The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 277 มังกรน้อยเยียวยาจิตใจ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 277 มังกรน้อยเยียวยาจิตใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉินจิ้นเดินลงจากบัลลังก์อย่างเชื่องช้าโดยมีข้าหลวงสองนางคอยพยุงข้างกายขณะเดียวกันก็ไออย่างรุนแรง แทบดูไม่ออกเลยว่าชายชราผู้นี้และราชาผู้ส่องแสงจะเป็นคนเดียวกัน การตายของซูฉินหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเมืองหยาดสายัณห์ ซึ่งอาจทำผู้สนับสนุนฉินอินในภายภาคหน้าขาดหายไป นี่เป็นสิ่งที่ฉินจิ้นกังวลมาก

“เสี่ยวอิน เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” หลินมู่อวี่ก้าวไปด้านหน้าและมองไปที่ฉินอิน

ดวงตาคู่งามเปลี่ยนเป็นสีแดง ฉินอินกัดริ้มฝีปากแน่นก่อนจะกล่าวว่า “พี่อาอวี่ ท…ท่านลุงเสียชีวิตได้อย่างไร? เขาเป็นถึงแม่ทัพแห่งจักรวรรดิ…”

หลินมู่อวี่เงียบไปเล็กน้อยและกล่าวว่า “มีพบก็ต้องมีจาก เขาเพียงแค่สร้างความขุ่นเคืองแก่คนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว”

“เซี่ยงอวี้?”

ดวงตาฉินอินเต็มไปด้วยจิตสังหาร “หากท่านลุงถูกเซี่ยงอวี้สังหารจริงๆ ข้าจะสาปแช่งให้เขาตายอย่างทรมาน!”

“อืม”

หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ “ข้าเห็นด้วย!”

ชวีฉู่ด้านข้างพลันกล่าวขึ้น “อาอวี่ องค์หญิงอินทรงมีอารมณ์ที่ไม่มั่นคง เจ้าควรอยู่เคียงข้างองค์หญิงในสองวันนี้ ข้าจะปกป้องฝ่าบาทอยู่ในตำหนักเจ๋อเทียนเอง เจ้ากับเสี่ยวอินออกไปนอกตำหนักและพักผ่อนเถิด”

“ขอรับผู้อาวุโสฉู่”

“อืม เช่นนั้นข้าไปล่ะ ให้พวกเจ้าทั้งสองอยู่กันตามลำพัง”

หลังจากชวีฉู่พูดจบ ฉินอินก็หน้าแดงก่ำขณะเงยหน้ามองหลินมู่อวี่ ทว่าจากนั้นก็กัดริมฝีปากแน่นอีกครั้งเมื่อนึกถึงการตายที่น่าเศร้าของซูฉิน เสี่ยวอินพลันพูดขึ้น “พี่อาอวี่ สองวันนี้พวกเราจะไปลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์ใช่หรือไม่?”

“อืม เจ้าต้องการออกเดินทางเวลาไหน?”

“ข้าจะออกไปช่วงบ่ายเจ้าค่ะ”

“ตกลง ข้าจะไปเตรียมตัว”

“เจ้าค่ะ ข้าจะรอที่โถงตำหนักเจ๋อเทียนตอนเที่ยง และจะส่งคนไปรับเสี่ยวซีเพื่อไปที่นั่นด้วยกัน”

“ได้สิ!”

เมื่อหลินมู่อวี่หันกลับมาก็เห็นฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนประสานหมัดพร้อมพูดว่า “แม่ทัพคนสุดท้ายฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนน้อมรับคำบัญชาแม่ทัพหลินขอรับ!”

แม้ว่าฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจะเป็นองครักษณ์มังกร แต่เขาเป็นแม่ทัพระดับห้าซึ่งยศต่ำกว่าหลินมู่อวี่หนึ่งระดับ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจึงพูดอย่างเคารพ

หลินมู่อวี่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงตอบไปว่า “พี่ฉู่ องค์หญิงอินจะออกไปล่าสัตว์และจำเป็นต้องมีคนอารักขา ทหารที่พี่สั่งการได้ขณะนี้มีเท่าใดหรือ?”

“ทหารอวี้หลินราวสองพันนาย”

“ตกลง นำพวกเขามาทั้งหมด”

“อื้ม!”

หลินมู่อวี่ครุ่นคิดสักครู่ เมื่อออกจากประตูก็พบองครักษ์อินทรี เขาจึงสั่งว่า “กลับไปที่ค่ายรังอินทรีทันที และสั่งเว่ยโฉวให้นำองครักษ์อินทรีห้าสิบนายมาที่ตำหนักเจ๋อเทียนพร้อมนำศรเศวตรมณีมาให้เพียงพอ”

“ขอรับท่านแม่ทัพ!”

