The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 322 ฝ่าวงล้อมศัตรู

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 322 ฝ่าวงล้อมศัตรู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.322 ฝ่าวงล้อมศัตรู

“ระวังลูกธนู!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนรีบดึงบังเหียนควบม้าออกไปพร้อมขบวนทหารม้า ทุกคนชูโล่ขึ้นตั้งรับ ขณะที่ทางเหนือมีพลธนูซุ่มอยู่ในความมืด กระนั้นลูกศรก็ไม่สามารถทะลวงความแข็งแกร่งของทหารม้าหนักได้ หลังจากศัตรูโจมตีด้วยธนูรอบแรก มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และไม่มีผู้เสียชีวิต

‘ชิ้ง!’

คมมีดไร้ลักษณ์พุ่งทะลุเหนือขบวนทหาร มีดเสียงปีศาจโจมตีและสังหารผู้คนไปกว่าสิบคนอย่างรวดเร็วภายใต้การควบคุมของหลินมู่อวี่ มันบินตามเจ้านายราวกับเงาตามตัวตลอดทาง ทว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นหรือจับต้องมีดเล่มนี้ได้ ขณะเดียวกันวิญญาณมังกรนภาคำรามก้องอย่างน่าเกรงขาม!

กระบี่วิญญาณมังกรบินออกไปพร้อมแสงสว่างวาบ ‘ฟุ่บ’ มันทะลุผ่านโล่หนักหลายชิ้นและระเบิดออกทันที! ปราณยุทธ์เปลี่ยนเป็นคลื่นกระแทกใส่ทหารราวเจ็ดคนกระเด็นออกไปและทำลายกองทหารอาสาอย่างรวดเร็ว ทว่าศัตรูก็แปรทัพป้องกันอีกครั้ง กำแพงมนุษย์ทับซ้อนกันตั้งรับรอการโจมตีของทหารค่ายเขาเหิน

หลงเซียนหลินเตรียมการมายาวนาน จึงไม่เป็นปัญหามากแม้หลินมู่อวี่และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจะโจมตีตอนกลางคืนและเป็นฝ่ายเดินเข้าหากับดักเอง ดูเหมือนว่าหลงเซียนหลินเดาทางได้ว่าทหารแห่งจักรวรรดิจะเข้ามาโจมตี ดังนั้นจึงเตรียมพลโล่มากกว่าปกติไว้ในค่ายพร้อมพลธนู ทว่าเบื้องหลังโล่หนาเหล่านั้นคือพลหอก ซึ่งเป็นยุทธวิธีทหารม้าหนักที่น่าเกรงขาม!

“ระวัง!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนรีบควบม้าไปด้านหน้าพร้อมดาบ ทันใดนั้น! แสงใบดาบส่องสว่างกระแทกปลายหอกหลายเล่ม เขาขี่ม้าเหวี่ยงดาบทะลวงกองทัพอย่างรวดเร็ว ด้านหลังฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนมีกองทหารเขาเหินพุ่งตัวตามมาและหยุดไม่ทัน พวกเขาถูกหอกแทงอย่างรวดเร็วพร้อมส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังทั่วบริเวณ

หลินมู่อวี่ชักกระบี่และควบม้าเคียงข้างฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน กระบี่วิญญาณมังกรตัดผ่านเหล็กง่ายดายราวกับตัดโคลน ทันใดนั้น! หลินมู่อวี่ก็ยกมือขึ้นพร้อมพลังเจ็ดประทีปเอ่อล้นออกมา…หนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน!

พลังหนึ่งประทีปโหมกระแทกกองทหารอย่างรุนแรง! ทหารเกือบยี่สิบนายเลือดท่วมกายภายในพริบตา ด้วยพลังมหาศาลทำให้พวกเขาเลือดออกและบาดเจ็บสาหัสปางตาย

ขณะเดียวกันมีเพียงคำเดียวที่ปรากฏขึ้นภายในใจหลินมู่อวี่ ‘ต้องฆ่า’ ความเมตตาและความชอบธรรมทั้งหมดหายไปจนสิ้น การมีน้ำใจต่อศัตรูยามนี้ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายตัวเอง หลินมู่อวี่เข้าใจความจริงนี้ดี อีกทั้งเหล่าทหารอาสาส่วนใหญ่ไม่ใช่คนดี พวกเขาเป็นกองทหารส่วนตัวของราชาเจิ้นหนานฉินอี้ มิใช่ทหารแห่งจักรวรรดิผู้ต่อสู้เพื่อแผ่นดิน

เมื่อเทียบกันแล้ว ทหารค่ายเขาเหินนั้นมีคุณธรรมกว่ามาก พวกเขายินดีปกป้องเมืองหลวงจากการรุกรานของศัตรูอย่างเต็มที่!

“อาอวี่!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนหันมองหลินมู่อวี่และกล่าวว่า “ออมแรงไว้เถิด อย่าใช้วิญญาณยุทธ์และปราณ นี่คือสงคราม ข้าไม่รู้ว่าการต่อสู้จะดำเนินยาวนานเพียงใด เจ้าต้องรักษาความแข็งแกร่งทางกายภาพและปราณไว้”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วพี่ฉู่”

ตามดังฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนกล่าว กองทัพค่ายเขาเหินเข้าจู่โจมอย่างดุเดือดกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว และยังไม่รู้ว่าจะสามารถฝ่าวงล้อมออกไปเมื่อใด เดิมทีสงครามเป็นดั่งศิลปะ ทว่าสงครามครานี้แตกต่างออกไป ผู้ที่อยู่รอดเป็นคนสุดท้ายคือผู้ชนะ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนฉลาดและเข้าใจความจริงอย่างลึกซึ้งถึงการสังหารคนหมู่มากด้วยกำลังที่น้อยที่สุด

หลินมู่อวี่ผ่อนคลายพลังและปราณยุทธ์อย่างเชื่องช้า และจะสังหารศัตรูด้วยพลังกายเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลินมู่อวี่ เนื่องจากกระบี่วิญญาณมังกรคมมาก อีกทั้งม้าศึกเจี๋ยดี่ก็ปกคลุมไปด้วยเกราะเหล็ก หลินมู่อวี่พุ่งออกไปสังหารด้วยคมกระบี่วิญญาณมังกรทำให้จำนวนทหารค่อยๆ ลดลง

เฟิงจี้สิงกล่าวว่า ในสงครามนั้น…พลังอำนาจเป็นสิ่งไม่แน่นอน สงครามเปรียบดั่งเครื่องบดเนื้อขนาดใหญ่ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด สุดท้ายก็ต้องสูญเสียความแข็งแกร่งและชีวิตในสงคราม พลังของจอมยุทธ์ขอบเขตนภาอาจเทียบเท่าทหารร้อยคน ส่วนจอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์เทียบเท่าทหารหนึ่งพันนาย ขณะที่ขอบเขตเทวะเทียบเท่ากับทหารหนึ่งหมื่นนาย กระนั้นหากต้องสังหารคนมากมายถึงเพียงนี้ ความแข็งแกร็งที่มีอาจเหือดหายไป ขอบเขตปราชญ์และขอบเขตเทวะที่สูญเสียปราณยุทธ์จนหมดสิ้น ก็คงไม่แตกต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดา…

กองทัพค่ายเขาเหินนำโดยหลินมู่อวี่และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนพุ่งตัวโจมตีอย่างต่อเนื่อง มีทหารอาสาจำนวนมากเสียชีวิตภายใต้เท้าม้าเหล็กค่ายเขาเหิน แต่ดูเหมือนว่าทหารอาสาเหล่านี้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าใด ก็ยิ่งมีคบเพลิงมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าค่ายเขาเหินดึงดูดความสนใจของทหารอาสา เป็นเหตุให้กำลังพลของศัตรูเพิ่มมากยิ่งขึ้น!

