The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 298 หมีเหล็กทมิฬอายุหนึ่งหมื่นปี

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 298 หมีเหล็กทมิฬอายุหนึ่งหมื่นปี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.298 หมีเหล็กทมิฬอายุหนึ่งหมื่นปี

สายลมหนาวพัดผ่านป่าล่ามังกรในเวลาเช้าตรู่ ขณะนี้กองทหารอยู่ห่างจากสุสานมังกรสามร้อยไมล์ ด้วยความเร็วของทหารม้าหนักคงสามารถไปถึงก่อนพลบค่ำ ทว่าทหารหลายนายดูอ่อนเพลียและมีอาการเจ็บป่วย ทำให้ประสิทธิภาพในการรบของพวกเขาลดน้อยลง

เจิ้งอี้ฝานขมวดคิ้วและกำบังเหียนแน่น เขากวาดสายตาไปรอบบริเวณ ก่อนที่ถังปินจะควบม้ามาด้านข้างและประสานหมัด “ท่านเสินโหว ข้าคิดว่าทหารค่ายเสินเวยกำลังติดโรค…บางทีท่านเสินโหวควรตั้งค่ายพักและให้พวกเขาพักผ่อนสักเล็กน้อย แล้วปล่อยให้กองทหารเมืองชีไห่สำรวจทางด้านหน้าเอง ท่านคิดว่าอย่างไร?”

“นั่น…”

เจิ้งอี้ฝานลังเลและกล่าวว่า “ที่นี่เป็นส่วนลึกที่สุดของป่าล่ามังกร อาจมีสัตว์วิญญาณอายุกว่าหมื่นปีปรากฏตัว เช่นนั้นองค์ชายทรงไตร่ตรองอีกครั้งเถิด อีกทั้งแม้กระหม่อมจะอายุมากแล้ว ทว่าก็สามารถเป็นกำลังให้องค์ชายได้…”

ถังปินเห็นต่างออกไป เขาต้องการเข้าไปในสุสานมังกรเพื่อค้นหาถังเสี่ยวซีก่อน หากนางอยู่ในร่างอสูรจิ้งจอกเก้าหางก็จะสังหารทันที ยิ่งมีคนรู้น้อยมากเท่าใดยิ่งเป็นผลดี ส่วนขุนนางชั้นสูงจากเมืองชีไห่ที่มาด้วยเป็นคนสนิทของถังปิน หากเจิ้งอี้ฝานรู้เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม ซึ่งถังปินไม่ต้องการเช่นนั้น

ถังปินประสานหมัดและยิ้ม “ขอบคุณท่านเสินโหวสำหรับความกรุณา ทว่ากองทหารที่ข้านำมาด้วยนั้นต่างก็เป็นยอดฝีมือจากเมืองชีไห่ ข้าเชื่อว่าแม้ท่านเสินโหวจะเจอสัตว์วิญญาณอายุหมื่นปี ก็จะสามารถหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย ขณะนี้การค้นพาเสี่ยวซีโดยเร็วเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”

“หากเป็นเช่นนั้นผู้อาวุโสก็ยินดี”

เจิ้งอี้ฝานลังเล “ทว่า…”

“ทว่าอะไร?” ถังปินเอ่ยถาม

เจิ้งอี้ฝานยิ้มและกล่าวว่า “ทว่าอาวุโสเคยอยู่บริเวณนี้เมื่อราวสิบปีก่อน มีสองเส้นทางที่สามารถเดินทางได้ง่ายที่สุดในการไปสุสานมังกร ทางที่หนึ่งคือหุบเขาสั่วจือ อีกเส้นทางคือเทือกเขาฉิงเฟิง หากองค์ชายเดินทางผ่านเทือกเขาฉิงเฟิง ที่นั่นมีเพียงฝูงหมาป่าวาโย ขณะที่หุบเขาสั่วจือ ผู้อาวุโสเคยเห็นหมีเหล็กทมิฬอายุหนึ่งหมื่นปีอาศัยอยู่ ซึ่งมันเป็นสัตว์ดุร้าย องค์ชายสามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้นได้!”

“ขอบคุณท่านเสินโหวสำหรับคำแนะนำ เช่นนั้น…” ถังปินกำบังเหียนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทหารแห่งเมืองชีไห่จะเคลื่อนทัพออกไปทันที ทหารค่ายเสินเวยของท่านเสินโหวโปรดตั้งค่ายพักผ่อนเถิด”

“ระวังตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย!”

“ขอบคุณ ท่านก็เช่นกัน!”

ถังปินควบม้ากลับไปรวมกับกองทหารเมืองชีไห่และตะโกนเสียงดัง “เดินหน้าเต็มกำลัง!”

