The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 281 การต่อสู้กับผู้ย้อนเวลา

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 281 การต่อสู้กับผู้ย้อนเวลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จนกระทั่งเกือบถึงรุ่งสาง ฌานสัมผัสและพลังศักดิ์สิทธิ์ของหลินมู่อวี่ก็สมบูรณ์แบบมากขึ้น ในที่สุดเขาก็สามารถตัดรอยแยกที่อยู่ห่างออกไปสิบไมล์ได้ ทว่าก็ยังไกลเกินไป เขาไม่สามารถปล่อยมังกรน้อยไว้หลายไมล์ตามลำพังเพื่อเข้าออกผ่านรอยแยกด้วยตนเองเช่นนี้…

ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่ก็รู้สึกเหนื่อยล้าและไม่มีกำลังกายเพียงพอที่จะใช้ในการฝึกยุทธ์อีกต่อไป

หลังจากออกประตูมา หลินมู่อวี่ก็เดินไปเคาะประตูถัดไปพร้อมเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เสี่ยวอิน เสี่ยวซี พวกเจ้าหลับหรือยัง?”

“แอ๊ด…”

ประตูเปิดออกมาพร้อมเสี่ยวซีในชุดนอนที่ขยี้ตาอยู่ “นี่มันบ้ามากมู่มู่ เจ้าฝึกยุทธ์จนดึกดื่นเพียงนี้…เสี่ยวอินหลับไปแล้ว และอาหารทั้งหมดที่นำมาให้เจ้าวางอยู่บนโต๊ะ”

“อืม ขอบคุณ”

หลินมู่อวี่ยิ้มรับและเดินเข้าไปก่อนจะหันมองฉินอินที่นอนหลับอยู่ แสงจันทร์สาดส่องลงบนใบหน้างาม นางนอนหลับอย่างสงบและดูน่าเสน่ห์หา

อาหารวางอยู่ในถาดทอง หลินมู่อวี่ยกขึ้นมาและกระซิบ “ข้าจะกลับไปกินที่ห้อง เสี่ยวซีพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูจิตวิญญาณเถิด พรุ่งนี้เราจะกลับเมืองหลันเยี่ยนใช่หรือไม่?”

“ใช่!”

ถังเสี่ยวซีพยักหน้าและยิ้ม “เราออกมาข้างนอกเกือบสามวันแล้ว…ฝ่าบาทส่งคนมาหาเสี่ยวอินเพื่อบอกว่าพระองค์คิดถึงนางมาก ดังนั้นเสี่ยวอินจึงตัดสินใจเดินทางกลับวันรุ่งขึ้น สิ่งนี้จะกระทบกับการฝึกของแอปเปิลน้อยหรือไม่?”

“ไม่”

หลินมู่อวี่ส่ายหัวและตอบกลับ “มังกรน้อยดูดซับพลังวิญญาณมากเกินไปและต้องการเวลาในการย่อยอาหารเพื่อการเติบโต ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรีบเร่งจนเกินไป”

“อื้อ”

หลินมู่อวี่ยกถาดทองออกไป ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ถังเสี่ยวซี “ราตรีสวัสดิ์เสี่ยวซี”

“อื้ม ราตรีสวัสดิ์นะมู่มู่”

ถังเสี่ยวซีขยี้ตาคู่งามและกลับไปนอน ขณะเดียวกันฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนบนทางเดินยืนอยู่ในความมืดพร้อมถือดาบในมือ เขาอารักขาอยู่หน้าห้ององค์หญิงอย่างเงียบงัน

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “พี่ฉู่ไม่นอนหรือ?”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนหัวเราะเบาๆ “อืม ข้าไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อให้คนอื่นมาอารักขา ทว่าข้าก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดเลย อาอวี่ เจ้าไปนอนได้แล้ว ฮ่าๆ…”

“อื้อ!”

หลินมู่อวี่ยิ้มและถือถาดทองกลับห้อง เขาต้องพัฒนาพลังมิติที่สี่โดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นมังกรก็จะเติบโตขึ้นทุกวัน และในไม่ช้าก็จะไม่สามารถซ่อนมันได้อีกต่อไป

เมื่อกลับมาถึงห้องหลินมู่อวี่ก็ลงมือทานอาหารอันโอชะ และรู้สึกว่านอนไม่หลับ ดังนั้นจึงกลับไปฝึกฝนพลังมิติที่สี่ตลอดทั้งคืน พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ราชาปีศาจเจ็ดประทีปมอบให้มิได้เกิดการต่อต้านกับฌานสัมผัส ร่างกาย และปราณของหลินมู่อวี่ ทว่ากลับค่อยๆ หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างดี ซึ่งทำให้หลินมู่อวี่พอใจมาก เนื่องจากยิ่งเข้ากันได้ดีมากเท่าใด ก็ยิ่งสามารถเพิ่มการเคลื่อนไหวทางจิตวิญญาณได้เท่านั้น บางทีอาจสามารถเป็นเหมือนราชาปีศาจเจ็ดประทีปที่สามารถผ่ารอยแยกได้อย่างง่ายดาย