“ท่านแม่ทัพ!”

นายพลค่ายเขาเหินดึงหอกเปื้อนเลือดออกจากศพจนเลือดกระเด็นใส่หน้า ทว่าเขาไม่สนใจและกล่าวอย่างเหนื่อยหอบ “ทหารอาสาเพิ่มกำลังพลอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยทหารหนึ่งแสนห้าหมื่นนายกำลังวิ่งเข้ามาหาเราจากรอบด้าน หากเราไม่ถอย…ข้าเกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีก!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเงยหน้าขึ้นมองดวงดาราบนท้องฟ้า “ยังไม่ถึงเวลา เราต้องเดินหน้าต่อโจมตีต่อไป!”

“ขอรับ!”

หลินมู่อวี่ยังคงเงียบ ด้านหลังเขามีองครักษณ์อวี้หลินเจ็ดสิบนายจากค่ายรังอินทรีร่วมต่อสู้กับค่ายเขาเหิน พวกเขาตวัดดาบฟันทหารค่ายอาสาอย่างรวดเร็ว ทว่าอีกฝ่ายยังคงยิงธนูใส่อย่างต่อเนื่องทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน รวมทั้งเว่ยโฉวที่ถูกลูกศรแทงทะลุหน้าอกเลือดไหลทะลัก แม้ว่าทหารค่ายเขาเหินจะสังหารศัตรูจำนวนมาก แต่ก็ได้รับความเสียหายมากเช่นกัน

กระนั้นนี่คือสงคราม…การมาเยือนของทหารค่ายเขาเหินก็ดึงดูดทหารอาสาให้มารวมตัวกันมากขึ้น พวกหลินมู่อวี่ต่อสู้เพื่อซื้อเวลาให้กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดเผาพืชพันธุ์เสบียงของทหารหลิงหนาน

ขณะที่เร่งโจมตี หลินมู่อวี่มองไปยังทางทิศตะวันออกที่ปกคลุมไปด้วยความมืด เขาพลันรู้สึกกังวลในใจ ไม่รู้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดออกเดินทางแล้วหรือยัง ด้วยระดับของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดตอนนี้ ตราบใดที่ทหารอาสาผู้ดูแลยุ้งฉางมีต่ำกว่าห้าพันคน หลินมู่อวี่เชื่อว่าพวกเขาจะทำสำเร็จได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลัวอวี่และเฟิงสี่

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดในการต่อสู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าทหารอาสาก็ถูกสังหารมากขึ้นเรื่อยๆ ผ้าคลุมสีขาวของหลินมู่อวี่ชุ่มไปด้วยเลือด และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน แม้แต่ไหล่ของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็ได้รับบาดเจ็บ เป็นผลงานจากพลหอกที่ขว้างอาวุธทะลุเกราะปราณยุทธ์กระแทกไหล่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเต็มแรง

เมื่อเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องนภาเพื่อดูเวลา หลินมู่อวี่กล่าวว่า “ใกล้ถึงเวลาแล้ว ฝ่าวงล้อมออกไปกันเถิด!”

“อื้ม!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนพยักหน้าก่อนจะแทงศัตรูด้านหน้าพร้อมตะโกน “ถอย!”

ทหารม้าทั้งหมดหันขบวนกลับและพุ่งทะลวงพลหอกของกองทัพทหารอาสา ทว่าเงาดำทมิฬพุ่งแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็ว มันคือหอกของศัตรู! หอกเหล่านี้คมมากและแทงทะลุร่างทหารค่ายเขาเหินหลายนายจนปลิวตกจากม้า ก่อนจะถูกเหล่าทหารม้าที่ตามมาด้านหลังเหยียบย่ำอย่างน่าเวทนา ทว่าหลินมู่อวี่ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน และคนอื่นๆ ไม่รอช้าที่จะพาผู้ที่ยังมีชีวิตกลับออกไป

‘วิ้ง!’

หลินมู่อวี่ผายฝ่ามือเรียกวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าสีทอง มันเปล่งแสงทะยานสู่ทองนภาทันที ‘วิ้ง’ แสงสว่างวาบผ่านฝูงชนพร้อมแยกทหารอาสาออกเป็นสองฝั่ง เปิดเส้นทางให้แก่ทหารของหลินมู่อวี่

“ดีมาก!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนหัวเราะ ขณะที่ตวัดดาบฟันหัวของศัตรูลอยขึ้นบนอากาศ เขาตะโกนดัง “พี่น้องค่ายเขาเหิน เราทำภารกิจสำเร็จแล้ว ถึงเวลากลับบ้าน!”

ทว่าหลายคนต้องจบชะตาชีวิตที่นี่ ทหารอาสาเข้ารุมโจมตีทหารม้าด้านหลังจนถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นศัตรูก็ปาหอกเข้าใส่ทหารม้าหนักอีกคนอย่างป่าเถื่อนจนกลายเป็นเม่นพร้อมม้าศึก ภายในสิบนาทีเท่านั้น ทหารค่ายเขาเหินกว่าพันคนต้องหลั่งเลือดบนแผ่นดินนี้

หลินมู่อวี่อดทนดูไม่ได้ ทว่านี่คือสงคราม…มันทำให้เจตจำนงชัดเจนขึ้น เติบโตขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลง และสร้างวีรบุรุษ บางที…สงครามตรงหน้าอาจเป็นช่วงเวลาที่กล่าวมานั้น

“ฆ่ามัน!”

จิตสังหารในแววตาของหลินมู่อวี่แข็งแกร่งขึ้น มือขวาชักกระบี่วิญญาณมังกรและขว้างออกไปพร้อมพลังธาตุไฟควบคุมกระบี่ มันบินออกไปสังหารทหารทันที! จากนั้นก็คว้าทวนหลีฮวาออกจากถุงสรรพสิ่ง ทันใดนั้น! ปลายหอกก็พุ่งทะลุช่องท้องทหารอาสานายหนึ่ง หลินมู่อวี่รีบชักออกและตวัดกระแทกใส่ทหารอีกกลุ่มที่วิ่งตรงเข้ามา ขณะเดียวกันวิญญาณสัตว์ร้ายกิเลนน้ำแข็งก็คำรามก้องพร้อมแช่ทหารอาสาให้กลายเป็นน้ำแข็ง หลินมู่อวี่พลันส่งทวนเข้าสังหารอย่างรวดเร็ว!

