The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 266 ขออภัย

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 266 ขออภัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฟิงจี้สิงถือม้วนคำสั่งสีทองไปยังจวนผู้ว่าการอย่างมาดมั่น โดยมีซีกงฝานเดินตามหลัง เขาคือแม่ทัพที่มีหนวดเคราและดาวสองดวงติดอยู่ตรงคอเสื้อ ชายที่มีพลังยุทธ์สูงอยู่ระดับขอบเขตนภา เป็นรองผู้บัญชาการของกองทัพองครักษ์

ซูมู่หยุน ซูฉิน หลินมู่อวี่ และคนอื่นๆ คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น พลางพูดขึ้น “รอรับคำสั่งขอรับ!”

เฟิงจี้สิงเปิดม้วนกระดาษสีทองก่อนจะเอ่ยปากอ่านสิ่งที่อยู่ในนั้น “พระราชโองการจากองค์จักรพรรดิ แม่ทัพซูฉินผู้รับผิดชอบเรื่องการก่อกบฏ จะได้รับรางวัลเป็นที่ดินอันอุดมสมบูรณ์และเงินหนึ่งแสนทอง แม่ทัพหลินมู่อวี่ที่สามารถดูแลองค์ฉินอินได้ตามคำสั่งจะได้รับหนึ่งพันเหรียญทอง เฟิงจี้สิงผู้นำกองทหารองครักษ์จะได้รับอำนาจทางการเมืองและหน้าที่ดูแลกองทัพทั้งหมดของเมืองห้าหุบเขา รองผู้บัญชาการซีกงฝานจะได้รับหน้าที่เป็นผู้ว่าการ ดูแลกิจการทหารทั้งหมดในมณฑล จัดระเบียบและคัดเลือกทหารใหม่อย่าให้มีข้อผิดพลาดเป็นอันขาด กองกำลังค่ายเขาเหินที่หลินมู่อวี่ควบคุมอยู่จะถูกส่งต่อให้แก่เฟิงจี้สิงเพื่อนำกลับมาเหมืองหลวงหลันเยี่ยน และสำหรับท่านหยุนกง ซูฉิน ซูอวี่ องค์หญิงฉินอิน และหลินมู่อวี่ ขอให้กลับมาที่เมืองหลวงเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิด้วย”

“ท่านผู้เฒ่ารับไปขอรับ!” ว่าจบเฟิงจี้สิงก็ส่งต่อม้วนคำสั่ง

ซูมู่หยุนค่อยๆ ลุกขึ้นและรับม้วนคำสั่งมาจากเฟิงจี้สิง

เฟิงจี้เดินมาช่วยพยุงแขนซูมู่หยุนพลางยิ้ม “ท่านกงหยุนถึงจะแก่แต่ก็ยังแข็งแรงนะขอรับ ถึงจะเป็นงานที่ลำบากสักหน่อย ต่อเมื่อแล้วเสร็จท่านก็จะได้ไปเมืองหลันเยี่ยนเสียที องค์จักรพรรดิต้องพอพระทัยมากเป็นแน่”

ซูมู่หยุนประสานกำปั้นคำนับทางไปอีกทาง “เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”

ซูฉินกล่าว “วันนี้เราเหนื่อยกันมามาก หยุดพักกันที่เมืองห้าหุบเขานี้สักคืนแล้วค่อยไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทพรุ่งนี้เช้าดีหรือไม่?”

“ดีเลย” เฟิงจี้สิงยิ้ม “ข้าเห็นด้วยกับท่านแม่ทัพ!

“ดีมาก เช่นนั้นคืนนี้เราจะเลี้ยงฉลองกัน ไม่เมาไม่กลับ!”

“ขอรับ!”

พลบค่ำมาเยือน หิมะที่ตกหนักได้สงบลงแล้ว เผยให้เห็นดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าทอแสงสะท้อนเข้าไปในโถงใหญ่ของจวนผู้ว่า ฉินอินนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีเกียจคร้านก่อนจะเปิดดูเอกสารบนโต๊ะเบื้องหน้า แม้แต่ท่วงท่าขี้เกียจยังดูสง่างามอย่างมากจนหลินมู่อวี่ เฟิงจี้สิง และซีกงฝานเผลอกลืนน้ำลายพร้อมกัน

“ท่านพี่มานี่สิเจ้าคะ…” ฉินอินเรียกด้วยรอยยิ้ม

หลินมู่อวี่เดินมาหยุดอยู่ตรงเก้าอี้อีกฝั่ง ในมือยังถือหมวกเหล็กอยู่พลางเอ่ยถาม “มีสิ่งใดจะคุยกับข้าหรือเสี่ยวอิน?”