หลังจากฝึกครั้งแล้วครั้งเล่า รัศมีพลังศักดิ์สิทธิ์ได้กลายเป็นดั่งสมบัติ มันไม่เพียงช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะทำให้ร่างกายรวมทั้งกระดูกและเลือดของหลินมู่อวี่เย็นลงด้วย ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ขอบเขตเทวะ ทว่าก็มีพลังใกล้เคียงกัน

จนถึงเวลาเช้าตรู่ผลลัพธ์ของการฝึกนั้นน่าทึ่งมาก ฌานสัมผัสรวดเร็วดั่งกระสุนที่สามารถแทงทะลุช่องว่างที่อยู่ห่างออกไปสามเมตรได้ ทว่ามันยังไม่เพียงพอ หากต้องการใช้งานจริง หลินมู่อวี่ต้องสามารถเจาะรอยแยกในระยะร้อยเมตรเป็นอย่างน้อย

กระนั้นหลินมู่อวี่ไม่มีเวลาฝึกฝนมากนัก หลังทานอาหารเช้าเขาก็ขึ้นม้าพร้อมวางห่อผ้าสีดำที่มีมังกรอยู่ลงบนหลังม้า จากนั้นก็พาฉินอินและเสี่ยวซีกลับเมืองหลันเยี่ยน

ขณะที่ขี่ม้าอยู่บนถนน พลังศูนย์จุดห้าเปอร์เซ็นต์ของราชาเจ็ดประทีปไหลเวียนในร่างกายอย่างเชื่องช้า เสริมสร้างพลังในร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ

หลินมู่อวี่แอบเสียดาย พลังนี้เป็นของราชาปีศาจเจ็ดประทีป ไม่ใช่ของเขา หากราชาปีศาจสามารถมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้มากกว่านี้ เขาอาจสามารถทะลวงขอบเขตเทวาได้อย่างง่ายดาย

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปในทะเลจิตมองเห็นความคิดของหลินมู่อวี่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “หลินมู่อวี่ อย่าคิดไปไกลเช่นนั้น จักรพรรดิผู้นี้มีความสามารถที่หาใครเปรียบเทียบได้ไม่ ข้าไม่รังเกียจที่จะมอบพลังให้เจ้า กระนั้นพลังกายและจิตวิญญาณของเจ้าในปัจจุบันสามารถทนรับพลังศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงเท่านี้ หากข้ามอบพลังให้เจ้ามากขึ้น พลังศักดิ์สิทธิ์อาจทำลายเจ้าจนถึงแก่ความตาย!”

หลินมู่อวี่พยักหน้ารับและฌานสัมผัสก็เข้าสู่ทะเลจิต “ข้าได้เห็นการต่อสู้ระหว่างขอบเขตเทวะแล้ว มันเป็นการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับฉินอี้และคนอื่นๆ ในนรกชั้นที่สิบเจ็ด ดังนั้นข้าก็เป็นผู้มีความรู้และน่าเกรงขามเฉกเช่นขอบเขตเทวะเช่นกัน”

“โอ้?”

ราชาเจ็ดประทีปจ้องมองหลินมู่อวี่พร้อมชี้ไปยังทุ่งจิตวิญญาณด้านหลัง “ตั้งแต่ที่ข้าเข้ามาในทะเลจิตของเจ้าโดยไม่ตั้งใจ เจ้าเคยนึกเกรงกลัวข้าบ้างหรือไม่? แม่ง…ไอ้เจ้าเล่ห์!”

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มกระอักกระอ่วน “ฮ่าๆ นั่นมันเป็นความเข้าใจผิด ใครให้เจ้าคิดยึดร่างข้าทั้งวันทั้งคืนกัน? หากเจ้าอาศัยอยู่อย่างสงบเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไร”

“ฮึ่ม! นับว่าเริ่มคุ้นเคยแล้ว”

ราชาเจ็ดประทีปเผยรอยยิ้มจางๆ “ทว่า…ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด การต่อสู้ระหว่างข้าและพวกฉินอี้มิได้เกิดขึ้นเมื่อสองสามเดือนก่อน แต่เป็นเมื่อสองร้อยปีที่แล้ว”

“อะไรนะ? สองร้อยปีที่แล้ว?”