ทันทีที่ทวนหลีฮวาออกมาอาละวาด ก็ทำให้ทหารอาสาเริ่มหวาดกลัวและล่าถอย ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนยับยั้งความโกรธไม่ได้อีกต่อไป วิญญาณยุทธ์สีดำบนไหล่เปล่งประกายทะยานสู่ท้องฟ้า เขายกมือซ้ายขึ้น ทันใดนั้น! คัดสรรดวงดาราก็ร่วงหล่นจากท้องฟ้าพุ่งทะลุร่างศัตรูทันที แม้กระบวนท่าคัดสรรดวงดาราจะดูสง่างาม แต่มันมีพลังทำลายล้างสูงมาก!

ขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งตรงกลับเมือง ห่างออกไปราวสองร้อยเมตรหน้าประตูเมืองมีทหารอาสาล้อมอยู่หนาแน่น นายกองคนหนึ่งในกลุ่มนั้นตะโกนเสียงดัง “ตัดใจถอย แล้วคิดว่าจะกลับเข้าเมืองง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ? ฝันไปเถิด!”

หลินมู่อวี่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ฆ่ามัน!”

ทันใดนั้นประตูเมืองก็เปิดออกพร้อมเสียงคำรามที่คุ้นเคย “นักรบแห่งจักรวรรดิผู้กล้าหาญ ฆ่ามัน! เพื่อพี่น้องค่ายเขาเหิน พลธนูกำจัดพวกนอกรีตเหล่านี้ซะ!!”

เขาคือตู้ไห่ แม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดินำกองทัพเทียนฉงออกจากประตูเมืองและบุกเข้าไปยังจัตุรัสของศัตรูอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนฉวยโอกาสนี้นำทหารค่ายเขาเหินกลับเข้าเมือง ไม่มีความปรานีในสงคราม ทหารค่ายเขาเหินเสียชีวิตลงเรื่อยๆ ทุกขณะที่อยู่นอกเมือง และเมืองหลันเยี่ยนก็ไม่สามารถรับความเสียหายได้มากกว่านี้อีกแล้ว

โดยไม่รู้ตัว ขณะที่ทหารค่ายเขาเหินถูกฆ่าตายอยู่ด้านนอกนานกว่าสองชั่วโมง ขอบฟ้าฝั่งตะวันออกก็เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน

ด้านใต้เมือง ตู้ไห่ระบำสองดาบสังหารศัตรูอย่างน่าเกรงขาม ทำให้กองทัพทหารอาสาหวาดกลัว จากนั้นจึงกลับเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบความเสียหายของทหารค่ายเขาเหิน

หลินมู่อวี่หันกลับไปก็พบเว่ยโฉว เซี้ยโหวซาง และคนอื่นๆ ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย ตัวเขาเองก็โดนลูกธนูปักที่แขนโดยไม่รู้ตัว

“ท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บ!” เว่ยโฉวรีบเข้ามาอย่างเป็นห่วง

“ข้าไม่เป็นไร”

หลินมู่อวี่ยื่นมือไปดึงลูกธนูออกและเอ่ยถามว่า “สถานการณ์ของค่ายรังอินทรีเป็นอย่างไร?”

เว่ยโฉวดูเศร้าหมองลงและกล่าวว่า “องครักษ์อวี้หลินสิบเจ็ดนายและทหารอวี้หลินมากกว่าสามร้อยนายถูกฆ่าตาย”

“อืม…”

หลินมู่อวี่ตอบรับเสียงแผ่วเบา ทว่าในใจเจ็บปวดยิ่ง

ทหารค่ายเขาเหินเคลื่อนตัวผ่านเมืองเป็นแถวอย่างเชื่องช้า โดยมีคบเพลิงและผู้คนเฝ้ามองอยู่ตลอดสองข้างทาง ภายใต้แสงคบเพลิงดวงตาหลายคู่มองมาอย่างไม่แยแสซึ่งทำให้หลินมู่อวี่ทุกข์ใจมาก ทหารค่ายเขาเหินออกไปรบหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนาย และกลับออกมาน้อยกว่าห้าพันนาย แผนการนี้มีทหารเสียชีวิตมากมาย ทว่าหลินมู่อวี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเหล่านั้นคือใคร…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 322 ฝ่าวงล้อมศัตรู

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 322 ฝ่าวงล้อมศัตรู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.322 ฝ่าวงล้อมศัตรู

“ระวังลูกธนู!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนรีบดึงบังเหียนควบม้าออกไปพร้อมขบวนทหารม้า ทุกคนชูโล่ขึ้นตั้งรับ ขณะที่ทางเหนือมีพลธนูซุ่มอยู่ในความมืด กระนั้นลูกศรก็ไม่สามารถทะลวงความแข็งแกร่งของทหารม้าหนักได้ หลังจากศัตรูโจมตีด้วยธนูรอบแรก มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และไม่มีผู้เสียชีวิต

‘ชิ้ง!’

คมมีดไร้ลักษณ์พุ่งทะลุเหนือขบวนทหาร มีดเสียงปีศาจโจมตีและสังหารผู้คนไปกว่าสิบคนอย่างรวดเร็วภายใต้การควบคุมของหลินมู่อวี่ มันบินตามเจ้านายราวกับเงาตามตัวตลอดทาง ทว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นหรือจับต้องมีดเล่มนี้ได้ ขณะเดียวกันวิญญาณมังกรนภาคำรามก้องอย่างน่าเกรงขาม!

กระบี่วิญญาณมังกรบินออกไปพร้อมแสงสว่างวาบ ‘ฟุ่บ’ มันทะลุผ่านโล่หนักหลายชิ้นและระเบิดออกทันที! ปราณยุทธ์เปลี่ยนเป็นคลื่นกระแทกใส่ทหารราวเจ็ดคนกระเด็นออกไปและทำลายกองทหารอาสาอย่างรวดเร็ว ทว่าศัตรูก็แปรทัพป้องกันอีกครั้ง กำแพงมนุษย์ทับซ้อนกันตั้งรับรอการโจมตีของทหารค่ายเขาเหิน

หลงเซียนหลินเตรียมการมายาวนาน จึงไม่เป็นปัญหามากแม้หลินมู่อวี่และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจะโจมตีตอนกลางคืนและเป็นฝ่ายเดินเข้าหากับดักเอง ดูเหมือนว่าหลงเซียนหลินเดาทางได้ว่าทหารแห่งจักรวรรดิจะเข้ามาโจมตี ดังนั้นจึงเตรียมพลโล่มากกว่าปกติไว้ในค่ายพร้อมพลธนู ทว่าเบื้องหลังโล่หนาเหล่านั้นคือพลหอก ซึ่งเป็นยุทธวิธีทหารม้าหนักที่น่าเกรงขาม!