“ช่วยข้าดูหน่อยเจ้าค่ะ”

“ได้สิ”

เมื่อหลินมู่อวี่เข้ามาใกล้ ฉินอินก็คว้ามือเขามาจับพลางยิ้มเอ่ย “ดูรายงานทางทหารพวกนี้สิเจ้าคะ เมืองห้าหุบเขาแต่เดิมมีทหารกว่าแสนสองร้อยนาย ทว่าเหตุใดตอนนี้จึงเหลือเพียงหกหมื่นเองเล่า?”

“ถูกต้องแล้ว”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “การรบรอบแรกนอกเมืองห้าหุบเขา กองทัพเจ็ดหมื่นนายของท่านซูฉินปะทะกับกองกำลังของหลงเซียนหลินจนบาดเจ็บกันถ้วนหน้า ตกดึก…หลงเซียนหลินสั่งให้ทหารนับหมื่นหนีไปพร้อมครอบครัวก่อนจะถูกตามล่า นอกจากนี้ยังมีการถอนตัวของทหารอีกจำนวนมาก ทำให้กองกำลังของมณฑลชางหนานตอนนี้บกพร่อง”

“เป็นเช่นนี้เอง…” ฉินอินยิ้มมองหลินมู่อวี่ก่อนจะกล่าวต่อ “ท่านลุงนั้นอารมณ์ร้อน ด้วยเหตุนี้ท่านพี่อย่าโกรธท่านลุงเลยนะเจ้าคะ เขาไม่ใช่คนชั่วร้าย…แค่บางครั้งความภักดีต่ออาณาจักรที่มากเกินไปทำให้เขาแยกไม่ออกว่าสิ่งใดถูกหรือผิด”

“อืม…ข้ารู้อยู่แล้ว”

ทันใดนั้นเฟิงจี้สิงก็กระแอมขัดจังหวะ “องค์หญิงขอรับ ต้องขอบคุณอาอวี่ของเราที่ช่วยหยุดเขาไว้ มิเช่นนั้นท่านแม่ทัพซูฉินคงได้ทำลายเมืองห้าหุบเขาจนราบไปแล้ว อย่างที่พระองค์รู้…เราล้มเลิกการฆ่าล้างบางไปนานหลายทศวรรษ หากไม่เป็นเพราะอาอวี่ ข้าเกรงว่าองค์จักรพรรดิคงถูกตราหน้าว่าเป็นทรราชจากคนทั้งโลก”

ฉินอินคลี่ยิ้ม “ข้าเข้าใจถึงความจริงข้อนี้ดี เมื่อเวลาร่วงเลยไปทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ทั้งกฎและข้อบังคับเก่าแก่เองก็เช่นกัน ต่อเมื่อกลับถึงเมืองหลันเยี่ยนเมื่อใด ข้าจะรายงานเสด็จพ่อและขอให้ท่านออกคำสั่งยกเลิกการสังหารหมู่อย่างเด็ดขาด”

“ขอรับ” เฟิงจี้สิงโค้งคำนับ “เช่นนั้นข้าขอเป็นตัวแทนคนทั้งโลกขอบพระทัยองค์หญิงสำหรับความกรุณาก่อนเป็นคนแรกพ่ะย่ะค่ะ!”

ซีกงฝานยิ้ม “องค์หญิงของเราทรงปราดเปรื่องยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินอินยิ้ม “อย่าสรรเสริญข้าให้มากเลย…ข้าไม่หลงกลพวกท่านหรอก ท่านแม่ทัพซีกงฝาน ข้าไม่มีสิทธิ์เลื่อนตำแหน่งหรือฐานะให้แก่ท่าน  เนื่องด้วยความโกลาหลที่เกิดขึ้นในมณฑลชางหนานจากการรบที่เมืองห้าหุบเขาครั้งก่อน กำลังทหารเองก็เสียหายอย่างหนัก แม้จะได้อาอวี่ช่วยฟื้นฟูอยู่หลายวันก็ยังไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ดังนั้นการจัดการสะสางทุกอย่างหลังจากนี้จะขึ้นอยู่กับท่าน จงเติมเต็มกองกำลังแสนคนให้กลับมาเข้มแข็งแต่โดยเร็ว เพราะเมืองนี้เป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองใหญ่จะให้ขาดการป้องกันเป็นเวลานานไม่ได้”

ซีกงฝานน้อมรับคำสั่งด้วยความเคารพ “ข้าขอน้อมรับ ซีกงฝานผู้นี้จะทำให้คำขอขององค์หญิงสำเร็จให้ได้พ่ะย่ะค่ะ!”