หลินมู่อวี่ตะลึง “เป็นไปได้อย่างไร? หากการต่อสู้เกิดขึ้นเมื่อสองร้อยปีที่ผ่านมา แล้วข้าเห็นมันได้อย่างไร? ข…ข้าอายุเพียงยี่สิบกว่าเท่านั้น…”

“ฮ่าๆๆ เพราะความรู้ของเจ้ามันตื้นเขินยิ่งนัก!”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปหัวเราะเสียงดัง “ฉินอี้นับว่าเป็นผีโบราณและถือว่าเป็นรุ่นของวีรบุรุษ พลังยุทธ์ของฉินอี้อยู่ที่ขอบเขตเทวะชั้นที่สามและขึ้นเป็นเทพจักรพรรดิอย่างแท้จริง ดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์จากพลังศักดิ์สิทธิ์และพลังย้อนเวลาดึงข้าลงสู่นรกชั้นที่สิบเจ็ด นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้ามองเห็นการต่อสู้ที่จบไปแล้วเมื่อสองร้อยปีก่อนขณะที่เข้าสู่ช่องว่างของเวลาและมิติ ซึ่งเป็นโชคดีของข้าที่สามารถสิงทะเลจิตของเจ้าและรักษาพลังเจ็ดประทีปไว้ได้”

“การย้อนเวลา…”

หลินมู่อวี่ตะลึงและพึมพำแผ่วเบา “ราชาปีศาจเจ็ดประทีปเจ้ากำลังบอกว่า…เทพจักรพรรดิใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ย้อนเวลากลับอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่”

ราชาปีศาจตอบกลับ “ปกติพลังเช่นนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ แต่…ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นข้อยกเว้น เจ้าได้โผล่เข้าไปในช่วงเวลาสองร้อยปีที่แล้วและทำให้ข้ากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ช่างโชคดีเสียจริง หากไม่มีเจ้า จักรพรรดิผู้นี้และผีเฒ่าฉินอี้คงได้สลายไปพร้อมกันแล้ว”

จากนั้นราชาปีศาจเจ็ดประทีปก็นั่งลงในทุ่งจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยข้าวโพด เขายิ้มอย่างมีความสุข “ข้าคิดว่าผีเฒ่าฉินอี้คงสลายไปแล้ว ทว่าข้ากลับยังสามารถปลูกพืชในทุ่งวิญญาณแห่งนี้ ฮ่าๆๆ นี่คือความต่างของความแข็งแกร่งและโชคชะตา หึ! เจ้าวายร้ายฉินอี้ถูกโชคชะตากำหนดให้ตายไปคนเดียวโดยไม่มีข้าผู้นี้!”

หลินมู่อวี่หันมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ทว่าสิ่งที่ราชาปีศาจปูดนั้นน่าตกใจมาก เขาได้ประสบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อสองร้อยปีก่อน และได้นำพาวิญญาณของราชาปีศาจเจ็ดประทีปกลับมาด้วย นี่เป็นโชคชะตาอย่างแท้จริง เมื่อได้ไตร่ตรองดูแล้ว หากปราศจากความช่วยเหลือจากราชาปีศาจเจ็ดประทีป หลินมู่อวี่เองก็คงกลายเป็นกองกระดูกที่ถูกทิ้งไว้ใต้แผ่นดินนี้นานแล้ว

ขณะเดียวกันไร่ข้าวโพดแห่งแรกในทุ่งจิตวิญญาณก็เติบโตเต็มที่ ราชาปีศาจดื่มน้ำเล็กน้อยและเริ่มดูดซับพลังวิญญาณของพืชผลเหล่านั้น ในพริบตาเดียวต้นข้าวโพดก็แห้งเหี่ยวพร้อมพลังวิญญาณมากมายพุ่งตรงไปที่ร่างของราชาปีศาจเจ็ดประทีป ซึ่งมันช่วยฟื้นฟูความเสียหายทางจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตรงหน้าหลินมู่อวี่ก็เกรงว่าราชาปีศาจจะสามารถฟื้นฟูจิตวิญญาณอย่างสมบูรณ์ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี เช่นนั้นเขาจะควบคุมราชาปีศาจได้อย่างไร?

ราวกับว่าราชาปีศาจสามารถเข้าใจความคิดของหลินมู่อวี่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลไป จักรพรรดิผู้นี้มีเป้าหมายเพียงเพื่อยกระดับขอบเขตเทวะเท่านั้น มิได้จะแข่งกับเจ้าซึ่งเป็นเพียงไก่อ่อนในแผ่นดินมนุษย์ ตราบใดที่เจ้าพบร่างภาชนะที่เหมาะสม เจ้าเพียงต้องช่วยข้าเล็กน้อยในการเปิดทะเลจิตและปล่อยข้าออกไป”

หลินมู่อวี่ยกริมฝีปาก “ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้า เช่นนั้นแบ่งทุ่งวิญญาณให้ข้าครึ่งหนึ่ง ข้าต้องการส่วนที่เหลือนั่น!”

“ตกลง!”