“ระวัง!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนรีบควบม้าไปด้านหน้าพร้อมดาบ ทันใดนั้น! แสงใบดาบส่องสว่างกระแทกปลายหอกหลายเล่ม เขาขี่ม้าเหวี่ยงดาบทะลวงกองทัพอย่างรวดเร็ว ด้านหลังฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนมีกองทหารเขาเหินพุ่งตัวตามมาและหยุดไม่ทัน พวกเขาถูกหอกแทงอย่างรวดเร็วพร้อมส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังทั่วบริเวณ

หลินมู่อวี่ชักกระบี่และควบม้าเคียงข้างฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน กระบี่วิญญาณมังกรตัดผ่านเหล็กง่ายดายราวกับตัดโคลน ทันใดนั้น! หลินมู่อวี่ก็ยกมือขึ้นพร้อมพลังเจ็ดประทีปเอ่อล้นออกมา…หนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน!

พลังหนึ่งประทีปโหมกระแทกกองทหารอย่างรุนแรง! ทหารเกือบยี่สิบนายเลือดท่วมกายภายในพริบตา ด้วยพลังมหาศาลทำให้พวกเขาเลือดออกและบาดเจ็บสาหัสปางตาย

ขณะเดียวกันมีเพียงคำเดียวที่ปรากฏขึ้นภายในใจหลินมู่อวี่ ‘ต้องฆ่า’ ความเมตตาและความชอบธรรมทั้งหมดหายไปจนสิ้น การมีน้ำใจต่อศัตรูยามนี้ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายตัวเอง หลินมู่อวี่เข้าใจความจริงนี้ดี อีกทั้งเหล่าทหารอาสาส่วนใหญ่ไม่ใช่คนดี พวกเขาเป็นกองทหารส่วนตัวของราชาเจิ้นหนานฉินอี้ มิใช่ทหารแห่งจักรวรรดิผู้ต่อสู้เพื่อแผ่นดิน

เมื่อเทียบกันแล้ว ทหารค่ายเขาเหินนั้นมีคุณธรรมกว่ามาก พวกเขายินดีปกป้องเมืองหลวงจากการรุกรานของศัตรูอย่างเต็มที่!

“อาอวี่!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนหันมองหลินมู่อวี่และกล่าวว่า “ออมแรงไว้เถิด อย่าใช้วิญญาณยุทธ์และปราณ นี่คือสงคราม ข้าไม่รู้ว่าการต่อสู้จะดำเนินยาวนานเพียงใด เจ้าต้องรักษาความแข็งแกร่งทางกายภาพและปราณไว้”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วพี่ฉู่”

ตามดังฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนกล่าว กองทัพค่ายเขาเหินเข้าจู่โจมอย่างดุเดือดกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว และยังไม่รู้ว่าจะสามารถฝ่าวงล้อมออกไปเมื่อใด เดิมทีสงครามเป็นดั่งศิลปะ ทว่าสงครามครานี้แตกต่างออกไป ผู้ที่อยู่รอดเป็นคนสุดท้ายคือผู้ชนะ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนฉลาดและเข้าใจความจริงอย่างลึกซึ้งถึงการสังหารคนหมู่มากด้วยกำลังที่น้อยที่สุด

หลินมู่อวี่ผ่อนคลายพลังและปราณยุทธ์อย่างเชื่องช้า และจะสังหารศัตรูด้วยพลังกายเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลินมู่อวี่ เนื่องจากกระบี่วิญญาณมังกรคมมาก อีกทั้งม้าศึกเจี๋ยดี่ก็ปกคลุมไปด้วยเกราะเหล็ก หลินมู่อวี่พุ่งออกไปสังหารด้วยคมกระบี่วิญญาณมังกรทำให้จำนวนทหารค่อยๆ ลดลง

เฟิงจี้สิงกล่าวว่า ในสงครามนั้น…พลังอำนาจเป็นสิ่งไม่แน่นอน สงครามเปรียบดั่งเครื่องบดเนื้อขนาดใหญ่ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด สุดท้ายก็ต้องสูญเสียความแข็งแกร่งและชีวิตในสงคราม พลังของจอมยุทธ์ขอบเขตนภาอาจเทียบเท่าทหารร้อยคน ส่วนจอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์เทียบเท่าทหารหนึ่งพันนาย ขณะที่ขอบเขตเทวะเทียบเท่ากับทหารหนึ่งหมื่นนาย กระนั้นหากต้องสังหารคนมากมายถึงเพียงนี้ ความแข็งแกร็งที่มีอาจเหือดหายไป ขอบเขตปราชญ์และขอบเขตเทวะที่สูญเสียปราณยุทธ์จนหมดสิ้น ก็คงไม่แตกต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดา…

กองทัพค่ายเขาเหินนำโดยหลินมู่อวี่และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนพุ่งตัวโจมตีอย่างต่อเนื่อง มีทหารอาสาจำนวนมากเสียชีวิตภายใต้เท้าม้าเหล็กค่ายเขาเหิน แต่ดูเหมือนว่าทหารอาสาเหล่านี้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าใด ก็ยิ่งมีคบเพลิงมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าค่ายเขาเหินดึงดูดความสนใจของทหารอาสา เป็นเหตุให้กำลังพลของศัตรูเพิ่มมากยิ่งขึ้น!

“ท่านแม่ทัพ!”

นายพลค่ายเขาเหินดึงหอกเปื้อนเลือดออกจากศพจนเลือดกระเด็นใส่หน้า ทว่าเขาไม่สนใจและกล่าวอย่างเหนื่อยหอบ “ทหารอาสาเพิ่มกำลังพลอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยทหารหนึ่งแสนห้าหมื่นนายกำลังวิ่งเข้ามาหาเราจากรอบด้าน หากเราไม่ถอย…ข้าเกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีก!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเงยหน้าขึ้นมองดวงดาราบนท้องฟ้า “ยังไม่ถึงเวลา เราต้องเดินหน้าต่อโจมตีต่อไป!”

“ขอรับ!”