หลังจากสั่งการทั้งหมด หลินมู่อวี่ก็ครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะขี่ม้ากลับวิหาร เนื่องจากพวกเขาจะออกไปล่าสัตว์ หลินมู่อวี่จึงต้องการนำมังกรน้อยไปด้วย มังกรน้อยน่ารักคงทำให้ฉินอินอารมณ์ดีขึ้น และสิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือมังกรผลึกโลหิตจำเป็นต้องเติบโต ตามบทที่สี่ ‘บทผสมพันธุ์’ ของตำราทักษะเชื่อมจิต ตราบใดที่สัตว์เลี้ยงแข็งแกร่งมากพอ มันจะสามารถเร่งการเติบโตได้โดยการกินสัตว์วิญญาณอื่นๆ นี่จึงเป็นโอกาสดี หลินมู่อวี่ไม่ต้องการรอจนแก่เฒ่ากระทั่งมังกรผลึกโลหิตโตเต็มวัย เช่นนั้นคงไม่มีประโยชน์อันใดนอกจากต้องขายมัน

เมื่อกลับมาถึงวิหาร หลินมู่อวี่ก็รายงานเหล่ยหง จากนั้นก็ห่อหุ้มร่างของมังกรน้อยด้วยผ้าสีดำไว้บนหลังม้าและออกคำสั่งไม่ให้มันขยับเขยื้อน แม้มังกรผลึกโลหิตจะซน แต่มันก็เชื่อฟังมาก หลังนอนนิ่งในถุงผ้าไม่นานก็มีเสียงกรนดังขึ้นแผ่วเบา มันหลับไปแล้ว!

หลินมู่อวี่ขี่ม้ามาที่ตำหนักเจ๋อเทียนอีกครั้ง หลังรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ พวกเขาก็ออกเดินไปยังลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์

ลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์ตั้งอยู่ในป่าล่ามังกร สัตว์วิญญาณส่วนใหญ่ในพื้นที่มีอายุน้อยกว่าสามพันปีและได้รับการปกป้องโดยพลธนู เมื่อใดที่สัตว์วิญญาณพยายามหลบหนี ทหารเหล่านี้จะใช้คบเพลิงและธนูข่มขู่ ไม่ว่าคนเหล่านี้จะแข็งแกร่งเพียงใด สัตว์วิญญาณจะหวาดกลัวและล่าถอยเสมอ แทบไม่ต้องพูดถึงว่าพวกมันเป็นเพียงสัตว์วิญญาณอายุไม่กี่พันปี

จากนั้นกองทหารกว่าสองพันนายก็ออกจากเมืองหลวงขณะที่ฉินอินและถังเสี่ยวซีนั่งอยู่ในรถม้า หลินมู่อวี่ชักกระบี่ออกมาอารักขาอยู่ด้านข้าง เช่นเดียวกับฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง พวกเว่ยโฉว และเซี้ยโหวซางเดินตามมาติดๆ พร้อมทั้งกลุ่มพลธนูฝีมือดีที่เว่ยโฉวนำมา การเคลื่อนไหวบนหลังม้าทำให้ศรเศวตรมณีส่องแสงแพรวพราว

เหตุผลที่หลินมู่อวี่นำพลทหารเหล่านี้มาคุ้มกันฉินอินเนื่องจากพลังของศรเศวตรมณี มันสามารถจู่โจมศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อผนึกกำลังกับหลินมู่อวี่และฉู๋ฮว๋ายเหมี่ยน แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งอย่าเจิงอี้ฝานก็อาจต้องยอมจำนนต่อผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้ อีกทั้งศรเศวตรมณีสามารถทะลวงเกราะปราณยุทธ์ได้ และเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับขอบเขตปราชญ์!

เมื่อมาถึงลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์ก็เป็นเวลาพลบค่ำ การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่มีอุปสรรคใด

ค่ำคืนนั้นฉินอินและถังเสี่ยวซีถูกจัดให้พักในตำหนักของลานล่าสัตว์ แม้ว่าจะเรียกตำหนัก ทว่าแท้จริงแล้วเป็นเพียงปราสาทขนาดเล็ก กองทัพจักรวรรดิตั้งค่ายพักล้อมรอบตำหนัก เดิมทีตำหนักนี้มีผู้คุ้มกันอยู่แล้วสามร้อยนาย ตอนนี้จึงมีพลทหารทั้งสิ้นสองพันสี่ร้อยนายซึ่งมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น