จากนั้นหลินมู่อวี่ก็รวบรวมฌานสัมผัสเข้าสู่ทะเลจิตกลายเป็นร่างวิญญาณ ก่อนจะกระโดดลงไปในไร่ข้าวโพด เขาหักข้าวโพดออกมาดม มันส่งกลิ่นหอมหวานมาก ที่สำคัญยังเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ หลินมู่อวี่ไม่สนใจอะไรอีก เข้าพลันอ้าปากกว้างและกัดมันเข้าไปจนน้ำข้าวโพดกระเซ็นออกมา อื้ม! มันหอมมากจริงๆ!

ขณะที่เคี้ยวอยู่นั้นก็มีพลังวิญญาณหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฟื้นฟูปราณที่สูญเสียไประหว่างการฝึกอย่างรวดเร็ว มันเป็นของดีอย่างแท้จริง! ราชาปีศาจเจ็ดประทีปช่างเป็นเกษตรกรที่มีความสามารถยอดเยี่ยม!

หลังจากกินข้าวโพดแห่งจิตวิญญาณไปครึ่งฝัก ความแข็งแกร่งทางกายภาพและปราณของหลินมู่อวี่ก็ฟื้นฟูกลับสู่สภาวะสูงสุด หลินมู่อวี่จึงหลับตาและโคจรหลอมกระดูกมังกรทั่วร่างกาย เขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นเพื่อให้เข้าสู่ขอบเขตเทวะและได้พลังการย้อนเวลา ไม่ว่านานจะเพียงใดหลินมู่อวี่ก็ต้องกลับไปโลกความจริงเพื่อพบพ่อและพี่ชายให้ได้ และเพื่อชีวิตที่เขาต้องการ

ในที่สุดกองทหารก็เดินทางมาถึงตำหนักเจ๋อเทียนในยามบ่าย หลินมู่อวี่สั่งเว่ยโฉว เซี้ยโหวซาง และคนอื่นๆ ให้กลับค่ายรังอินทรี ส่วนหลินมู่อวี่เข้าไปในโถงเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิพร้อมฉินอิน ถังเสี่ยวซี และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน

หลังผ่านไปสามวันฉินจิ้นมีอาการดีขึ้นมาก ทว่าเขาก็ยังชายชรา ฉินจิ้นอดไม่ได้ที่จะเผยความโล่งอกเมื่อเห็นฉินอินและคนอื่นๆ เดินเข้ามาในโถง “เสี่ยวอิน สองสามวันนี้เป็นอย่างไรบ้างที่ลานล่าสัตว์?”

ฉินอินยิ้ม “ลูกมีความสุขมากเพคะ!”

“อื้ม ดีแล้ว!”

ฉินอินก้าวขึ้นไปบนบัลลังก์และเดินมาที่ด้านหลังฉินจิ้นพร้อมนวดไหล่ให้เบาๆ “เสด็จพ่อ การตรวจสอบเซี่ยงอวี้เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”

ฉินจิ้นหรี่ตาลงและกล่าวว่า “ในวันที่แม่ทัพซูฉินถูกสังหาร เซี่ยงอวี้ไม่มีหลักฐานแน่ชัดถึงสถานที่ที่เขาอยู่ ดังนั้นเซี่ยงอวี้จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพัวพันนี้ได้ ทว่าขณะนี้เขายังคงปฏิเสธข้อกล่าวหาและไม่ยอมรับสารภาพ ผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงกำลังสอบปากคำเขาอยู่”

“จะเกิดอะไรขึ้นหากเซี่ยงอวี้ไม่ยอมสารภาพผิด?” ฉินอินเอ่ยถาม

ฉินจิ้นกัดฟันและกล่าวอย่างเย็นชา “แม้ว่าแม่ทัพซูฉินจะมิได้ถูกเซี่ยงอวี้สังหารด้วยตนเอง แต่ก็ต้องเป็นคนที่เขามอบหมาย อีกทั้งเซี่ยงอวี้เป็นลูกหลานของเทพทหารเซี่ยงเหวินเทียน เขามักทะนงตนในชื่อเสียงของตนเองในเมืองหลวงมาก ข้าจึงคิดว่า…จะถอดเซี่ยงอวี้ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการและเนรเทศไปที่มณฑลทงเทียน เสี่ยวอินคิดว่าอย่างไร?”

