The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 260 มอบอำนาจ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 260 มอบอำนาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทั้งสองขี่ม้าตามถนนอวิ้นจงสายเก่าข้ามวันข้ามคืน กระทั่งมองเห็นเมืองหน้าด่านชางหนานจากระยะไกลช่วงบ่ายของวันถัดไป

“ท่านแม่ทัพ”

นายพลประสานมือและกล่าวว่า “เมืองหน้าด่าน เป็นศูนย์กลางการคมนาคมระหว่างมณฑลอวิ้นจงและถนนสายเก่า ซึ่งมีการป้องกันที่แน่นหนาและโจมตีได้ยาก พวกเราแข็งแกร่งและมีกำลังพลมากมาย ข้าเกรงว่าข่าวที่หลงเซียนหลินได้รับมาจะเป็นข่าวเก่า”

“อืม เข้ามากับข้าสักครู่”

“ขอรับ!”

นายพลอีกนายพูดด้วยน้ำเสียงกังวล “หากหลงเซียนหลินกลายเป็นกบฏ ท่านแม่ทัพมิควรเข้าไปในกำแพง มันอันตรายเกินไป จะปล่อยให้ท่านแม่ทัพบาดเจ็บได้อย่างไร?”

“วางใจเถิด” หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาและพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าตั้งค่ายพักด้านนอกซะ ข้าจะเข้าไปคนเดียว”

“ไม่ขอรับ…ข้าจะไปกับท่านแม่ทัพ และสู้จนตัวตายไปด้วยกัน ข้ามิใช่คนเห็นแก่ตัวหรือเกรงกลัวต่อความตาย!”

หลินมู่อวี่พยักหน้าอย่างชื่นชม “เอาล่ะ ท่านนายพลทั้งสามจะเข้าไปกับข้าเพื่อแสดงความจริงใจ!”

“ขอรับ!”

เมืองหน้าด่านชางหนานตั้งอยู่ระหว่างสามยอดเขาที่มีความสูงราวสิบเมตรและมีกำแพงรายรอบทั้งหมด ตัวกำแพงทำจากก้อนหินขนาดใหญ่พร้อมปกคลุมด้วยเถาวัลย์แห้ง และมีธงปลิวไสวอยู่ทางเหนือซึ่งเป็นธงของหลงเซียนหลิน และมีรูป ‘มังกร’ ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง

หลินมู่อวี่เดินเข้าไปในเมืองอย่างเชื่องช้าพร้อมกับนายพลยศสูงทั้งสาม หนึ่งในนั้นตะโกนออกไปเสียงดัง “แม่ทัพองครักษ์ทางใต้หลินมู่อวี่ต้องการพบท่านแม่ทัพหลงเซียนหลิน โปรดเปิดประตูให้เรา”

‘แอ๊ด…’

สะพานแขวนเคลื่อนต่ำลงขณะที่ทหารรักษาการณ์ประสานมือ “แม่ทัพหลิน โปรดใช้สะพานขอรับ!”

“ขอบคุณ!”

เมื่อผ่านธรณีประตูเข้าไปก็พบว่าด้านในของเมืองหน้าด่านนั้นกว้างมากและค่อนข้างมีระเบียบ มีทหารประจำการอยู่ในค่ายทหารม้ากองบินกว่าหนึ่งหมื่นนาย เสียงทหารตะโกนดังก้องจากสนามฝึก

ทันใดนั้นก็มีกองทหารม้าวิ่งเข้ามาจากด้านในค่าย หลงเซียนหลินในชุดเกราะสีทองนำทัพมาด้านหน้าพร้อมหอกในมือ เขาหัวเราะและประสานมือกล่าว “ท่านหลินมู่อวี่มิได้เจอกันนาน ไม่คาดคิดว่าท่านจะมาที่เมืองหน้าด่านชางหนานเช่นนี้ ท่านมาดื่มกับข้าหรือ?”

“มิใช่เยี่ยงนั้น…”

หลินมู่อวี่มองเข้าไปในเมืองหน้าด่าน ทหารค่ายเขาเหินกำลังเตรียมอาหาร หญ้า และอาวุธ ราวกับกำลังจะเคลื่อนทัพ เขาจึงถามว่า “ท่านหลงเซียนหลิน กำลังจะเคลื่อนทัพออกไปที่ไหน?”

หลงเซียนหลินตอบกลับด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “ข้าได้ยินมาว่ามีกองโจรปล้นสะดมหมู่บ้านต่างๆ ในเมืองห้าหุบเขาเมื่อไม่นานนี้ ดังนั้นจึงได้รับคำสั่งจากผู้ว่าการมณฑลชางหนานให้นำกองทหารค่ายเขาเหินไปทะลายกองโจรเหล่านั้น”

“เป็นเช่นนี้เอง…”

หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “ทว่าข้าก็มีเหตุฉุกเฉินทางการทหารเช่นกัน…กลุ่มทหารรับจ้างพเนจรกำลังเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ในมณฑลชางหนาน ด้วยพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ ให้ข้านำเหรียญตรามังกรทองมารวบรวมกองกำลังจากท่านหลงเซียนหลินเพื่อปราบปรามพวกคนชั่ว!”