จากนั้นเสียงเท้าม้ากว่าหนึ่งพันตัวของทหารเมืองชีไห่ก็วิ่งเข้าป่าลึกในพริบตา

เจิ้งอี้ฝานหรี่ตาและเผยยิ้ม “โชคดีองค์ชาย…”

สี่กงหนานยิ้มเล็กน้อย “ท่านเสินโหวชี้แนะเส้นทางให้องค์ชายตระกูลถัง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำตามหรือไม่ ทว่า…เสินโหวสร้างเรื่องหมีเหล็กทมิฬอายุกว่าหมื่นปีเพื่อหลอกถังปินหรือขอรับ?”

แขนเสื้อเจิ้งอี้ฝานปลิวไสวเบาๆ เขาตอบกลับอย่างเฉยเมย “เจ้าเคยเห็นอี้ฝานผู้นี้หลอกผู้คนด้วยหรือ?”

สี่กงหนานตะลึง ขณะที่ก้นบึ้งของหัวใจเต็มไปด้วยคลื่นถาโถมเข้าใส่ บางทีนี่อาจจะเป็น ‘เล่ห์เหลี่ยมทหาร’ ในตำนาน?

ภายในกองทหารม้า ถังห่าวผู้เป็นสมาชิกจากบ้านรองของตระกูลถังกำลังถือดาบใหญ่และมองหน้าถังปินอย่างระมัดระวัง “องค์ชาย เจิ้งอี้ฝานแนะนำให้เราไปทางเทือกเขาฉิงเฟิง ท่านคิดว่าเราควรไปทางไหนดีขอรับ?”

ถังปินหรี่ตา “เจิ้งอี้ฝานจิ้งจอกเฒ่า เขาชี้นำเส้นทางเทือกเขาฉิงเฟิง และกล่าวว่ามีหมีเหล็กทมิฬอายุหนึ่งหมื่นปีที่หุบเขาสั่วจือ ทว่าข้าไม่เชื่อ! เจิ้งอี้ฝานเพียงต้องการไปในเส้นทางหุบเขาสั่วจือ ทหารมักมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว และเจิ้งอี้ฝานผู้นี้ไว้ใจไม่ได้ หุบเขาสั่วจือและเทือกเขาฉิงเฟิง เป็นไปได้ทั้งคู่ว่าจะมีหมีเหล็กทมิฬ เช่นนั้นทุกคนจงระวังตัวให้ดี ส่งหน่วยลาดตระเวนสำรวจเส้นทางล่วงหน้า และตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายก่อนจะข้ามหุบเขาสั่วจือ”

“ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ!”

ถังห่าวลดดาบลง บนใบดาบปรากฏปราณยุทธ์ห่อหุ้ม เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งในขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่ง แม้ว่าถังห่าวจะอายุเกินสี่สิบปีแล้ว ทว่าก็เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบการใหญ่มากมาย อีกทั้งยังเป็นคนที่ใกล้ชิดกับถังปินมากที่สุดในตระกูล ตอนนี้จิงเหลาเสียชีวิตแล้ว ถังห่าวจึงเป็นนักรบที่ถังปินไว้ใจมากที่สุด

“องค์ชาย…”

ถังห่าวหยุดพูดกะทันหัน

“ท่านลุงห่าวมีอะไรหรือ?” ถังปินเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

ดวงตาถังห่าวเฉมองไปทางหญ้าใต้เกือกม้าและกล่าวว่า “องค์ชาย เสี่ยวซีเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่าน เราไม่ฆ่านางได้หรือไม่…ตราบใดที่เสี่ยวซีสัญญาว่าจะไม่ขัดขวางท่านในการสืบทอดบัลลังก์เมืองชีไห่”

“ฮ่าๆ เรื่องนั้น…”

ถังปินยิ้ม “ท่านลุงห่าว ข้ารู้ว่าท่านเฝ้าดูข้าและเสี่ยวซีเติบโตมาด้วยกันจนผูกพันกับพวกเรา ดังนั้นถังปินจะไม่ทำให้ท่านต้องลำบากใจ ตราบใดที่เสี่ยวซีไม่ได้เปลี่ยนเป็นจิ้งจอกเก้าหาง ข้าจะไม่แตะต้องนางเด็ดขาด ถึงอย่างไรข้าก็รักน้องสาวผู้นี้มากตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเป็นสิ่งที่ลุงห่าวสามารถมองเห็นได้”

“เช่นนั้นหากเสี่ยวซีเป็นจิ้งจอกเก้าหางล่ะ?”

“มันไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกับเรา หัวใจของมันจะต้องแตกต่างออกไป” ดวงตาถังปินฉายแววอาฆาตก่อนจะพูดต่อ “ซึ่งนี่หมายความว่านางไม่ใช่คนของตระกูลถังอีกต่อไป เช่นนั้นก็ต้องฆ่าทิ้งหากจำเป็น”

ถังห่าวถอนหายใจ “ขอรับ ข้าน้อยจะทำตามคำสั่ง”

ถังปินและถังเสี่ยวซีเป็นทายาทสายตรงของถังหลาน ขณะที่ถังห่าวเป็นทายาทสายตรงจากพี่ชายถังหลาน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้มีสถานะที่สูงในกองทัพ ซึ่งเปรียบเทียบไม่ได้กับพี่น้องของถังปิน ถังลู่ ถังเว่ย และถังเสี่ยวซี โชคดีเพียงใดที่ถังห่าวได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ถังปิน สำหรับผู้ที่มีพลังยุทธ์ไม่สูงมากจะเป็นได้เพียงสาวใช้หรือผู้ติดตามเท่านั้น

บริเวณหุบเขาสั่วจือมีดอกไม้กำลังเบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์

หน่วยสอดแนมสี่นายเดินผ่านหุบเขาสั่วจือ ทั้งสองด้านเต็มไปด้วยป่ารกทึบทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามีสัตว์ร้ายซุ่มโจมตีหรือไม่ พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากแทงหอกลงไปบนพื้น ‘ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ’ งูพิษสองสามตัวพุ่งออกมา แต่สำหรับจอมยุทธ์ งูพิษก็ไม่ต่างจากของเล่นเด็ก พวกเขากลัวเพียงแค่งูพิษอายุหลายพันปีอย่างเช่นงูมังกรเท่านั้น

เส้นทางในหุบเขาสั่วจือมีระยะทางเพียงหนึ่งไมล์เท่านั้น หลังจากเดินสำรวจรอบบริเวณ หน่วยสอดแนมก็ทยอยออกจากหุบเขากลับมารายงานแก่ถังปิน “องค์ชาย มีงูพิษเพียงไม่กี่ตัวในหุบเขาสั่วจือและไม่มีสิ่งผิดปกติอื่นขอรับ”

ถังปินหยักหน้ารับ “เหอะ! เจิ้งอี้ฝานคิดว่าเขาสามารถพูดหลอกล่อข้าได้ ฝันไปเถิด! เอาล่ะ ออกเดินทางข้ามหุบเขาสั่วจือและไปให้ถึงสุสานมังกรก่อนค่ำ”

“ขอรับ!”

กองทหารซึ่งนำโดยถังปินและถังห่าวจากตระกูลถังทยอยเดินเข้าหุบเขาสั่วจือ กีบเท้าของทหารม้าหนักกว่าหนึ่งพันสองร้อยนายทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนไปทั้งหุบเขา เห็นได้ชัดว่าหน่วยสอดแนมสี่คนก่อนหน้าเทียบไม่ได้กับพลังเช่นนี้

ขณะเดียวกันภายในถ้ำของหุบเขาสั่วจือ สัตว์อสูรตัวใหญ่ตื่นจากการหลับใหลด้วยความตกใจเสียงของทหารม้าหนัก มันเปิดดวงตาสีแดงเพลิงขึ้นขณะที่ตบหน้าท้องแบนของตน ตลอดฤดูหนาวอาหารเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้สัตว์ร้ายจะเจออาหารมื้ออร่อยหลังจากหิวโหยมาหลายวัน

‘โฮก…’

เสียงคำรามของหมีเหล็กทมิฬดังก้องในหุบเขา วินาทีถัดมาก็ปรากฏร่างใหญ่ยักษ์ความสูงราวสามเมตรโผล่พ้นถ้ำ มันตะปบกรงเล็บลงก้อนหินขนาดใหญ่ทันทีขณะที่เปลวเพลิงลุกโชนทั่วร่างกาย สัตว์ร้ายจ้องมองกลุ่มคนที่เดินผ่านหุบเขาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ พวกเขาอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร ทันใดนั้น! มันก็พุ่งตัวไปพร้อมอ้าปากขย้ำศีรษะของทหารม้าหนักนายหนึ่ง หลังจากคายหมวกเหล็กทิ้ง หมียักษ์ก็ตะปบกรงเล็บแหลมอย่างรวดเร็วจนทำให้ทหารม้าอีกสองนายถึงแก่ความตาย!

“ไอ้สารเลว!” ทหารขอบเขตปฐพีชั้นที่สามนายหนึ่งคำรามลั่นและพุ่งออกไปพร้อมหอกเหล็ก แสงใบมีดสะท้อนแสงก่อนที่ปลายหอกจะพุ่งตรงเข้าเบ้าตาอสูรร้าย เมื่อผนวกกับพลังเพลิงทำให้การโจมตีนี้ทรงพลังมากขึ้น!