“ดีมาก”

ฉินอินลุกขึ้นสบตากับหลินมู่อวี่ “ท่านพี่ ช่วงอาหารค่ำข้าจะเข้าไปกับท่านพี่เพื่อขออภัยท่านลุงที่ได้ล่วงเกินไป ท่านพี่เห็นด้วยหรือไม่เจ้าคะ?”

ฉินอินบีบมือหลินมู่อวี่แน่น ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด…นางทำตัวน่าเอ็นดูอีกแล้ว ทว่าสิ่งที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องที่ควรทำ หลินมู่อวี่รู้ตั้งแต่เข้ามายังโลกแห่งนี้ ว่าเขาจำเป็นต้องทำตามขนบที่มีมาเสียก่อน มิเช่นนั้นต่อให้มีอำนาจมากล้นคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้

“ข้าไม่มีปัญหา ไม่สารภาพผิดด้วยการเถิด”

“เจ้าค่ะ” ฉินอินยิ้มหวาน ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในสายตาของเฟิงจี้สิงและซีกงฝาน ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันอย่างขวยเขินกับเหตุการณ์ตรงหน้า

งานเลี้ยงอาหารค่ำนั้นถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่มีผู้เข้าร่วมกว่าร้อยคนโดยมีฉินอินนั่งเป็นเจ้าภาพ ตามด้วยซูมู่หยุน ซูฉิน เฟิงจี้สิง และซีกงหนาน ส่วนหลินมู่อวี่นั่งอยู่ถัดมารวมกับเหล่าองครักษ์อื่นๆ อันที่จริง ตำแหน่งแม่ทัพอันดับสี่ตามลำดับการแบ่งของทหารจักรวรรดินั้นเขาไม่ควรได้นั่งร่วมกับซูฉินซึ่งเป็นอันดับหนึ่งด้วยซ้ำ แม้ฝีมือเขาจะเป็นที่กระจ่างแก่ทุกผู้ ทว่าธรรมเนียมบางอย่างก็ไม่ควรมองข้าม

เมืองห้าหุบเขานั้นร่ำรวย มีทรัพยากรน้ำและอาหารอันอุดมสมบูรณ์เก็บไว้มากมาย หญิงสาวในเมืองนี้ก็สมบูรณ์ไม่แพ้กัน…แม้แต่สาวใช้ที่คอยบริการยังน่ารักน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้ จางเหว่ยกับหลัวเลี่ยมีความสุขอย่างมากที่ได้พูดคุยกับพวกนาง ทว่าหลินมู่อวี่นั้นรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย ได้แต่นั่งมองคนอื่นๆ สังสรรค์และจิบไวน์ไปพลาง

ทุกคนเริ่มมีอาการมึนเมาหลังซัดไวน์ไปสามยกติด ฉินอินเดินถือถ้วยหยกมหาหาหลินมู่อวี่ในขณะที่มืออีกข้างโอบกระโปรงไว้ดูน่าเอ็นดูนัก “ท่านพี่เราไม่ขอโทษกันเถิดเจ้าค่ะ!”

“อืม”

หลินมู่อวี่วางกระบี่ไว้บนโต๊ะก่อนจะหยิบแก้วไวน์และลุกขึ้น ฉินอินเดินเข้ามาคล้องแขนราวกับพี่น้องตัวติดกัน

เมื่อทั้งคู่มาถึงจุดที่ซูฉินอยู่ ฉินอินก็ยิ้มชวนหลงใหลออกมาพลางกล่าว “ท่านลุงเจ้าคะ! ข้ากับท่านพี่มาเพื่อขออภัยที่ได้ล่วงเกินไปก่อนหน้านี้ เราอยากจะขอให้ท่านลุงลืมเรื่องบาดหมางใจที่เมืองห้าหุบเขาไปให้สิ้นได้หรือไม่เจ้าคะ?”

ซูฉินชะงักก่อนจะรีบคำนับโดยเร็ว

“องค์ไม่ได้ทำสิ่งใดผิดต่อข้าเลย” หลินมู่อวี่ประสานกำปั้นด้วยสองมือและคำนับ “ท่านแม่ทัพ สิ่งใดที่ข้าได้กระทำไปก่อนหน้านี้ ช่วยอภัยให้ข้าด้วยเถิด!”

“ข้าทราบแล้วอาอวี่ ตอนนั้นเป็นข้าเองที่อารมณ์ร้อน ในเมื่อเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว อย่าพูดให้มากความ มาร่วมดื่มกินด้วยกันให้เหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเถิด”

“ขอรับ!”