“ยืมกองกำลังของข้าหรือ?”

“ขอรับ สามารถให้ข้ายืมกองทหารหนึ่งหมื่นนายจากค่ายเขาเหินได้หรือไม่?” หลินมู่อวี่ควักเหรียญตรามังกรทองออกมา มันเปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์

“นี่…” หลงเซียนหลินขมวดคิ้วพร้อมนิ่งงันไป ก่อนจะพูดขึ้น “ทว่าข้าได้รับคำสั่งจากท่านผู้ว่าให้ถอนกำลังกลับเมืองห้าหุบเขาโดยเร็วที่สุด…”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “เหรียญตรามังกรทองเป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิพระราชทาน ท่านหลงเซียนหลิน ข้าขออนุญาตถาม…ทหารค่ายเขาเหินเป็นกองทหารของจักรวรรดิหรือเป็นของผู้ว่าการกันแน่?”

หลงเซียนหลินตะลึงงันก่อนจะรีบประสานมือคำนับ “เป็นกองทัพแห่งจักรวรรดิขอรับ ท่านหลินมู่อวี่กล่าวเช่นนี้ ข้าหลงเซียนหลินช่างละอายใจ…”

หลินมู่อวี่เลิกคิ้วและยิ้ม “กระนั้นเหตุใดจึงไม่ให้ข้ายืมกองทหารค่ายเขาเหินล่ะ?”

“ข…ข้า…” หลงเซียนหลินแสดงท่าทางหนักใจ

หลินมู่อวี่ขี่ม้าเข้าไปใกล้และเอ่ยเสียงแผ่วเบา “จวนผู้ว่าการกำลังล่มสลาย ความจริงเริ่มถูกเปิดเผยสู่คนภายนอก…ท่านหลงเซียนหลินต้องการทำให้กองทหารค่ายเขาเหินต้องกลายเป็นขยะไร้ค่าภายใต้กฎแห่งจักรวรรดิหรือ?”

หลงเซียนหลินกัดฟันแน่น เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้ามองหลินมู่อวี่ “เป็นราชโองการของฝ่าบาทจริงหรือ…”

“การแอบเก็บเหรียญไว้เองเป็นอาชญากรรม เจ้าไม่เข้าใจหรือ?”

“ข…ข้า…”

หลงเซียนหลินถอนหายใจขณะที่เลื่อนฝ่ามือไปบนด้ามดาบอย่างเชื่องช้า ทหารรักษาการณ์หลายนายมองมายังหลินมู่อวี่ด้วยสายตาดุดัน

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้ม น้ำเต้าทองปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเข้ามาในเมืองเพียงสี่คน และคนระดับท่านหลงเซียนหลินก็สามารถสังหารพวกเราได้ภายในพริบตาเดียว ทว่า…มู่หยุนกง องค์จักรพรรดิ ซูฉิน ซูอวี่ และคนทั้งมณฑลต่างก็รู้ว่าข้าเดินทางมาหน้าด่านเมืองชางหนานเพื่อขอยืมกองกำลัง ท่านสังหารข้าได้ แต่ต้องฝังข้ารวมกับทุกคนในเมืองหน้าด่านนี้ มันคุ้มค่าจริงๆ หรือ?”

สีหน้าหลงเซียนหลินแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด

หลินมู่อวี่ยิ้มจางๆ “ท่านเป็นที่เคารพในหมู่ทหาร และค่ายเขาเหินก็เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งมากในจักรวรรดิ พวกเขาควรจะออกรบเพื่อปกป้องแผ่นดินที่มีพระคุณนี้ ท่านต้องการเปลี่ยนกองทหารค่ายเขาเหินเป็นกบฏ และตายโดยที่ไม่มีแผ่นดินให้ฝังหรือ?”

