลูกศรกว่าร้อยดอกซึ่งใช้เพชรสีขาวเพียงห้าสิบก้อนก็เพียงพอแล้ว กระทั่งเหลือสองก้อนสุดท้าย หลินมู่อวี่จึงตัดสินใจหลอมมันเข้ากันทวนหลีฮวาและมีดเสียงปีศาจ หากต้องได้เจอกับยอดฝีมือขอบเขตนภาขั้นสองมันจะสามารถช่วยเขาได้อย่างมาก อันที่จริงสาเหตุที่หลินมู่อวี่ต้องรีบหลอมอาวุธเช่นนี้เพราะเขาต้องได้เจอกับยอดฝีมือระดับปรมาจารย์สงคราม! หลังจากที่เจิ้งอี้ฝานสังหารซ่งหยวนในตำนักเจ๋อเทียน ใครบ้างจะไม่กลัวพลังของปรมาจารย์สงครามเช่นเขา? แม้แต่ฉินเหลย เฟิงจี้สิงและยอดฝีมือคนอื่นๆ ยังเอาชนะเขาได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครรู้ว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเจิ้งอี้ฝานอยู่อีกเท่าไร นอกจากชวีฉูและเล่นหงที่อยู่ระดับเดียวกันแล้วไม่มีใครรู้เลย… หลินมู่อวี่ได้สั่งการให้เว่ยโฉวก่อตั้งกลุ่มคันศรเทวะขึ้นเพื่อเป็นกำลังหลักในการเอาชนะปรมาจารย์สงครามโดยเฉพาะ! ใช่แล้ว เมื่อต้องปะทะกับพลธนูที่มีลูกศรหลอมด้วยเพชรสีขาว ต่อให้อยู่ระดับไหนก็ตกที่นั่งลำบาก! เมื่อทำการหลอมลูกศรทั้งหมดเสร็จหลินมู่อวี่ก็หลับไปทันที หลายวันมาแล้วที่จ้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางวงล้อมกองทัพหมื่นคน กระทั่งถึงตอนนี้เขาคงได้จะหลับอย่างสบายใจเสียที จากค่ำคืนเปลี่ยนเป็นรุ่งเช้าอย่างรวดเร็ว เสียงกีบม้ากระทบพื้นด้านนอกปลุกหลินมู่อวี่ให้ตื่นจากภวังค์ เว่ยโฉวมาพร้อมกับคันศรกลืนปีศาจเอ่ยถามขึ้น “หลับสบายดีหรือไม่ขอรับ?” “สบายมาก” หลินมู่อวี่ยิ้ม “เว่ยโฉว เอาลูกศรพวกนี้ไปลานฝึกแล้วลองยิงเสีย” เว่ยโฉวแบกลูกศรทั้งหมดไว้โดยไม่ได้ถามสิ่งใดมาก กระทั้งเมื่อได้เห็นประกายแวววับบนหัวลูกศรเขาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ท่านลูกศรพวกนี้…ข้าสัมผัสได้ถึงความคมของมันอย่างน่าประหลาด…” “ไปลองดูเถิด” เมื่อมาถึงลานฝึก ก็พบว่าทหารกลุ่มคันศรเทวะมารออยู่ก่อนแล้ว รอบบริเวณมีเป้ายิงเต็มที่ไปด้วยลูกศรปักอยู่อย่างอัดแน่น ม้าที่วิ่งควบไปทั่ว และกลุ่มของทหารทะลวงนภายืนพูดคุยกันอยู่ ฉีหยิงที่จับหอกอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่สำคัญว่าทักษะการยิงธนูจะดีแค่ไหน ถึงอย่างไรก็มิอาจทะลวงเกราะของทหารม้าได้…” เว่ยโฉวกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ “ไม่เป็นความจริงเลย ตราบใดที่ยิงอย่างแม่นยำ เพียงศรเดียวก็ฆ่าคนได้” ฉีหยิงหัวเราะ “เช่นนั้นคงไม่มีใครมีทักษะธนูเก่งกาจทัดเทียมท่านเว่ยโฉวได้แล้วใช่หรือไม่? ท่านแม่ทัพหลินคิดเห็นเช่นไรขอรับ?” “เจ้าคงอยากรู้สิท่า” หลินมู่อวี่เผยรอยยิ้มชวนขนหัวลุก “ฉีหยิง วางโล่ทะลวงนภาของเจ้าไว้เป็นเป้ายิง เว่ยโฉว…เจ้าลองยิงดูว่ามันทะลวงได้หรือไม่” “มาดูกัน!” ฉีหยิงเดินไปวางโล่สีดำไว้ก่อนจะยิ้มขึ้น “โล่หินทมิฬของทหารทะลวงนภามีน้ำหนักร้อยปอนด์และหนากว่าสามเซนติเมตร ท่านไม่มีทางยิงทะลุมันได้อย่างแน่นอน!” เว่ยโฉวไม่กล่าวสิ่งใดตอบนอกจากตั้งท่าง้างศรเพชรสีขาวด้วยคันศรกลืนปีศาจ “ฟิ้ว!” ลูกศรถูกยิงออกกระทั่งมันสามาถทะลวงโล่เหล็กได้! “ฉึก!” ฉีหยางอ้าปากค้างยืนนิ่ง “เป็น…เป็นไปได้อย่างไรกัน? อาจเป็นเพราะกำลังแขนอันทรงพลังของท่านเว่ยโฉว หากเป็นคนอื่นคงทำไม่ได้แน่นอน!” เว่ยโฉวยิ้มย่องเพราะรู้ความลับของลูกศรแล้ว “ลองเปลี่ยนคนดูไหมเล่า…ซุนหูออกมายิงให้เขาดูหน่อย!” เมื่อพูดจบเว่บโฉวก็ยื่นลูกศรเพชรสีขาวให้เขา ทหารรับจ้างมังกรผงาดรับลูกศรไปและยิง “ฉึก!” ลูกศรทะลวงโล่เหล็กได้อีกครา! ฉีหยิงตกตะลึงเป็นอย่างมาก “นี่…นี่ต้องเป็นกลยุทธ์บางอย่างแน่นอน! อุปกรณ์ของทหารทะลวงนภาไม่ได้ทำขึ้นมาลวกๆ เป็นไปได้อย่างไรกัน?” เว่ยโฉวแตะบ่าฉีหยิงและกล่าว “ไปเตรียมตัวทำภารกิจตอนเช้ากันดีกว่า!” ……………………