ซูฉินซดไวน์รสหวานเข้าปากก่อนจะวางแก้วลงและกล่าวแก่ฉินอิน “เสี่ยวอิน กลับไปเมืองหลันเยี่ยนครานี้ลุงจะไม่ไปพบจักรพรรดิมือเปล่าแน่นอน!”

“ท่านลุงเตรียมสิ่งใดไปให้เสด็จพ่อด้วยหรือเจ้าคะ?”

“ถูกต้อง”

ซูฉินหัวเราะเบาๆ “เจ้าอยากเห็นหรือไม่?”

“อยากเห็นเจ้าค่ะ รีบเอามาให้ข้าดูเร็ว”

“ได้เลย!”

ซูฉินดีดนิ้วพลางตะโกนเรียก “แม่ทัพจางซ่านทงนำของขวัญออกมา!”

“ขอรับ!”

ไม่นานจางซ่านทงก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องสีเงินในมือและยื่นมันให้กับฉินอิน “นี่เป็นของขวัญจากท่านแม่ทัพถึงองค์จักรพรรดิขอรับ”

“เปิดดูสิ”

“เจ้าค่ะ!”

ขณะที่ฉินอินเปิดกล่องดู นางก็กรีดร้องลั่นด้วยความตกใจโผเข้ากอดหลินมู่อวี่ทันที หลินมู่อวี่โอบกอดนางไว้ดว้ยแขนขาเดียว พลางชะเง้อมองสิ่งที่อยู่ด้านในกล่องก่อนจะพบว่ามันเป็นหัวโชกเลือดของใครบางคน! สภาพศีรษะมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยคราบเลือดแข็งตัว ดวงตายังคงเบิกกว้างราวกับยังมีชีวิต นี่มันหัวของหูเถี่ยหนิง!

หลินมู่อวี่ใจสั่นระรัวรีบใช้มือปิดฝากล่องโดยไว ก่อนจะหันมากระชับฉินอินไว้ในอ้อมกอด “ท่านแม่ทัพ…ท่านไปเอาหัวของหูเถี่ยหนิงมาจากที่ใดกัน?”

ซูฉินเลิกคิ้วขึ้น “ไม่กี่วันก่อนข้าสั่งให้จางซ่านทงนำกองทหารแกะรอยไล่ล่าครอบครัวของหูเถี่ยหนิงและหลงเซียนหลิน กระทั่งไล่ตามทันข้าจึงตัดหัวมันมาได้ หึ! เจ้าหูเถี่ยหนิงผู้ชั่วช้า คิดจะทำการลักลอบฟอกเงินสุดท้ายก็ต้องตาย เป็นอย่างไรบ้างเล่าของขวัญแด่องค์จักรพรรดิ?”

ฉินอินที่ตกตะลึงกับสิ่งที่อยู่ในกล่องเริ่มตั้งสติได้ นางสงบอารมณ์ก่อนเอ่ยขึ้น “เชื่อข้าเถิด ว่าเสด็จพ่อต้องพึงพอใจมากเป็นแน่”

“ฮ่าๆๆ เช่นนั้นก็ดีเลย”

ซูฉินยกไวน์ขึ้นกระดกอีกแล้ว ไวน์แดงไหลลงอาบแก้มราวกับเลือดสดๆ

เมื่อหลินมู่อวี่เห็นจางซ่านทงเดินออกไปพร้อมกล่องของขวัญก็รีบตามไปทันที เท้าย่างไปตามพื้นหิมะหนากระทั่งก่อนถึงจวนผู้ว่าการหลินมู่อวี่ก็ตะโกน “แม่ทัพจาง โปรดรอสักประเดี๋ยว”

“มีเหตุอันใดหรือท่านแม่ทัพหลิน?” จางซ่านทงถามอย่างนอบน้อม

“หากท่านเจอศพของหูเถี่ยหนิงแล้ว…ศพของหลงเซียนหลินอยู่ที่ใดหรือขอรับ?” หลินมู่อวี่ถาม

จางซ่านทงยิ้มตอบ “หลงเซียนหลินคนทรยศตายแล้วหรือขอรับ? ข้าไม่เห็นศพของเขา”

“แล้ว…ครอบครัวของหูเถี่ยหนิงกับหลงเซียนหลินอยู่ที่ใด?”

“ถูกจับขังอยู่ในคุกห้าหุบเขาขอรับ!”

“อย่างนั้นหรือ…”

หลินมู่อวี่พึมพำก่อนจะตอบ “เช่นนั้นข้าขอไปตรวจตราความเรียบร้อยสักหน่อย เราแยกกันตรงนี้เลยนะขอรับ!”