ประโยคนี้ของหลินมู่อวี่แทงใจดำหลงเซียนหลิน ถูกต้องแล้วเขาเป็นทหารแห่งจักรวรรดิ และรักทหารใต้บัญชาของตนมาก

“เฮ้อ…”

หลงเซียนหลินถอนหายใจและเงยหน้าขึ้นฟ้า “หากสวรรค์กำหนดชะตากรรมข้าไว้แล้ว ก็คงไม่มีทางเลือก…ในเมื่อท่านหลินมู่อวี่มีเหรียญตรามังกรทองที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้ ข้าจักมอบความไว้วางใจให้ท่านใช้ทหารทั้งหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายของค่ายเขาเหิน…ข้าหวังว่าท่านจะมีเมตตาแก่พวกเขา ไม่ว่าข้าหลงเซียนหลินและผู้ว่าการจะก่ออาชญากรรมมากเพียงใด ทหารเหล่านี้ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขาต่างเป็นผู้จงรักภักดีต่อจักรวรรดิ”

“ข้ารู้”

หลินมู่อวี่มองลึกเข้าไปในตาหลงเซียนหลิน “ข้าให้คำมั่นสัญญาด้วยชีวิต กองทหารค่ายเขาเหินทั้งหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายจะปลอดภัย”

“ขอบคุณท่านมาก…”

จากนั้นหลงเซียนหลินก็ตะโกนดัง “นายกองทั้งหมดแห่งค่ายเขาเหินจงมาที่นี่!” พวกเขาเป็นผู้บัญชาการกองพันและเป็นผู้รับผิดชอบอำนาจทางการทหารมากที่สุด ไม่นานนายกองทั้งสิบเจ็ดนายก็ขี่ม้าเข้ามาเรียงแถวด้านหน้าหลงเซียนหลินด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

หลงเซียนหลินหยิบตราพยัคฆ์ออกมาอย่างไม่เต็มใจก่อนจะยกขึ้นสูงและพูดเสียงดัง “โปรดจำไว้เสมอว่าค่ายเขาเหินเป็นกองทัพแห่งจักรวรรดิ เจ้าและข้าต่างก็เป็นทหารของจักรวรรดิ พวกเราไม่เคยทรยศต่อประชาชน ไม่เคยทรยศต่อแผ่นดิน! ตั้งแต่วันนี้ไป บุคคลที่พวกเจ้าต้องติดตามคือท่านหลินมู่อวี่ ไม่ใช่ข้าหลงเซียนหลิน จงจำไว้ว่า…อย่าแก้แค้นให้ข้า และอย่าเคืองแค้นผู้ใด ภารกิจของเจ้าคือการปกป้องดินแดนของจักรวรรดิ!”

หลงเซียนหลินหันกลับมาพร้อมยื่นตราพยัคฆ์ให้หลินมู่อวี่ ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะที่พูดว่า “จากนี้ไปค่ายเขาเหินจะขึ้นตรงกับท่านหลินมู่อวี่”

นายกองแต่ละนายตื่นตกใจพร้อมตะโกนดัง “ข้ายินดีจะติดตามท่านแม่ทัพไปตลอดชีวิต ได้โปรดอย่างทิ้งพวกเราเช่นนี้!”

หลงเซียนหลินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “หุบปากซะ! จำไว้ด้วยว่าพวกเจ้าเป็นทหารของจักรวรรดิ ไม่ใช่ของข้า! กองทหารรักษาการณ์แห่งเมืองหน้าด่านชางหนานตามข้ามา!”

เขาพลันควบม้าออกไป

หลินมู่อวี่รีบเอ่ยถาม “หลงเซียนหลินเจ้าจะไปไหน?”

หลงเซียนหลินหันกลับมาพร้อมใบหน้าสิ้นหวังก่อนจะกล่าวว่า “เมืองห้าหุบเขาจบสิ้นแล้ว…ผู้ว่าการหูเถี่ยหนิงรู้จักข้าตั้งแต่ยังเป็นผู้น้อย และเขามีพระคุณกับข้า ดังนั้นข้าจะกลับไปสู้จนตัวตายที่เมืองห้าหุบเขาเพื่อเป็นการตอบแทนคุณแก่ผู้ว่าการเป็นครั้งสุดท้าย!”

“เจ้าจะก่อกบฏกับหูเถี่ยหนิงหรือ?” หลินมู่อวี่ตะโกนเสียงดัง

“แล้วข้ามีทางเลือกอื่นไหม?” หลงเซียนหลินตอบกลับอย่างโกรธเกรี้ยว

หลินมู่อวี่ชูตราพยัคฆ์และกล่าวเสียงดัง “ทหารค่ายเขาเหินฟังคำสั่งข้า ไปพาหลงเซียนหลินมาซะ!”

หลงเซียนหลินพลันตวัดดาบและตะโกนลั่น “ใครจะบังอาจมาหยุดข้า!?”

“หลงเซียนหลิน!!”

หลินมู่อวี่ตะโกนเสียงดังขึ้น “บางทีหูเถี่ยหนิงอาจมิได้ต้องการต่อต้านกองทัพเมืองหยาดสายัณห์ หากเจ้าไปจะเป็นการให้ความหวังแก่เขา เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังรับใช้พยัคฆ์? แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่ามีทหารกี่นายที่ถูกทวงถามถึงบุญคุณและต้องล้มตายเพื่อเมืองห้าหุบเขา? เหล่าภรรยากี่คนแล้วที่ต้องสูญเสียสามี? และมีเด็กๆ กี่คนแล้วที่ต้องสูญเสียบิดา?”

