The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 389 หวาดกลัว

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 389 หวาดกลัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.389 หวาดกลัว

“พรึ่บ…”

เปลวเพลิงปะทุขึ้นรอบกระบี่วิญญาณมังกรพร้อมเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังกว่าสิบตัว แต่หลินมู่อวี่เหลือเพียงพลังที่ใช้ป้องกันเท่านั้น แม้แต่กำแพงน้ำเต้าก็ถูกแทงทะลุอย่างง่ายดาย เมื่อหันหลังไปก็พบเว่ยโฉวและฉินเหยียนนำกองทหารม้าหนักห้าพันนายพุ่งตรงมา เว่ยโฉวตะโกนเสียงดัง “ท่านผู้นำ ระวัง!!”

สิ้นเสียง ฝีเท้าดาวตกเปล่งแสงใต้ฝ่าเท้าพุ่งหลบราวกับสายฟ้าไปหาท่าเฉว่ ก่อนจะควบม้าเข้าสมทบกับพวกเว่ยโฉวและฉินเหยียนและออกคำสั่งเสียงดัง “จับเป็นปีศาจชุดเกราะอ่อนสีแดงนั่น และฆ่าที่เหลือซะ!”

“ฟิ้ว!!”

ทหารม้าแห่งกองทัพมังกรผงาดเชี่ยวชาญการยิงธนูจากหลังม้า พวกเขายิงธนูใส่ศัตรูหนึ่งชุดก่อนจะเข้ามาถึง กระนั้นฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่จักรวรรดิอี้เหอ…แต่เป็นเผ่าปีศาจ! พวกมันล้วนสามารถใช้ปราณยุทธ์สีดำ ทันใดนั้น! พายุปราณสีดำก็ปรากฏขึ้นสกัดลูกธนูเกือบทั้งหมด แต่กำลังแขนของเว่ยโฉวแข็งแกร่งมาก เมื่อผนวกกับพลังของศรเศวตรมณี ทำให้ลูกธนูพุ่งทะลุหัวนักรบอสูรรุนแรงจนสมองกระจาย

ขณะที่องค์ชายสามเสียแขนข้างหนึ่ง แต่สีหน้ากลับเผยความดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ เขาถือดาบในมือซ้ายและตะโกนเสียงทุ้มต่ำ “เหล่านักรบคือความภาคภูมิใจของเผ่าเทพ เราจะไม่ยอมตายด้วยน้ำมือมนุษย์ต่ำต้อยเหล่านี้ ไปซะ! จงฆ่าพวกมันให้สิ้นซาก!!”

“ข้าจะติดตามองค์ชายสามไปจนวันตาย!”

กลุ่มปีศาจระดับสูงคำรามก้องพร้อมดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ทุกสิ่งเป็นดังที่หลินมู่อวี่คาดการณ์ไว้ เผ่าปีศาจพยายามบุกรุกแผ่นดินมนุษย์ กระนั้นพวกมันต้องเตรียมการเป็นเวลาถึงสามปีกว่าจะเริ่มเคลื่อนไหว

กีบเท้าเหล็กของม้าศึกดังกึกก้องสะท้านแผ่นดิน หลินมู่อวี่เปลี่ยนไปใช้ทวนดอกหลีฮวาอีกครั้ง ก่อนจะพลิกข้อมือส่งกระบวนท่ารูปแบบหงฉวนออกไปพร้อมโซ่เทวะปกคลุมรอบทวนเสริมพลังโจมตีมากขึ้น ทำให้อสูรสองตัวที่กำลังรวบรวมปราณยุทธ์สีดำถูกแทงทะลุอย่างน่าสะพรึงกลัว

เว่ยโฉว ฉินเหยียน และคนอื่นๆ ชักดาบพุ่งไปด้านหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

แต่ปีศาจระดับสูงเหล่านี้ไม่อยู่เฉยเพื่อรอถูกฆ่าเพียงฝ่ายเดียว พวกมันบุกเข้าโจมตีและสังหารทหารกองทัพมังกรผงาดพร้อมม้าศึกอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเป็นนักฆ่าและมีรัศมีน่าเกรงขามอย่างแท้จริง

หลังจากปะทะกันหนึ่งรอบ ปีศาจระดับสูงถูกฆ่าไปเกือบห้าสิบตัว ขณะที่กองทัพมังกรผงาดสูญเสียไปหลายร้อยคน หลินมู่อวี่รู้สึกสั่นสะท้านในหัวใจ ก่อนจะรีบหันม้าเพื่อแปรทัพใหม่พร้อมตะโกน “ถอยตั้งหลักก่อน!”