“อ้อ…เข้าใจแล้ว…”

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 266 ขออภัย

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 266 ขออภัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฟิงจี้สิงถือม้วนคำสั่งสีทองไปยังจวนผู้ว่าการอย่างมาดมั่น โดยมีซีกงฝานเดินตามหลัง เขาคือแม่ทัพที่มีหนวดเคราและดาวสองดวงติดอยู่ตรงคอเสื้อ ชายที่มีพลังยุทธ์สูงอยู่ระดับขอบเขตนภา เป็นรองผู้บัญชาการของกองทัพองครักษ์

ซูมู่หยุน ซูฉิน หลินมู่อวี่ และคนอื่นๆ คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น พลางพูดขึ้น “รอรับคำสั่งขอรับ!”

เฟิงจี้สิงเปิดม้วนกระดาษสีทองก่อนจะเอ่ยปากอ่านสิ่งที่อยู่ในนั้น “พระราชโองการจากองค์จักรพรรดิ แม่ทัพซูฉินผู้รับผิดชอบเรื่องการก่อกบฏ จะได้รับรางวัลเป็นที่ดินอันอุดมสมบูรณ์และเงินหนึ่งแสนทอง แม่ทัพหลินมู่อวี่ที่สามารถดูแลองค์ฉินอินได้ตามคำสั่งจะได้รับหนึ่งพันเหรียญทอง เฟิงจี้สิงผู้นำกองทหารองครักษ์จะได้รับอำนาจทางการเมืองและหน้าที่ดูแลกองทัพทั้งหมดของเมืองห้าหุบเขา รองผู้บัญชาการซีกงฝานจะได้รับหน้าที่เป็นผู้ว่าการ ดูแลกิจการทหารทั้งหมดในมณฑล จัดระเบียบและคัดเลือกทหารใหม่อย่าให้มีข้อผิดพลาดเป็นอันขาด กองกำลังค่ายเขาเหินที่หลินมู่อวี่ควบคุมอยู่จะถูกส่งต่อให้แก่เฟิงจี้สิงเพื่อนำกลับมาเหมืองหลวงหลันเยี่ยน และสำหรับท่านหยุนกง ซูฉิน ซูอวี่ องค์หญิงฉินอิน และหลินมู่อวี่ ขอให้กลับมาที่เมืองหลวงเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิด้วย”

“ท่านผู้เฒ่ารับไปขอรับ!” ว่าจบเฟิงจี้สิงก็ส่งต่อม้วนคำสั่ง

ซูมู่หยุนค่อยๆ ลุกขึ้นและรับม้วนคำสั่งมาจากเฟิงจี้สิง

เฟิงจี้เดินมาช่วยพยุงแขนซูมู่หยุนพลางยิ้ม “ท่านกงหยุนถึงจะแก่แต่ก็ยังแข็งแรงนะขอรับ ถึงจะเป็นงานที่ลำบากสักหน่อย ต่อเมื่อแล้วเสร็จท่านก็จะได้ไปเมืองหลันเยี่ยนเสียที องค์จักรพรรดิต้องพอพระทัยมากเป็นแน่”

ซูมู่หยุนประสานกำปั้นคำนับทางไปอีกทาง “เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”

ซูฉินกล่าว “วันนี้เราเหนื่อยกันมามาก หยุดพักกันที่เมืองห้าหุบเขานี้สักคืนแล้วค่อยไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทพรุ่งนี้เช้าดีหรือไม่?”

“ดีเลย” เฟิงจี้สิงยิ้ม “ข้าเห็นด้วยกับท่านแม่ทัพ!

“ดีมาก เช่นนั้นคืนนี้เราจะเลี้ยงฉลองกัน ไม่เมาไม่กลับ!”

“ขอรับ!”

พลบค่ำมาเยือน หิมะที่ตกหนักได้สงบลงแล้ว เผยให้เห็นดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าทอแสงสะท้อนเข้าไปในโถงใหญ่ของจวนผู้ว่า ฉินอินนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีเกียจคร้านก่อนจะเปิดดูเอกสารบนโต๊ะเบื้องหน้า แม้แต่ท่วงท่าขี้เกียจยังดูสง่างามอย่างมากจนหลินมู่อวี่ เฟิงจี้สิง และซีกงฝานเผลอกลืนน้ำลายพร้อมกัน

“ท่านพี่มานี่สิเจ้าคะ…” ฉินอินเรียกด้วยรอยยิ้ม

หลินมู่อวี่เดินมาหยุดอยู่ตรงเก้าอี้อีกฝั่ง ในมือยังถือหมวกเหล็กอยู่พลางเอ่ยถาม “มีสิ่งใดจะคุยกับข้าหรือเสี่ยวอิน?”