เมื่อออกจากภูเขาขวานไฟมาแล้ว หลินมู่อวี่ให้กองทัพทหารทั้งหลายปักหลักอยู่นอกเมืองหยินซาน ก่อนจะสั่งให้เฟิงสี่นำทหารรับจ้างมังกรผงาดห้าร้อยคนเข้าไปในเมือง เพื่อไปสืบหาข้อมูลศัตรูและพักผ่อนไปในตัว แม้จะไม่ใช่เมืองใหญ่มากก็คงพอมีอาหารเพียงให้กินอยู่

กระทั่งพลบค่ำ แสงรำไรก่อนลับขอบฟ้าของดวงอาทิตย์พาดผ่านค่ายทหาร สมาพันธ์โอสถได้ทำสตูเนื้อพร้อมกับเล่าปิ่งให้บรรดาทหารได้กินอย่างเอร็ดอร่อย

ในกระโจมหลังใหญ่ หลัวอวี่ ฉuหยิง เว่ยโฉว และคนอื่นๆ ยืนล้อมโต๊ะวางกลยุทธ์กันอยู่ เป็นบนโต๊ะจะเป็นแผนที่อย่างง่าย แต่ก็พอให้เห็นพื้นที่มณลชางหนานทั้งหมดได้ เว่ยโฉววางธงสีฟ้าไว้บนโต๊ะก่อนจะเอ่ยขึ้น “ในศูนย์บัญชาการใหญ่มณฑลชางหนานมีสมาชิกสำนักอัศวินห้าร้อยคนซ฿่งถูกเรากำจัดไปแล้ว ทั้งนี้ยังเหลืออีกสี่สิบเจ็ดสาขา หากว่าตามระยะทาง สาขเมืองอวิ้นจงนั้นอยู่ใกล้ที่สุดและมีสมาชิกอยู่ห้าร้อยห้าสิบคน ถัดไปเป็นสาขาเมืองหยินซานตะวันออกมีสมาชิกสี่ร้อยคน จำนวนเท่านี้เราแทบไม่ต้องกังวลเลย”

เซี่ยโหวซางกล่าว “หากเราค่อยๆ จัดการพวกมันทีละสาขาจะทำให้เปลืองเวลาไปมาก ข้าขอแนะนำให้แบ่งกองกำลังออกเป็นสิบหน่วยและเข้าโจมตีสองสาขาพร้อมกัน ท่านคิดว่าอย่างไรขอรับ?”

“อืม”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “เช่นนั้นก็จัดหาผู้บัญชาการกองพันที่แข็งแกร่งและหลักแหลมให้เรียบร้อย แต่ทุกคนจงจำไว้ว่าให้เกลี้ยกล่อมก่อนเข้าโจมตี พยายามลดจำนวนการสูญเสียที่จะเกิดจากการปะทะให้ได้มากที่สุด”

“รับทราบขอรับท่านผู้บัญชาการ!”