“แฮ่ก…”

องค์ชายสามหายใจหอบหนักพร้อมกับกระชับดาบยาวไว้ในมือข้างเดียว ใบหน้าของเขาซีดเซียวไร้โลหิต ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าศัตรูแข็งแกร่งเพียงใด คนเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอเฉกเช่นกองทัพมนุษย์ในมณฑลหลิงตงและมณฑลทงเทียน ตรงกันข้าม…ตนเองกลับอ่อนแอและมีพลังด้อยกว่ามาก!

“ฝ่าบาท…” นักรบอสูรที่ไหล่ถูกเจาะจนเลือดไหลอาบแขนกล่าว “พวกมันแข็งแกร่งมาก กระหม่อมเกรงว่า…คงไม่สามารถรอดชีวิตกลับออกไปยังเมืองหลวงปีศาจได้…”

“ไม่!”

องค์ชายสามกัดฟันแน่น “ข้าจะพาเจ้ากลับออกไปให้ได้!”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”

เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบทหารกองทัพมังกรผงาดพุ่งเข้ามาอีกครั้ง องค์ชายสามพลันคำรามลั่นอย่างโกรธเกรี้ยวปลดปล่อยปราณยุทธ์ทะยานขึ้นสู่ท้องนภา แต่ความเข้มข้นของรัศมีพลังน้อยลงกว่าเดิมมาก มันสะท้อนพลังรูปแบบถล่มภูผาของหลินมู่อวี่จนถอยกลับ ทันใดนั้นแสงสีทองปรากฎขึ้นรอบกาย ก่อนที่น้ำเต้าทองโผล่พ้นดินพันธนาการองค์ชายสามไว้แน่นจนขยับไม่ได้ หลินมู่อวี่ในชุดเกราะเงินวิ่งเข้ามาพร้อมคว้าองค์ชายขึ้นพาดบนหลังม้าทันที

เขายกกำปั้นที่ปกคลุมไปด้วยพลังหมุน “เปรี้ยง!” มันกระแทกศีรษะศัตรูอย่างรุนแรงจนทำให้สลบไป

เว่ยโฉวและทหารคนอื่นๆ รีบพุ่งตัวเผชิญหน้ากับปีศาจระดับสูงที่เหี้ยมโหด ผลการต่อสู้ยังคงเป็นเช่นเดิม ศัตรูถูกสังหารหลายสิบตัว ขณะที่กองทัพมังกรผงาดสูญเสียไปหลายร้อยนาย

“เปลี่ยนไปใช้ศรเศวตรมณี!”

หลินมู่อวี่ออกคำสั่งเสียงดัง “ล้อมพวกมันและยิงธนูใส่!”

“ขอรับ!”

ทหารกองทัพมังกรผงาดไม่บุกโจมตีอีกต่อไป พวกเขาเปลี่ยนกลยุทธ์โดยการเข้าล้อมศัตรูด้วยโล่และยิงธนูจากทุกทิศทาง กลุ่มนักรบอสูรมีเพียงดาบยาวและไม่มีเกราะ “ฉึก ฉึก ฉึก!!” ลูกศรสามารถยิงทะลุร่างได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่ศัตรูล้มตายโดยไม่มีโอกาสร้องโหยหวนทันที

หลังจากนั้นก็ไม่มีการต่อต้านจากพวกปีศาจอีกต่อไป ใจกลางวงล้อมของทหารม้าเหล็กมีกลุ่มนักรบอสูรนอนตายทับถมกันพร้อมมีลูกศรปักร่าง กระนั้นยังคงมีเสียงร้องโหยหวนดังเล็ดลอดออกมา

“ท่านผู้นำ ข้าควรทำอย่างไรดี?” เว่ยโฉวถาม

หลินมู่อวี่สูดลมหายใจก่อนกล่าวว่า “มัดพวกที่ยังมีชีวิตไว้ด้วยโซ่เหล็กและนำกลับค่ายพร้อมซากศพที่เหลือ”

“ขอรับ!”

ฉินเหยียนเดินเข้ามาพร้อมถือหอกเขี้ยวอัคคี เขามองซากศพอสูรด้วยความประหลาดใจ เลือดของพวกมันควบแน่นและกลายเป็นลูกประคำสีเลือด “พี่ใหญ่ นี่คือสิ่งใด?”