“ข…ข้า…”

หลงเซียนหลินสั่นสะท้านพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม เขาค่อยๆ เก็บดาบเข้าฝักอย่างเชื่องช้า “เช่นนั้นข้าจะไปคนเดียว หากข้าตายก็จะตายเพียงคนเดียว และจะไม่มีใครหยุดข้าได้!”

จากนั้นหลงเซียนหลินก็ควบม้าออกจากเมืองหน้าด่านชางหนานอย่างรวดเร็ว

แผ่นหลังหลงเซียนหลินช่างดูโดดเดี่ยว หลินมู่อวี่พลันขมวดคิ้ว “ผู้บัญชาการทหารม้ารวมตัวเดี๋ยวนี้ รวบรวมกำลังพลและเคลื่อนทัพไปกับข้า!”

เหล่าผู้บัญชาการทหารม้าตกตะลึง เมื่อหลงเซียนหลินจากไป บุคคลที่จะกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดก็คือหลินมู่อวี่ พวกเขายืนนิ่งชั่วครู่ก่อนจะวางมือขวาบนหน้าอกและคำนับเยี่ยงทหาร “ขอรับท่านแม่ทัพ!”

ในยามบ่าย กองกำลังค่ายเขาเหินหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายและทหารม้าเหล็กสามพันนายมารวมตัวกันยังสถานที่เดียว ทำให้กลายเป็นกองทัพที่ทรงพลังด้วยจำนวนทหารสองหมื่นนาย

หลินมู่อวี่ไม่ได้นำกองทัพไปเมืองห้าหุบเขา ทว่ามุ่งไปเมืองหยินซานแทน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองห้าหุบเขา อีกทั้งยังเป็นการหลีกเลี่ยงไฟสงครามในเวลาเดียวกัน กระนั้นก็ไม่สามารถยกกองทหารค่ายเขาเหินให้ซูอวี่และซูฉินเด็ดขาด

เมื่อถึงเมืองหยินซานในตอนเย็นก็ตั้งค่ายพักอยู่นอกเมือง เหล่านายกองจากค่ายเขาเหินไม่ค่อยพอใจนัก หลินมู่อวี่จึงจัดการหารือชั่วคราวเพื่อปลอบประโลมจิตใจและให้คำสัญญาแก่พวกเขาเหล่านั้นว่า หลังจากทำการปฏิวัติเมืองห้าหุบเขาได้สำเร็จ หลินมู่อวี่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขอให้องค์จักรพรรดิอภัยโทษให้หลงเซียนหลิน

ในความเป็นจริงจากมุมมองทางศีลธรรม หลินมู่อวี่หวังว่าหลงเซียนหลินจะรักษาชีวิตไว้ได้ ในบรรดาเจ็ดแม่ทัพเทพแห่งจักรวรรดิ ตู้ไห่ จื่อเย่า และเซี่ยงอวี้เป็นคนโหดเหี้ยม ส่วนเฟิงจี้สิง ฉินเหลย และคนอื่นๆ มิได้ปกป้องดูแลชายแดน หลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าแม่ทัพอีกนายเป็นอย่างไร แต่ได้ยินมาว่ามีเพียงไม่กี่คนที่เห็นค่าชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจักรวรรดินี้ต้องการคนมีเมตตาเช่นหลงเซียนหลินเป็นจำนวนมาก

กลางดึกสงัด ‘พรึ่บ!’ นกส่งสารตัวหนึ่งร่อนลงที่ข้างกายหลินมู่อวี่

หลินมู่อวี่หยิบกระดาษขึ้นมาและอ่านข้อความด้านซึ่งมาจากหลัวอวี่ ‘ท่านหลินมู่อวี่ ไป๋หลี่ซิ่งผู้นำแห่งกลุ่มทหารรับจ้างมังกรอัคนีนำกองทัพเก้าพันนายมาพร้อมกับทหารเจ็ดพันนายจากกลุ่มทหารรับจ้างแดนปีศาจ ขณะนี้ทหารหนึ่งหมื่นหกพันนายกำลังล้อมภูเขาหลงหยาน อีกทั้งยังคุกคามกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด กองกำลังของเราทำได้เพียงต้านทานมันไว้เท่านั้น หวังว่าท่านแม่ทัพจะพากำลังเสริมมาโดยเร็ว!’

“กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดถูกปิดล้อม…”

หลินมู่อวี่ถอนหายใจ โชคดีที่เขามีทหารม้าสองหมื่นนายใต้บัญชาพอดี!

หลินมู่อวี่รีบเขียนจดหมายตอบกลับ ‘อดทนไว้ แล้วรอกำลังเสริม!’