“ช่วยข้าดูหน่อยเจ้าค่ะ”

“ได้สิ”

เมื่อหลินมู่อวี่เข้ามาใกล้ ฉินอินก็คว้ามือเขามาจับพลางยิ้มเอ่ย “ดูรายงานทางทหารพวกนี้สิเจ้าคะ เมืองห้าหุบเขาแต่เดิมมีทหารกว่าแสนสองร้อยนาย ทว่าเหตุใดตอนนี้จึงเหลือเพียงหกหมื่นเองเล่า?”

“ถูกต้องแล้ว”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “การรบรอบแรกนอกเมืองห้าหุบเขา กองทัพเจ็ดหมื่นนายของท่านซูฉินปะทะกับกองกำลังของหลงเซียนหลินจนบาดเจ็บกันถ้วนหน้า ตกดึก…หลงเซียนหลินสั่งให้ทหารนับหมื่นหนีไปพร้อมครอบครัวก่อนจะถูกตามล่า นอกจากนี้ยังมีการถอนตัวของทหารอีกจำนวนมาก ทำให้กองกำลังของมณฑลชางหนานตอนนี้บกพร่อง”

“เป็นเช่นนี้เอง…” ฉินอินยิ้มมองหลินมู่อวี่ก่อนจะกล่าวต่อ “ท่านลุงนั้นอารมณ์ร้อน ด้วยเหตุนี้ท่านพี่อย่าโกรธท่านลุงเลยนะเจ้าคะ เขาไม่ใช่คนชั่วร้าย…แค่บางครั้งความภักดีต่ออาณาจักรที่มากเกินไปทำให้เขาแยกไม่ออกว่าสิ่งใดถูกหรือผิด”

“อืม…ข้ารู้อยู่แล้ว”

ทันใดนั้นเฟิงจี้สิงก็กระแอมขัดจังหวะ “องค์หญิงขอรับ ต้องขอบคุณอาอวี่ของเราที่ช่วยหยุดเขาไว้ มิเช่นนั้นท่านแม่ทัพซูฉินคงได้ทำลายเมืองห้าหุบเขาจนราบไปแล้ว อย่างที่พระองค์รู้…เราล้มเลิกการฆ่าล้างบางไปนานหลายทศวรรษ หากไม่เป็นเพราะอาอวี่ ข้าเกรงว่าองค์จักรพรรดิคงถูกตราหน้าว่าเป็นทรราชจากคนทั้งโลก”

ฉินอินคลี่ยิ้ม “ข้าเข้าใจถึงความจริงข้อนี้ดี เมื่อเวลาร่วงเลยไปทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ทั้งกฎและข้อบังคับเก่าแก่เองก็เช่นกัน ต่อเมื่อกลับถึงเมืองหลันเยี่ยนเมื่อใด ข้าจะรายงานเสด็จพ่อและขอให้ท่านออกคำสั่งยกเลิกการสังหารหมู่อย่างเด็ดขาด”

“ขอรับ” เฟิงจี้สิงโค้งคำนับ “เช่นนั้นข้าขอเป็นตัวแทนคนทั้งโลกขอบพระทัยองค์หญิงสำหรับความกรุณาก่อนเป็นคนแรกพ่ะย่ะค่ะ!”

ซีกงฝานยิ้ม “องค์หญิงของเราทรงปราดเปรื่องยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินอินยิ้ม “อย่าสรรเสริญข้าให้มากเลย…ข้าไม่หลงกลพวกท่านหรอก ท่านแม่ทัพซีกงฝาน ข้าไม่มีสิทธิ์เลื่อนตำแหน่งหรือฐานะให้แก่ท่าน  เนื่องด้วยความโกลาหลที่เกิดขึ้นในมณฑลชางหนานจากการรบที่เมืองห้าหุบเขาครั้งก่อน กำลังทหารเองก็เสียหายอย่างหนัก แม้จะได้อาอวี่ช่วยฟื้นฟูอยู่หลายวันก็ยังไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ดังนั้นการจัดการสะสางทุกอย่างหลังจากนี้จะขึ้นอยู่กับท่าน จงเติมเต็มกองกำลังแสนคนให้กลับมาเข้มแข็งแต่โดยเร็ว เพราะเมืองนี้เป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองใหญ่จะให้ขาดการป้องกันเป็นเวลานานไม่ได้”

ซีกงฝานน้อมรับคำสั่งด้วยความเคารพ “ข้าขอน้อมรับ ซีกงฝานผู้นี้จะทำให้คำขอขององค์หญิงสำเร็จให้ได้พ่ะย่ะค่ะ!”