ช่างน่าเสียดายที่หมีเหล็กทมิฬตัวนี้มีเส้นสีทองสิบเอ็ดเส้นและเส้นสีเงินสี่เส้นบนหน้าผาก นี่คือสัตว์ร้ายอายุหนึ่งหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยปี! เปลวไฟไร้ลักษณ์รอบดวงตาปรากฏขึ้นต้านการโจมตีหอกเหล็กทันที มันจ้องมองด้วยสายตาอาฆาต ทันใดนั้น! ก็ระเบิดความโกรธเกรี้ยวพร้อมตวัดกรงเล็บแหลมออกไปอย่างรวดเร็ว! เลือดสาดกระเซ็นทั่วบริเวณและจอมยุทธ์ขอบเขตปฐพีชั้นที่สามคนนั้นก็ขาดเป็นสองท่อนในพริบตา ไม่มีแม้แต่โอกาสจะส่งเสียงร้อง!

ทุกคนตกตะลึงขณะที่มองไปยังหมีเหล็กทมิฬที่อยู่ตรงกลางกองทัพ ถังปินรีบตะโกนออกคำสั่ง “ใช้ธนูซะ พยายามรักษาระยะห่างไว้ และยิงทำลายปราณป้องกันของมัน!”

พูดจบถังปินก็ผายฝ่ามือ วิญญาณยุทธ์ลอยขึ้นมาเกาะบนไหล่ ก่อนที่เครื่องหมายผนึกจิ้งจอกอัคนีจะพวยพุ่งทะลุอากาศอย่างรุนแรง!

ผนึกสังเวยดวงดารา!

‘ตูม!’

เครื่องหมายผนึกจิ้งจอกอัคนีประทับบนหน้าผากของหมีเหล็กทมิฬอย่างหนักหน่วง ทว่ามีเพียงเปลวไฟและก๊าซร้อนระอุเท่านั้นซึ่งไม่สามารถทำอันตรายแก่สัตว์ร้ายได้ ในทางกลับกันหมีเหล็กทมิฬพุ่งเข้าใส่อย่างดุเดือด มันคว้าทหารที่ถือหอกมาขย้ำจนเลือดสาด ขณะเดียวกันก็มีลูกธนูตกลงราวกับห่าฝน ทว่า…ลูกศรเหล่านั้นจะสามารถทำลายปราณของสัตว์วิญญาณอายุกว่าหมื่นปีได้อย่างไร?

ถังปินอยู่ไม่ไกลจากหมีเหล็กทมิฬ เขาเรียกใช้ผนึกจิ้งจอกอัคนีครั้งแล้วครั้งเล่า ถังปินเป็นเพียงคนเดียวในกองทหารที่มีพลังมากที่สุดอยู่ในขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่ง และเป็นคนเดียวที่สามารถฝึกฝนผนึกจิ้งจอกอัคนีจนถึงชั้นที่เจ็ด ทันใดนั้น! ผนึกปัญจธาตุระเบิดกระแทกหน้าผากหมีเหล็กทมิฬอย่างรวดเร็ว! ในที่สุดหลังจากมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บไปเกือบร้อยคน ก็สามารถทำลายการป้องกันของหมีเหล็กทมิฬได้สำเร็จ

“พลธนู!”

“ยิง!”

ถังห่าวออกคำสั่งเสียงดัง ทว่าหมีเหล็กทมิฬเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการป้องกันที่ยอดเยี่ยมในหมู่สัตว์วิญญาณ ขนทั้งตัวแข็งราวกับเหล็กกล้าซึ่งสามารถสกัดกั้นหอกได้อย่างง่ายดาย แทบไม่ต้องพูดถึงลูกธนู มันแทบไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่สัตว์ร้ายได้เลย แต่การโจมตีอย่างต่อเนื่องก็ทำให้มันตกอยู่ในสภาพคลุ้มคลั่งวิ่งพุ่งชนกองทหาร

ในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที กองทัพทหารเมืองชีไห่กว่าหนึ่งพันสองร้อยนายก็ถูกหมีเหล็กทมิฬสังหารจนเหลือไม่ถึงสี่ร้อยนาย ทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนมนุษย์ อีกทั้งสัตว์ร้ายปล่อยพลังเปลวไฟโจมตีใส่กองทหาร ซึ่งแผดเผาผู้คนจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปเป็นจำนวนมาก มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองยิ่งนัก

ทว่าหมีเหล็กทมิฬเองก็ได้รับการชดใช้อย่างแสนสาหัส ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและรอยแผลเหวอะหวะ ลูกธนูนับสิบแทงทะลุดวงตาทั้งสองข้าง มันจึงจำเป็นต้องใช้การสัมผัสปราณมนุษย์ในการต่อสู้เท่านั้น

บนจุดสูงสุดเหนือหุบเขาสั่วจือ มีจอมยุทธ์นอนใต้ต้นไม้อย่างสบายใจขณะที่ปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณออกไปตรวจสอบการต่อสู้ในหุบเขา ชายผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น…นอกจากหลินมู่อวี่!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 298 หมีเหล็กทมิฬอายุหนึ่งหมื่นปี