ฉินอินเผยยิ้ม “เสด็จพ่อทรงมีพระปรีชายิ่ง ลูกเคยได้ยินว่าเซี่ยงอวี้และเจิ้งอี้ฝานมีการติดต่อกันอย่างใกล้ชิด การเก็บเขาไว้จะเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจของจักรวรรดิ ดังนั้นการเนรเทศเซี่ยงอวี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด กระนั้นค่ายสารวัตรทหารก็มีกฏของตนเอง ทำให้บทบาทของผู้บัญชาการมีความสำคัญมาก เราควรเลือกใครดีเพคะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 281 การต่อสู้กับผู้ย้อนเวลา

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 281 การต่อสู้กับผู้ย้อนเวลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จนกระทั่งเกือบถึงรุ่งสาง ฌานสัมผัสและพลังศักดิ์สิทธิ์ของหลินมู่อวี่ก็สมบูรณ์แบบมากขึ้น ในที่สุดเขาก็สามารถตัดรอยแยกที่อยู่ห่างออกไปสิบไมล์ได้ ทว่าก็ยังไกลเกินไป เขาไม่สามารถปล่อยมังกรน้อยไว้หลายไมล์ตามลำพังเพื่อเข้าออกผ่านรอยแยกด้วยตนเองเช่นนี้…

ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่ก็รู้สึกเหนื่อยล้าและไม่มีกำลังกายเพียงพอที่จะใช้ในการฝึกยุทธ์อีกต่อไป

หลังจากออกประตูมา หลินมู่อวี่ก็เดินไปเคาะประตูถัดไปพร้อมเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เสี่ยวอิน เสี่ยวซี พวกเจ้าหลับหรือยัง?”

“แอ๊ด…”

ประตูเปิดออกมาพร้อมเสี่ยวซีในชุดนอนที่ขยี้ตาอยู่ “นี่มันบ้ามากมู่มู่ เจ้าฝึกยุทธ์จนดึกดื่นเพียงนี้…เสี่ยวอินหลับไปแล้ว และอาหารทั้งหมดที่นำมาให้เจ้าวางอยู่บนโต๊ะ”

“อืม ขอบคุณ”

หลินมู่อวี่ยิ้มรับและเดินเข้าไปก่อนจะหันมองฉินอินที่นอนหลับอยู่ แสงจันทร์สาดส่องลงบนใบหน้างาม นางนอนหลับอย่างสงบและดูน่าเสน่ห์หา

อาหารวางอยู่ในถาดทอง หลินมู่อวี่ยกขึ้นมาและกระซิบ “ข้าจะกลับไปกินที่ห้อง เสี่ยวซีพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูจิตวิญญาณเถิด พรุ่งนี้เราจะกลับเมืองหลันเยี่ยนใช่หรือไม่?”

“ใช่!”

ถังเสี่ยวซีพยักหน้าและยิ้ม “เราออกมาข้างนอกเกือบสามวันแล้ว…ฝ่าบาทส่งคนมาหาเสี่ยวอินเพื่อบอกว่าพระองค์คิดถึงนางมาก ดังนั้นเสี่ยวอินจึงตัดสินใจเดินทางกลับวันรุ่งขึ้น สิ่งนี้จะกระทบกับการฝึกของแอปเปิลน้อยหรือไม่?”

“ไม่”

หลินมู่อวี่ส่ายหัวและตอบกลับ “มังกรน้อยดูดซับพลังวิญญาณมากเกินไปและต้องการเวลาในการย่อยอาหารเพื่อการเติบโต ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรีบเร่งจนเกินไป”

“อื้อ”

หลินมู่อวี่ยกถาดทองออกไป ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ถังเสี่ยวซี “ราตรีสวัสดิ์เสี่ยวซี”

“อื้ม ราตรีสวัสดิ์นะมู่มู่”

ถังเสี่ยวซีขยี้ตาคู่งามและกลับไปนอน ขณะเดียวกันฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนบนทางเดินยืนอยู่ในความมืดพร้อมถือดาบในมือ เขาอารักขาอยู่หน้าห้ององค์หญิงอย่างเงียบงัน

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “พี่ฉู่ไม่นอนหรือ?”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนหัวเราะเบาๆ “อืม ข้าไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อให้คนอื่นมาอารักขา ทว่าข้าก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดเลย อาอวี่ เจ้าไปนอนได้แล้ว ฮ่าๆ…”

“อื้อ!”

หลินมู่อวี่ยิ้มและถือถาดทองกลับห้อง เขาต้องพัฒนาพลังมิติที่สี่โดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นมังกรก็จะเติบโตขึ้นทุกวัน และในไม่ช้าก็จะไม่สามารถซ่อนมันได้อีกต่อไป

เมื่อกลับมาถึงห้องหลินมู่อวี่ก็ลงมือทานอาหารอันโอชะ และรู้สึกว่านอนไม่หลับ ดังนั้นจึงกลับไปฝึกฝนพลังมิติที่สี่ตลอดทั้งคืน พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ราชาปีศาจเจ็ดประทีปมอบให้มิได้เกิดการต่อต้านกับฌานสัมผัส ร่างกาย และปราณของหลินมู่อวี่ ทว่ากลับค่อยๆ หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างดี ซึ่งทำให้หลินมู่อวี่พอใจมาก เนื่องจากยิ่งเข้ากันได้ดีมากเท่าใด ก็ยิ่งสามารถเพิ่มการเคลื่อนไหวทางจิตวิญญาณได้เท่านั้น บางทีอาจสามารถเป็นเหมือนราชาปีศาจเจ็ดประทีปที่สามารถผ่ารอยแยกได้อย่างง่ายดาย