หลินมุ่อวี่หันมองเว่ยโฉวก่อนจะเอ่ยขึ้น “การจัดตั้งกลุ่มคันศรเทวะเป็นอย่างไรบ้าง?”

เว่ยโฉวยิ้มตอบ “ข้าขอรายงานขอรับ! ข้าได้เลือกทหารรับจ้างหนึ่งร้อยคนจากกลุ่มมังกรผงาดที่มีทักษะธนูชั้นยอด ณ ตอนนี้พวกเขาสามารถยิงระยะร้อยเมตรได้อย่างแม่นยำแล้วขอรับ!”

“เยี่ยมมาก”

หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “ทุกคนคงเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้ไปพักผ่อนเสียเถิด เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า แล้วก็สั่งให้หน่วยสอดแนมเพิ่มระยะการสังเกตและคอยจับตาดูกองกำลังห้าหุบเขาอย่างใกล้ชิด!”

“ขอรับ!”

หลังจากทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อน หลินมู่อวี่นั่งลงบนเตียงพร้อมกับใช้ตำราหลอมกระดูกมังกรเพื่อฟื้นฟูพละกำลังและปราณยุทธ์ก่อนเข้านอน เขาหยิบแร่เพชรสีขาวจากถุงสรรพสิ่งออกมาดู มันมีลักษณะยาวหนึ่งกว้างสิบเซนติเมตร ถูกเจียระไนมาอย่างดีและมีแสงประกายระยิบระยับ

เขาหันไปตะโกนสั่งการยามเฝ้าประตู “หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด”

“ขอรับ!” ทหารยามตอบรับทันที

หลินมู่อวี่ทำการเรียกติ่งหลอมออกมา ถึงเวลาพิสูจน์แล้ว…ว่าตำนานเพชรสีขาวสามารถตัดเกราะปราณได้นั้นเป็นจริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริงแสดงว่าสิ่งได้มาจากภูเขาขวานไฟเป็นของดีอย่างมาก แต่หากเป็นแค่เรื่องเล่าคงน่าผิดหวังไม่น้อย

“พรึบ…พรึบ…

เพลิงสวรรค์ผลาญพิภพโอบล้อมแร่เพชรและเริ่มหลอมมัน ฌานสัมผัสของหลินมู่อวี่ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในแร่เพชรแต่ละชั้นและวิเคราะห์ส่วนประกอบ เพลิงสวรรค์เผาผลาญและหล่อหลอมมันอย่างรวดเร็ว ไม่นานรูปร่างที่แท้จริงของเพชรสีขาวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นเป็นแก่นแร่สีขาว

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว เพิ่มความแรงของเพลิงสวรรค์ผลาญพิภพ ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถหลอมแก่นของมันได้แม้จะพยายามมากเพียงไหน ช่างเป็นแร่ที่แข็งอย่างเหลือเชื่อ หลินมู่อวี่ทำได้เพียงปรับเปลี่ยนรูปร่างของมันเท่านั้น กระทั่งเขาคิดบางอย่างออก บาง…แก่นแร่นี้อาจสามารถนำไปผสานกับกระบี่และเพิ่มความคมได้!

หลินมู่อวี่นำกระบี่วิญญาณมังกรใส่ไปในติ่งหลอม งูมังกรส่งเสียงคำรามลั่น! หลินมู่อวี่กางนิ้วเพื่อควบคุมแก่นเพชรสีขาวไปยังใบมีดอย่างรวดเร็ว มันสามารถเพิ่มความคมของกระบี่ได้จริงๆ!

แร่เพชรสีขาวทั้งก้อนสามารถหลอมจนได้ขนาดเท่ากำปั้น ซึ่งครึ่งหนึ่งของมันถูกนำไปหลอมรวมกับกระบี่วิญญาณมังกรแล้ว ยังเหลืออีกครึ่งที่หลินมู่อวี่ตั้งใจเอาไปทำอย่างอื่น

“วิ้ง!”

หลินมู่อวี่ถือกระบี่วิญญาณมังกรหลอมใหม่ไว้ในมือ มันมีลักษณะเหมือนชั้นแสงแวววาวคอยเคลือบใบมีดอยู่ เขาปีติเป็นอย่างมากเช่นเดียวกันกับจิตของดาบที่เขาสัมผัสได้ ความแข็งแกร่งของกระบี่วิญญาณมังกรที่หลอมใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก!