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 298 หมีเหล็กทมิฬอายุหนึ่งหมื่นปี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.298 หมีเหล็กทมิฬอายุหนึ่งหมื่นปี

สายลมหนาวพัดผ่านป่าล่ามังกรในเวลาเช้าตรู่ ขณะนี้กองทหารอยู่ห่างจากสุสานมังกรสามร้อยไมล์ ด้วยความเร็วของทหารม้าหนักคงสามารถไปถึงก่อนพลบค่ำ ทว่าทหารหลายนายดูอ่อนเพลียและมีอาการเจ็บป่วย ทำให้ประสิทธิภาพในการรบของพวกเขาลดน้อยลง

เจิ้งอี้ฝานขมวดคิ้วและกำบังเหียนแน่น เขากวาดสายตาไปรอบบริเวณ ก่อนที่ถังปินจะควบม้ามาด้านข้างและประสานหมัด “ท่านเสินโหว ข้าคิดว่าทหารค่ายเสินเวยกำลังติดโรค…บางทีท่านเสินโหวควรตั้งค่ายพักและให้พวกเขาพักผ่อนสักเล็กน้อย แล้วปล่อยให้กองทหารเมืองชีไห่สำรวจทางด้านหน้าเอง ท่านคิดว่าอย่างไร?”

“นั่น…”

เจิ้งอี้ฝานลังเลและกล่าวว่า “ที่นี่เป็นส่วนลึกที่สุดของป่าล่ามังกร อาจมีสัตว์วิญญาณอายุกว่าหมื่นปีปรากฏตัว เช่นนั้นองค์ชายทรงไตร่ตรองอีกครั้งเถิด อีกทั้งแม้กระหม่อมจะอายุมากแล้ว ทว่าก็สามารถเป็นกำลังให้องค์ชายได้…”

ถังปินเห็นต่างออกไป เขาต้องการเข้าไปในสุสานมังกรเพื่อค้นหาถังเสี่ยวซีก่อน หากนางอยู่ในร่างอสูรจิ้งจอกเก้าหางก็จะสังหารทันที ยิ่งมีคนรู้น้อยมากเท่าใดยิ่งเป็นผลดี ส่วนขุนนางชั้นสูงจากเมืองชีไห่ที่มาด้วยเป็นคนสนิทของถังปิน หากเจิ้งอี้ฝานรู้เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม ซึ่งถังปินไม่ต้องการเช่นนั้น

ถังปินประสานหมัดและยิ้ม “ขอบคุณท่านเสินโหวสำหรับความกรุณา ทว่ากองทหารที่ข้านำมาด้วยนั้นต่างก็เป็นยอดฝีมือจากเมืองชีไห่ ข้าเชื่อว่าแม้ท่านเสินโหวจะเจอสัตว์วิญญาณอายุหมื่นปี ก็จะสามารถหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย ขณะนี้การค้นพาเสี่ยวซีโดยเร็วเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”

“หากเป็นเช่นนั้นผู้อาวุโสก็ยินดี”

เจิ้งอี้ฝานลังเล “ทว่า…”

“ทว่าอะไร?” ถังปินเอ่ยถาม

เจิ้งอี้ฝานยิ้มและกล่าวว่า “ทว่าอาวุโสเคยอยู่บริเวณนี้เมื่อราวสิบปีก่อน มีสองเส้นทางที่สามารถเดินทางได้ง่ายที่สุดในการไปสุสานมังกร ทางที่หนึ่งคือหุบเขาสั่วจือ อีกเส้นทางคือเทือกเขาฉิงเฟิง หากองค์ชายเดินทางผ่านเทือกเขาฉิงเฟิง ที่นั่นมีเพียงฝูงหมาป่าวาโย ขณะที่หุบเขาสั่วจือ ผู้อาวุโสเคยเห็นหมีเหล็กทมิฬอายุหนึ่งหมื่นปีอาศัยอยู่ ซึ่งมันเป็นสัตว์ดุร้าย องค์ชายสามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้นได้!”

“ขอบคุณท่านเสินโหวสำหรับคำแนะนำ เช่นนั้น…” ถังปินกำบังเหียนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทหารแห่งเมืองชีไห่จะเคลื่อนทัพออกไปทันที ทหารค่ายเสินเวยของท่านเสินโหวโปรดตั้งค่ายพักผ่อนเถิด”

“ระวังตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย!”

“ขอบคุณ ท่านก็เช่นกัน!”

ถังปินควบม้ากลับไปรวมกับกองทหารเมืองชีไห่และตะโกนเสียงดัง “เดินหน้าเต็มกำลัง!”