เมื่อหลินมู่อวี่อารักขาฉินอินและถังเสี่ยวซีเข้ามาในตำหนัก ผู้ดูแลตำหนักก็เข้ามาคารวะพร้อมคุกเข่าลงกับพื้น “กระหม่อมโจวถงถวายบังคมองค์หญิงอิน องค์หญิงซี และขอคารวะแม่ทัพหลิน แม่ทัพฉู่”

ฉินอินโบกมือ “อย่ามากพิธีไป ลุกขึ้นเถิด”

โจวถงรีบลุกขึ้นยืนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตำหนักซินเหวินอยู่ในบริเวณลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์ กระหม่อมได้สั่งให้คนรับใช้เตรียมอาหารค่ำเลิศรสไว้แล้ว องค์หญิงอินทรงพักผ่อนและเสวยพระกระยาหารพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบคุณ”

ฉินอินไม่รู้สึกอยากอาหารมากนัก นางจับมือเสี่ยวซีและพูดว่า “ท่านโจวถงจัดห้องให้พวกเราด้วย ข้าจะนอนกับเสี่ยวซีคืนนี้”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน เว่ยโฉว และคนอื่นๆ เฝ้าอยู่ที่ทางเดิน ขณะที่หลินมู่อวี่แบกถุงสีดำไว้ที่ด้านหลังซึ่งมีมังกรน้อยหลับใหลอยู่และเดินตามเสี่ยวอินและเสี่ยวซีไปที่ห้อง เขาสั่งการทหารอวี้หลินให้อารักขาอย่างแน่นหนาเพื่อความปลอดภัยขององค์หญิงทั้งสอง

ฉินอินดูเป็นกังวลและไม่พูดสิ่งใดมากนัก กระทั่งเข้ามาในห้องหมาป่าวาโยสีทองสัตว์เลี้ยงของฉินอินก็จ้องมองไปยังถุงสีดำด้านหลังหลินมู่อวี่ ‘กี้…’ มังกรน้อยด้านในขยับตัวเล็กน้อย ทำให้หมาป่าวาโยรีบถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมหางที่ตกลงอย่างหวาดกลัวพร้อมส่งเสียงคราง ‘หงิง’

“เจ้าหมาป่าน้อยเป็นอะไรไปหรือ?”

ฉินอินรู้สึกงงเล็กน้อยขณะที่ขมวดคิ้ว “พี่อาวี่ มีสิ่งใดในถุงด้านหลังพี่หรือ เหตุใดหมาป่าน้อยของข้าจึงดูหวาดกลัวเช่นนี้?”

ถังเสี่ยวซีนั่งลงบนเตียงและเผยยิ้ม “ใช่ มู่มู่ เจ้านำของลึกลับอะไรมาด้วย?”

หลินมู่อวี่เผยยิ้มขณะที่กอดอกอยู่ข้างกำแพง “ข้าไปที่การประมูลสัตว์วิญญาณของร้านค้าแห่งจักรวรรดิเมื่อสองวันก่อน และข้าได้ซื้อไข่มังกรมา”

“การประมูลสัตว์วิญญาณ?”

ถังเสี่ยวซีหน้ามุ่ย “นั่นมันเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น ขุนนางมากมายในเมืองหลันเยี่ยนต่างก็เลี้ยงสัตว์วิญญาณ แต่ท้ายที่สุดเหล่าสัตว์วิญญาณก็หนีหายไป หรือไม่เจ้าของก็ถูกจับกิน มู่มู่ เจ้าเป็นคนฉลาด เหตุใดจึงซื้อของหลอกลวงเช่นนั้น…”

หลินมู่อวี่ผายมือออกและยิ้ม “ทว่าข้าก็ซื้อมาแล้ว…อีกทั้งไข่มังกรก็ฟักออกมาเมื่อเช้านี้…”

“ฮะ จริงหรือ?” ถังเสี่ยวซีตกใจ

ฉินอินอ้าปากกว้างขณะที่ดวงตาคู่งามจ้องมองไปที่หลินมู่อวี่ “พี่อาอวี่มิได้โกหกข้าและเสี่ยวซีใช่หรือไม่?”

“ข้าจะโกหกไปเพื่อสิ่งใด?”

หลินมู่อวี่ยิ้มและพูดขึ้น “มังกรน้อย ออกมาเจอพี่สาวทั้งสองเร็ว!”

‘กี้…’

เสียงร้องของมังกรน้อยดังขึ้นจากถุงผ้าพร้อมสะบัดไปมา ทว่ามันไม่สามารถหาทางออกมาได้จึงส่งเสียงกรีดร้องออกมา ‘กี้ กี้!’