หลินมู่อวี่ยังคงเงียบ ด้านหลังเขามีองครักษณ์อวี้หลินเจ็ดสิบนายจากค่ายรังอินทรีร่วมต่อสู้กับค่ายเขาเหิน พวกเขาตวัดดาบฟันทหารค่ายอาสาอย่างรวดเร็ว ทว่าอีกฝ่ายยังคงยิงธนูใส่อย่างต่อเนื่องทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน รวมทั้งเว่ยโฉวที่ถูกลูกศรแทงทะลุหน้าอกเลือดไหลทะลัก แม้ว่าทหารค่ายเขาเหินจะสังหารศัตรูจำนวนมาก แต่ก็ได้รับความเสียหายมากเช่นกัน

กระนั้นนี่คือสงคราม…การมาเยือนของทหารค่ายเขาเหินก็ดึงดูดทหารอาสาให้มารวมตัวกันมากขึ้น พวกหลินมู่อวี่ต่อสู้เพื่อซื้อเวลาให้กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดเผาพืชพันธุ์เสบียงของทหารหลิงหนาน

ขณะที่เร่งโจมตี หลินมู่อวี่มองไปยังทางทิศตะวันออกที่ปกคลุมไปด้วยความมืด เขาพลันรู้สึกกังวลในใจ ไม่รู้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดออกเดินทางแล้วหรือยัง ด้วยระดับของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดตอนนี้ ตราบใดที่ทหารอาสาผู้ดูแลยุ้งฉางมีต่ำกว่าห้าพันคน หลินมู่อวี่เชื่อว่าพวกเขาจะทำสำเร็จได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลัวอวี่และเฟิงสี่

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดในการต่อสู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าทหารอาสาก็ถูกสังหารมากขึ้นเรื่อยๆ ผ้าคลุมสีขาวของหลินมู่อวี่ชุ่มไปด้วยเลือด และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน แม้แต่ไหล่ของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็ได้รับบาดเจ็บ เป็นผลงานจากพลหอกที่ขว้างอาวุธทะลุเกราะปราณยุทธ์กระแทกไหล่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเต็มแรง

เมื่อเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องนภาเพื่อดูเวลา หลินมู่อวี่กล่าวว่า “ใกล้ถึงเวลาแล้ว ฝ่าวงล้อมออกไปกันเถิด!”

“อื้ม!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนพยักหน้าก่อนจะแทงศัตรูด้านหน้าพร้อมตะโกน “ถอย!”

ทหารม้าทั้งหมดหันขบวนกลับและพุ่งทะลวงพลหอกของกองทัพทหารอาสา ทว่าเงาดำทมิฬพุ่งแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็ว มันคือหอกของศัตรู! หอกเหล่านี้คมมากและแทงทะลุร่างทหารค่ายเขาเหินหลายนายจนปลิวตกจากม้า ก่อนจะถูกเหล่าทหารม้าที่ตามมาด้านหลังเหยียบย่ำอย่างน่าเวทนา ทว่าหลินมู่อวี่ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน และคนอื่นๆ ไม่รอช้าที่จะพาผู้ที่ยังมีชีวิตกลับออกไป

‘วิ้ง!’

หลินมู่อวี่ผายฝ่ามือเรียกวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าสีทอง มันเปล่งแสงทะยานสู่ทองนภาทันที ‘วิ้ง’ แสงสว่างวาบผ่านฝูงชนพร้อมแยกทหารอาสาออกเป็นสองฝั่ง เปิดเส้นทางให้แก่ทหารของหลินมู่อวี่

“ดีมาก!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนหัวเราะ ขณะที่ตวัดดาบฟันหัวของศัตรูลอยขึ้นบนอากาศ เขาตะโกนดัง “พี่น้องค่ายเขาเหิน เราทำภารกิจสำเร็จแล้ว ถึงเวลากลับบ้าน!”

ทว่าหลายคนต้องจบชะตาชีวิตที่นี่ ทหารอาสาเข้ารุมโจมตีทหารม้าด้านหลังจนถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นศัตรูก็ปาหอกเข้าใส่ทหารม้าหนักอีกคนอย่างป่าเถื่อนจนกลายเป็นเม่นพร้อมม้าศึก ภายในสิบนาทีเท่านั้น ทหารค่ายเขาเหินกว่าพันคนต้องหลั่งเลือดบนแผ่นดินนี้

หลินมู่อวี่อดทนดูไม่ได้ ทว่านี่คือสงคราม…มันทำให้เจตจำนงชัดเจนขึ้น เติบโตขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลง และสร้างวีรบุรุษ บางที…สงครามตรงหน้าอาจเป็นช่วงเวลาที่กล่าวมานั้น

“ฆ่ามัน!”

จิตสังหารในแววตาของหลินมู่อวี่แข็งแกร่งขึ้น มือขวาชักกระบี่วิญญาณมังกรและขว้างออกไปพร้อมพลังธาตุไฟควบคุมกระบี่ มันบินออกไปสังหารทหารทันที! จากนั้นก็คว้าทวนหลีฮวาออกจากถุงสรรพสิ่ง ทันใดนั้น! ปลายหอกก็พุ่งทะลุช่องท้องทหารอาสานายหนึ่ง หลินมู่อวี่รีบชักออกและตวัดกระแทกใส่ทหารอีกกลุ่มที่วิ่งตรงเข้ามา ขณะเดียวกันวิญญาณสัตว์ร้ายกิเลนน้ำแข็งก็คำรามก้องพร้อมแช่ทหารอาสาให้กลายเป็นน้ำแข็ง หลินมู่อวี่พลันส่งทวนเข้าสังหารอย่างรวดเร็ว!

ทันทีที่ทวนหลีฮวาออกมาอาละวาด ก็ทำให้ทหารอาสาเริ่มหวาดกลัวและล่าถอย ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนยับยั้งความโกรธไม่ได้อีกต่อไป วิญญาณยุทธ์สีดำบนไหล่เปล่งประกายทะยานสู่ท้องฟ้า เขายกมือซ้ายขึ้น ทันใดนั้น! คัดสรรดวงดาราก็ร่วงหล่นจากท้องฟ้าพุ่งทะลุร่างศัตรูทันที แม้กระบวนท่าคัดสรรดวงดาราจะดูสง่างาม แต่มันมีพลังทำลายล้างสูงมาก!

ขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งตรงกลับเมือง ห่างออกไปราวสองร้อยเมตรหน้าประตูเมืองมีทหารอาสาล้อมอยู่หนาแน่น นายกองคนหนึ่งในกลุ่มนั้นตะโกนเสียงดัง “ตัดใจถอย แล้วคิดว่าจะกลับเข้าเมืองง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ? ฝันไปเถิด!”

หลินมู่อวี่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ฆ่ามัน!”

ทันใดนั้นประตูเมืองก็เปิดออกพร้อมเสียงคำรามที่คุ้นเคย “นักรบแห่งจักรวรรดิผู้กล้าหาญ ฆ่ามัน! เพื่อพี่น้องค่ายเขาเหิน พลธนูกำจัดพวกนอกรีตเหล่านี้ซะ!!”