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 260 มอบอำนาจ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 260 มอบอำนาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทั้งสองขี่ม้าตามถนนอวิ้นจงสายเก่าข้ามวันข้ามคืน กระทั่งมองเห็นเมืองหน้าด่านชางหนานจากระยะไกลช่วงบ่ายของวันถัดไป

“ท่านแม่ทัพ”

นายพลประสานมือและกล่าวว่า “เมืองหน้าด่าน เป็นศูนย์กลางการคมนาคมระหว่างมณฑลอวิ้นจงและถนนสายเก่า ซึ่งมีการป้องกันที่แน่นหนาและโจมตีได้ยาก พวกเราแข็งแกร่งและมีกำลังพลมากมาย ข้าเกรงว่าข่าวที่หลงเซียนหลินได้รับมาจะเป็นข่าวเก่า”

“อืม เข้ามากับข้าสักครู่”

“ขอรับ!”

นายพลอีกนายพูดด้วยน้ำเสียงกังวล “หากหลงเซียนหลินกลายเป็นกบฏ ท่านแม่ทัพมิควรเข้าไปในกำแพง มันอันตรายเกินไป จะปล่อยให้ท่านแม่ทัพบาดเจ็บได้อย่างไร?”

“วางใจเถิด” หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาและพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าตั้งค่ายพักด้านนอกซะ ข้าจะเข้าไปคนเดียว”

“ไม่ขอรับ…ข้าจะไปกับท่านแม่ทัพ และสู้จนตัวตายไปด้วยกัน ข้ามิใช่คนเห็นแก่ตัวหรือเกรงกลัวต่อความตาย!”

หลินมู่อวี่พยักหน้าอย่างชื่นชม “เอาล่ะ ท่านนายพลทั้งสามจะเข้าไปกับข้าเพื่อแสดงความจริงใจ!”

“ขอรับ!”

เมืองหน้าด่านชางหนานตั้งอยู่ระหว่างสามยอดเขาที่มีความสูงราวสิบเมตรและมีกำแพงรายรอบทั้งหมด ตัวกำแพงทำจากก้อนหินขนาดใหญ่พร้อมปกคลุมด้วยเถาวัลย์แห้ง และมีธงปลิวไสวอยู่ทางเหนือซึ่งเป็นธงของหลงเซียนหลิน และมีรูป ‘มังกร’ ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง

หลินมู่อวี่เดินเข้าไปในเมืองอย่างเชื่องช้าพร้อมกับนายพลยศสูงทั้งสาม หนึ่งในนั้นตะโกนออกไปเสียงดัง “แม่ทัพองครักษ์ทางใต้หลินมู่อวี่ต้องการพบท่านแม่ทัพหลงเซียนหลิน โปรดเปิดประตูให้เรา”

‘แอ๊ด…’

สะพานแขวนเคลื่อนต่ำลงขณะที่ทหารรักษาการณ์ประสานมือ “แม่ทัพหลิน โปรดใช้สะพานขอรับ!”

“ขอบคุณ!”

เมื่อผ่านธรณีประตูเข้าไปก็พบว่าด้านในของเมืองหน้าด่านนั้นกว้างมากและค่อนข้างมีระเบียบ มีทหารประจำการอยู่ในค่ายทหารม้ากองบินกว่าหนึ่งหมื่นนาย เสียงทหารตะโกนดังก้องจากสนามฝึก

ทันใดนั้นก็มีกองทหารม้าวิ่งเข้ามาจากด้านในค่าย หลงเซียนหลินในชุดเกราะสีทองนำทัพมาด้านหน้าพร้อมหอกในมือ เขาหัวเราะและประสานมือกล่าว “ท่านหลินมู่อวี่มิได้เจอกันนาน ไม่คาดคิดว่าท่านจะมาที่เมืองหน้าด่านชางหนานเช่นนี้ ท่านมาดื่มกับข้าหรือ?”

“มิใช่เยี่ยงนั้น…”

หลินมู่อวี่มองเข้าไปในเมืองหน้าด่าน ทหารค่ายเขาเหินกำลังเตรียมอาหาร หญ้า และอาวุธ ราวกับกำลังจะเคลื่อนทัพ เขาจึงถามว่า “ท่านหลงเซียนหลิน กำลังจะเคลื่อนทัพออกไปที่ไหน?”

หลงเซียนหลินตอบกลับด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “ข้าได้ยินมาว่ามีกองโจรปล้นสะดมหมู่บ้านต่างๆ ในเมืองห้าหุบเขาเมื่อไม่นานนี้ ดังนั้นจึงได้รับคำสั่งจากผู้ว่าการมณฑลชางหนานให้นำกองทหารค่ายเขาเหินไปทะลายกองโจรเหล่านั้น”

“เป็นเช่นนี้เอง…”

หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “ทว่าข้าก็มีเหตุฉุกเฉินทางการทหารเช่นกัน…กลุ่มทหารรับจ้างพเนจรกำลังเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ในมณฑลชางหนาน ด้วยพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ ให้ข้านำเหรียญตรามังกรทองมารวบรวมกองกำลังจากท่านหลงเซียนหลินเพื่อปราบปรามพวกคนชั่ว!”