ถังเสี่ยวซียิ้ม “อะไรน่ะ?”

หลินมู่อวี่เขย่าถุงผ้า ทันใดนั้นมังกรผลึกโลหิตก็ตกลงมาบนพรมพร้อมส่งเสียงครวญคราง มันหันกลับและวิ่งไปกอดขาหลินมู่อวี่ทันที ดูเหมือนว่ามันจะกลัวมากขณะที่หางซึ่งห่อหุ้มด้วยเกล็ดผลึกสีแดงกวัดแกว่งไปมาบนพรมอย่างซุกซนปนความหวาดกลัว

ฉินอินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “โอ้ น่ารักจัง…ลูกสุนัขหรือ?”

“มันเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ลูกสุนัข…”

หลินมู่อวี่เอื้อมมือไปจับหางของมังกรผลึกโลหิตแล้วยกขึ้นมาขณะที่เดินไปหาเสี่ยวอินและถังเสี่ยวซี ก่อนจะพูดว่า “อย่าอายสิ ตอนนี้เจ้าอยู่ต่อหน้าสองสาวที่งดงามที่สุดในเมืองหลันเยี่ยน!”

ไม่มีใครคาดคิดว่ามังกรน้อยจะเรอออกมากะทันหัน มันอ้าปากกว้างพร้อมพ่นเปลวไฟขนาดเล็กออกมา จากนั้นตากลมโตของมังกรน้อยก็จับจ้องไปยังฉินอินและถังเสี่ยวซี ขณะที่อุ้งเท้าเล็กๆ ของมันกวัดแกว่งราวกับกำลังจะโผลเข้ากอดทั้งสอง

เป็นธรรมชาติของเด็กสาวเมื่อเห็นสิ่งของน่ารัก หัวใจของฉินอินและเสี่ยวซีดูเหมือนจะละลายทันที พวกนางพลันคว้ามังกรผลึกโลหิตจากมือหลินมู่อวี่มาวางไว้บนตักฉินอิน ฉินอินพลันเงยหน้าอย่างนึกตำหนิ “พี่อาอวี่ หากนี่เป็นมังกรผลึกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ในตำนานจริง เช่นนั้นเจ้าเลี้ยงมันราวกับสุนัขได้อย่างไร…”

หลินมู่อวี่หัวเราะ “มันแทบจะเหมือนกับลูกสุนัขเลย!”

ขณะเดียวกันมังกรผลึกโลหิตได้กางอุ้งเท้าหน้าโอบรัดข้อมือฉินอินพร้อมแลบลิ้นเลียนิ้วชี้ของเสี่ยวซี มังกรน้อยเบิกตากลมโตจ้องมองสาวงามทั้งสองอย่างมีความสุข

“มันน่ารักมาก…”

ฉินอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่อาอวี่ ให้ข้าเล่นกับมันสักสองสามวันได้หรือไม่?”

“ได้สิ!”

หลินมู่อวี่กอดอกและยิ้ม “สองวันนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าและเสี่ยวอินตลอดเวลา เล่นกับมันเท่าที่ต้องการเถิด จริงสิเสี่ยวอิน สอนทักษะเชื่อมจิตให้แก่เสี่ยวอินเมื่อมีโอกาสด้วย เสี่ยวซีจะได้มีสัตว์วิญญาณเป็นของตนเอง”

“อื้ม ข้าสอนเสี่ยวซีแล้ว!”

“ดี เรื่องเกี่ยวกับมังกรผลึกโลหิตตัวนี้จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ เพราะหากมีผู้อื่นรู้เข้าอาจเกิดปัญหามากมายตามมา”

“ข้ารู้”

“อืม พักผ่อนสักเล็กน้อยเถิด จากนั้นไปรับประทานอาหารกัน”

“ตกลง”

หลินมู่อวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คืนนี้พักผ่อนให้เพียงพอแล้วพามังกรน้อยออกไปล่าสัตว์วันรุ่งขึ้น จริงสิ ยังไม่ได้ตั้งชื่อให้มันเลย”

“อืม เจ้าต้องการให้ข้าและเสี่ยวอินตั้งชื่อดีๆ ให้หรือไม่?”