เขาคือตู้ไห่ แม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดินำกองทัพเทียนฉงออกจากประตูเมืองและบุกเข้าไปยังจัตุรัสของศัตรูอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนฉวยโอกาสนี้นำทหารค่ายเขาเหินกลับเข้าเมือง ไม่มีความปรานีในสงคราม ทหารค่ายเขาเหินเสียชีวิตลงเรื่อยๆ ทุกขณะที่อยู่นอกเมือง และเมืองหลันเยี่ยนก็ไม่สามารถรับความเสียหายได้มากกว่านี้อีกแล้ว

โดยไม่รู้ตัว ขณะที่ทหารค่ายเขาเหินถูกฆ่าตายอยู่ด้านนอกนานกว่าสองชั่วโมง ขอบฟ้าฝั่งตะวันออกก็เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน

ด้านใต้เมือง ตู้ไห่ระบำสองดาบสังหารศัตรูอย่างน่าเกรงขาม ทำให้กองทัพทหารอาสาหวาดกลัว จากนั้นจึงกลับเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบความเสียหายของทหารค่ายเขาเหิน

หลินมู่อวี่หันกลับไปก็พบเว่ยโฉว เซี้ยโหวซาง และคนอื่นๆ ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย ตัวเขาเองก็โดนลูกธนูปักที่แขนโดยไม่รู้ตัว

“ท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บ!” เว่ยโฉวรีบเข้ามาอย่างเป็นห่วง

“ข้าไม่เป็นไร”

หลินมู่อวี่ยื่นมือไปดึงลูกธนูออกและเอ่ยถามว่า “สถานการณ์ของค่ายรังอินทรีเป็นอย่างไร?”

เว่ยโฉวดูเศร้าหมองลงและกล่าวว่า “องครักษ์อวี้หลินสิบเจ็ดนายและทหารอวี้หลินมากกว่าสามร้อยนายถูกฆ่าตาย”

“อืม…”

หลินมู่อวี่ตอบรับเสียงแผ่วเบา ทว่าในใจเจ็บปวดยิ่ง

ทหารค่ายเขาเหินเคลื่อนตัวผ่านเมืองเป็นแถวอย่างเชื่องช้า โดยมีคบเพลิงและผู้คนเฝ้ามองอยู่ตลอดสองข้างทาง ภายใต้แสงคบเพลิงดวงตาหลายคู่มองมาอย่างไม่แยแสซึ่งทำให้หลินมู่อวี่ทุกข์ใจมาก ทหารค่ายเขาเหินออกไปรบหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนาย และกลับออกมาน้อยกว่าห้าพันนาย แผนการนี้มีทหารเสียชีวิตมากมาย ทว่าหลินมู่อวี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเหล่านั้นคือใคร…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 322 ฝ่าวงล้อมศัตรู

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 322 ฝ่าวงล้อมศัตรู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.322 ฝ่าวงล้อมศัตรู

“ระวังลูกธนู!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนรีบดึงบังเหียนควบม้าออกไปพร้อมขบวนทหารม้า ทุกคนชูโล่ขึ้นตั้งรับ ขณะที่ทางเหนือมีพลธนูซุ่มอยู่ในความมืด กระนั้นลูกศรก็ไม่สามารถทะลวงความแข็งแกร่งของทหารม้าหนักได้ หลังจากศัตรูโจมตีด้วยธนูรอบแรก มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และไม่มีผู้เสียชีวิต

‘ชิ้ง!’

คมมีดไร้ลักษณ์พุ่งทะลุเหนือขบวนทหาร มีดเสียงปีศาจโจมตีและสังหารผู้คนไปกว่าสิบคนอย่างรวดเร็วภายใต้การควบคุมของหลินมู่อวี่ มันบินตามเจ้านายราวกับเงาตามตัวตลอดทาง ทว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นหรือจับต้องมีดเล่มนี้ได้ ขณะเดียวกันวิญญาณมังกรนภาคำรามก้องอย่างน่าเกรงขาม!

กระบี่วิญญาณมังกรบินออกไปพร้อมแสงสว่างวาบ ‘ฟุ่บ’ มันทะลุผ่านโล่หนักหลายชิ้นและระเบิดออกทันที! ปราณยุทธ์เปลี่ยนเป็นคลื่นกระแทกใส่ทหารราวเจ็ดคนกระเด็นออกไปและทำลายกองทหารอาสาอย่างรวดเร็ว ทว่าศัตรูก็แปรทัพป้องกันอีกครั้ง กำแพงมนุษย์ทับซ้อนกันตั้งรับรอการโจมตีของทหารค่ายเขาเหิน

หลงเซียนหลินเตรียมการมายาวนาน จึงไม่เป็นปัญหามากแม้หลินมู่อวี่และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนจะโจมตีตอนกลางคืนและเป็นฝ่ายเดินเข้าหากับดักเอง ดูเหมือนว่าหลงเซียนหลินเดาทางได้ว่าทหารแห่งจักรวรรดิจะเข้ามาโจมตี ดังนั้นจึงเตรียมพลโล่มากกว่าปกติไว้ในค่ายพร้อมพลธนู ทว่าเบื้องหลังโล่หนาเหล่านั้นคือพลหอก ซึ่งเป็นยุทธวิธีทหารม้าหนักที่น่าเกรงขาม!

“ระวัง!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนรีบควบม้าไปด้านหน้าพร้อมดาบ ทันใดนั้น! แสงใบดาบส่องสว่างกระแทกปลายหอกหลายเล่ม เขาขี่ม้าเหวี่ยงดาบทะลวงกองทัพอย่างรวดเร็ว ด้านหลังฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนมีกองทหารเขาเหินพุ่งตัวตามมาและหยุดไม่ทัน พวกเขาถูกหอกแทงอย่างรวดเร็วพร้อมส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังทั่วบริเวณ

หลินมู่อวี่ชักกระบี่และควบม้าเคียงข้างฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน กระบี่วิญญาณมังกรตัดผ่านเหล็กง่ายดายราวกับตัดโคลน ทันใดนั้น! หลินมู่อวี่ก็ยกมือขึ้นพร้อมพลังเจ็ดประทีปเอ่อล้นออกมา…หนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน!

พลังหนึ่งประทีปโหมกระแทกกองทหารอย่างรุนแรง! ทหารเกือบยี่สิบนายเลือดท่วมกายภายในพริบตา ด้วยพลังมหาศาลทำให้พวกเขาเลือดออกและบาดเจ็บสาหัสปางตาย

ขณะเดียวกันมีเพียงคำเดียวที่ปรากฏขึ้นภายในใจหลินมู่อวี่ ‘ต้องฆ่า’ ความเมตตาและความชอบธรรมทั้งหมดหายไปจนสิ้น การมีน้ำใจต่อศัตรูยามนี้ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายตัวเอง หลินมู่อวี่เข้าใจความจริงนี้ดี อีกทั้งเหล่าทหารอาสาส่วนใหญ่ไม่ใช่คนดี พวกเขาเป็นกองทหารส่วนตัวของราชาเจิ้นหนานฉินอี้ มิใช่ทหารแห่งจักรวรรดิผู้ต่อสู้เพื่อแผ่นดิน

เมื่อเทียบกันแล้ว ทหารค่ายเขาเหินนั้นมีคุณธรรมกว่ามาก พวกเขายินดีปกป้องเมืองหลวงจากการรุกรานของศัตรูอย่างเต็มที่!