หลินมู่อวี่เก็บกระบี่วิญญาณมังกรเข้าฝังแล้วมองดูมันอย่างมีความสุข เขาหันไปหยิบลูกธนูเหล็กกล้ามา มันคมมากก็จริง ทว่ายังไม่มากพอจะเจาะทะลวงเครื่องป้องกันได้นอกจากทหารที่สวมเกราะบาง ต่อเมื่อได้เจอกับทหารม้สอย่างค่ายเขาเหินมันก็แทบไม่มีประโยชน์อันใด

ต้องลองเปลี่ยนมัน…

“ซ่า…”

หลินมู่อวี่โยนธนูดอกแรกเข้าไปในติ่งหลอม เพลิงร้อนโหมกระหน่ำจนด้ามไม้กลายเป็นธุลีในพริบตา หัวลูกศรเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและละลายอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่รีบใช้ปราณยุทธ์เข้าควบคุมแก่นเพชรสีขาวให้ไปผสานรวมกับหัวลูกศร ฌานสัมผัสค่อยๆ แทรกซึมไปตามขอบคมของมัน ไม่นานหัวลูกศรสีเงินก็ปรากฏขึ้น

“ของเด็กเล่นนี่เจาะทะลวงเกราะปราณได้จริงหรือ?”

หลินมู่อวี่จับหัวลูกศรที่ยังร้อนมาดูด้วยความสงสัย ไม่จำเป็นต้องคิดให้เหนื่อย หลินมู่อวี่ใช้มือซ้ายรวบรวมปราณยุทธ์และสร้างเป็นเกราะปราณขึ้น ก่อนจะใช้มือขวาจับลูกศรแล้วแทงมือซ้ายของตน! ทันใดนั้นปลายเหล็กคมก็สามารถเจาะทะลวงเกราะปราณและสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดให้เขาได้! ชัดเจนแล้วว่ามันได้ผลอย่างที่ร่ำลือ

“พระเจ้า…”

หลินมู่อวี่ตกตะลึงอย่างมาก ตั้งแต่บรรลุสู่ของเขตนภาขั้นสอง เขาไม่เคยคิดเลยว่าอาวุธธรรมดาจะสามารถสร้างบาดแผลให้ตนได้ ความคิดเช่นนั้นช่างน่าขันสิ้นดี ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนสัมพันธ์กัน แร่เพชรสีขาวนี้คือเกราะปราณที่สร้างโดยธรรมชาติ เช่นเดียวกับน้ำที่ดับไฟได้ ลูกศรที่หลอมจากเพชรสีขาวนี้ก็สามารถทำลายเกราะปราณได้เช่นกัน!

หลินมู่อวี่รวมปราณยุทธ์ห้ามเลือด เขาวางหัวลูกศรที่หลอมแล้วไว้ด้านข้าง ก่อนจะเริ่มหลอมลูกศรด้วยเพชรสีขาวทีละอัน มีลูกศรกว่าร้อยดอกซึ่งใช้เพชรสีขาวเพียงห้าสิบก้อนก็เพียงพอแล้ว กระทั่งเหลือสองก้อนสุดท้าย หลินมู่อวี่จึงตัดสินใจหลอมมันเข้ากันทวนหลีฮวาและมีดเสียงปีศาจ หากต้องได้เจอกับยอดฝีมือขอบเขตนภาขั้นสองมันจะสามารถช่วยเขาได้อย่างมาก

อันที่จริงสาเหตุที่หลินมู่อวี่ต้องรีบหลอมอาวุธเช่นนี้เพราะเขาต้องได้เจอกับยอดฝีมือระดับปรมาจารย์สงคราม!

หลังจากที่เจิ้งอี้ฝานสังหารซ่งหยวนในตำนักเจ๋อเทียน ใครบ้างจะไม่กลัวพลังของปรมาจารย์สงครามเช่นเขา? แม้แต่ฉินเหลย เฟิงจี้สิงและยอดฝีมือคนอื่นๆ ยังเอาชนะเขาได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครรู้ว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเจิ้งอี้ฝานอยู่อีกเท่าไร นอกจากชวีฉูและเล่นหงที่อยู่ระดับเดียวกันแล้วไม่มีใครรู้เลย…

หลินมู่อวี่ได้สั่งการให้เว่ยโฉวก่อตั้งกลุ่มคันศรเทวะขึ้นเพื่อเป็นกำลังหลักในการเอาชนะปรมาจารย์สงครามโดยเฉพาะ! ใช่แล้ว เมื่อต้องปะทะกับพลธนูที่มีลูกศรหลอมด้วยเพชรสีขาว ต่อให้อยู่ระดับไหนก็ตกที่นั่งลำบาก!