หลินมู่อวี่เห็นก็เข้าใจว่า เมื่อปีศาจระดับสูงตาย พวกมันคงรวบรวมพลังทางจิตวิญญาณเข้าด้วยกันและสร้างสิ่งนี้ขึ้น “นำมันกลับไปด้วย มันคงจะเป็นของดีที่จะช่วยในการฝึกยุทธ์ของมนุษย์”

“ขอรับ!”

ขณะเดียวกันซูอวี่และลุงสี่เดินเข้ามาพร้อมกัน ข้อมือของนางยังคงมีเลือดไหลเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาอวี่ ต้องขอบคุณเจ้าที่พาทหารเข้ามาช่วย มิเช่นนั้นข้าคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้อีกแล้ว”

“ท่านป้าอวี่ได้รับบาดเจ็บหรือ?” หลินมู่อวี่หยิบยาสมานแผลออกมาและกล่าวว่า “นี่คือยาสมานแผลที่ดีที่สุด มันจะช่วยให้แผลของท่านไม่แย่ลงไปกว่าเดิม ท่านป้าโปรดใช้มัน”

“อืม ขอบคุณมาก” ซูอวี่ยิ้มขอบคุณ นางรับขวดยามาด้วยใบหน้าที่โศกเศร้า “โชคร้ายยิ่งนัก ทหารส่วนใหญ่ที่มากับข้าเสียชีวิตในสนามรบ”

“พวกมันเป็นปีศาจระดับสูงที่ทรงพลังมาก ไม่เหมือนกับกองทัพจักรวรรดิอี้เหอ”

หลินมู่อวี่ประสานหมัด “ข้าจะส่งทหารเพื่อนำร่างกองทัพฉินหลงไปฝังให้ ท่านป้าอวี่อย่าได้เป็นกังวล”

“อืม น้ำมันบีชสีดำสี่พันถังอยู่ที่นั่น นำพวกมันกลับกันเถิด”

“ขอรับ!”

จากศึกเมื่อครู่ ทหารกองทัพมังกรผงาดเสียชีวิตมากกว่าสามร้อยนาย ขณะที่เผ่าปีศาจถูกสังหารกว่าสี่ร้อยจากทั้งหมดห้าร้อยตน ได้รับบาดเจ็บสาหัสสามสิบหกตน เมื่อรวมองค์ชายสามจะได้จำนวนทั้งสิ้นสามสิบเจ็ดตน

เมื่อหลินมู่อวี่กลับมายังค่าย เขาเห็นฉินอินยืนทักทายจากระยะไกลภายใต้แสงจันทร์ พร้อมมีจางเหว่ยอารักขาอยู่ด้านข้าง

แสงจันทร์นวลสาดส่องลงบนใบหน้างามราวกับเคลือบด้วยแสงสีเงิน เมื่อฉินอินเห็นหลินมู่อวี่และซูอวี่เดินเข้ามาเคียงข้างกัน นางรีบเข้ามาทักทาย “พี่อาอวี่ ท่านป้าอวี่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ? ผู้ใดบังอาจโจมตีกองทัพของเรา?”

หลินมู่อวี่โยนองค์ชายสามลงพื้น “เป็นคนเหล่านี้”

“มนุษย์หรือ?” ฉินอินกล่าวด้วยความฉงน

“ไม่ เผ่าปีศาจ เสี่ยวอินเคยเห็นจอมพลเฉียนเฟิงแห่งเผ่าปีศาจแล้วใช่หรือไม่…พวกมันแทบไม่แตกต่างจากมนุษย์ หากไม่ลืมตาขึ้น อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นมนุษย์ได้”

“อืม”

เว่ยโฉวก้าวออกไปอุ้มองค์ชายสามที่หมดสติพร้อมเอ่ยถาม “ท่านผู้นำ ข้าควรทำอย่างไรกับปีศาจเหล่านี้?”

“รักษาพวกมัน อย่าปล่อยให้มันตาย และมัดไว้ด้วยโซ่เหล็กพร้อมดูแลให้ดี พวกมันยังคงมีประโยชน์” หลินมู่อวี่ตอบ

ซูอวี่ลงจากหลังม้าและประสานหมัด “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

ฉินอินยิ้มและพยุงนางขึ้น “ป้าอวี่อย่ามากพิธีเลย…หือ? ท่านป้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”

“เป็นเพียงแผลถลอกเท่านั้น”

ซูอวี่ยิ้มเล็กน้อย “โชคดีที่กองทัพมังกรผงาดของอาอวี่แข็งแกร่งมาก มิเช่นนั้นเราคงไม่อาจจัดการและใช้ประโยชน์พวกปีศาจเหล่านี้ได้”

ฉินอินพยักหน้า “จริงสิพี่อาอวี่ ที่กล่าวว่าพวกมันมีประโยชน์ นั่นหมายถึงสิ่งใดหรือ?”