“หากพวกเจ้ายินดี”

หลินมู่อวี่มิได้สนใจมากนัก ภารกิจหลักครานี้คือการพาฉินอินออกมาผ่อนคลาย หากมังกรน้อยสามารถทำให้เสี่ยวอินมีความสุขได้ มันก็ไม่สำคัญแม้จะเรียกมังกรน้อยด้วยชื่อแสนตลก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 277 มังกรน้อยเยียวยาจิตใจ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 277 มังกรน้อยเยียวยาจิตใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉินจิ้นเดินลงจากบัลลังก์อย่างเชื่องช้าโดยมีข้าหลวงสองนางคอยพยุงข้างกายขณะเดียวกันก็ไออย่างรุนแรง แทบดูไม่ออกเลยว่าชายชราผู้นี้และราชาผู้ส่องแสงจะเป็นคนเดียวกัน การตายของซูฉินหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเมืองหยาดสายัณห์ ซึ่งอาจทำผู้สนับสนุนฉินอินในภายภาคหน้าขาดหายไป นี่เป็นสิ่งที่ฉินจิ้นกังวลมาก

“เสี่ยวอิน เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” หลินมู่อวี่ก้าวไปด้านหน้าและมองไปที่ฉินอิน

ดวงตาคู่งามเปลี่ยนเป็นสีแดง ฉินอินกัดริ้มฝีปากแน่นก่อนจะกล่าวว่า “พี่อาอวี่ ท…ท่านลุงเสียชีวิตได้อย่างไร? เขาเป็นถึงแม่ทัพแห่งจักรวรรดิ…”

หลินมู่อวี่เงียบไปเล็กน้อยและกล่าวว่า “มีพบก็ต้องมีจาก เขาเพียงแค่สร้างความขุ่นเคืองแก่คนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว”

“เซี่ยงอวี้?”

ดวงตาฉินอินเต็มไปด้วยจิตสังหาร “หากท่านลุงถูกเซี่ยงอวี้สังหารจริงๆ ข้าจะสาปแช่งให้เขาตายอย่างทรมาน!”

“อืม”

หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ “ข้าเห็นด้วย!”

ชวีฉู่ด้านข้างพลันกล่าวขึ้น “อาอวี่ องค์หญิงอินทรงมีอารมณ์ที่ไม่มั่นคง เจ้าควรอยู่เคียงข้างองค์หญิงในสองวันนี้ ข้าจะปกป้องฝ่าบาทอยู่ในตำหนักเจ๋อเทียนเอง เจ้ากับเสี่ยวอินออกไปนอกตำหนักและพักผ่อนเถิด”

“ขอรับผู้อาวุโสฉู่”

“อืม เช่นนั้นข้าไปล่ะ ให้พวกเจ้าทั้งสองอยู่กันตามลำพัง”

หลังจากชวีฉู่พูดจบ ฉินอินก็หน้าแดงก่ำขณะเงยหน้ามองหลินมู่อวี่ ทว่าจากนั้นก็กัดริมฝีปากแน่นอีกครั้งเมื่อนึกถึงการตายที่น่าเศร้าของซูฉิน เสี่ยวอินพลันพูดขึ้น “พี่อาอวี่ สองวันนี้พวกเราจะไปลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์ใช่หรือไม่?”

“อืม เจ้าต้องการออกเดินทางเวลาไหน?”

“ข้าจะออกไปช่วงบ่ายเจ้าค่ะ”

“ตกลง ข้าจะไปเตรียมตัว”

“เจ้าค่ะ ข้าจะรอที่โถงตำหนักเจ๋อเทียนตอนเที่ยง และจะส่งคนไปรับเสี่ยวซีเพื่อไปที่นั่นด้วยกัน”

“ได้สิ!”

เมื่อหลินมู่อวี่หันกลับมาก็เห็นฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนประสานหมัดพร้อมพูดว่า “แม่ทัพคนสุดท้ายฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนน้อมรับคำบัญชาแม่ทัพหลินขอรับ!”

แม้ว่าฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจะเป็นองครักษณ์มังกร แต่เขาเป็นแม่ทัพระดับห้าซึ่งยศต่ำกว่าหลินมู่อวี่หนึ่งระดับ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจึงพูดอย่างเคารพ

หลินมู่อวี่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงตอบไปว่า “พี่ฉู่ องค์หญิงอินจะออกไปล่าสัตว์และจำเป็นต้องมีคนอารักขา ทหารที่พี่สั่งการได้ขณะนี้มีเท่าใดหรือ?”

“ทหารอวี้หลินราวสองพันนาย”

“ตกลง นำพวกเขามาทั้งหมด”

“อื้ม!”

หลินมู่อวี่ครุ่นคิดสักครู่ เมื่อออกจากประตูก็พบองครักษ์อินทรี เขาจึงสั่งว่า “กลับไปที่ค่ายรังอินทรีทันที และสั่งเว่ยโฉวให้นำองครักษ์อินทรีห้าสิบนายมาที่ตำหนักเจ๋อเทียนพร้อมนำศรเศวตรมณีมาให้เพียงพอ”

“ขอรับท่านแม่ทัพ!”