เมื่อทำการหลอมลูกศรทั้งหมดเสร็จหลินมู่อวี่ก็หลับไปทันที หลายวันมาแล้วที่จ้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางวงล้อมกองทัพหมื่นคน กระทั่งถึงตอนนี้เขาคงได้จะหลับอย่างสบายใจเสียที

จากค่ำคืนเปลี่ยนเป็นรุ่งเช้าอย่างรวดเร็ว เสียงกีบม้ากระทบพื้นด้านนอกปลุกหลินมู่อวี่ให้ตื่นจากภวังค์ เว่ยโฉวมาพร้อมกับคันศรกลืนปีศาจเอ่ยถามขึ้น “หลับสบายดีหรือไม่ขอรับ?”

“สบายมาก”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “เว่ยโฉว เอาลูกศรพวกนี้ไปลานฝึกแล้วลองยิงเสีย”

เว่ยโฉวแบกลูกศรทั้งหมดไว้โดยไม่ได้ถามสิ่งใดมาก กระทั้งเมื่อได้เห็นประกายแวววับบนหัวลูกศรเขาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ท่านลูกศรพวกนี้…ข้าสัมผัสได้ถึงความคมของมันอย่างน่าประหลาด…”

“ไปลองดูเถิด”

เมื่อมาถึงลานฝึก ก็พบว่าทหารกลุ่มคันศรเทวะมารออยู่ก่อนแล้ว รอบบริเวณมีเป้ายิงเต็มที่ไปด้วยลูกศรปักอยู่อย่างอัดแน่น ม้าที่วิ่งควบไปทั่ว และกลุ่มของทหารทะลวงนภายืนพูดคุยกันอยู่ ฉีหยิงที่จับหอกอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่สำคัญว่าทักษะการยิงธนูจะดีแค่ไหน ถึงอย่างไรก็มิอาจทะลวงเกราะของทหารม้าได้…”

เว่ยโฉวกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ “ไม่เป็นความจริงเลย ตราบใดที่ยิงอย่างแม่นยำ เพียงศรเดียวก็ฆ่าคนได้”

ฉีหยิงหัวเราะ “เช่นนั้นคงไม่มีใครมีทักษะธนูเก่งกาจทัดเทียมท่านเว่ยโฉวได้แล้วใช่หรือไม่? ท่านแม่ทัพหลินคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”

“เจ้าคงอยากรู้สิท่า”

หลินมู่อวี่เผยรอยยิ้มชวนขนหัวลุก “ฉีหยิง วางโล่ทะลวงนภาของเจ้าไว้เป็นเป้ายิง เว่ยโฉว…เจ้าลองยิงดูว่ามันทะลวงได้หรือไม่”

“มาดูกัน!” ฉีหยิงเดินไปวางโล่สีดำไว้ก่อนจะยิ้มขึ้น “โล่หินทมิฬของทหารทะลวงนภามีน้ำหนักร้อยปอนด์และหนากว่าสามเซนติเมตร ท่านไม่มีทางยิงทะลุมันได้อย่างแน่นอน!”

เว่ยโฉวไม่กล่าวสิ่งใดตอบนอกจากตั้งท่าง้างศรเพชรสีขาวด้วยคันศรกลืนปีศาจ “ฟิ้ว!” ลูกศรถูกยิงออกกระทั่งมันสามาถทะลวงโล่เหล็กได้! “ฉึก!”

ฉีหยางอ้าปากค้างยืนนิ่ง “เป็น…เป็นไปได้อย่างไรกัน? อาจเป็นเพราะกำลังแขนอันทรงพลังของท่านเว่ยโฉว หากเป็นคนอื่นคงทำไม่ได้แน่นอน!”

เว่ยโฉวยิ้มย่องเพราะรู้ความลับของลูกศรแล้ว “ลองเปลี่ยนคนดูไหมเล่า…ซุนหูออกมายิงให้เขาดูหน่อย!”

เมื่อพูดจบเว่บโฉวก็ยื่นลูกศรเพชรสีขาวให้เขา

ทหารรับจ้างมังกรผงาดรับลูกศรไปและยิง “ฉึก!” ลูกศรทะลวงโล่เหล็กได้อีกครา!

ฉีหยิงตกตะลึงเป็นอย่างมาก “นี่…นี่ต้องเป็นกลยุทธ์บางอย่างแน่นอน! อุปกรณ์ของทหารทะลวงนภาไม่ได้ทำขึ้นมาลวกๆ เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

เว่ยโฉวแตะบ่าฉีหยิงและกล่าว “ไปเตรียมตัวทำภารกิจตอนเช้ากันดีกว่า!”

……………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+