จากนั้นเสียงเท้าม้ากว่าหนึ่งพันตัวของทหารเมืองชีไห่ก็วิ่งเข้าป่าลึกในพริบตา

เจิ้งอี้ฝานหรี่ตาและเผยยิ้ม “โชคดีองค์ชาย…”

สี่กงหนานยิ้มเล็กน้อย “ท่านเสินโหวชี้แนะเส้นทางให้องค์ชายตระกูลถัง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำตามหรือไม่ ทว่า…เสินโหวสร้างเรื่องหมีเหล็กทมิฬอายุกว่าหมื่นปีเพื่อหลอกถังปินหรือขอรับ?”

แขนเสื้อเจิ้งอี้ฝานปลิวไสวเบาๆ เขาตอบกลับอย่างเฉยเมย “เจ้าเคยเห็นอี้ฝานผู้นี้หลอกผู้คนด้วยหรือ?”

สี่กงหนานตะลึง ขณะที่ก้นบึ้งของหัวใจเต็มไปด้วยคลื่นถาโถมเข้าใส่ บางทีนี่อาจจะเป็น ‘เล่ห์เหลี่ยมทหาร’ ในตำนาน?

ภายในกองทหารม้า ถังห่าวผู้เป็นสมาชิกจากบ้านรองของตระกูลถังกำลังถือดาบใหญ่และมองหน้าถังปินอย่างระมัดระวัง “องค์ชาย เจิ้งอี้ฝานแนะนำให้เราไปทางเทือกเขาฉิงเฟิง ท่านคิดว่าเราควรไปทางไหนดีขอรับ?”

ถังปินหรี่ตา “เจิ้งอี้ฝานจิ้งจอกเฒ่า เขาชี้นำเส้นทางเทือกเขาฉิงเฟิง และกล่าวว่ามีหมีเหล็กทมิฬอายุหนึ่งหมื่นปีที่หุบเขาสั่วจือ ทว่าข้าไม่เชื่อ! เจิ้งอี้ฝานเพียงต้องการไปในเส้นทางหุบเขาสั่วจือ ทหารมักมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว และเจิ้งอี้ฝานผู้นี้ไว้ใจไม่ได้ หุบเขาสั่วจือและเทือกเขาฉิงเฟิง เป็นไปได้ทั้งคู่ว่าจะมีหมีเหล็กทมิฬ เช่นนั้นทุกคนจงระวังตัวให้ดี ส่งหน่วยลาดตระเวนสำรวจเส้นทางล่วงหน้า และตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายก่อนจะข้ามหุบเขาสั่วจือ”

“ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ!”

ถังห่าวลดดาบลง บนใบดาบปรากฏปราณยุทธ์ห่อหุ้ม เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งในขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่ง แม้ว่าถังห่าวจะอายุเกินสี่สิบปีแล้ว ทว่าก็เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบการใหญ่มากมาย อีกทั้งยังเป็นคนที่ใกล้ชิดกับถังปินมากที่สุดในตระกูล ตอนนี้จิงเหลาเสียชีวิตแล้ว ถังห่าวจึงเป็นนักรบที่ถังปินไว้ใจมากที่สุด

“องค์ชาย…”

ถังห่าวหยุดพูดกะทันหัน

“ท่านลุงห่าวมีอะไรหรือ?” ถังปินเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

ดวงตาถังห่าวเฉมองไปทางหญ้าใต้เกือกม้าและกล่าวว่า “องค์ชาย เสี่ยวซีเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่าน เราไม่ฆ่านางได้หรือไม่…ตราบใดที่เสี่ยวซีสัญญาว่าจะไม่ขัดขวางท่านในการสืบทอดบัลลังก์เมืองชีไห่”

“ฮ่าๆ เรื่องนั้น…”

ถังปินยิ้ม “ท่านลุงห่าว ข้ารู้ว่าท่านเฝ้าดูข้าและเสี่ยวซีเติบโตมาด้วยกันจนผูกพันกับพวกเรา ดังนั้นถังปินจะไม่ทำให้ท่านต้องลำบากใจ ตราบใดที่เสี่ยวซีไม่ได้เปลี่ยนเป็นจิ้งจอกเก้าหาง ข้าจะไม่แตะต้องนางเด็ดขาด ถึงอย่างไรข้าก็รักน้องสาวผู้นี้มากตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเป็นสิ่งที่ลุงห่าวสามารถมองเห็นได้”

“เช่นนั้นหากเสี่ยวซีเป็นจิ้งจอกเก้าหางล่ะ?”

“มันไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกับเรา หัวใจของมันจะต้องแตกต่างออกไป” ดวงตาถังปินฉายแววอาฆาตก่อนจะพูดต่อ “ซึ่งนี่หมายความว่านางไม่ใช่คนของตระกูลถังอีกต่อไป เช่นนั้นก็ต้องฆ่าทิ้งหากจำเป็น”

ถังห่าวถอนหายใจ “ขอรับ ข้าน้อยจะทำตามคำสั่ง”

ถังปินและถังเสี่ยวซีเป็นทายาทสายตรงของถังหลาน ขณะที่ถังห่าวเป็นทายาทสายตรงจากพี่ชายถังหลาน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้มีสถานะที่สูงในกองทัพ ซึ่งเปรียบเทียบไม่ได้กับพี่น้องของถังปิน ถังลู่ ถังเว่ย และถังเสี่ยวซี โชคดีเพียงใดที่ถังห่าวได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ถังปิน สำหรับผู้ที่มีพลังยุทธ์ไม่สูงมากจะเป็นได้เพียงสาวใช้หรือผู้ติดตามเท่านั้น

บริเวณหุบเขาสั่วจือมีดอกไม้กำลังเบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์

หน่วยสอดแนมสี่นายเดินผ่านหุบเขาสั่วจือ ทั้งสองด้านเต็มไปด้วยป่ารกทึบทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามีสัตว์ร้ายซุ่มโจมตีหรือไม่ พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากแทงหอกลงไปบนพื้น ‘ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ’ งูพิษสองสามตัวพุ่งออกมา แต่สำหรับจอมยุทธ์ งูพิษก็ไม่ต่างจากของเล่นเด็ก พวกเขากลัวเพียงแค่งูพิษอายุหลายพันปีอย่างเช่นงูมังกรเท่านั้น

เส้นทางในหุบเขาสั่วจือมีระยะทางเพียงหนึ่งไมล์เท่านั้น หลังจากเดินสำรวจรอบบริเวณ หน่วยสอดแนมก็ทยอยออกจากหุบเขากลับมารายงานแก่ถังปิน “องค์ชาย มีงูพิษเพียงไม่กี่ตัวในหุบเขาสั่วจือและไม่มีสิ่งผิดปกติอื่นขอรับ”

ถังปินหยักหน้ารับ “เหอะ! เจิ้งอี้ฝานคิดว่าเขาสามารถพูดหลอกล่อข้าได้ ฝันไปเถิด! เอาล่ะ ออกเดินทางข้ามหุบเขาสั่วจือและไปให้ถึงสุสานมังกรก่อนค่ำ”

“ขอรับ!”

กองทหารซึ่งนำโดยถังปินและถังห่าวจากตระกูลถังทยอยเดินเข้าหุบเขาสั่วจือ กีบเท้าของทหารม้าหนักกว่าหนึ่งพันสองร้อยนายทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนไปทั้งหุบเขา เห็นได้ชัดว่าหน่วยสอดแนมสี่คนก่อนหน้าเทียบไม่ได้กับพลังเช่นนี้

ขณะเดียวกันภายในถ้ำของหุบเขาสั่วจือ สัตว์อสูรตัวใหญ่ตื่นจากการหลับใหลด้วยความตกใจเสียงของทหารม้าหนัก มันเปิดดวงตาสีแดงเพลิงขึ้นขณะที่ตบหน้าท้องแบนของตน ตลอดฤดูหนาวอาหารเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้สัตว์ร้ายจะเจออาหารมื้ออร่อยหลังจากหิวโหยมาหลายวัน

‘โฮก…’

เสียงคำรามของหมีเหล็กทมิฬดังก้องในหุบเขา วินาทีถัดมาก็ปรากฏร่างใหญ่ยักษ์ความสูงราวสามเมตรโผล่พ้นถ้ำ มันตะปบกรงเล็บลงก้อนหินขนาดใหญ่ทันทีขณะที่เปลวเพลิงลุกโชนทั่วร่างกาย สัตว์ร้ายจ้องมองกลุ่มคนที่เดินผ่านหุบเขาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ พวกเขาอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร ทันใดนั้น! มันก็พุ่งตัวไปพร้อมอ้าปากขย้ำศีรษะของทหารม้าหนักนายหนึ่ง หลังจากคายหมวกเหล็กทิ้ง หมียักษ์ก็ตะปบกรงเล็บแหลมอย่างรวดเร็วจนทำให้ทหารม้าอีกสองนายถึงแก่ความตาย!

“ไอ้สารเลว!” ทหารขอบเขตปฐพีชั้นที่สามนายหนึ่งคำรามลั่นและพุ่งออกไปพร้อมหอกเหล็ก แสงใบมีดสะท้อนแสงก่อนที่ปลายหอกจะพุ่งตรงเข้าเบ้าตาอสูรร้าย เมื่อผนวกกับพลังเพลิงทำให้การโจมตีนี้ทรงพลังมากขึ้น!