“เราจะทำให้เผ่าปีศาจล่าถอยได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเชลยศึกเหล่านี้” หลินมู่อวี่ชี้นิ้วไปยังองค์ชายสามที่สลบและกล่าว “ข้าได้ยินว่าปีศาจตนนี้ถูกเรียกว่าองค์ชายลำดับสาม เขาจะต้องเป็นบุคคลสำคัญของเผ่าปีศาจเป็นแน่ ตอนนี้เขาเป็นเบี้ยสำคัญในมือของเรา เพียงต้องรอพวกมันส่งทูตมาเจรจาเท่านั้น!”

“อื้ม!”

ภายในกระโจมของกองทหารที่สี่มีแสงไฟสว่างทั่วบริเวณ แขนที่หักขององค์ชายสามถูกรักษาเรียบร้อย และตัวเขาถูกมัดติดกับเสาด้วยโซ่เหล็กหนา เขาลืมตาสีม่วงขึ้นมาหลังจากถูกน้ำเย็นสาด เขาจ้องมองหลินมู่อวี่ด้วยความเกลียดชังและตะโกนลั่นอย่างโกรธเกรี้ยว “หลินมู่อวี่ ไอ้สัตว์ร้าย สังหารข้าซะ! เสด็จพ่อและท่านพี่จะต้องแก้แค้นให้ข้าเป็นแน่ รอดูเถิด!”

“อยากตายจริงๆ หรือ?”

หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรจ่อที่คอของอีกฝ่าย คมดาบเฉือนเข้าผิวหนังทีละน้อยพร้อมเลือดที่ค่อยๆ ไหลออกมา

ภายใต้ความเจ็บปวด องค์ชายสามกัดฟันแน่นและเอ่ยถาม “เจ้าต้องการอะไร?”

“ข้าเพียงต้องการถามเล็กน้อย หวังว่าเจ้าจะตอบตามความจริง”

“หากข้าไม่ตอบล่ะ?” องค์ชายสามกล่าวด้วยท่าทีเย้ยหยัน

“เช่นนั้นข้าจะสังหารทหารของเจ้าทีละตัวเพื่อเปิดปากเจ้าให้ได้” ดวงตาหลินมู่อวี่เผยความโหดเหี้ยมขณะที่เขายิ้มเล็กน้อย “เจ้าคือองค์ชายแห่งเผ่าปีศาจคงรู้วิธีเห็นอกเห็นใจผู้อยู่ใต้บัญชาและไม่ปล่อยให้พวกเขาต้องตายเปล่าใช่หรือไม่? เช่นนั้นจงตอบข้ามาตามความจริงทั้งหมด”

แม้องค์ชายสามจะเผยสีหน้าไม่เกรงกลัว แต่มือด้านหลังกลับสั่นเทา จะมีใครบ้างที่ไม่เกรงกลัวความตาย…นับประสาอะไรกับราชวงศ์ที่ถูกปรนนิบัติมาตั้งแต่กำเนิด…

“ถามมา”

“อืม” หลินมู่อวี่หยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ ก่อนจะชักกระบี่ออกจากคออีกฝ่าย “เผ่าปีศาจมีจำนวนเท่าใด?”

“หากข้าพูดไป อาจทำให้พวกเจ้าหวาดกลัว” องค์ชายสามจ้องมองไปยังพวกหลินมู่อวี่

“คงไม่เป็นเช่นนั้น หากพวกข้ากลัวคงหนีไปแล้ว พูดมาเถิด” หลินมู่อวี่ยิ้ม

องค์ชายสามกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ “ฟังให้ดี ปีศาจทั้งหมดแบ่งออกเป็นสองกองทัพ กองทัพที่หนึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของจอมพลเฉียนเฟิง ซึ่งมีอสูรเกราะหนึ่งแสนห้าหมื่นตน อสูรปีกสามหมื่นตน และนักรบระดับสูงหนึ่งหมื่นตน ส่วนกองทัพที่สองอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของจอมพลเหล่ยฉง โดยมีอสูรเกราะสองแสนตน และอสูรปีกห้าหมื่นตน หึ! เริ่มกลัวแล้วใช่หรือไม่?”

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด