The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 365 เมืองตงฉวง

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 365 เมืองตงฉวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.365 เมืองตงฉวง

ใต้ธงรบ หมินยวี่หลินสวมชุดเกราะสีทองและถือดาบในมือ เงยหน้ามองหิมะที่โปรยปรายจากฟ้าด้วยแววตาดุดัน ไม่ไกลนักหลินมู่อวี่เดินเข้ามาพลางประสานหมัดพร้อมกล่าว “ท่านหมินยวี่หลิน ถนนเบื้องหน้าถูกตัดขาดขอรับ การเดินทางครั้งนี้คงยากลำบากเป็นแน่ ข้าเกรงว่าจะกระทบกับแผนที่เราวางไว้จึงมารายงานก่อน”

“ทราบแล้ว ขอบคุณแม่ทัพหลินที่ช่วยตรวจสอบ”

หมินยวี่หลินคลี่ยิ้ม “ไม่เป็นไร คงต้องใช้เวลาสามวันกว่าจะถึงเมืองตวงฉวงในมณฑลหลิงตง ข้าจะล่วงหน้าไปก่อนหนึ่งวัน เพราะตั้งใจจะให้กองทัพเร่งเข้าล้อมเมืองตงฉวงให้ไวที่สุด ส่วนแม่ทัพหลินค่อยตามไป”

“รับทราบขอรับ”

“ดีมาก”

กลางดึก ในที่สุดรถขนเสบียงสามพันคันก็ข้ามผ่านอุปสรรคแล้วเข้าสู่ทุ่งกว้างได้ ด้วยหิมะที่ตกอย่างหนัก หลังจากมันละลายแล้วจึงทำให้พื้นกลายเป็นโคลนหนา ส่งผลให้รถเสบียงติดหล่ม

“ตึก ตึก…”

เสียงฝีเท้าม้ายังคงดังอย่างต่อเนื่อง หลินมู่อวี่หันม้าไปทางรถขนเสบียงที่ติดหล่มก่อนจะพบว่าทั้งแกนล้อจมโคลนอยู่ แม้จะใช้ทหารถึงสิบคนก็ยกขึ้นไม่ได้

“ท่านแม่ทัพ…เรา…” ทหารคนหนึ่งมองหลินมู่อวี่ด้วยความสั่นกลัว

หลินมู่อวี่ไม่ตอบสิ่งใดนอกจากตวัดด้ามทวนหลีฮวาใส่โคลนที่ติดล้ออยู่ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับส่วนท้ายของเกวียนไว้พลันกล่าว “ออกแรงพร้อมกัน”

“ขอรับ!”

หิมะยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทว่าร่างหลินมู่อวี่ที่ห่อหุ้มด้วยปราณยุทธ์ทำให้เกล็ดหิมะไม่สามารถเกาะไปตัวเขาได้ พลังของผู้ที่อยู่ขอบเขตนภาช่างแสนวิเศษเมื่อเทียบกับคนธรรมดา ทันทีที่ได้ยินเสียงจากบ่อโคลน หลินมู่อวี่รีบฟันต้นไม้ด้านข้างให้ลงมาปิดหลุมพอดี

เฉินฮั่นครูฝึกดาวเงินที่อยู่ด้านข้างบ่นพึมพำ “ท่านผู้นำ ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวรรดิ มิสมควรลดตัวมาเช่นนี้นะขอรับ…”

หลินมู่อวี่ชะงักไปชั่วครู่ก่อนตบบ่าเฉินฮั่นพร้อมยิ้มกล่าว “มีสิ่งที่ข้าควรและไม่ควรด้วยหรือ? ไปเถิด คราวนี้ขบวนคงเคลื่อนได้ง่ายขึ้น รีบตามทัพหลักไปให้ไวที่สุด”

“ขอรับ!”

การเดินทางของหลินมู่อวี่ครั้งนี้มีแต่อุปสรรค ระหว่างทางไปมณฑลหลิงตงนั้นรกร้างว่างเปล่า ตลอดระยะร้อยไมล์ที่ผ่านมาไม่พบผู้คนเลยไม่ว่าจะเป็นบนถนนหรือบนสะพาน ทั้งนี้ต้องใช้เวลาถึงห้าวันกว่ากองเสบียงจะเข้าสู่อาณาเขตเมืองตงฉวง

เมื่อหิมะหยุดตก ท้องฟ้ากลับมาปลอดโปร่งอีกครั้ง

หัวหน้าหน่วยสอดแนมจากกองทัพหลักวิ่งมาด้วยท่าทีถมึงทึง “แม่ทัพหลิน หน่วยเสบียงของท่านมาชักช้านัก หากมาไม่ทันการพวกเราคงต้องแทะเปลือกไม้!”

“ขออภัย ระหว่างทางมาที่นี่ยากลำบากนัก”

“ตามข้ามา ท่านหมินยวี่หลินรอพบอยู่”

“อืม”

ไม่ถึงสิบไมล์เบื้องหน้าเป็นค่ายทหาร ตลอดทางหลินมู่อวี่เห็นทหารบาดเจ็บจำนวนมากราวกับเพิ่งผ่านพ้นสงครามไปได้ไม่นาน ไกลออกไปธงของจักรวรรดิอี้เหอยังคงโบกสะบัดอยู่ในเมืองตงฉวง

หมินยวี่หลิน หมินจ้าน ซูเหวินเทียน หวังซีและคนอื่นๆ ในกระโจมที่พักทำหน้าเคร่งขรึมไม่พูดจา

หลินมู่อวี่เข้าไปด้านใน ชูป้ายขึ้นพร้อมรายงาน “รถขนเสบียงทั้งสามพันคันมาถึงแล้วขอรับ”

หวังซีตอบด้วยแววตาเรียบเฉย “ผู้นำคงรู้แล้วว่าเลยเวลาที่นัดหมายไปถึงสองวัน! ตามกฎทหารต้องถูกตัดหัว!”

หลินมู่อวี่มองชายเบื้องหน้าด้วยสายตาหยิ่งผยองทว่าไม่โต้ตอบ

ทันใดนั้นแม่ทัพตู้ไห่ประสานหมัดพร้อมกล่าว “ท่านขุนนาง มณฑลหลิงตงนั้นต่างจากมณฑลอื่น ด้วยไม่มีถนนพามาให้ถึงที่หมาย จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้หากต้องใช้เวลา โปรดอภัยให้ท่านหลินมู่อวี่เถิด”

“ข้าเข้าใจแล้ว เอาเถิด…” หมินยวี่หลินโบกมือพร้อมกล่าว “แม่ทัพหลินเชิญนั่งก่อน”

“ขอรับ”

ในกระโจมที่มีทหารมารวมตัวกันกว่ายี่สิบนาย ที่นั่งของหลินมู่อวี่ถูกจัดไว้ท้ายสุด

หมินยวี่หลินกล่าว “แม่เมืองตงฉวงจะเป็นเมืองเล็ก ทว่าก็แข็งแกร่งมาก หากพวกกบฏอี้เหอยังคงคุ้มกันเมืองอย่างหนาแน่นเช่นนี้ เราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากเสียกำลังพลเปล่า พวกเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?”

ซูเหวินเทียนประสานหมัดพร้อมกล่าว “ท่านขุนนาง หน่วยสอดแนมของเราได้รับรายงานที่แม่นยำมา ทหารอี้เหอที่คุ้มกันเมืองมีเพียงหนึ่งพันนายเท่านั้น พวกมันถูกทหารของเราเข้าล้อมและกำลังอยู่ในสภาพสิ้นหวัง ข้าคิดว่าเป็นการดีที่จะส่งราชทูตเข้าไปเพื่อเกลี้ยกล่อมให้พวกมันยอมแพ้เสีย ผู้บัญชาการพวกกบฏในเมืองคืออวี้ฉือหลิน ให้ราชทูตลองเสนอไปว่าหากยอมจำนน จักรวรรดิจะยอมรับและคืนตำแหน่งให้อีกครั้ง คิดว่าอย่างไร?”

หมินยวี่หลินหันมองซูเหวินเทียนพลางกล่าวเสียงเย็นชา “จักรวรรดิฉินของเราคงไม่ยอมหักหลังแน่ ให้พวกมันยอมแพ้และกลับจักรวรรดิอี้เหอไปเสีย พวกมันคงรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น”

“ก็จริงขอรับ” ซูเหวินเทียนยิ้มพลันกล่าวต่อ “ข้าน้อยเพียงต้องการหลอกล่อให้พวกมันยอมแพ้ ส่วนเรื่องข้อตกลงนั้นให้ขึ้นอยู่กับองค์จักรพรรดินีเป็นผู้ตัดสินพระทัย ในเมืองคงเหลือเสบียงน้อยเต็มทีแล้ว พวกมันคงยื้ออยู่ได้อีกไม่นาน”

“ดีมาก!” หมินยวี่หลินพยักหน้าพลางกล่าว “ตามที่เจ้าว่า ส่งคนไปเจรจา!”

“ขอรับ!”

หลินมู่อวี่รู้สึกหวั่นใจ ถึงอย่างไรเสียทหารกว่าหมื่นนายในเมืองคงต้องถูกกำจัดแน่นอน

ตกดึกประตูเมืองตงฉวงถูกเปิด แม่ทัพอวี้ฉือหลินนำทัพทหารคุ้มกันออกมาจากเมือง ในมือถือตราผู้ว่าเมืองตงฉวงอยู่ เดิมทีเขาเป็นทหารของจักรวรรดิฉิน ทว่าแปรพักตร์ไปอยู่กับอี้เหอ กระทั่งได้กลับมาอีกครา สายตาของทุกคนมองเขาไม่ต่างจากกบฏคนหนึ่ง

หมินยวี่หลินลงจากม้าก่อนเดินเข้าไปรับตราผู้ว่ามาจากอวี้ฉือหลิน พลันกล่าวอย่างเย็นชา “แม่ทัพอวี้ฉือ ตระกูลของเจ้าได้พิทักษ์มณฑลเทียนชู่จากรุ่นสู่รุ่น เหตุใดเจ้าจึงยอมจำนนต่อพวกกบฏจักรวรรดิอี้เหอเช่นนี้?”

“ข้า…” อวี้ฉือหลินอึกอักหน้าซีด

หมินยวี่หลินสะบัดแขนออกคำสั่ง “ทหาร! ปลดอาวุธของพวกอี้เหอออกให้หมด!”

“ขอรับ!” กองทัพม้าวิ่งเข้าไปในเมืองตามคำสั่งทันที

หลินมู่อวี่เข้าไปในเมืองตงฉวงในฐานะผู้ติดตามพร้อมด้วยทัพเสบียง แม้เมืองตงฉวงจะเป็นเมืองเล็กทว่ามีสิ่งปลูกสร้างอยู่มากมาย ในขณะที่เมืองถูกยึดจากสงครามครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงกระนั้นประชาชนกลับดูไม่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกินขึ้นราวกับคนไร้สติ

บริเวณจัตุรัสกลางเมือง คบเพลิงถูกจุดลุกโชติช่วง ทหารจักรวรรดิอี้เหอพากันทิ้งอาวุธก่อนจะยัดฝ่ามือเข้าไปในชุดเกราะขาดรุ่งริ่งเพื่อคลายหนาว ดูจากการแต่งกายหลายคนไม่มีเครื่องแบบ ในขณะที่บางคนสวมเกราะทหารอี้เหอ ทว่าด้านในยังเป็นชุดสีกรมท่าของจักรวรรดิฉินอยู่ พอเดาได้ว่าไม่มีเวลาเปลี่ยนชุดเมื่อกลับมาถึงเมืองนี้ น่าขันเสียจริง

“ดูเหมือนกองทัพอี้เหอจะไม่มีใครรักนะ” หลินมู่อวี่กล่าวพึมพำ

อดีตแม่ทัพฉือยิงหัวเราะพร้อมกล่าว “จักรพรรดิฉินอี้ต้องดูแลกี่คนหรือ? ขณะที่เอาแต่ป่าวประกาศถึงความเท่าเทียมและปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความเมตตา ถึงกระนั้นก็เห็นได้ชัดว่าทหารแปรพักตร์พวกนี้หาได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นไม่”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉือยิง อวี้ฉือหลินทนไม่ได้จึงตอบกลับ “ที่แม่ทัพเฒ่าผู้นี้กล่าวไม่ใช่เรื่องผิด…ทว่าท่านเซินเว่ยโหว ตอนนี้พวกข้ายอมจำนนต่อจักรวรรดิฉินแล้ว ข้าอยากจะบอกว่าเราไม่ควรอยู่ที่นี้นานขอรับ”

“เพราะเหตุใด?” หมินยวี่หลินเอ่ยถาม

อวี้ฉือหลินประสานหมัดพร้อมกล่าว “หม่านฟางเจ็ดแม่ทัพอันดับแห่งอี้เหอตั้งกองทัพอยู่ในมณฑลทงเทียน เขามีทหารเจ็ดหมื่นนายและกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองตงฉวงแห่งนี้ กองทัพเจ็ดหมื่นนั้นล้วนแต่เป็นทหารฝีมือดี เมืองตงฉวงนั้นรกร้างทั้งยังขาดแคลนอาหาร ต่อให้มีกำลังคนเพียงไหนก็คงมิอาจเป็นศัตรูของหม่านฟางได้ขอรับ”

“หม่านฟางหรือ?”

หมินยวี่หลินกล่าวด้วยสายตาเหยียดหยาม “คนไร้หัวคิดอย่างมันยังกล้านำทัพ หึ! ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะรอหม่านฟางอยู่เมืองตงฉวงแห่งนี้!”

“เซินเว่ยโหว…” อวี้ฉือหลินไม่กล่าวคำใดต่อ

หมินยวี่หลินกวาดตามองเชลยทั้งหมื่นคนจากจักรวรรดิอี้เหอที่อยู่จัตุรัสกลางเมือง ก่อนจะแผ่รังสีอำมหิตออกมาพร้อมกล่าว “แม่ทัพฉือ สั่งให้ทหารห้าพันคนเตรียมธนูคนละห้าสิบดอก”

ฉือยิงพยักหน้ารับ “ขอรับ!”

หมินจ้านชะงักก่อนกล่าว “ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าเพียงยึดเมืองหรือ? ท่านจะทำสิ่งใด…”

หมินยวี่หลินไม่ตอบทว่าออกคำสั่งต่อ “ผู้บัญชาการเถี่ยเฟิงฟังคำสั่ง! จงให้ทหารเข้าล้อมเชลยศึกและกันพวกมันด้วยโล่”

“ขอรับ ท่านเซินเว่ยโหว” เช่อเถี่ยเฟิงพยักหน้า

หมินยวี่หลินหันหลังก่อนกล่าวทิ้งท้าย “นับเวลาเพียงก้านธูปดับ ให้ยิงเชลยจากอี้เหอทันทีและตัดหัวพวกมันเสียบประจานบนกำแพงเมืองตงฉวงเพื่อข่มขวัญกองทัพหม่านฟาง”

อวี้ฉือหลินตัวสั่นเทิ้มรีบคุกเข่าลงกับพื้นพลางตะโกนลั่น “ท่านเซินเว่ยโหว…พวกเขาก็เป็นคนของจักรวรรดิฉินเหมือนกันนะขอรับ พวกเขาเพียงแค่ทำตามคำสั่ง ทั้งยังมีลูกเมียรออยู่ ท่านจะสังหารพวกเขาเช่นนี้ไม่ได้…”

“ในฐานะคนของจักรวรรดิยิ่งแล้ว เจ้าควรรู้ว่าความจงรักภักดีเป็นอย่างไร แม่ทัพอวี้ฉือหลินอย่าได้เอ่ยคำใดอีก มิเช่นนั้นเจ้าจะโดนด้วยเช่นกัน” หมินยวี่หลินพูดคำขาด

อวี้ฉือหลินทำได้เพียงนั่งตัวสั่นด้วยความอัปยศและขุ่นเคือง

ฉินเหยียนกำหมัดแน่นนัยน์ตาลุกโชนด้วยความโกรธพลันหันไปหาหลินมู่อวี่พร้อมกล่าว “ท่านพี่…เราจะมองหมินยวี่หลินสังหารเชลยทั้งหมื่นคนอยู่อย่างนี้หรือ? ไปเกลี้ยกล่อมเขาเถิด หากปล่อยให้ทุกคนถูกฆ่า ยังจะมีทหารจากจักรวรรดิอี้เหอใดกลับใจมาอีกเล่า?”

หลินมู่อวี่กำด้ามกระบี่ที่เอวแน่นก่อนจะกล่าว “อาเหยียน เจ้าเคยนึกถึงทหารของเราที่มีลูกเมียแล้วถูกพวกอี้เหอฆ่าล้างบางบ้างหรือไม่? ตอนที่พวกมันบุกเมืองหลันเยี่ยน พวกมันเคยคิดถึงความเมตตาเช่นเจ้าหรือเปล่า?”

“ท่านพี่…” ฉินเหยียนไร้คำกล่าว

หลินมู่อวี่ตบบ่าฉินเหยียนเบาๆ “ทหารทั้งหมื่นนายนี้ต้องใช้เสบียงทุกวัน เจ้าได้คำนวณหรือไม่ว่าพวกมันใช้ไปเท่าไร?”

“ข้า…” ฉินเหยียนพูดไม่ออก

ไม่นานนักเสียงโหยหวนร่ำร้องดังกระหึ่มไปทั่ว ทหารอี้เหอหนึ่งหมื่นนายถูกธนูกระหน่ำยิงจนตายอย่างสิ้นหวัง ใครที่พยายามฝ่าแนวโล่ของทหารราบเกราะหนักจะถูกหอกแทงตาย จัตุรัสเมืองตงฉวงถูกย้อมไปด้วยเลือดของเหล่าเชลยศึก

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 365 เมืองตงฉวง

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 365 เมืองตงฉวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.365 เมืองตงฉวง

ใต้ธงรบ หมินยวี่หลินสวมชุดเกราะสีทองและถือดาบในมือ เงยหน้ามองหิมะที่โปรยปรายจากฟ้าด้วยแววตาดุดัน ไม่ไกลนักหลินมู่อวี่เดินเข้ามาพลางประสานหมัดพร้อมกล่าว “ท่านหมินยวี่หลิน ถนนเบื้องหน้าถูกตัดขาดขอรับ การเดินทางครั้งนี้คงยากลำบากเป็นแน่ ข้าเกรงว่าจะกระทบกับแผนที่เราวางไว้จึงมารายงานก่อน”

“ทราบแล้ว ขอบคุณแม่ทัพหลินที่ช่วยตรวจสอบ”

หมินยวี่หลินคลี่ยิ้ม “ไม่เป็นไร คงต้องใช้เวลาสามวันกว่าจะถึงเมืองตวงฉวงในมณฑลหลิงตง ข้าจะล่วงหน้าไปก่อนหนึ่งวัน เพราะตั้งใจจะให้กองทัพเร่งเข้าล้อมเมืองตงฉวงให้ไวที่สุด ส่วนแม่ทัพหลินค่อยตามไป”

“รับทราบขอรับ”

“ดีมาก”

กลางดึก ในที่สุดรถขนเสบียงสามพันคันก็ข้ามผ่านอุปสรรคแล้วเข้าสู่ทุ่งกว้างได้ ด้วยหิมะที่ตกอย่างหนัก หลังจากมันละลายแล้วจึงทำให้พื้นกลายเป็นโคลนหนา ส่งผลให้รถเสบียงติดหล่ม

“ตึก ตึก…”

เสียงฝีเท้าม้ายังคงดังอย่างต่อเนื่อง หลินมู่อวี่หันม้าไปทางรถขนเสบียงที่ติดหล่มก่อนจะพบว่าทั้งแกนล้อจมโคลนอยู่ แม้จะใช้ทหารถึงสิบคนก็ยกขึ้นไม่ได้

“ท่านแม่ทัพ…เรา…” ทหารคนหนึ่งมองหลินมู่อวี่ด้วยความสั่นกลัว

หลินมู่อวี่ไม่ตอบสิ่งใดนอกจากตวัดด้ามทวนหลีฮวาใส่โคลนที่ติดล้ออยู่ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับส่วนท้ายของเกวียนไว้พลันกล่าว “ออกแรงพร้อมกัน”

“ขอรับ!”

หิมะยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทว่าร่างหลินมู่อวี่ที่ห่อหุ้มด้วยปราณยุทธ์ทำให้เกล็ดหิมะไม่สามารถเกาะไปตัวเขาได้ พลังของผู้ที่อยู่ขอบเขตนภาช่างแสนวิเศษเมื่อเทียบกับคนธรรมดา ทันทีที่ได้ยินเสียงจากบ่อโคลน หลินมู่อวี่รีบฟันต้นไม้ด้านข้างให้ลงมาปิดหลุมพอดี

เฉินฮั่นครูฝึกดาวเงินที่อยู่ด้านข้างบ่นพึมพำ “ท่านผู้นำ ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวรรดิ มิสมควรลดตัวมาเช่นนี้นะขอรับ…”

หลินมู่อวี่ชะงักไปชั่วครู่ก่อนตบบ่าเฉินฮั่นพร้อมยิ้มกล่าว “มีสิ่งที่ข้าควรและไม่ควรด้วยหรือ? ไปเถิด คราวนี้ขบวนคงเคลื่อนได้ง่ายขึ้น รีบตามทัพหลักไปให้ไวที่สุด”

“ขอรับ!”

การเดินทางของหลินมู่อวี่ครั้งนี้มีแต่อุปสรรค ระหว่างทางไปมณฑลหลิงตงนั้นรกร้างว่างเปล่า ตลอดระยะร้อยไมล์ที่ผ่านมาไม่พบผู้คนเลยไม่ว่าจะเป็นบนถนนหรือบนสะพาน ทั้งนี้ต้องใช้เวลาถึงห้าวันกว่ากองเสบียงจะเข้าสู่อาณาเขตเมืองตงฉวง

เมื่อหิมะหยุดตก ท้องฟ้ากลับมาปลอดโปร่งอีกครั้ง

หัวหน้าหน่วยสอดแนมจากกองทัพหลักวิ่งมาด้วยท่าทีถมึงทึง “แม่ทัพหลิน หน่วยเสบียงของท่านมาชักช้านัก หากมาไม่ทันการพวกเราคงต้องแทะเปลือกไม้!”

“ขออภัย ระหว่างทางมาที่นี่ยากลำบากนัก”

“ตามข้ามา ท่านหมินยวี่หลินรอพบอยู่”

“อืม”

ไม่ถึงสิบไมล์เบื้องหน้าเป็นค่ายทหาร ตลอดทางหลินมู่อวี่เห็นทหารบาดเจ็บจำนวนมากราวกับเพิ่งผ่านพ้นสงครามไปได้ไม่นาน ไกลออกไปธงของจักรวรรดิอี้เหอยังคงโบกสะบัดอยู่ในเมืองตงฉวง

หมินยวี่หลิน หมินจ้าน ซูเหวินเทียน หวังซีและคนอื่นๆ ในกระโจมที่พักทำหน้าเคร่งขรึมไม่พูดจา

หลินมู่อวี่เข้าไปด้านใน ชูป้ายขึ้นพร้อมรายงาน “รถขนเสบียงทั้งสามพันคันมาถึงแล้วขอรับ”

หวังซีตอบด้วยแววตาเรียบเฉย “ผู้นำคงรู้แล้วว่าเลยเวลาที่นัดหมายไปถึงสองวัน! ตามกฎทหารต้องถูกตัดหัว!”

หลินมู่อวี่มองชายเบื้องหน้าด้วยสายตาหยิ่งผยองทว่าไม่โต้ตอบ

ทันใดนั้นแม่ทัพตู้ไห่ประสานหมัดพร้อมกล่าว “ท่านขุนนาง มณฑลหลิงตงนั้นต่างจากมณฑลอื่น ด้วยไม่มีถนนพามาให้ถึงที่หมาย จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้หากต้องใช้เวลา โปรดอภัยให้ท่านหลินมู่อวี่เถิด”

“ข้าเข้าใจแล้ว เอาเถิด…” หมินยวี่หลินโบกมือพร้อมกล่าว “แม่ทัพหลินเชิญนั่งก่อน”

“ขอรับ”

ในกระโจมที่มีทหารมารวมตัวกันกว่ายี่สิบนาย ที่นั่งของหลินมู่อวี่ถูกจัดไว้ท้ายสุด

หมินยวี่หลินกล่าว “แม่เมืองตงฉวงจะเป็นเมืองเล็ก ทว่าก็แข็งแกร่งมาก หากพวกกบฏอี้เหอยังคงคุ้มกันเมืองอย่างหนาแน่นเช่นนี้ เราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากเสียกำลังพลเปล่า พวกเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?”

ซูเหวินเทียนประสานหมัดพร้อมกล่าว “ท่านขุนนาง หน่วยสอดแนมของเราได้รับรายงานที่แม่นยำมา ทหารอี้เหอที่คุ้มกันเมืองมีเพียงหนึ่งพันนายเท่านั้น พวกมันถูกทหารของเราเข้าล้อมและกำลังอยู่ในสภาพสิ้นหวัง ข้าคิดว่าเป็นการดีที่จะส่งราชทูตเข้าไปเพื่อเกลี้ยกล่อมให้พวกมันยอมแพ้เสีย ผู้บัญชาการพวกกบฏในเมืองคืออวี้ฉือหลิน ให้ราชทูตลองเสนอไปว่าหากยอมจำนน จักรวรรดิจะยอมรับและคืนตำแหน่งให้อีกครั้ง คิดว่าอย่างไร?”

หมินยวี่หลินหันมองซูเหวินเทียนพลางกล่าวเสียงเย็นชา “จักรวรรดิฉินของเราคงไม่ยอมหักหลังแน่ ให้พวกมันยอมแพ้และกลับจักรวรรดิอี้เหอไปเสีย พวกมันคงรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น”

“ก็จริงขอรับ” ซูเหวินเทียนยิ้มพลันกล่าวต่อ “ข้าน้อยเพียงต้องการหลอกล่อให้พวกมันยอมแพ้ ส่วนเรื่องข้อตกลงนั้นให้ขึ้นอยู่กับองค์จักรพรรดินีเป็นผู้ตัดสินพระทัย ในเมืองคงเหลือเสบียงน้อยเต็มทีแล้ว พวกมันคงยื้ออยู่ได้อีกไม่นาน”

“ดีมาก!” หมินยวี่หลินพยักหน้าพลางกล่าว “ตามที่เจ้าว่า ส่งคนไปเจรจา!”

“ขอรับ!”

หลินมู่อวี่รู้สึกหวั่นใจ ถึงอย่างไรเสียทหารกว่าหมื่นนายในเมืองคงต้องถูกกำจัดแน่นอน

ตกดึกประตูเมืองตงฉวงถูกเปิด แม่ทัพอวี้ฉือหลินนำทัพทหารคุ้มกันออกมาจากเมือง ในมือถือตราผู้ว่าเมืองตงฉวงอยู่ เดิมทีเขาเป็นทหารของจักรวรรดิฉิน ทว่าแปรพักตร์ไปอยู่กับอี้เหอ กระทั่งได้กลับมาอีกครา สายตาของทุกคนมองเขาไม่ต่างจากกบฏคนหนึ่ง

หมินยวี่หลินลงจากม้าก่อนเดินเข้าไปรับตราผู้ว่ามาจากอวี้ฉือหลิน พลันกล่าวอย่างเย็นชา “แม่ทัพอวี้ฉือ ตระกูลของเจ้าได้พิทักษ์มณฑลเทียนชู่จากรุ่นสู่รุ่น เหตุใดเจ้าจึงยอมจำนนต่อพวกกบฏจักรวรรดิอี้เหอเช่นนี้?”

“ข้า…” อวี้ฉือหลินอึกอักหน้าซีด

หมินยวี่หลินสะบัดแขนออกคำสั่ง “ทหาร! ปลดอาวุธของพวกอี้เหอออกให้หมด!”

“ขอรับ!” กองทัพม้าวิ่งเข้าไปในเมืองตามคำสั่งทันที

หลินมู่อวี่เข้าไปในเมืองตงฉวงในฐานะผู้ติดตามพร้อมด้วยทัพเสบียง แม้เมืองตงฉวงจะเป็นเมืองเล็กทว่ามีสิ่งปลูกสร้างอยู่มากมาย ในขณะที่เมืองถูกยึดจากสงครามครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงกระนั้นประชาชนกลับดูไม่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกินขึ้นราวกับคนไร้สติ

บริเวณจัตุรัสกลางเมือง คบเพลิงถูกจุดลุกโชติช่วง ทหารจักรวรรดิอี้เหอพากันทิ้งอาวุธก่อนจะยัดฝ่ามือเข้าไปในชุดเกราะขาดรุ่งริ่งเพื่อคลายหนาว ดูจากการแต่งกายหลายคนไม่มีเครื่องแบบ ในขณะที่บางคนสวมเกราะทหารอี้เหอ ทว่าด้านในยังเป็นชุดสีกรมท่าของจักรวรรดิฉินอยู่ พอเดาได้ว่าไม่มีเวลาเปลี่ยนชุดเมื่อกลับมาถึงเมืองนี้ น่าขันเสียจริง

“ดูเหมือนกองทัพอี้เหอจะไม่มีใครรักนะ” หลินมู่อวี่กล่าวพึมพำ

อดีตแม่ทัพฉือยิงหัวเราะพร้อมกล่าว “จักรพรรดิฉินอี้ต้องดูแลกี่คนหรือ? ขณะที่เอาแต่ป่าวประกาศถึงความเท่าเทียมและปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความเมตตา ถึงกระนั้นก็เห็นได้ชัดว่าทหารแปรพักตร์พวกนี้หาได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นไม่”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉือยิง อวี้ฉือหลินทนไม่ได้จึงตอบกลับ “ที่แม่ทัพเฒ่าผู้นี้กล่าวไม่ใช่เรื่องผิด…ทว่าท่านเซินเว่ยโหว ตอนนี้พวกข้ายอมจำนนต่อจักรวรรดิฉินแล้ว ข้าอยากจะบอกว่าเราไม่ควรอยู่ที่นี้นานขอรับ”

“เพราะเหตุใด?” หมินยวี่หลินเอ่ยถาม

อวี้ฉือหลินประสานหมัดพร้อมกล่าว “หม่านฟางเจ็ดแม่ทัพอันดับแห่งอี้เหอตั้งกองทัพอยู่ในมณฑลทงเทียน เขามีทหารเจ็ดหมื่นนายและกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองตงฉวงแห่งนี้ กองทัพเจ็ดหมื่นนั้นล้วนแต่เป็นทหารฝีมือดี เมืองตงฉวงนั้นรกร้างทั้งยังขาดแคลนอาหาร ต่อให้มีกำลังคนเพียงไหนก็คงมิอาจเป็นศัตรูของหม่านฟางได้ขอรับ”

“หม่านฟางหรือ?”

หมินยวี่หลินกล่าวด้วยสายตาเหยียดหยาม “คนไร้หัวคิดอย่างมันยังกล้านำทัพ หึ! ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะรอหม่านฟางอยู่เมืองตงฉวงแห่งนี้!”

“เซินเว่ยโหว…” อวี้ฉือหลินไม่กล่าวคำใดต่อ

หมินยวี่หลินกวาดตามองเชลยทั้งหมื่นคนจากจักรวรรดิอี้เหอที่อยู่จัตุรัสกลางเมือง ก่อนจะแผ่รังสีอำมหิตออกมาพร้อมกล่าว “แม่ทัพฉือ สั่งให้ทหารห้าพันคนเตรียมธนูคนละห้าสิบดอก”

ฉือยิงพยักหน้ารับ “ขอรับ!”

หมินจ้านชะงักก่อนกล่าว “ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าเพียงยึดเมืองหรือ? ท่านจะทำสิ่งใด…”

หมินยวี่หลินไม่ตอบทว่าออกคำสั่งต่อ “ผู้บัญชาการเถี่ยเฟิงฟังคำสั่ง! จงให้ทหารเข้าล้อมเชลยศึกและกันพวกมันด้วยโล่”

“ขอรับ ท่านเซินเว่ยโหว” เช่อเถี่ยเฟิงพยักหน้า

หมินยวี่หลินหันหลังก่อนกล่าวทิ้งท้าย “นับเวลาเพียงก้านธูปดับ ให้ยิงเชลยจากอี้เหอทันทีและตัดหัวพวกมันเสียบประจานบนกำแพงเมืองตงฉวงเพื่อข่มขวัญกองทัพหม่านฟาง”

อวี้ฉือหลินตัวสั่นเทิ้มรีบคุกเข่าลงกับพื้นพลางตะโกนลั่น “ท่านเซินเว่ยโหว…พวกเขาก็เป็นคนของจักรวรรดิฉินเหมือนกันนะขอรับ พวกเขาเพียงแค่ทำตามคำสั่ง ทั้งยังมีลูกเมียรออยู่ ท่านจะสังหารพวกเขาเช่นนี้ไม่ได้…”

“ในฐานะคนของจักรวรรดิยิ่งแล้ว เจ้าควรรู้ว่าความจงรักภักดีเป็นอย่างไร แม่ทัพอวี้ฉือหลินอย่าได้เอ่ยคำใดอีก มิเช่นนั้นเจ้าจะโดนด้วยเช่นกัน” หมินยวี่หลินพูดคำขาด

อวี้ฉือหลินทำได้เพียงนั่งตัวสั่นด้วยความอัปยศและขุ่นเคือง

ฉินเหยียนกำหมัดแน่นนัยน์ตาลุกโชนด้วยความโกรธพลันหันไปหาหลินมู่อวี่พร้อมกล่าว “ท่านพี่…เราจะมองหมินยวี่หลินสังหารเชลยทั้งหมื่นคนอยู่อย่างนี้หรือ? ไปเกลี้ยกล่อมเขาเถิด หากปล่อยให้ทุกคนถูกฆ่า ยังจะมีทหารจากจักรวรรดิอี้เหอใดกลับใจมาอีกเล่า?”

หลินมู่อวี่กำด้ามกระบี่ที่เอวแน่นก่อนจะกล่าว “อาเหยียน เจ้าเคยนึกถึงทหารของเราที่มีลูกเมียแล้วถูกพวกอี้เหอฆ่าล้างบางบ้างหรือไม่? ตอนที่พวกมันบุกเมืองหลันเยี่ยน พวกมันเคยคิดถึงความเมตตาเช่นเจ้าหรือเปล่า?”

“ท่านพี่…” ฉินเหยียนไร้คำกล่าว

หลินมู่อวี่ตบบ่าฉินเหยียนเบาๆ “ทหารทั้งหมื่นนายนี้ต้องใช้เสบียงทุกวัน เจ้าได้คำนวณหรือไม่ว่าพวกมันใช้ไปเท่าไร?”

“ข้า…” ฉินเหยียนพูดไม่ออก

ไม่นานนักเสียงโหยหวนร่ำร้องดังกระหึ่มไปทั่ว ทหารอี้เหอหนึ่งหมื่นนายถูกธนูกระหน่ำยิงจนตายอย่างสิ้นหวัง ใครที่พยายามฝ่าแนวโล่ของทหารราบเกราะหนักจะถูกหอกแทงตาย จัตุรัสเมืองตงฉวงถูกย้อมไปด้วยเลือดของเหล่าเชลยศึก

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+