หลังจากฝึกครั้งแล้วครั้งเล่า รัศมีพลังศักดิ์สิทธิ์ได้กลายเป็นดั่งสมบัติ มันไม่เพียงช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะทำให้ร่างกายรวมทั้งกระดูกและเลือดของหลินมู่อวี่เย็นลงด้วย ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ขอบเขตเทวะ ทว่าก็มีพลังใกล้เคียงกัน

จนถึงเวลาเช้าตรู่ผลลัพธ์ของการฝึกนั้นน่าทึ่งมาก ฌานสัมผัสรวดเร็วดั่งกระสุนที่สามารถแทงทะลุช่องว่างที่อยู่ห่างออกไปสามเมตรได้ ทว่ามันยังไม่เพียงพอ หากต้องการใช้งานจริง หลินมู่อวี่ต้องสามารถเจาะรอยแยกในระยะร้อยเมตรเป็นอย่างน้อย

กระนั้นหลินมู่อวี่ไม่มีเวลาฝึกฝนมากนัก หลังทานอาหารเช้าเขาก็ขึ้นม้าพร้อมวางห่อผ้าสีดำที่มีมังกรอยู่ลงบนหลังม้า จากนั้นก็พาฉินอินและเสี่ยวซีกลับเมืองหลันเยี่ยน

ขณะที่ขี่ม้าอยู่บนถนน พลังศูนย์จุดห้าเปอร์เซ็นต์ของราชาเจ็ดประทีปไหลเวียนในร่างกายอย่างเชื่องช้า เสริมสร้างพลังในร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ

หลินมู่อวี่แอบเสียดาย พลังนี้เป็นของราชาปีศาจเจ็ดประทีป ไม่ใช่ของเขา หากราชาปีศาจสามารถมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้มากกว่านี้ เขาอาจสามารถทะลวงขอบเขตเทวาได้อย่างง่ายดาย

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปในทะเลจิตมองเห็นความคิดของหลินมู่อวี่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “หลินมู่อวี่ อย่าคิดไปไกลเช่นนั้น จักรพรรดิผู้นี้มีความสามารถที่หาใครเปรียบเทียบได้ไม่ ข้าไม่รังเกียจที่จะมอบพลังให้เจ้า กระนั้นพลังกายและจิตวิญญาณของเจ้าในปัจจุบันสามารถทนรับพลังศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงเท่านี้ หากข้ามอบพลังให้เจ้ามากขึ้น พลังศักดิ์สิทธิ์อาจทำลายเจ้าจนถึงแก่ความตาย!”

หลินมู่อวี่พยักหน้ารับและฌานสัมผัสก็เข้าสู่ทะเลจิต “ข้าได้เห็นการต่อสู้ระหว่างขอบเขตเทวะแล้ว มันเป็นการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับฉินอี้และคนอื่นๆ ในนรกชั้นที่สิบเจ็ด ดังนั้นข้าก็เป็นผู้มีความรู้และน่าเกรงขามเฉกเช่นขอบเขตเทวะเช่นกัน”

“โอ้?”

ราชาเจ็ดประทีปจ้องมองหลินมู่อวี่พร้อมชี้ไปยังทุ่งจิตวิญญาณด้านหลัง “ตั้งแต่ที่ข้าเข้ามาในทะเลจิตของเจ้าโดยไม่ตั้งใจ เจ้าเคยนึกเกรงกลัวข้าบ้างหรือไม่? แม่ง…ไอ้เจ้าเล่ห์!”

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มกระอักกระอ่วน “ฮ่าๆ นั่นมันเป็นความเข้าใจผิด ใครให้เจ้าคิดยึดร่างข้าทั้งวันทั้งคืนกัน? หากเจ้าอาศัยอยู่อย่างสงบเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไร”

“ฮึ่ม! นับว่าเริ่มคุ้นเคยแล้ว”

ราชาเจ็ดประทีปเผยรอยยิ้มจางๆ “ทว่า…ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด การต่อสู้ระหว่างข้าและพวกฉินอี้มิได้เกิดขึ้นเมื่อสองสามเดือนก่อน แต่เป็นเมื่อสองร้อยปีที่แล้ว”

“อะไรนะ? สองร้อยปีที่แล้ว?”