ช่างน่าเสียดายที่หมีเหล็กทมิฬตัวนี้มีเส้นสีทองสิบเอ็ดเส้นและเส้นสีเงินสี่เส้นบนหน้าผาก นี่คือสัตว์ร้ายอายุหนึ่งหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยปี! เปลวไฟไร้ลักษณ์รอบดวงตาปรากฏขึ้นต้านการโจมตีหอกเหล็กทันที มันจ้องมองด้วยสายตาอาฆาต ทันใดนั้น! ก็ระเบิดความโกรธเกรี้ยวพร้อมตวัดกรงเล็บแหลมออกไปอย่างรวดเร็ว! เลือดสาดกระเซ็นทั่วบริเวณและจอมยุทธ์ขอบเขตปฐพีชั้นที่สามคนนั้นก็ขาดเป็นสองท่อนในพริบตา ไม่มีแม้แต่โอกาสจะส่งเสียงร้อง!

ทุกคนตกตะลึงขณะที่มองไปยังหมีเหล็กทมิฬที่อยู่ตรงกลางกองทัพ ถังปินรีบตะโกนออกคำสั่ง “ใช้ธนูซะ พยายามรักษาระยะห่างไว้ และยิงทำลายปราณป้องกันของมัน!”

พูดจบถังปินก็ผายฝ่ามือ วิญญาณยุทธ์ลอยขึ้นมาเกาะบนไหล่ ก่อนที่เครื่องหมายผนึกจิ้งจอกอัคนีจะพวยพุ่งทะลุอากาศอย่างรุนแรง!

ผนึกสังเวยดวงดารา!

‘ตูม!’

เครื่องหมายผนึกจิ้งจอกอัคนีประทับบนหน้าผากของหมีเหล็กทมิฬอย่างหนักหน่วง ทว่ามีเพียงเปลวไฟและก๊าซร้อนระอุเท่านั้นซึ่งไม่สามารถทำอันตรายแก่สัตว์ร้ายได้ ในทางกลับกันหมีเหล็กทมิฬพุ่งเข้าใส่อย่างดุเดือด มันคว้าทหารที่ถือหอกมาขย้ำจนเลือดสาด ขณะเดียวกันก็มีลูกธนูตกลงราวกับห่าฝน ทว่า…ลูกศรเหล่านั้นจะสามารถทำลายปราณของสัตว์วิญญาณอายุกว่าหมื่นปีได้อย่างไร?

ถังปินอยู่ไม่ไกลจากหมีเหล็กทมิฬ เขาเรียกใช้ผนึกจิ้งจอกอัคนีครั้งแล้วครั้งเล่า ถังปินเป็นเพียงคนเดียวในกองทหารที่มีพลังมากที่สุดอยู่ในขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่ง และเป็นคนเดียวที่สามารถฝึกฝนผนึกจิ้งจอกอัคนีจนถึงชั้นที่เจ็ด ทันใดนั้น! ผนึกปัญจธาตุระเบิดกระแทกหน้าผากหมีเหล็กทมิฬอย่างรวดเร็ว! ในที่สุดหลังจากมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บไปเกือบร้อยคน ก็สามารถทำลายการป้องกันของหมีเหล็กทมิฬได้สำเร็จ

“พลธนู!”

“ยิง!”

ถังห่าวออกคำสั่งเสียงดัง ทว่าหมีเหล็กทมิฬเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการป้องกันที่ยอดเยี่ยมในหมู่สัตว์วิญญาณ ขนทั้งตัวแข็งราวกับเหล็กกล้าซึ่งสามารถสกัดกั้นหอกได้อย่างง่ายดาย แทบไม่ต้องพูดถึงลูกธนู มันแทบไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่สัตว์ร้ายได้เลย แต่การโจมตีอย่างต่อเนื่องก็ทำให้มันตกอยู่ในสภาพคลุ้มคลั่งวิ่งพุ่งชนกองทหาร

ในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที กองทัพทหารเมืองชีไห่กว่าหนึ่งพันสองร้อยนายก็ถูกหมีเหล็กทมิฬสังหารจนเหลือไม่ถึงสี่ร้อยนาย ทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนมนุษย์ อีกทั้งสัตว์ร้ายปล่อยพลังเปลวไฟโจมตีใส่กองทหาร ซึ่งแผดเผาผู้คนจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปเป็นจำนวนมาก มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองยิ่งนัก

ทว่าหมีเหล็กทมิฬเองก็ได้รับการชดใช้อย่างแสนสาหัส ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและรอยแผลเหวอะหวะ ลูกธนูนับสิบแทงทะลุดวงตาทั้งสองข้าง มันจึงจำเป็นต้องใช้การสัมผัสปราณมนุษย์ในการต่อสู้เท่านั้น

บนจุดสูงสุดเหนือหุบเขาสั่วจือ มีจอมยุทธ์นอนใต้ต้นไม้อย่างสบายใจขณะที่ปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณออกไปตรวจสอบการต่อสู้ในหุบเขา ชายผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น…นอกจากหลินมู่อวี่!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+