“ยืมกองกำลังของข้าหรือ?”

“ขอรับ สามารถให้ข้ายืมกองทหารหนึ่งหมื่นนายจากค่ายเขาเหินได้หรือไม่?” หลินมู่อวี่ควักเหรียญตรามังกรทองออกมา มันเปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์

“นี่…” หลงเซียนหลินขมวดคิ้วพร้อมนิ่งงันไป ก่อนจะพูดขึ้น “ทว่าข้าได้รับคำสั่งจากท่านผู้ว่าให้ถอนกำลังกลับเมืองห้าหุบเขาโดยเร็วที่สุด…”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “เหรียญตรามังกรทองเป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิพระราชทาน ท่านหลงเซียนหลิน ข้าขออนุญาตถาม…ทหารค่ายเขาเหินเป็นกองทหารของจักรวรรดิหรือเป็นของผู้ว่าการกันแน่?”

หลงเซียนหลินตะลึงงันก่อนจะรีบประสานมือคำนับ “เป็นกองทัพแห่งจักรวรรดิขอรับ ท่านหลินมู่อวี่กล่าวเช่นนี้ ข้าหลงเซียนหลินช่างละอายใจ…”

หลินมู่อวี่เลิกคิ้วและยิ้ม “กระนั้นเหตุใดจึงไม่ให้ข้ายืมกองทหารค่ายเขาเหินล่ะ?”

“ข…ข้า…” หลงเซียนหลินแสดงท่าทางหนักใจ

หลินมู่อวี่ขี่ม้าเข้าไปใกล้และเอ่ยเสียงแผ่วเบา “จวนผู้ว่าการกำลังล่มสลาย ความจริงเริ่มถูกเปิดเผยสู่คนภายนอก…ท่านหลงเซียนหลินต้องการทำให้กองทหารค่ายเขาเหินต้องกลายเป็นขยะไร้ค่าภายใต้กฎแห่งจักรวรรดิหรือ?”

หลงเซียนหลินกัดฟันแน่น เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้ามองหลินมู่อวี่ “เป็นราชโองการของฝ่าบาทจริงหรือ…”

“การแอบเก็บเหรียญไว้เองเป็นอาชญากรรม เจ้าไม่เข้าใจหรือ?”

“ข…ข้า…”

หลงเซียนหลินถอนหายใจขณะที่เลื่อนฝ่ามือไปบนด้ามดาบอย่างเชื่องช้า ทหารรักษาการณ์หลายนายมองมายังหลินมู่อวี่ด้วยสายตาดุดัน

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้ม น้ำเต้าทองปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเข้ามาในเมืองเพียงสี่คน และคนระดับท่านหลงเซียนหลินก็สามารถสังหารพวกเราได้ภายในพริบตาเดียว ทว่า…มู่หยุนกง องค์จักรพรรดิ ซูฉิน ซูอวี่ และคนทั้งมณฑลต่างก็รู้ว่าข้าเดินทางมาหน้าด่านเมืองชางหนานเพื่อขอยืมกองกำลัง ท่านสังหารข้าได้ แต่ต้องฝังข้ารวมกับทุกคนในเมืองหน้าด่านนี้ มันคุ้มค่าจริงๆ หรือ?”

สีหน้าหลงเซียนหลินแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด

หลินมู่อวี่ยิ้มจางๆ “ท่านเป็นที่เคารพในหมู่ทหาร และค่ายเขาเหินก็เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งมากในจักรวรรดิ พวกเขาควรจะออกรบเพื่อปกป้องแผ่นดินที่มีพระคุณนี้ ท่านต้องการเปลี่ยนกองทหารค่ายเขาเหินเป็นกบฏ และตายโดยที่ไม่มีแผ่นดินให้ฝังหรือ?”