“อาอวี่!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนหันมองหลินมู่อวี่และกล่าวว่า “ออมแรงไว้เถิด อย่าใช้วิญญาณยุทธ์และปราณ นี่คือสงคราม ข้าไม่รู้ว่าการต่อสู้จะดำเนินยาวนานเพียงใด เจ้าต้องรักษาความแข็งแกร่งทางกายภาพและปราณไว้”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วพี่ฉู่”

ตามดังฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนกล่าว กองทัพค่ายเขาเหินเข้าจู่โจมอย่างดุเดือดกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว และยังไม่รู้ว่าจะสามารถฝ่าวงล้อมออกไปเมื่อใด เดิมทีสงครามเป็นดั่งศิลปะ ทว่าสงครามครานี้แตกต่างออกไป ผู้ที่อยู่รอดเป็นคนสุดท้ายคือผู้ชนะ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนฉลาดและเข้าใจความจริงอย่างลึกซึ้งถึงการสังหารคนหมู่มากด้วยกำลังที่น้อยที่สุด

หลินมู่อวี่ผ่อนคลายพลังและปราณยุทธ์อย่างเชื่องช้า และจะสังหารศัตรูด้วยพลังกายเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลินมู่อวี่ เนื่องจากกระบี่วิญญาณมังกรคมมาก อีกทั้งม้าศึกเจี๋ยดี่ก็ปกคลุมไปด้วยเกราะเหล็ก หลินมู่อวี่พุ่งออกไปสังหารด้วยคมกระบี่วิญญาณมังกรทำให้จำนวนทหารค่อยๆ ลดลง

เฟิงจี้สิงกล่าวว่า ในสงครามนั้น…พลังอำนาจเป็นสิ่งไม่แน่นอน สงครามเปรียบดั่งเครื่องบดเนื้อขนาดใหญ่ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด สุดท้ายก็ต้องสูญเสียความแข็งแกร่งและชีวิตในสงคราม พลังของจอมยุทธ์ขอบเขตนภาอาจเทียบเท่าทหารร้อยคน ส่วนจอมยุทธ์ขอบเขตปราชญ์เทียบเท่าทหารหนึ่งพันนาย ขณะที่ขอบเขตเทวะเทียบเท่ากับทหารหนึ่งหมื่นนาย กระนั้นหากต้องสังหารคนมากมายถึงเพียงนี้ ความแข็งแกร็งที่มีอาจเหือดหายไป ขอบเขตปราชญ์และขอบเขตเทวะที่สูญเสียปราณยุทธ์จนหมดสิ้น ก็คงไม่แตกต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดา…

กองทัพค่ายเขาเหินนำโดยหลินมู่อวี่และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนพุ่งตัวโจมตีอย่างต่อเนื่อง มีทหารอาสาจำนวนมากเสียชีวิตภายใต้เท้าม้าเหล็กค่ายเขาเหิน แต่ดูเหมือนว่าทหารอาสาเหล่านี้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าใด ก็ยิ่งมีคบเพลิงมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าค่ายเขาเหินดึงดูดความสนใจของทหารอาสา เป็นเหตุให้กำลังพลของศัตรูเพิ่มมากยิ่งขึ้น!

“ท่านแม่ทัพ!”

นายพลค่ายเขาเหินดึงหอกเปื้อนเลือดออกจากศพจนเลือดกระเด็นใส่หน้า ทว่าเขาไม่สนใจและกล่าวอย่างเหนื่อยหอบ “ทหารอาสาเพิ่มกำลังพลอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยทหารหนึ่งแสนห้าหมื่นนายกำลังวิ่งเข้ามาหาเราจากรอบด้าน หากเราไม่ถอย…ข้าเกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีก!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเงยหน้าขึ้นมองดวงดาราบนท้องฟ้า “ยังไม่ถึงเวลา เราต้องเดินหน้าต่อโจมตีต่อไป!”

“ขอรับ!”

หลินมู่อวี่ยังคงเงียบ ด้านหลังเขามีองครักษณ์อวี้หลินเจ็ดสิบนายจากค่ายรังอินทรีร่วมต่อสู้กับค่ายเขาเหิน พวกเขาตวัดดาบฟันทหารค่ายอาสาอย่างรวดเร็ว ทว่าอีกฝ่ายยังคงยิงธนูใส่อย่างต่อเนื่องทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน รวมทั้งเว่ยโฉวที่ถูกลูกศรแทงทะลุหน้าอกเลือดไหลทะลัก แม้ว่าทหารค่ายเขาเหินจะสังหารศัตรูจำนวนมาก แต่ก็ได้รับความเสียหายมากเช่นกัน

กระนั้นนี่คือสงคราม…การมาเยือนของทหารค่ายเขาเหินก็ดึงดูดทหารอาสาให้มารวมตัวกันมากขึ้น พวกหลินมู่อวี่ต่อสู้เพื่อซื้อเวลาให้กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดเผาพืชพันธุ์เสบียงของทหารหลิงหนาน

ขณะที่เร่งโจมตี หลินมู่อวี่มองไปยังทางทิศตะวันออกที่ปกคลุมไปด้วยความมืด เขาพลันรู้สึกกังวลในใจ ไม่รู้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดออกเดินทางแล้วหรือยัง ด้วยระดับของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดตอนนี้ ตราบใดที่ทหารอาสาผู้ดูแลยุ้งฉางมีต่ำกว่าห้าพันคน หลินมู่อวี่เชื่อว่าพวกเขาจะทำสำเร็จได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลัวอวี่และเฟิงสี่

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดในการต่อสู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าทหารอาสาก็ถูกสังหารมากขึ้นเรื่อยๆ ผ้าคลุมสีขาวของหลินมู่อวี่ชุ่มไปด้วยเลือด และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน แม้แต่ไหล่ของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็ได้รับบาดเจ็บ เป็นผลงานจากพลหอกที่ขว้างอาวุธทะลุเกราะปราณยุทธ์กระแทกไหล่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเต็มแรง

เมื่อเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องนภาเพื่อดูเวลา หลินมู่อวี่กล่าวว่า “ใกล้ถึงเวลาแล้ว ฝ่าวงล้อมออกไปกันเถิด!”

“อื้ม!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนพยักหน้าก่อนจะแทงศัตรูด้านหน้าพร้อมตะโกน “ถอย!”

ทหารม้าทั้งหมดหันขบวนกลับและพุ่งทะลวงพลหอกของกองทัพทหารอาสา ทว่าเงาดำทมิฬพุ่งแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็ว มันคือหอกของศัตรู! หอกเหล่านี้คมมากและแทงทะลุร่างทหารค่ายเขาเหินหลายนายจนปลิวตกจากม้า ก่อนจะถูกเหล่าทหารม้าที่ตามมาด้านหลังเหยียบย่ำอย่างน่าเวทนา ทว่าหลินมู่อวี่ ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน และคนอื่นๆ ไม่รอช้าที่จะพาผู้ที่ยังมีชีวิตกลับออกไป

‘วิ้ง!’