หลังจากสั่งการทั้งหมด หลินมู่อวี่ก็ครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะขี่ม้ากลับวิหาร เนื่องจากพวกเขาจะออกไปล่าสัตว์ หลินมู่อวี่จึงต้องการนำมังกรน้อยไปด้วย มังกรน้อยน่ารักคงทำให้ฉินอินอารมณ์ดีขึ้น และสิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือมังกรผลึกโลหิตจำเป็นต้องเติบโต ตามบทที่สี่ ‘บทผสมพันธุ์’ ของตำราทักษะเชื่อมจิต ตราบใดที่สัตว์เลี้ยงแข็งแกร่งมากพอ มันจะสามารถเร่งการเติบโตได้โดยการกินสัตว์วิญญาณอื่นๆ นี่จึงเป็นโอกาสดี หลินมู่อวี่ไม่ต้องการรอจนแก่เฒ่ากระทั่งมังกรผลึกโลหิตโตเต็มวัย เช่นนั้นคงไม่มีประโยชน์อันใดนอกจากต้องขายมัน

เมื่อกลับมาถึงวิหาร หลินมู่อวี่ก็รายงานเหล่ยหง จากนั้นก็ห่อหุ้มร่างของมังกรน้อยด้วยผ้าสีดำไว้บนหลังม้าและออกคำสั่งไม่ให้มันขยับเขยื้อน แม้มังกรผลึกโลหิตจะซน แต่มันก็เชื่อฟังมาก หลังนอนนิ่งในถุงผ้าไม่นานก็มีเสียงกรนดังขึ้นแผ่วเบา มันหลับไปแล้ว!

หลินมู่อวี่ขี่ม้ามาที่ตำหนักเจ๋อเทียนอีกครั้ง หลังรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ พวกเขาก็ออกเดินไปยังลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์

ลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์ตั้งอยู่ในป่าล่ามังกร สัตว์วิญญาณส่วนใหญ่ในพื้นที่มีอายุน้อยกว่าสามพันปีและได้รับการปกป้องโดยพลธนู เมื่อใดที่สัตว์วิญญาณพยายามหลบหนี ทหารเหล่านี้จะใช้คบเพลิงและธนูข่มขู่ ไม่ว่าคนเหล่านี้จะแข็งแกร่งเพียงใด สัตว์วิญญาณจะหวาดกลัวและล่าถอยเสมอ แทบไม่ต้องพูดถึงว่าพวกมันเป็นเพียงสัตว์วิญญาณอายุไม่กี่พันปี

จากนั้นกองทหารกว่าสองพันนายก็ออกจากเมืองหลวงขณะที่ฉินอินและถังเสี่ยวซีนั่งอยู่ในรถม้า หลินมู่อวี่ชักกระบี่ออกมาอารักขาอยู่ด้านข้าง เช่นเดียวกับฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง พวกเว่ยโฉว และเซี้ยโหวซางเดินตามมาติดๆ พร้อมทั้งกลุ่มพลธนูฝีมือดีที่เว่ยโฉวนำมา การเคลื่อนไหวบนหลังม้าทำให้ศรเศวตรมณีส่องแสงแพรวพราว

เหตุผลที่หลินมู่อวี่นำพลทหารเหล่านี้มาคุ้มกันฉินอินเนื่องจากพลังของศรเศวตรมณี มันสามารถจู่โจมศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อผนึกกำลังกับหลินมู่อวี่และฉู๋ฮว๋ายเหมี่ยน แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งอย่าเจิงอี้ฝานก็อาจต้องยอมจำนนต่อผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้ อีกทั้งศรเศวตรมณีสามารถทะลวงเกราะปราณยุทธ์ได้ และเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับขอบเขตปราชญ์!

เมื่อมาถึงลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์ก็เป็นเวลาพลบค่ำ การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่มีอุปสรรคใด

ค่ำคืนนั้นฉินอินและถังเสี่ยวซีถูกจัดให้พักในตำหนักของลานล่าสัตว์ แม้ว่าจะเรียกตำหนัก ทว่าแท้จริงแล้วเป็นเพียงปราสาทขนาดเล็ก กองทัพจักรวรรดิตั้งค่ายพักล้อมรอบตำหนัก เดิมทีตำหนักนี้มีผู้คุ้มกันอยู่แล้วสามร้อยนาย ตอนนี้จึงมีพลทหารทั้งสิ้นสองพันสี่ร้อยนายซึ่งมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น