หลินมู่อวี่ตะลึง “เป็นไปได้อย่างไร? หากการต่อสู้เกิดขึ้นเมื่อสองร้อยปีที่ผ่านมา แล้วข้าเห็นมันได้อย่างไร? ข…ข้าอายุเพียงยี่สิบกว่าเท่านั้น…”

“ฮ่าๆๆ เพราะความรู้ของเจ้ามันตื้นเขินยิ่งนัก!”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปหัวเราะเสียงดัง “ฉินอี้นับว่าเป็นผีโบราณและถือว่าเป็นรุ่นของวีรบุรุษ พลังยุทธ์ของฉินอี้อยู่ที่ขอบเขตเทวะชั้นที่สามและขึ้นเป็นเทพจักรพรรดิอย่างแท้จริง ดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์จากพลังศักดิ์สิทธิ์และพลังย้อนเวลาดึงข้าลงสู่นรกชั้นที่สิบเจ็ด นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้ามองเห็นการต่อสู้ที่จบไปแล้วเมื่อสองร้อยปีก่อนขณะที่เข้าสู่ช่องว่างของเวลาและมิติ ซึ่งเป็นโชคดีของข้าที่สามารถสิงทะเลจิตของเจ้าและรักษาพลังเจ็ดประทีปไว้ได้”

“การย้อนเวลา…”

หลินมู่อวี่ตะลึงและพึมพำแผ่วเบา “ราชาปีศาจเจ็ดประทีปเจ้ากำลังบอกว่า…เทพจักรพรรดิใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ย้อนเวลากลับอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่”

ราชาปีศาจตอบกลับ “ปกติพลังเช่นนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ แต่…ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นข้อยกเว้น เจ้าได้โผล่เข้าไปในช่วงเวลาสองร้อยปีที่แล้วและทำให้ข้ากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ช่างโชคดีเสียจริง หากไม่มีเจ้า จักรพรรดิผู้นี้และผีเฒ่าฉินอี้คงได้สลายไปพร้อมกันแล้ว”

จากนั้นราชาปีศาจเจ็ดประทีปก็นั่งลงในทุ่งจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยข้าวโพด เขายิ้มอย่างมีความสุข “ข้าคิดว่าผีเฒ่าฉินอี้คงสลายไปแล้ว ทว่าข้ากลับยังสามารถปลูกพืชในทุ่งวิญญาณแห่งนี้ ฮ่าๆๆ นี่คือความต่างของความแข็งแกร่งและโชคชะตา หึ! เจ้าวายร้ายฉินอี้ถูกโชคชะตากำหนดให้ตายไปคนเดียวโดยไม่มีข้าผู้นี้!”

หลินมู่อวี่หันมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ทว่าสิ่งที่ราชาปีศาจปูดนั้นน่าตกใจมาก เขาได้ประสบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อสองร้อยปีก่อน และได้นำพาวิญญาณของราชาปีศาจเจ็ดประทีปกลับมาด้วย นี่เป็นโชคชะตาอย่างแท้จริง เมื่อได้ไตร่ตรองดูแล้ว หากปราศจากความช่วยเหลือจากราชาปีศาจเจ็ดประทีป หลินมู่อวี่เองก็คงกลายเป็นกองกระดูกที่ถูกทิ้งไว้ใต้แผ่นดินนี้นานแล้ว

ขณะเดียวกันไร่ข้าวโพดแห่งแรกในทุ่งจิตวิญญาณก็เติบโตเต็มที่ ราชาปีศาจดื่มน้ำเล็กน้อยและเริ่มดูดซับพลังวิญญาณของพืชผลเหล่านั้น ในพริบตาเดียวต้นข้าวโพดก็แห้งเหี่ยวพร้อมพลังวิญญาณมากมายพุ่งตรงไปที่ร่างของราชาปีศาจเจ็ดประทีป ซึ่งมันช่วยฟื้นฟูความเสียหายทางจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตรงหน้าหลินมู่อวี่ก็เกรงว่าราชาปีศาจจะสามารถฟื้นฟูจิตวิญญาณอย่างสมบูรณ์ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี เช่นนั้นเขาจะควบคุมราชาปีศาจได้อย่างไร?

ราวกับว่าราชาปีศาจสามารถเข้าใจความคิดของหลินมู่อวี่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลไป จักรพรรดิผู้นี้มีเป้าหมายเพียงเพื่อยกระดับขอบเขตเทวะเท่านั้น มิได้จะแข่งกับเจ้าซึ่งเป็นเพียงไก่อ่อนในแผ่นดินมนุษย์ ตราบใดที่เจ้าพบร่างภาชนะที่เหมาะสม เจ้าเพียงต้องช่วยข้าเล็กน้อยในการเปิดทะเลจิตและปล่อยข้าออกไป”

หลินมู่อวี่ยกริมฝีปาก “ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้า เช่นนั้นแบ่งทุ่งวิญญาณให้ข้าครึ่งหนึ่ง ข้าต้องการส่วนที่เหลือนั่น!”

“ตกลง!”