หลินมู่อวี่ผายฝ่ามือเรียกวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าสีทอง มันเปล่งแสงทะยานสู่ทองนภาทันที ‘วิ้ง’ แสงสว่างวาบผ่านฝูงชนพร้อมแยกทหารอาสาออกเป็นสองฝั่ง เปิดเส้นทางให้แก่ทหารของหลินมู่อวี่

“ดีมาก!”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนหัวเราะ ขณะที่ตวัดดาบฟันหัวของศัตรูลอยขึ้นบนอากาศ เขาตะโกนดัง “พี่น้องค่ายเขาเหิน เราทำภารกิจสำเร็จแล้ว ถึงเวลากลับบ้าน!”

ทว่าหลายคนต้องจบชะตาชีวิตที่นี่ ทหารอาสาเข้ารุมโจมตีทหารม้าด้านหลังจนถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นศัตรูก็ปาหอกเข้าใส่ทหารม้าหนักอีกคนอย่างป่าเถื่อนจนกลายเป็นเม่นพร้อมม้าศึก ภายในสิบนาทีเท่านั้น ทหารค่ายเขาเหินกว่าพันคนต้องหลั่งเลือดบนแผ่นดินนี้

หลินมู่อวี่อดทนดูไม่ได้ ทว่านี่คือสงคราม…มันทำให้เจตจำนงชัดเจนขึ้น เติบโตขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลง และสร้างวีรบุรุษ บางที…สงครามตรงหน้าอาจเป็นช่วงเวลาที่กล่าวมานั้น

“ฆ่ามัน!”

จิตสังหารในแววตาของหลินมู่อวี่แข็งแกร่งขึ้น มือขวาชักกระบี่วิญญาณมังกรและขว้างออกไปพร้อมพลังธาตุไฟควบคุมกระบี่ มันบินออกไปสังหารทหารทันที! จากนั้นก็คว้าทวนหลีฮวาออกจากถุงสรรพสิ่ง ทันใดนั้น! ปลายหอกก็พุ่งทะลุช่องท้องทหารอาสานายหนึ่ง หลินมู่อวี่รีบชักออกและตวัดกระแทกใส่ทหารอีกกลุ่มที่วิ่งตรงเข้ามา ขณะเดียวกันวิญญาณสัตว์ร้ายกิเลนน้ำแข็งก็คำรามก้องพร้อมแช่ทหารอาสาให้กลายเป็นน้ำแข็ง หลินมู่อวี่พลันส่งทวนเข้าสังหารอย่างรวดเร็ว!

ทันทีที่ทวนหลีฮวาออกมาอาละวาด ก็ทำให้ทหารอาสาเริ่มหวาดกลัวและล่าถอย ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนยับยั้งความโกรธไม่ได้อีกต่อไป วิญญาณยุทธ์สีดำบนไหล่เปล่งประกายทะยานสู่ท้องฟ้า เขายกมือซ้ายขึ้น ทันใดนั้น! คัดสรรดวงดาราก็ร่วงหล่นจากท้องฟ้าพุ่งทะลุร่างศัตรูทันที แม้กระบวนท่าคัดสรรดวงดาราจะดูสง่างาม แต่มันมีพลังทำลายล้างสูงมาก!

ขณะที่ทุกคนกำลังมุ่งตรงกลับเมือง ห่างออกไปราวสองร้อยเมตรหน้าประตูเมืองมีทหารอาสาล้อมอยู่หนาแน่น นายกองคนหนึ่งในกลุ่มนั้นตะโกนเสียงดัง “ตัดใจถอย แล้วคิดว่าจะกลับเข้าเมืองง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ? ฝันไปเถิด!”

หลินมู่อวี่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ฆ่ามัน!”

ทันใดนั้นประตูเมืองก็เปิดออกพร้อมเสียงคำรามที่คุ้นเคย “นักรบแห่งจักรวรรดิผู้กล้าหาญ ฆ่ามัน! เพื่อพี่น้องค่ายเขาเหิน พลธนูกำจัดพวกนอกรีตเหล่านี้ซะ!!”

เขาคือตู้ไห่ แม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดินำกองทัพเทียนฉงออกจากประตูเมืองและบุกเข้าไปยังจัตุรัสของศัตรูอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนฉวยโอกาสนี้นำทหารค่ายเขาเหินกลับเข้าเมือง ไม่มีความปรานีในสงคราม ทหารค่ายเขาเหินเสียชีวิตลงเรื่อยๆ ทุกขณะที่อยู่นอกเมือง และเมืองหลันเยี่ยนก็ไม่สามารถรับความเสียหายได้มากกว่านี้อีกแล้ว

โดยไม่รู้ตัว ขณะที่ทหารค่ายเขาเหินถูกฆ่าตายอยู่ด้านนอกนานกว่าสองชั่วโมง ขอบฟ้าฝั่งตะวันออกก็เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน

ด้านใต้เมือง ตู้ไห่ระบำสองดาบสังหารศัตรูอย่างน่าเกรงขาม ทำให้กองทัพทหารอาสาหวาดกลัว จากนั้นจึงกลับเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบความเสียหายของทหารค่ายเขาเหิน

หลินมู่อวี่หันกลับไปก็พบเว่ยโฉว เซี้ยโหวซาง และคนอื่นๆ ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย ตัวเขาเองก็โดนลูกธนูปักที่แขนโดยไม่รู้ตัว

“ท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บ!” เว่ยโฉวรีบเข้ามาอย่างเป็นห่วง

“ข้าไม่เป็นไร”

หลินมู่อวี่ยื่นมือไปดึงลูกธนูออกและเอ่ยถามว่า “สถานการณ์ของค่ายรังอินทรีเป็นอย่างไร?”

เว่ยโฉวดูเศร้าหมองลงและกล่าวว่า “องครักษ์อวี้หลินสิบเจ็ดนายและทหารอวี้หลินมากกว่าสามร้อยนายถูกฆ่าตาย”

“อืม…”

หลินมู่อวี่ตอบรับเสียงแผ่วเบา ทว่าในใจเจ็บปวดยิ่ง

ทหารค่ายเขาเหินเคลื่อนตัวผ่านเมืองเป็นแถวอย่างเชื่องช้า โดยมีคบเพลิงและผู้คนเฝ้ามองอยู่ตลอดสองข้างทาง ภายใต้แสงคบเพลิงดวงตาหลายคู่มองมาอย่างไม่แยแสซึ่งทำให้หลินมู่อวี่ทุกข์ใจมาก ทหารค่ายเขาเหินออกไปรบหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนาย และกลับออกมาน้อยกว่าห้าพันนาย แผนการนี้มีทหารเสียชีวิตมากมาย ทว่าหลินมู่อวี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนเหล่านั้นคือใคร…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+