เมื่อหลินมู่อวี่อารักขาฉินอินและถังเสี่ยวซีเข้ามาในตำหนัก ผู้ดูแลตำหนักก็เข้ามาคารวะพร้อมคุกเข่าลงกับพื้น “กระหม่อมโจวถงถวายบังคมองค์หญิงอิน องค์หญิงซี และขอคารวะแม่ทัพหลิน แม่ทัพฉู่”

ฉินอินโบกมือ “อย่ามากพิธีไป ลุกขึ้นเถิด”

โจวถงรีบลุกขึ้นยืนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตำหนักซินเหวินอยู่ในบริเวณลานล่าสัตว์ส่วนพระองค์ กระหม่อมได้สั่งให้คนรับใช้เตรียมอาหารค่ำเลิศรสไว้แล้ว องค์หญิงอินทรงพักผ่อนและเสวยพระกระยาหารพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบคุณ”

ฉินอินไม่รู้สึกอยากอาหารมากนัก นางจับมือเสี่ยวซีและพูดว่า “ท่านโจวถงจัดห้องให้พวกเราด้วย ข้าจะนอนกับเสี่ยวซีคืนนี้”

“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน เว่ยโฉว และคนอื่นๆ เฝ้าอยู่ที่ทางเดิน ขณะที่หลินมู่อวี่แบกถุงสีดำไว้ที่ด้านหลังซึ่งมีมังกรน้อยหลับใหลอยู่และเดินตามเสี่ยวอินและเสี่ยวซีไปที่ห้อง เขาสั่งการทหารอวี้หลินให้อารักขาอย่างแน่นหนาเพื่อความปลอดภัยขององค์หญิงทั้งสอง

ฉินอินดูเป็นกังวลและไม่พูดสิ่งใดมากนัก กระทั่งเข้ามาในห้องหมาป่าวาโยสีทองสัตว์เลี้ยงของฉินอินก็จ้องมองไปยังถุงสีดำด้านหลังหลินมู่อวี่ ‘กี้…’ มังกรน้อยด้านในขยับตัวเล็กน้อย ทำให้หมาป่าวาโยรีบถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมหางที่ตกลงอย่างหวาดกลัวพร้อมส่งเสียงคราง ‘หงิง’

“เจ้าหมาป่าน้อยเป็นอะไรไปหรือ?”

ฉินอินรู้สึกงงเล็กน้อยขณะที่ขมวดคิ้ว “พี่อาวี่ มีสิ่งใดในถุงด้านหลังพี่หรือ เหตุใดหมาป่าน้อยของข้าจึงดูหวาดกลัวเช่นนี้?”

ถังเสี่ยวซีนั่งลงบนเตียงและเผยยิ้ม “ใช่ มู่มู่ เจ้านำของลึกลับอะไรมาด้วย?”

หลินมู่อวี่เผยยิ้มขณะที่กอดอกอยู่ข้างกำแพง “ข้าไปที่การประมูลสัตว์วิญญาณของร้านค้าแห่งจักรวรรดิเมื่อสองวันก่อน และข้าได้ซื้อไข่มังกรมา”

“การประมูลสัตว์วิญญาณ?”

ถังเสี่ยวซีหน้ามุ่ย “นั่นมันเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น ขุนนางมากมายในเมืองหลันเยี่ยนต่างก็เลี้ยงสัตว์วิญญาณ แต่ท้ายที่สุดเหล่าสัตว์วิญญาณก็หนีหายไป หรือไม่เจ้าของก็ถูกจับกิน มู่มู่ เจ้าเป็นคนฉลาด เหตุใดจึงซื้อของหลอกลวงเช่นนั้น…”

หลินมู่อวี่ผายมือออกและยิ้ม “ทว่าข้าก็ซื้อมาแล้ว…อีกทั้งไข่มังกรก็ฟักออกมาเมื่อเช้านี้…”

“ฮะ จริงหรือ?” ถังเสี่ยวซีตกใจ

ฉินอินอ้าปากกว้างขณะที่ดวงตาคู่งามจ้องมองไปที่หลินมู่อวี่ “พี่อาอวี่มิได้โกหกข้าและเสี่ยวซีใช่หรือไม่?”

“ข้าจะโกหกไปเพื่อสิ่งใด?”

หลินมู่อวี่ยิ้มและพูดขึ้น “มังกรน้อย ออกมาเจอพี่สาวทั้งสองเร็ว!”

‘กี้…’

เสียงร้องของมังกรน้อยดังขึ้นจากถุงผ้าพร้อมสะบัดไปมา ทว่ามันไม่สามารถหาทางออกมาได้จึงส่งเสียงกรีดร้องออกมา ‘กี้ กี้!’