ประโยคนี้ของหลินมู่อวี่แทงใจดำหลงเซียนหลิน ถูกต้องแล้วเขาเป็นทหารแห่งจักรวรรดิ และรักทหารใต้บัญชาของตนมาก

“เฮ้อ…”

หลงเซียนหลินถอนหายใจและเงยหน้าขึ้นฟ้า “หากสวรรค์กำหนดชะตากรรมข้าไว้แล้ว ก็คงไม่มีทางเลือก…ในเมื่อท่านหลินมู่อวี่มีเหรียญตรามังกรทองที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้ ข้าจักมอบความไว้วางใจให้ท่านใช้ทหารทั้งหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายของค่ายเขาเหิน…ข้าหวังว่าท่านจะมีเมตตาแก่พวกเขา ไม่ว่าข้าหลงเซียนหลินและผู้ว่าการจะก่ออาชญากรรมมากเพียงใด ทหารเหล่านี้ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขาต่างเป็นผู้จงรักภักดีต่อจักรวรรดิ”

“ข้ารู้”

หลินมู่อวี่มองลึกเข้าไปในตาหลงเซียนหลิน “ข้าให้คำมั่นสัญญาด้วยชีวิต กองทหารค่ายเขาเหินทั้งหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายจะปลอดภัย”

“ขอบคุณท่านมาก…”

จากนั้นหลงเซียนหลินก็ตะโกนดัง “นายกองทั้งหมดแห่งค่ายเขาเหินจงมาที่นี่!” พวกเขาเป็นผู้บัญชาการกองพันและเป็นผู้รับผิดชอบอำนาจทางการทหารมากที่สุด ไม่นานนายกองทั้งสิบเจ็ดนายก็ขี่ม้าเข้ามาเรียงแถวด้านหน้าหลงเซียนหลินด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

หลงเซียนหลินหยิบตราพยัคฆ์ออกมาอย่างไม่เต็มใจก่อนจะยกขึ้นสูงและพูดเสียงดัง “โปรดจำไว้เสมอว่าค่ายเขาเหินเป็นกองทัพแห่งจักรวรรดิ เจ้าและข้าต่างก็เป็นทหารของจักรวรรดิ พวกเราไม่เคยทรยศต่อประชาชน ไม่เคยทรยศต่อแผ่นดิน! ตั้งแต่วันนี้ไป บุคคลที่พวกเจ้าต้องติดตามคือท่านหลินมู่อวี่ ไม่ใช่ข้าหลงเซียนหลิน จงจำไว้ว่า…อย่าแก้แค้นให้ข้า และอย่าเคืองแค้นผู้ใด ภารกิจของเจ้าคือการปกป้องดินแดนของจักรวรรดิ!”

หลงเซียนหลินหันกลับมาพร้อมยื่นตราพยัคฆ์ให้หลินมู่อวี่ ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะที่พูดว่า “จากนี้ไปค่ายเขาเหินจะขึ้นตรงกับท่านหลินมู่อวี่”

นายกองแต่ละนายตื่นตกใจพร้อมตะโกนดัง “ข้ายินดีจะติดตามท่านแม่ทัพไปตลอดชีวิต ได้โปรดอย่างทิ้งพวกเราเช่นนี้!”

หลงเซียนหลินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “หุบปากซะ! จำไว้ด้วยว่าพวกเจ้าเป็นทหารของจักรวรรดิ ไม่ใช่ของข้า! กองทหารรักษาการณ์แห่งเมืองหน้าด่านชางหนานตามข้ามา!”

เขาพลันควบม้าออกไป

หลินมู่อวี่รีบเอ่ยถาม “หลงเซียนหลินเจ้าจะไปไหน?”

หลงเซียนหลินหันกลับมาพร้อมใบหน้าสิ้นหวังก่อนจะกล่าวว่า “เมืองห้าหุบเขาจบสิ้นแล้ว…ผู้ว่าการหูเถี่ยหนิงรู้จักข้าตั้งแต่ยังเป็นผู้น้อย และเขามีพระคุณกับข้า ดังนั้นข้าจะกลับไปสู้จนตัวตายที่เมืองห้าหุบเขาเพื่อเป็นการตอบแทนคุณแก่ผู้ว่าการเป็นครั้งสุดท้าย!”

“เจ้าจะก่อกบฏกับหูเถี่ยหนิงหรือ?” หลินมู่อวี่ตะโกนเสียงดัง

“แล้วข้ามีทางเลือกอื่นไหม?” หลงเซียนหลินตอบกลับอย่างโกรธเกรี้ยว

หลินมู่อวี่ชูตราพยัคฆ์และกล่าวเสียงดัง “ทหารค่ายเขาเหินฟังคำสั่งข้า ไปพาหลงเซียนหลินมาซะ!”

หลงเซียนหลินพลันตวัดดาบและตะโกนลั่น “ใครจะบังอาจมาหยุดข้า!?”

“หลงเซียนหลิน!!”

หลินมู่อวี่ตะโกนเสียงดังขึ้น “บางทีหูเถี่ยหนิงอาจมิได้ต้องการต่อต้านกองทัพเมืองหยาดสายัณห์ หากเจ้าไปจะเป็นการให้ความหวังแก่เขา เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังรับใช้พยัคฆ์? แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่ามีทหารกี่นายที่ถูกทวงถามถึงบุญคุณและต้องล้มตายเพื่อเมืองห้าหุบเขา? เหล่าภรรยากี่คนแล้วที่ต้องสูญเสียสามี? และมีเด็กๆ กี่คนแล้วที่ต้องสูญเสียบิดา?”