จากนั้นหลินมู่อวี่ก็รวบรวมฌานสัมผัสเข้าสู่ทะเลจิตกลายเป็นร่างวิญญาณ ก่อนจะกระโดดลงไปในไร่ข้าวโพด เขาหักข้าวโพดออกมาดม มันส่งกลิ่นหอมหวานมาก ที่สำคัญยังเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ หลินมู่อวี่ไม่สนใจอะไรอีก เข้าพลันอ้าปากกว้างและกัดมันเข้าไปจนน้ำข้าวโพดกระเซ็นออกมา อื้ม! มันหอมมากจริงๆ!

ขณะที่เคี้ยวอยู่นั้นก็มีพลังวิญญาณหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฟื้นฟูปราณที่สูญเสียไประหว่างการฝึกอย่างรวดเร็ว มันเป็นของดีอย่างแท้จริง! ราชาปีศาจเจ็ดประทีปช่างเป็นเกษตรกรที่มีความสามารถยอดเยี่ยม!

หลังจากกินข้าวโพดแห่งจิตวิญญาณไปครึ่งฝัก ความแข็งแกร่งทางกายภาพและปราณของหลินมู่อวี่ก็ฟื้นฟูกลับสู่สภาวะสูงสุด หลินมู่อวี่จึงหลับตาและโคจรหลอมกระดูกมังกรทั่วร่างกาย เขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นเพื่อให้เข้าสู่ขอบเขตเทวะและได้พลังการย้อนเวลา ไม่ว่านานจะเพียงใดหลินมู่อวี่ก็ต้องกลับไปโลกความจริงเพื่อพบพ่อและพี่ชายให้ได้ และเพื่อชีวิตที่เขาต้องการ

ในที่สุดกองทหารก็เดินทางมาถึงตำหนักเจ๋อเทียนในยามบ่าย หลินมู่อวี่สั่งเว่ยโฉว เซี้ยโหวซาง และคนอื่นๆ ให้กลับค่ายรังอินทรี ส่วนหลินมู่อวี่เข้าไปในโถงเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิพร้อมฉินอิน ถังเสี่ยวซี และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน

หลังผ่านไปสามวันฉินจิ้นมีอาการดีขึ้นมาก ทว่าเขาก็ยังชายชรา ฉินจิ้นอดไม่ได้ที่จะเผยความโล่งอกเมื่อเห็นฉินอินและคนอื่นๆ เดินเข้ามาในโถง “เสี่ยวอิน สองสามวันนี้เป็นอย่างไรบ้างที่ลานล่าสัตว์?”

ฉินอินยิ้ม “ลูกมีความสุขมากเพคะ!”

“อื้ม ดีแล้ว!”

ฉินอินก้าวขึ้นไปบนบัลลังก์และเดินมาที่ด้านหลังฉินจิ้นพร้อมนวดไหล่ให้เบาๆ “เสด็จพ่อ การตรวจสอบเซี่ยงอวี้เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”

ฉินจิ้นหรี่ตาลงและกล่าวว่า “ในวันที่แม่ทัพซูฉินถูกสังหาร เซี่ยงอวี้ไม่มีหลักฐานแน่ชัดถึงสถานที่ที่เขาอยู่ ดังนั้นเซี่ยงอวี้จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพัวพันนี้ได้ ทว่าขณะนี้เขายังคงปฏิเสธข้อกล่าวหาและไม่ยอมรับสารภาพ ผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงกำลังสอบปากคำเขาอยู่”

“จะเกิดอะไรขึ้นหากเซี่ยงอวี้ไม่ยอมสารภาพผิด?” ฉินอินเอ่ยถาม

ฉินจิ้นกัดฟันและกล่าวอย่างเย็นชา “แม้ว่าแม่ทัพซูฉินจะมิได้ถูกเซี่ยงอวี้สังหารด้วยตนเอง แต่ก็ต้องเป็นคนที่เขามอบหมาย อีกทั้งเซี่ยงอวี้เป็นลูกหลานของเทพทหารเซี่ยงเหวินเทียน เขามักทะนงตนในชื่อเสียงของตนเองในเมืองหลวงมาก ข้าจึงคิดว่า…จะถอดเซี่ยงอวี้ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการและเนรเทศไปที่มณฑลทงเทียน เสี่ยวอินคิดว่าอย่างไร?”

ฉินอินเผยยิ้ม “เสด็จพ่อทรงมีพระปรีชายิ่ง ลูกเคยได้ยินว่าเซี่ยงอวี้และเจิ้งอี้ฝานมีการติดต่อกันอย่างใกล้ชิด การเก็บเขาไว้จะเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจของจักรวรรดิ ดังนั้นการเนรเทศเซี่ยงอวี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด กระนั้นค่ายสารวัตรทหารก็มีกฏของตนเอง ทำให้บทบาทของผู้บัญชาการมีความสำคัญมาก เราควรเลือกใครดีเพคะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+