ถังเสี่ยวซียิ้ม “อะไรน่ะ?”

หลินมู่อวี่เขย่าถุงผ้า ทันใดนั้นมังกรผลึกโลหิตก็ตกลงมาบนพรมพร้อมส่งเสียงครวญคราง มันหันกลับและวิ่งไปกอดขาหลินมู่อวี่ทันที ดูเหมือนว่ามันจะกลัวมากขณะที่หางซึ่งห่อหุ้มด้วยเกล็ดผลึกสีแดงกวัดแกว่งไปมาบนพรมอย่างซุกซนปนความหวาดกลัว

ฉินอินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “โอ้ น่ารักจัง…ลูกสุนัขหรือ?”

“มันเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ลูกสุนัข…”

หลินมู่อวี่เอื้อมมือไปจับหางของมังกรผลึกโลหิตแล้วยกขึ้นมาขณะที่เดินไปหาเสี่ยวอินและถังเสี่ยวซี ก่อนจะพูดว่า “อย่าอายสิ ตอนนี้เจ้าอยู่ต่อหน้าสองสาวที่งดงามที่สุดในเมืองหลันเยี่ยน!”

ไม่มีใครคาดคิดว่ามังกรน้อยจะเรอออกมากะทันหัน มันอ้าปากกว้างพร้อมพ่นเปลวไฟขนาดเล็กออกมา จากนั้นตากลมโตของมังกรน้อยก็จับจ้องไปยังฉินอินและถังเสี่ยวซี ขณะที่อุ้งเท้าเล็กๆ ของมันกวัดแกว่งราวกับกำลังจะโผลเข้ากอดทั้งสอง

เป็นธรรมชาติของเด็กสาวเมื่อเห็นสิ่งของน่ารัก หัวใจของฉินอินและเสี่ยวซีดูเหมือนจะละลายทันที พวกนางพลันคว้ามังกรผลึกโลหิตจากมือหลินมู่อวี่มาวางไว้บนตักฉินอิน ฉินอินพลันเงยหน้าอย่างนึกตำหนิ “พี่อาอวี่ หากนี่เป็นมังกรผลึกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ในตำนานจริง เช่นนั้นเจ้าเลี้ยงมันราวกับสุนัขได้อย่างไร…”

หลินมู่อวี่หัวเราะ “มันแทบจะเหมือนกับลูกสุนัขเลย!”

ขณะเดียวกันมังกรผลึกโลหิตได้กางอุ้งเท้าหน้าโอบรัดข้อมือฉินอินพร้อมแลบลิ้นเลียนิ้วชี้ของเสี่ยวซี มังกรน้อยเบิกตากลมโตจ้องมองสาวงามทั้งสองอย่างมีความสุข

“มันน่ารักมาก…”

ฉินอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่อาอวี่ ให้ข้าเล่นกับมันสักสองสามวันได้หรือไม่?”

“ได้สิ!”

หลินมู่อวี่กอดอกและยิ้ม “สองวันนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าและเสี่ยวอินตลอดเวลา เล่นกับมันเท่าที่ต้องการเถิด จริงสิเสี่ยวอิน สอนทักษะเชื่อมจิตให้แก่เสี่ยวอินเมื่อมีโอกาสด้วย เสี่ยวซีจะได้มีสัตว์วิญญาณเป็นของตนเอง”

“อื้ม ข้าสอนเสี่ยวซีแล้ว!”

“ดี เรื่องเกี่ยวกับมังกรผลึกโลหิตตัวนี้จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ เพราะหากมีผู้อื่นรู้เข้าอาจเกิดปัญหามากมายตามมา”

“ข้ารู้”

“อืม พักผ่อนสักเล็กน้อยเถิด จากนั้นไปรับประทานอาหารกัน”

“ตกลง”

หลินมู่อวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คืนนี้พักผ่อนให้เพียงพอแล้วพามังกรน้อยออกไปล่าสัตว์วันรุ่งขึ้น จริงสิ ยังไม่ได้ตั้งชื่อให้มันเลย”

“อืม เจ้าต้องการให้ข้าและเสี่ยวอินตั้งชื่อดีๆ ให้หรือไม่?”

“หากพวกเจ้ายินดี”

หลินมู่อวี่มิได้สนใจมากนัก ภารกิจหลักครานี้คือการพาฉินอินออกมาผ่อนคลาย หากมังกรน้อยสามารถทำให้เสี่ยวอินมีความสุขได้ มันก็ไม่สำคัญแม้จะเรียกมังกรน้อยด้วยชื่อแสนตลก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+