“ข…ข้า…”

หลงเซียนหลินสั่นสะท้านพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม เขาค่อยๆ เก็บดาบเข้าฝักอย่างเชื่องช้า “เช่นนั้นข้าจะไปคนเดียว หากข้าตายก็จะตายเพียงคนเดียว และจะไม่มีใครหยุดข้าได้!”

จากนั้นหลงเซียนหลินก็ควบม้าออกจากเมืองหน้าด่านชางหนานอย่างรวดเร็ว

แผ่นหลังหลงเซียนหลินช่างดูโดดเดี่ยว หลินมู่อวี่พลันขมวดคิ้ว “ผู้บัญชาการทหารม้ารวมตัวเดี๋ยวนี้ รวบรวมกำลังพลและเคลื่อนทัพไปกับข้า!”

เหล่าผู้บัญชาการทหารม้าตกตะลึง เมื่อหลงเซียนหลินจากไป บุคคลที่จะกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดก็คือหลินมู่อวี่ พวกเขายืนนิ่งชั่วครู่ก่อนจะวางมือขวาบนหน้าอกและคำนับเยี่ยงทหาร “ขอรับท่านแม่ทัพ!”

ในยามบ่าย กองกำลังค่ายเขาเหินหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายและทหารม้าเหล็กสามพันนายมารวมตัวกันยังสถานที่เดียว ทำให้กลายเป็นกองทัพที่ทรงพลังด้วยจำนวนทหารสองหมื่นนาย

หลินมู่อวี่ไม่ได้นำกองทัพไปเมืองห้าหุบเขา ทว่ามุ่งไปเมืองหยินซานแทน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองห้าหุบเขา อีกทั้งยังเป็นการหลีกเลี่ยงไฟสงครามในเวลาเดียวกัน กระนั้นก็ไม่สามารถยกกองทหารค่ายเขาเหินให้ซูอวี่และซูฉินเด็ดขาด

เมื่อถึงเมืองหยินซานในตอนเย็นก็ตั้งค่ายพักอยู่นอกเมือง เหล่านายกองจากค่ายเขาเหินไม่ค่อยพอใจนัก หลินมู่อวี่จึงจัดการหารือชั่วคราวเพื่อปลอบประโลมจิตใจและให้คำสัญญาแก่พวกเขาเหล่านั้นว่า หลังจากทำการปฏิวัติเมืองห้าหุบเขาได้สำเร็จ หลินมู่อวี่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขอให้องค์จักรพรรดิอภัยโทษให้หลงเซียนหลิน

ในความเป็นจริงจากมุมมองทางศีลธรรม หลินมู่อวี่หวังว่าหลงเซียนหลินจะรักษาชีวิตไว้ได้ ในบรรดาเจ็ดแม่ทัพเทพแห่งจักรวรรดิ ตู้ไห่ จื่อเย่า และเซี่ยงอวี้เป็นคนโหดเหี้ยม ส่วนเฟิงจี้สิง ฉินเหลย และคนอื่นๆ มิได้ปกป้องดูแลชายแดน หลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าแม่ทัพอีกนายเป็นอย่างไร แต่ได้ยินมาว่ามีเพียงไม่กี่คนที่เห็นค่าชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจักรวรรดินี้ต้องการคนมีเมตตาเช่นหลงเซียนหลินเป็นจำนวนมาก

กลางดึกสงัด ‘พรึ่บ!’ นกส่งสารตัวหนึ่งร่อนลงที่ข้างกายหลินมู่อวี่

หลินมู่อวี่หยิบกระดาษขึ้นมาและอ่านข้อความด้านซึ่งมาจากหลัวอวี่ ‘ท่านหลินมู่อวี่ ไป๋หลี่ซิ่งผู้นำแห่งกลุ่มทหารรับจ้างมังกรอัคนีนำกองทัพเก้าพันนายมาพร้อมกับทหารเจ็ดพันนายจากกลุ่มทหารรับจ้างแดนปีศาจ ขณะนี้ทหารหนึ่งหมื่นหกพันนายกำลังล้อมภูเขาหลงหยาน อีกทั้งยังคุกคามกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด กองกำลังของเราทำได้เพียงต้านทานมันไว้เท่านั้น หวังว่าท่านแม่ทัพจะพากำลังเสริมมาโดยเร็ว!’

“กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดถูกปิดล้อม…”

หลินมู่อวี่ถอนหายใจ โชคดีที่เขามีทหารม้าสองหมื่นนายใต้บัญชาพอดี!

หลินมู่อวี่รีบเขียนจดหมายตอบกลับ ‘อดทนไว้ แล้วรอกำลังเสริม!’

…………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+