“ดีมาก”

ฉินอินลุกขึ้นสบตากับหลินมู่อวี่ “ท่านพี่ ช่วงอาหารค่ำข้าจะเข้าไปกับท่านพี่เพื่อขออภัยท่านลุงที่ได้ล่วงเกินไป ท่านพี่เห็นด้วยหรือไม่เจ้าคะ?”

ฉินอินบีบมือหลินมู่อวี่แน่น ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด…นางทำตัวน่าเอ็นดูอีกแล้ว ทว่าสิ่งที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องที่ควรทำ หลินมู่อวี่รู้ตั้งแต่เข้ามายังโลกแห่งนี้ ว่าเขาจำเป็นต้องทำตามขนบที่มีมาเสียก่อน มิเช่นนั้นต่อให้มีอำนาจมากล้นคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้

“ข้าไม่มีปัญหา ไม่สารภาพผิดด้วยการเถิด”

“เจ้าค่ะ” ฉินอินยิ้มหวาน ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในสายตาของเฟิงจี้สิงและซีกงฝาน ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันอย่างขวยเขินกับเหตุการณ์ตรงหน้า

งานเลี้ยงอาหารค่ำนั้นถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่มีผู้เข้าร่วมกว่าร้อยคนโดยมีฉินอินนั่งเป็นเจ้าภาพ ตามด้วยซูมู่หยุน ซูฉิน เฟิงจี้สิง และซีกงหนาน ส่วนหลินมู่อวี่นั่งอยู่ถัดมารวมกับเหล่าองครักษ์อื่นๆ อันที่จริง ตำแหน่งแม่ทัพอันดับสี่ตามลำดับการแบ่งของทหารจักรวรรดินั้นเขาไม่ควรได้นั่งร่วมกับซูฉินซึ่งเป็นอันดับหนึ่งด้วยซ้ำ แม้ฝีมือเขาจะเป็นที่กระจ่างแก่ทุกผู้ ทว่าธรรมเนียมบางอย่างก็ไม่ควรมองข้าม

เมืองห้าหุบเขานั้นร่ำรวย มีทรัพยากรน้ำและอาหารอันอุดมสมบูรณ์เก็บไว้มากมาย หญิงสาวในเมืองนี้ก็สมบูรณ์ไม่แพ้กัน…แม้แต่สาวใช้ที่คอยบริการยังน่ารักน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้ จางเหว่ยกับหลัวเลี่ยมีความสุขอย่างมากที่ได้พูดคุยกับพวกนาง ทว่าหลินมู่อวี่นั้นรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย ได้แต่นั่งมองคนอื่นๆ สังสรรค์และจิบไวน์ไปพลาง

ทุกคนเริ่มมีอาการมึนเมาหลังซัดไวน์ไปสามยกติด ฉินอินเดินถือถ้วยหยกมหาหาหลินมู่อวี่ในขณะที่มืออีกข้างโอบกระโปรงไว้ดูน่าเอ็นดูนัก “ท่านพี่เราไม่ขอโทษกันเถิดเจ้าค่ะ!”

“อืม”

หลินมู่อวี่วางกระบี่ไว้บนโต๊ะก่อนจะหยิบแก้วไวน์และลุกขึ้น ฉินอินเดินเข้ามาคล้องแขนราวกับพี่น้องตัวติดกัน

เมื่อทั้งคู่มาถึงจุดที่ซูฉินอยู่ ฉินอินก็ยิ้มชวนหลงใหลออกมาพลางกล่าว “ท่านลุงเจ้าคะ! ข้ากับท่านพี่มาเพื่อขออภัยที่ได้ล่วงเกินไปก่อนหน้านี้ เราอยากจะขอให้ท่านลุงลืมเรื่องบาดหมางใจที่เมืองห้าหุบเขาไปให้สิ้นได้หรือไม่เจ้าคะ?”

ซูฉินชะงักก่อนจะรีบคำนับโดยเร็ว

“องค์ไม่ได้ทำสิ่งใดผิดต่อข้าเลย” หลินมู่อวี่ประสานกำปั้นด้วยสองมือและคำนับ “ท่านแม่ทัพ สิ่งใดที่ข้าได้กระทำไปก่อนหน้านี้ ช่วยอภัยให้ข้าด้วยเถิด!”

“ข้าทราบแล้วอาอวี่ ตอนนั้นเป็นข้าเองที่อารมณ์ร้อน ในเมื่อเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว อย่าพูดให้มากความ มาร่วมดื่มกินด้วยกันให้เหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเถิด”

“ขอรับ!”

ซูฉินซดไวน์รสหวานเข้าปากก่อนจะวางแก้วลงและกล่าวแก่ฉินอิน “เสี่ยวอิน กลับไปเมืองหลันเยี่ยนครานี้ลุงจะไม่ไปพบจักรพรรดิมือเปล่าแน่นอน!”

“ท่านลุงเตรียมสิ่งใดไปให้เสด็จพ่อด้วยหรือเจ้าคะ?”

“ถูกต้อง”

ซูฉินหัวเราะเบาๆ “เจ้าอยากเห็นหรือไม่?”

“อยากเห็นเจ้าค่ะ รีบเอามาให้ข้าดูเร็ว”

“ได้เลย!”

ซูฉินดีดนิ้วพลางตะโกนเรียก “แม่ทัพจางซ่านทงนำของขวัญออกมา!”

“ขอรับ!”

ไม่นานจางซ่านทงก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องสีเงินในมือและยื่นมันให้กับฉินอิน “นี่เป็นของขวัญจากท่านแม่ทัพถึงองค์จักรพรรดิขอรับ”

“เปิดดูสิ”

“เจ้าค่ะ!”

ขณะที่ฉินอินเปิดกล่องดู นางก็กรีดร้องลั่นด้วยความตกใจโผเข้ากอดหลินมู่อวี่ทันที หลินมู่อวี่โอบกอดนางไว้ดว้ยแขนขาเดียว พลางชะเง้อมองสิ่งที่อยู่ด้านในกล่องก่อนจะพบว่ามันเป็นหัวโชกเลือดของใครบางคน! สภาพศีรษะมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยคราบเลือดแข็งตัว ดวงตายังคงเบิกกว้างราวกับยังมีชีวิต นี่มันหัวของหูเถี่ยหนิง!

หลินมู่อวี่ใจสั่นระรัวรีบใช้มือปิดฝากล่องโดยไว ก่อนจะหันมากระชับฉินอินไว้ในอ้อมกอด “ท่านแม่ทัพ…ท่านไปเอาหัวของหูเถี่ยหนิงมาจากที่ใดกัน?”

ซูฉินเลิกคิ้วขึ้น “ไม่กี่วันก่อนข้าสั่งให้จางซ่านทงนำกองทหารแกะรอยไล่ล่าครอบครัวของหูเถี่ยหนิงและหลงเซียนหลิน กระทั่งไล่ตามทันข้าจึงตัดหัวมันมาได้ หึ! เจ้าหูเถี่ยหนิงผู้ชั่วช้า คิดจะทำการลักลอบฟอกเงินสุดท้ายก็ต้องตาย เป็นอย่างไรบ้างเล่าของขวัญแด่องค์จักรพรรดิ?”

ฉินอินที่ตกตะลึงกับสิ่งที่อยู่ในกล่องเริ่มตั้งสติได้ นางสงบอารมณ์ก่อนเอ่ยขึ้น “เชื่อข้าเถิด ว่าเสด็จพ่อต้องพึงพอใจมากเป็นแน่”

“ฮ่าๆๆ เช่นนั้นก็ดีเลย”

ซูฉินยกไวน์ขึ้นกระดกอีกแล้ว ไวน์แดงไหลลงอาบแก้มราวกับเลือดสดๆ

เมื่อหลินมู่อวี่เห็นจางซ่านทงเดินออกไปพร้อมกล่องของขวัญก็รีบตามไปทันที เท้าย่างไปตามพื้นหิมะหนากระทั่งก่อนถึงจวนผู้ว่าการหลินมู่อวี่ก็ตะโกน “แม่ทัพจาง โปรดรอสักประเดี๋ยว”

“มีเหตุอันใดหรือท่านแม่ทัพหลิน?” จางซ่านทงถามอย่างนอบน้อม

“หากท่านเจอศพของหูเถี่ยหนิงแล้ว…ศพของหลงเซียนหลินอยู่ที่ใดหรือขอรับ?” หลินมู่อวี่ถาม

จางซ่านทงยิ้มตอบ “หลงเซียนหลินคนทรยศตายแล้วหรือขอรับ? ข้าไม่เห็นศพของเขา”

“แล้ว…ครอบครัวของหูเถี่ยหนิงกับหลงเซียนหลินอยู่ที่ใด?”

“ถูกจับขังอยู่ในคุกห้าหุบเขาขอรับ!”

“อย่างนั้นหรือ…”

หลินมู่อวี่พึมพำก่อนจะตอบ “เช่นนั้นข้าขอไปตรวจตราความเรียบร้อยสักหน่อย เราแยกกันตรงนี้เลยนะขอรับ!”

“อ้อ…เข้าใจแล้ว…”

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+